สวัสดีค่ะ ^_^
ถ้าสังเกตจากจริตและกรรมฐานต่างๆ จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านจะตรัสบอกกรรมฐานให้แก่บุคคลต่างกัน เช่น ทรงตรัสบอก กายคตานุสติ แก่บุคคลที่มีราคะจริต (เพราะกายคตา หมายถึง ศพหรือสภาพที่ไม่น่าดูต่างๆอันเป็นอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับราคะจริตที่ชอบของสวยงาม)
ทรงตรัสบอก พรหมวิหารสี่ แก่บุคคลที่มีโทสะจริต(เพราะคนเป็นโทสะจริตมักโกรธง่าย แต่พรหมวิหารสี่นั้นเป็นอารมณ์ที่ตรงกันข้าม)
เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การจะแก้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มันมากหรือน้อยเกินไป ให้แก้ด้วยสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งนั้นเท่านั้นใช่ไหม
แล้วใครที่เป็นวิตกจริตชอบคิดมากก็เหมาะกับการทำกิจกรรมที่เบาสมอง ตลก ไม่ควรทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดเยอะๆเพราะจะยิ่งทำให้อารมณ์คิดมาก เครียด กังวลจะมากขึ้นเปล่าๆ จริงหรือไม่อย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ
ใครที่เป็นวิตกจริตชอบคิดมากและไม่มั่นใจมีความกังวลอยู่เสมอเหมาะกับกิจกรรมหรือการเล่นที่ตลก,เบาสมองไม่ใช้ความคิดจริงไหมคะ
ถ้าสังเกตจากจริตและกรรมฐานต่างๆ จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านจะตรัสบอกกรรมฐานให้แก่บุคคลต่างกัน เช่น ทรงตรัสบอก กายคตานุสติ แก่บุคคลที่มีราคะจริต (เพราะกายคตา หมายถึง ศพหรือสภาพที่ไม่น่าดูต่างๆอันเป็นอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับราคะจริตที่ชอบของสวยงาม)
ทรงตรัสบอก พรหมวิหารสี่ แก่บุคคลที่มีโทสะจริต(เพราะคนเป็นโทสะจริตมักโกรธง่าย แต่พรหมวิหารสี่นั้นเป็นอารมณ์ที่ตรงกันข้าม)
เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การจะแก้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มันมากหรือน้อยเกินไป ให้แก้ด้วยสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งนั้นเท่านั้นใช่ไหม
แล้วใครที่เป็นวิตกจริตชอบคิดมากก็เหมาะกับการทำกิจกรรมที่เบาสมอง ตลก ไม่ควรทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดเยอะๆเพราะจะยิ่งทำให้อารมณ์คิดมาก เครียด กังวลจะมากขึ้นเปล่าๆ จริงหรือไม่อย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ