สวัสดีค่ะ ทุกท่าน
เราเคยฟังเรื่อง ๆ หนึ่ง ที่เล่าว่า
มีคนไข้ไปหาจิตแพทย์ด้วยอาการซึมเศร้า เค้าเล่าว่า เค้าไม่มีความสุขและไม่สามารถรับมือกับโลกใบนี้ได้อีกแล้ว
จิตแพทย์แนะนำว่า ตอนนี้มีตัวตลกในเมืองมาเปิดการแสดงอยู่ คุณลองไปดูสิเผื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
คนไข้กลับร้องไห้หนักกว่าเดิมและบอกหมอว่า “ หมอครับ ตัวตลกนั่นคือผมเอง ! “
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เรานึกถึงเรื่องเล่านี้ขึ้นมาเพราะรู้สึกหน่วงในใจทั้งระหว่างดูและหลังหนังจบ จึงหาทางคลี่คลายมันออกมาว่า อะไรที่กระทบใจเรา
ได้มากมาย ขอบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ที่กระทู้นี้นะคะ และเราจะไม่พูดถึงการแสดงอันทรงพลัง ไม่พูดถึงดนตรีประกอบที่ไม่
ประนีประนอมใด ๆ ต่อผู้ชม และองค์ประกอบส่วนอื่น ๆ ของหนัง ทั้งหมดเป็นเรื่องของความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้ล้วน ๆ ค่ะ
หนังเรื่องนี้เป็นการเล่าถึงที่มาที่ไปของการแปลงสภาพจากผู้ชายคนหนึ่งไปเป็นอาชญากรร้าย โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1) ความพยายามของอาเธอร์
2) เบื้องหลังความวิปลาส
3) จุดเปลี่ยนและกำเนิดปีศาจ
มาลองนั่งนึก ๆ ดู คิดว่าส่วนที่กระทบใจเรามากที่สุด ส่วนที่ทำให้เราเศร้าข้ามวันจนกระทั่งตอนนี้ นั่นคือ
ส่วนแรก
ความพยายามของอาเธอร์ ค่ะ เพราะหนังย้ำให้เราเห็น “
ใจ” ที่แท้ของอาเธอร์ว่า จริง ๆ เค้าได้พยายามเหลือเกิน
> พยายามที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องเบียดเบียนพึ่งพาใคร จากฉากที่แม่พยายามเขียนไปขอความช่วยเหลือจากโธมัส เวย์น
แต่อาเธอร์กลับไม่อยากให้เขียน
> พยายามเข้าใจและให้อภัย ฉากที่วิ่งตามป้ายลดราคาของทางร้านที่ถูกแกงค์เด็กฉกไป จนกระทั่งโดนรุมกระทืบในซอย
แต่อาเธอร์ก็ ไม่ได้คิดจะแก้แค้นแม้ถูกรังแกโดยไร้สาเหตุ เพียงแค่เดินคอตกกลับบ้าน และเป็นเหตุให้ถูกหักค่าแรงในวันถัดมา
> พยายามไม่แฉเพื่อนทั้งที่เพื่อนพูดจากลับกลอก ให้ร้ายตัวเองเรื่องปืนกับเจ้าของร้าน
> พยายามมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมอยู่เสมอ แม้จะได้รับการปฏิเสธหรือไม่แยแส จะเห็นว่าทั้งเรื่องมีคนเดียวที่มีปฏิสัมพันธ์กับอาเธอร์
ที่ไม่ใช่โดยหน้าที่ คือ หญิงสาวลูกติดที่เจอกันในลิฟท์ นั่นทำให้คนที่โหยหาการมีตัวตนอย่างอาเธอร์ดีใจจนเก็บไปจินตนาการถึง
(คือ คนเราต้อง ขาด แค่ไหนถึงจะดีใจกับการที่มีคนพูดด้วยได้ขนาดนี้)
> โดยธรรมชาติแล้ว อาเธอร์มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สุภาพ ชัดเจนจากหลายฉากว่าอาเธอร์ไม่ตลกกับมุกตลกแบบหยาบโลน
เหยียดเพศ (จากฉากในคลับ ที่ทุกคนหัวเราะกับมุกเปรียบเทียบรถกับผู้หญิง หรือมุกเมียน้อยเมียหลวงของพิธีกร) , ตลกล้อเลียน
ปมด้อยคนอื่นหรือตลกสังขาร (แกรี่เพื่อนตัวเล็กของคณะที่มักถูกทุกคนล้อเลียนเสมอ แต่อาเธอร์ก็ไม่ได้ร่วมหัวเราะด้วยเลย)
อาเธอร์เคยลองและพยายามจะหัวเราะร่วมไปกับคนอื่นบ้างในบางฉากแต่เห็นได้ว่านัยน์ตาเค้าเศร้าเหลือเกินเพราะสำหรับเค้า
มันไม่ตลกเลย ทุกครั้งที่เค้าหัวเราะ....แต่ทำให้เราเศร้าเหลือเกิน
อาเธอร์เป็นเพียงผู้ชายที่ไม่สบาย เป็นโรคที่ยากจะเข้าใจ แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนทำงานเพียงเพื่อแลกกับเงินแค่พอเลี้ยงชีพ
เค้ามีความใฝ่ฝันเล็ก ๆ ที่จะได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้มีตัวตนในสายตาใครสักคน มีใครที่จะพูดคุยด้วย
คงไม่มากไปหากจะพูดว่า โรคทางใจของอาเธอร์ คือ
โรคขาดความรักอย่างรุนแรง
แต่เมื่อถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่เรียกตัวเองว่า คนปกติ (หนุ่มออฟฟิศ 3 คนที่เรื้อนใส่ผู้หญิงในรถไฟและรุมกระทืบอาเธอร์) ,
ต้องตกงานที่เป็นแหล่งรายได้, สังคมสงเคราะห์ที่พึ่งแห่งเดียวที่รับฟังปัญหาและเป็นที่รับยาก็ปิดตัวลงจากการถูกตัดงบประมาณ,
แม่ที่วิปลาสและไม่เคยปกป้องเค้าในวัยเด็กการทารุณกรรมของพ่อเลี้ยง, พิธีกรคนดังคนที่เป็นไอดอลและหล่อเลี้ยงความฝัน
การเป็นนักแสดงตลกให้อาเธอร์กลับเล่นตลกกับความอับอายของเค้าเพียงเพื่อเรียกความนิยมของรายการ
..........ความกดดันทั้งหลายทั้งปวงจึงระเบิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ปีศาจถือกำเนิดขึ้นมาตามที่เราเห็นในหนัง .....................
ขอสารภาพว่า มันมีวลีหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ แต่เราเกลียดมาก ที่ว่า “
อ่อนแอก็แพ้ไป” อาจเป็นวลีที่เหมาะจะอธิบายเรื่องนี้ได้หมดจด
ใช่ค่ะ อาเธอร์อาจเป็นเพียงคนที่อ่อนแอทั้งกายและใจท่ามกลางสังคมโลกนี้ที่คัดสรรให้ผู้อยู่รอดคือ ผู้เข้มแข็งเท่านั้น
แต่เราอดถามตัวเองไม่ได้ว่า แล้วโลกใบนี้มันมีที่ทางสำหรับผู้ชนะสักกี่คน? แล้วผู้แพ้ที่เหลือ เราทำยังไงกับพวกเค้า ?
หากเราต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับอาเธอร์.......เราจะทำได้ดีกว่าเค้าไม๊ ?
และวันหนึ่ง เมื่อความอดทนสิ้นสุดลง หากเค้ากลายเป็นปีศาจขึ้นมา เราเคยรู้สึกว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบหรือไม่ ?
เราไม่ได้บอกว่า ที่อาเธอร์กลายเป็น JOKER เป็นอาชญากร คือเรื่องที่ถูกที่ควรนะคะ
แต่โปรดยอมรับเถิดว่า โลกทุกวันนี้ มีส่วนสร้าง JOKER ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนที่เลวโดยสันดานและใช้สัญชาติญาณสัตว์นำพาชีวิตโดยไร้ซึ่งศีลธรรมก็มีเราไม่แย้ง
แต่เราสลดใจเหลือเกินกับคนที่พยายามจะเป็นคนดี พยายามที่จะตะกายขึ้นมาจากหลุมลึก แต่เพราะแรงบีบรัดจากรอบข้าง
ทำให้ต้องตกลงไปในท้ายที่สุด และกลับขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นปีศาจ เราคงเสียใจมากหากได้รู้ว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเค้าขึ้นมา
หนังเรื่องนี้ทำให้ทัศนคติบางอย่างของเราเปลี่ยนไป เรารู้สึกอยากมีไมตรีต่อคนรอบตัวให้มากขึ้น
เพราะเราไม่รู้เลยว่า เค้าอาจจะกำลังต้องการมันอย่างที่สุดก็ได้
..............เพราะเราทำได้แค่นี้ค่ะ...............
I looked at the skies, running my hands over my eyes,
And I fell out of bed, hurting my head
……………from things that I'd said.
ขอบคุณค่ะหากคุณอ่านมาถึงตรงนี้
JOKER : I started a JOKE(R) ความพยายามของอาเธอร์
เราเคยฟังเรื่อง ๆ หนึ่ง ที่เล่าว่า
มีคนไข้ไปหาจิตแพทย์ด้วยอาการซึมเศร้า เค้าเล่าว่า เค้าไม่มีความสุขและไม่สามารถรับมือกับโลกใบนี้ได้อีกแล้ว
จิตแพทย์แนะนำว่า ตอนนี้มีตัวตลกในเมืองมาเปิดการแสดงอยู่ คุณลองไปดูสิเผื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
คนไข้กลับร้องไห้หนักกว่าเดิมและบอกหมอว่า “ หมอครับ ตัวตลกนั่นคือผมเอง ! “
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เรานึกถึงเรื่องเล่านี้ขึ้นมาเพราะรู้สึกหน่วงในใจทั้งระหว่างดูและหลังหนังจบ จึงหาทางคลี่คลายมันออกมาว่า อะไรที่กระทบใจเรา
ได้มากมาย ขอบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ที่กระทู้นี้นะคะ และเราจะไม่พูดถึงการแสดงอันทรงพลัง ไม่พูดถึงดนตรีประกอบที่ไม่
ประนีประนอมใด ๆ ต่อผู้ชม และองค์ประกอบส่วนอื่น ๆ ของหนัง ทั้งหมดเป็นเรื่องของความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้ล้วน ๆ ค่ะ
หนังเรื่องนี้เป็นการเล่าถึงที่มาที่ไปของการแปลงสภาพจากผู้ชายคนหนึ่งไปเป็นอาชญากรร้าย โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1) ความพยายามของอาเธอร์
2) เบื้องหลังความวิปลาส
3) จุดเปลี่ยนและกำเนิดปีศาจ
มาลองนั่งนึก ๆ ดู คิดว่าส่วนที่กระทบใจเรามากที่สุด ส่วนที่ทำให้เราเศร้าข้ามวันจนกระทั่งตอนนี้ นั่นคือ
ส่วนแรก ความพยายามของอาเธอร์ ค่ะ เพราะหนังย้ำให้เราเห็น “ใจ” ที่แท้ของอาเธอร์ว่า จริง ๆ เค้าได้พยายามเหลือเกิน
> พยายามที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องเบียดเบียนพึ่งพาใคร จากฉากที่แม่พยายามเขียนไปขอความช่วยเหลือจากโธมัส เวย์น
แต่อาเธอร์กลับไม่อยากให้เขียน
> พยายามเข้าใจและให้อภัย ฉากที่วิ่งตามป้ายลดราคาของทางร้านที่ถูกแกงค์เด็กฉกไป จนกระทั่งโดนรุมกระทืบในซอย
แต่อาเธอร์ก็ ไม่ได้คิดจะแก้แค้นแม้ถูกรังแกโดยไร้สาเหตุ เพียงแค่เดินคอตกกลับบ้าน และเป็นเหตุให้ถูกหักค่าแรงในวันถัดมา
> พยายามไม่แฉเพื่อนทั้งที่เพื่อนพูดจากลับกลอก ให้ร้ายตัวเองเรื่องปืนกับเจ้าของร้าน
> พยายามมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมอยู่เสมอ แม้จะได้รับการปฏิเสธหรือไม่แยแส จะเห็นว่าทั้งเรื่องมีคนเดียวที่มีปฏิสัมพันธ์กับอาเธอร์
ที่ไม่ใช่โดยหน้าที่ คือ หญิงสาวลูกติดที่เจอกันในลิฟท์ นั่นทำให้คนที่โหยหาการมีตัวตนอย่างอาเธอร์ดีใจจนเก็บไปจินตนาการถึง
(คือ คนเราต้อง ขาด แค่ไหนถึงจะดีใจกับการที่มีคนพูดด้วยได้ขนาดนี้)
> โดยธรรมชาติแล้ว อาเธอร์มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สุภาพ ชัดเจนจากหลายฉากว่าอาเธอร์ไม่ตลกกับมุกตลกแบบหยาบโลน
เหยียดเพศ (จากฉากในคลับ ที่ทุกคนหัวเราะกับมุกเปรียบเทียบรถกับผู้หญิง หรือมุกเมียน้อยเมียหลวงของพิธีกร) , ตลกล้อเลียน
ปมด้อยคนอื่นหรือตลกสังขาร (แกรี่เพื่อนตัวเล็กของคณะที่มักถูกทุกคนล้อเลียนเสมอ แต่อาเธอร์ก็ไม่ได้ร่วมหัวเราะด้วยเลย)
อาเธอร์เคยลองและพยายามจะหัวเราะร่วมไปกับคนอื่นบ้างในบางฉากแต่เห็นได้ว่านัยน์ตาเค้าเศร้าเหลือเกินเพราะสำหรับเค้า
มันไม่ตลกเลย ทุกครั้งที่เค้าหัวเราะ....แต่ทำให้เราเศร้าเหลือเกิน
อาเธอร์เป็นเพียงผู้ชายที่ไม่สบาย เป็นโรคที่ยากจะเข้าใจ แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนทำงานเพียงเพื่อแลกกับเงินแค่พอเลี้ยงชีพ
เค้ามีความใฝ่ฝันเล็ก ๆ ที่จะได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้มีตัวตนในสายตาใครสักคน มีใครที่จะพูดคุยด้วย
คงไม่มากไปหากจะพูดว่า โรคทางใจของอาเธอร์ คือ โรคขาดความรักอย่างรุนแรง
แต่เมื่อถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่เรียกตัวเองว่า คนปกติ (หนุ่มออฟฟิศ 3 คนที่เรื้อนใส่ผู้หญิงในรถไฟและรุมกระทืบอาเธอร์) ,
ต้องตกงานที่เป็นแหล่งรายได้, สังคมสงเคราะห์ที่พึ่งแห่งเดียวที่รับฟังปัญหาและเป็นที่รับยาก็ปิดตัวลงจากการถูกตัดงบประมาณ,
แม่ที่วิปลาสและไม่เคยปกป้องเค้าในวัยเด็กการทารุณกรรมของพ่อเลี้ยง, พิธีกรคนดังคนที่เป็นไอดอลและหล่อเลี้ยงความฝัน
การเป็นนักแสดงตลกให้อาเธอร์กลับเล่นตลกกับความอับอายของเค้าเพียงเพื่อเรียกความนิยมของรายการ
..........ความกดดันทั้งหลายทั้งปวงจึงระเบิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ปีศาจถือกำเนิดขึ้นมาตามที่เราเห็นในหนัง .....................
ขอสารภาพว่า มันมีวลีหนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ แต่เราเกลียดมาก ที่ว่า “อ่อนแอก็แพ้ไป” อาจเป็นวลีที่เหมาะจะอธิบายเรื่องนี้ได้หมดจด
ใช่ค่ะ อาเธอร์อาจเป็นเพียงคนที่อ่อนแอทั้งกายและใจท่ามกลางสังคมโลกนี้ที่คัดสรรให้ผู้อยู่รอดคือ ผู้เข้มแข็งเท่านั้น
แต่เราอดถามตัวเองไม่ได้ว่า แล้วโลกใบนี้มันมีที่ทางสำหรับผู้ชนะสักกี่คน? แล้วผู้แพ้ที่เหลือ เราทำยังไงกับพวกเค้า ?
หากเราต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับอาเธอร์.......เราจะทำได้ดีกว่าเค้าไม๊ ?
และวันหนึ่ง เมื่อความอดทนสิ้นสุดลง หากเค้ากลายเป็นปีศาจขึ้นมา เราเคยรู้สึกว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบหรือไม่ ?
เราไม่ได้บอกว่า ที่อาเธอร์กลายเป็น JOKER เป็นอาชญากร คือเรื่องที่ถูกที่ควรนะคะ
แต่โปรดยอมรับเถิดว่า โลกทุกวันนี้ มีส่วนสร้าง JOKER ขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนที่เลวโดยสันดานและใช้สัญชาติญาณสัตว์นำพาชีวิตโดยไร้ซึ่งศีลธรรมก็มีเราไม่แย้ง
แต่เราสลดใจเหลือเกินกับคนที่พยายามจะเป็นคนดี พยายามที่จะตะกายขึ้นมาจากหลุมลึก แต่เพราะแรงบีบรัดจากรอบข้าง
ทำให้ต้องตกลงไปในท้ายที่สุด และกลับขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นปีศาจ เราคงเสียใจมากหากได้รู้ว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเค้าขึ้นมา
หนังเรื่องนี้ทำให้ทัศนคติบางอย่างของเราเปลี่ยนไป เรารู้สึกอยากมีไมตรีต่อคนรอบตัวให้มากขึ้น
เพราะเราไม่รู้เลยว่า เค้าอาจจะกำลังต้องการมันอย่างที่สุดก็ได้
..............เพราะเราทำได้แค่นี้ค่ะ...............
I looked at the skies, running my hands over my eyes,
And I fell out of bed, hurting my head
……………from things that I'd said.
ขอบคุณค่ะหากคุณอ่านมาถึงตรงนี้