ภิกษุ ท. ! เมื่อเราอยู่ที่ตำบลอุรุเวลา ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา, ที่ต้นไทรเป็นที่พักร้อนของเด็กเลี้ยงแพะ คราวเมื่อตรัสรู้ใหม่ๆ,
ภิกษุ ท. ! เมื่อเราเร้นอยู่ ณ ที่สงัด เกิดปริวิตกขึ้นในใจว่า “ผู้อยู่ไม่มีที่เคารพ ไม่มีที่พึ่งพำนักย่อมเป็นทุกข์, เราจะพึงสักการะเคารพสมณะหรือพราหมณ์คนไหนหนอ แล้วแลอยู่?”
ภิกษุ ท. ! ความรู้สึกอันนี้ได้เกิดแก่เราว่า “เรามองไม่เห็น. สมณพราหมณ์อื่นที่ไหนในโลกนี้ และเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์, เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ซึ่งสมบูรณ์ด้วยศีล ด้วยสมาธิด้วยปัญญา ด้วยวิมุตติ ยิ่งกว่าเรา(ผู้ซึ่งเป็นเช่นเรา๑โดยสัจธรรมนั้น.) ซึ่งเราควรสักการะเคารพ แล้วเข้าไปอาศัยอยู่”.
ภิกษุ ท. ! ความคิดอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า “ถ้าไฉน ธรรมอันใดที่เราได้ตรัสรู้แล้ว. เราพึงสักการะเคารพธรรมนั้น เข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่เถิด”.
สหัมบดีพรหม อันตรธานจากพรหมโลก มาปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเรา ในชั่วเวลาที่คนแข็งแรง เหยียดแขนออก แล้วคู้เข้า เท่านั้น.
ภิกษุ ท. ! สหัมบดีพรหม ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง จดเข่าข้างขวาที่พื้นดิน (ท่าพรหม)น้อมอัญชลีเข้ามาหาเราแล้ว กล่าวกะเราว่า “อย่างนั้นแหละ
พระผู้มีพระภาค ! อย่างนั้นแหละ พระสุคต ! ข้าแต่พระองค์ ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้วในอดีต ก็ได้สักการะเคารพธรรมนั่นเอง เข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่,
แม้ที่จักมาตรัสรู้ข้างหน้า ก็จักสักการะเคารพธรรมนั่นเอง จักเข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่. ข้าแต่พระองค์ ! แม้พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ ก็ขอจงสักการะเคารพธรรมนั่นแหละเข้าไปอาศัยแล้ว แลอยู่เถิด”. สหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว; ได้กล่าวคำอื่นอีก(ซึ่งผูกเป็นกาพย์) ว่า :-
“พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดในอดีตด้วย พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดในอนาคตด้วย และพระสัมพุทธเจ้าผู้ทำความโศกแห่งสัตวโลกเป็นอันมากให้ฉิบ
หายไปในกาลบัดนี้ด้วย, พระสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่เคารพพระสัทธรรมแล้วแลอยู่แล้ว, อยู่อยู่, และจักอยู่ ;
ข้อนี้เป็นธรรมดาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย, เพราะเหตุนั้นแล คนผู้รักตน หวังอยู่ต่อคุณอันใหญ่ ระลึกถึงซึ่งพระพุทธศาสนาอยู่ จงเคารพพระสัทจธรรมเถิด.” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! สหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว, อภิวาทเราแล้วกระทำประทักษิณหายไปในที่นั้นเอง.
ภิกษุ ท.! เราเข้าใจในการเชื้อเชิญของพรหม และการกระทำอันสมควรแก่ตน : เราได้ตรัสรู้ธรรมใด ก็ สักการะเคารพธรรมนั้น ที่ข้าไปอาศัยธรรมนั้น อยู่แล้ว.
(นอบน้อมธรรม มีธรรมเป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอด มีธรรมเป็นอธิบดี ย่อมจัดการอารักขา ป้องกัน และคุ้มครองโดยธรรม ในกายกรรม, วจีกรรม, และมโนกรรม ว่า อย่างนี้ๆ ควรเสพ อย่างนี้ๆ ไม่ควรเสพ ดังนี้ (เช่น ...ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม,คือประพฤติในสุจริตธรรม ย่อมรักษาให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงได้. หรือให้เกิดในที่ดีๆ เป็นต้น.@)
ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ในการใดแล หมู่สงฆ์ประกอบพร้อมด้วยคุณอันใหญ่, ในกาลนั้น เรามีความเคารพ แม้ในสงฆ์ ๑, ดังนี้.
ยังมีต่อ...
ว่าด้วย ทรงคิดหาที่พึ่งสำหรับพระองค์เอง ๑
ภิกษุ ท. ! เมื่อเราเร้นอยู่ ณ ที่สงัด เกิดปริวิตกขึ้นในใจว่า “ผู้อยู่ไม่มีที่เคารพ ไม่มีที่พึ่งพำนักย่อมเป็นทุกข์, เราจะพึงสักการะเคารพสมณะหรือพราหมณ์คนไหนหนอ แล้วแลอยู่?”
ภิกษุ ท. ! ความรู้สึกอันนี้ได้เกิดแก่เราว่า “เรามองไม่เห็น. สมณพราหมณ์อื่นที่ไหนในโลกนี้ และเทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์, เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ซึ่งสมบูรณ์ด้วยศีล ด้วยสมาธิด้วยปัญญา ด้วยวิมุตติ ยิ่งกว่าเรา(ผู้ซึ่งเป็นเช่นเรา๑โดยสัจธรรมนั้น.) ซึ่งเราควรสักการะเคารพ แล้วเข้าไปอาศัยอยู่”.
ภิกษุ ท. ! ความคิดอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า “ถ้าไฉน ธรรมอันใดที่เราได้ตรัสรู้แล้ว. เราพึงสักการะเคารพธรรมนั้น เข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่เถิด”.
สหัมบดีพรหม อันตรธานจากพรหมโลก มาปรากฏอยู่เฉพาะหน้าเรา ในชั่วเวลาที่คนแข็งแรง เหยียดแขนออก แล้วคู้เข้า เท่านั้น.
ภิกษุ ท. ! สหัมบดีพรหม ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง จดเข่าข้างขวาที่พื้นดิน (ท่าพรหม)น้อมอัญชลีเข้ามาหาเราแล้ว กล่าวกะเราว่า “อย่างนั้นแหละ
พระผู้มีพระภาค ! อย่างนั้นแหละ พระสุคต ! ข้าแต่พระองค์ ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ล่วงไปแล้วในอดีต ก็ได้สักการะเคารพธรรมนั่นเอง เข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่,
แม้ที่จักมาตรัสรู้ข้างหน้า ก็จักสักการะเคารพธรรมนั่นเอง จักเข้าไปอาศัยแล้วแลอยู่. ข้าแต่พระองค์ ! แม้พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในบัดนี้ ก็ขอจงสักการะเคารพธรรมนั่นแหละเข้าไปอาศัยแล้ว แลอยู่เถิด”. สหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว; ได้กล่าวคำอื่นอีก(ซึ่งผูกเป็นกาพย์) ว่า :-
“พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดในอดีตด้วย พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใดในอนาคตด้วย และพระสัมพุทธเจ้าผู้ทำความโศกแห่งสัตวโลกเป็นอันมากให้ฉิบ
หายไปในกาลบัดนี้ด้วย, พระสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่เคารพพระสัทธรรมแล้วแลอยู่แล้ว, อยู่อยู่, และจักอยู่ ;
ข้อนี้เป็นธรรมดาแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย, เพราะเหตุนั้นแล คนผู้รักตน หวังอยู่ต่อคุณอันใหญ่ ระลึกถึงซึ่งพระพุทธศาสนาอยู่ จงเคารพพระสัทจธรรมเถิด.” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! สหัมบดีพรหมได้กล่าวคำนี้แล้ว, อภิวาทเราแล้วกระทำประทักษิณหายไปในที่นั้นเอง.
ภิกษุ ท.! เราเข้าใจในการเชื้อเชิญของพรหม และการกระทำอันสมควรแก่ตน : เราได้ตรัสรู้ธรรมใด ก็ สักการะเคารพธรรมนั้น ที่ข้าไปอาศัยธรรมนั้น อยู่แล้ว.
(นอบน้อมธรรม มีธรรมเป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอด มีธรรมเป็นอธิบดี ย่อมจัดการอารักขา ป้องกัน และคุ้มครองโดยธรรม ในกายกรรม, วจีกรรม, และมโนกรรม ว่า อย่างนี้ๆ ควรเสพ อย่างนี้ๆ ไม่ควรเสพ ดังนี้ (เช่น ...ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม,คือประพฤติในสุจริตธรรม ย่อมรักษาให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงได้. หรือให้เกิดในที่ดีๆ เป็นต้น.@)
ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ในการใดแล หมู่สงฆ์ประกอบพร้อมด้วยคุณอันใหญ่, ในกาลนั้น เรามีความเคารพ แม้ในสงฆ์ ๑, ดังนี้.
ยังมีต่อ...