มาถึงวันนี้แล้วคงเหลือคนจำนวนไม่มากที่เป็นแฟนภาพยนตร์ หรือคอหนังที่ยังไม่ได้ดูหนังโจ๊กเกอร์ ส่วนตัวผมได้อ่าน รีวิว ดีๆจากหลายกระทู้ แต่เพิ่งมีโอกาสได้ดูวันนี้ ซึ่งความจริงควรจะได้ดูตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่า หนังเข้มข้น เป็นดราม่าที่ดูแล้ว ผมขอใช้คำว่าสนุก และไม่มีฉากไหนน่าเบื่อ เพียงแต่คำว่า สนุกที่ผมว่านั้น มันไม่ใช่สนุกแบบดูไปหัวเราะไป แบบ Goodboys หนังเด็กทะลึ่งตึงตังของเดือนกันยายนที่ผ่านไป
ท่านอื่นรีวิวกันมามากแล้ว ผมขอรีวิวไม่มากก็แล้วกันครับ ภาพรวมเลย นี่คือการดึงแฟนหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่ เข้ามาดูหนัง ดราม่า ได้แบบเต็มตัว ด้วยชื่อ Joker ที่คนทั่วไปรู้จักนั้น ภาพติดตา ก็ยังคงเป็นหนัง แบทแมน นั่นเอง ซึ่งแฟนหนังสายซุปเปอร์ฮีโร่ บางคนอาจผิดหวัง แต่ส่วนใหญ่มั่นใจว่า จะได้รู้จักหนังดราม่ามากขึ้นจาก Joker ในเวอร์ชั่นนี้ ไม่มีแอ็คชั่นผาดโผนแบบ หนังซุปเปอร์ฮีโร่เลย แต่มีความรุนแรงบ้างซึ่งหากจะว่าไปแล้ว เท่าที่ได้เห็นจากโรงหนังก็ ไม่มากนัก เรียกว่าพอเหมาะพอควร
เข้าในส่วนเนื้อหา ตัวหนังดึงเอาตัวละครร้ายจาก ซีรีส์แบทแมน มาทำเป้นดราม่าแบบ ชีวิตคนทั่วไป แต่ให้โชคชะตาเล่นงาน อาเธอร์ บุคคลผู้ป่วยทางสมอง และยังชีพด้วยการรับจ้าง แต่งเป็นตัวตลกเรียกคนเข้าร้าน เรียกว่าโชคชะตาจัดหนัก อาเธอร์ จนทรุดเลยทีเดียว
ส่วนต่อไปนี้ สปอยล์ละนะครับ
ไล่เรียงตั้งแต่โดนรังแกจาก วัยรุ่นกุ๊ย หัวหน้ากดขี่ พนักงานออฟฟิศที่เลวๆ เศรษฐ๊ที่ไม่สนใจใคร เพื่อนที่ให้ปืนแล้วลับหลังใสร้าย ยันไปจนพิธีกรทีวีที่เขาชื่นชอบยังเอาเขาไปย่ำยีจิตใจอีก หนังจัดโชคร้าย ซ้ำซ้อนเทใส่ อาเธอร์ แบบ Nonstop ทั้งร่างกาย และจิตใจ เรียกว่าโดนทำร้ายตลอด ทั้งที่ตัว อาเธอร์เอง ดูแล้วแม้สมองจะมีปัญหา แต่จิตใจเรียกว่ามีพื้นฐานดี แต่มาระเบิดกับ ความจริงของตนในอดีต
หนังเดินเรื่องแบบเข้าประเด็น ให้เหตุการณ์โดนทำร้ายทั้งร่างกาย และจิตใจของอาเธอร์ มีความต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สังคมนั้น แม้คนที่เห็นว่าดีในเบื้องหน้า แต่ ปฏิบัติต่อคนที่ด้อยกว่า หรือเห็นค่าของคนอื่น แบบต่ำกว่าและรังแกได้ เป็นรังแก ซึ่งก็คือ คนปกติทั่วไปนั่นเอง คนนั้นนิด คนนี้หน่อย ไม่ได้มีใครไปตามถล่ม อาเธอร์ แต่ส่วนใหญ่ เห็นอาเธอร์ไม่ปกติ ก็ปฏิบัติต่อเขาอย่าง เอาเปรียบ กดขี่ และทำร้าย ไม่ทางใด ก็ทางนึง
ในทางกลับกัน การกระทำของ อาเธอร์ โดยเฉพาะ การตอบโต้ชายสามคนบนรถไฟ ถือเป็นการป้องกันตัวจากคนถ่อยที่ไม่ใช่แค่รังแก แต่ รุมรังแก ในสถานที่ลับตา และมีพวกมากกว่า กับ คนที่ดูแล้วไม่มีทางสู้ คนพวกนี้มีเยอะ ปกติก็จะทำดี แต่มีโอกาส ก็จะทำชั่ว ยิ่งอยู่กันเยอะยิ่งคึก
และสุดท้ายที่ อาเธอร์ตัดสินใจทำร้ายคนจริงๆ ก็คือตอนรู้อดีต ว่าโดนกระทำมาตั้งแต่จำความไม่ได้ ทำให้ปัจจุบันมีผลต่อเนื่องเป็นคนแบบนี้ จึงถือว่า Handycap กับสังคม เป็นต้นเหตุจริงๆที่ทำให้ เขาอ่อนแอ โดนรังแกได้ง่าย และะเป็นเป้าต่อสังคมนั่นเอง ตรงนี้ ผมนั่งดูแล้ว ต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่ตัวหนัง แสดงให้เห็นว่า อาเธอร์ ที่สมองมีปัญหา กลับเห็นต้นตอปัญหาของตนเองว่ามีที่มาจากใคร และ ก็กลับไปจัดการกับปัญหานั้นได้ตรงบุคคล ก่อนจะไปเล่นงานเพื่อนที่ส่งปืนให้เป็นรายถัดไป และจบที่พิธีกรที่ หากินบนความทุกข์ของคนอื่น นอกนั้น อาเธอร์ แทบจะเรียกว่า ไม่ได้ทำร้ายใครอีกเลย แถมสารภาพชัดเจนอีกต่างหาก
ตัวหนังไม่ได้มีความแปลกใหม่ในโลกของแวดวงหนังดราม่า กับตัวละครที่โดนเอาเปรียบก็ต้องกลายเป็นคนร้าย Rambo ภาคแรกก็ไม่ต่างจาก Joker เพียงแต่ Rambo มีทักษะสังหารสูง แต่เรื่องโดนบีบให้ทำเลว หรือ กระตุ้น ให้ก่อการนั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่ รวมถึงอาจจะอ้างอิงได้อีกหลายเรื่อง แต่ การปูพื้นเพเบื้องหลัง จอมโจร คู่ปรับ Batman ออกมาแนวนี้ และให้อารมณ์ของโทนหนังได้ดีแบบนี้ ก็เรียกว่า เป็นแนวใหม่ก็พอจะว่าได้ เพราะอดีตนั้น Joker อาจได้คะแนนความนิยมจาก Dark Knight สมัย ฮีธ เลทเจอรื เล่นไว้ แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดนี้
การแสดงของ Phoenix ละเอียดแทบทุกฉาก ไม่มีฉากไหนหลุดเลยเท่าที่ผมดูนะครับ ก็ต้องยกย่องการแสดง ที่ไม่ต้องบู๊อะไรมาก แต่การบีบอารมณ์ของเขาเรียกว่า ขั้นเทพ ทั้งตอนไม่แต่งหน้า และตอนแต่งหน้าแล้ว ดารานักแสดงสายดราม่า ที่ผมว่า จะมาเล่น Joker เวอร์ชั่นนี้ ถ้าไม่ใช่ Phoenix ผมคงนึกถึง แดเนียล เดย์ คนแรก ตามด้วย ทอม แฮ้งค์ ( ถ้าวัยอ่อนกว่านี้ ) คือสองคนนั้น ออสการ์รวมกัน ก็เป็นตำนาน ในเรื่องของการแสดงอารมณ์ บีบคั้น จนคนดู จะขาดใจไปกับพวกเขาได้เลย อย่าง ทอม แฮ้งค์นี่ Cast Away , Captain Philip สองเรื่องนี้ ผมดูแล้ว หดหู่กว่า Joker หลายเท่านัก
สรุป หนังไม่ได้ หดหู่จนมากนัก แต่ผมไม่รู้ว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าดูแล้วจะป็ฯอย่างไรนะ แต่ส่วนตัวผมว่า หนังเป็นเพียง ดราม่า เข้มข้น ตรงประเด็น มีเหตุผล และเรียกกระแส การชมภาพยนตร์ได้ดี ถ้าชอบการแสดงของ Phoenix อาจดูซ้ำได้อีกสักรอบ แต่ถ้าใครเกิดอินกับการโดนรังแก และตอบโต้ อันนี้ ผมมองว่า ปัจจุบันต่อให้ไม่มีหนัง Joker คนโดนรังแก ก็ตอบโต้กันอยู่แล้ว เพียงแต่ อย่าเห็นดี เห็นงาม เป็นฮีโร่ที่จะต้องทำตามก็แล้วกัน เพราะคนจนตรอกเท่านั้น ถึงจะเลือกเดินเข้าด้านมืดอย่าง Joker และกฎหมายและสังคม ยังไงก็คงไม่ยอมรับ อาชญากรอยู่ดี ไม่ว่าจะก่อการด้วยต้นเหตุ สาเหตุใดก็ตาม คือโลกของหนังกับโลกแห่งความจริงจะต่างกันเยอะก็ตรง ก่อเหตุแล้วชีวิตดับแสงทันที แต่ในภาพยนตร์ดูกันได้ครับ เป็นบันเทิง
แต่สำหรับ Joker องค์ประกอบมันสำคัญสุดคือ การได้ปืนจากเพื่อนนั่นเอง ถ้าไม่มีปืน คืนที่ฆ่าครั้งแรก หลายๆอย่างคงไม่ตามมา แต่ถ้าไม่มี ก็คงจะเจ็บสาหัสกว่านั้น คือ หนังที่ถ้าเอามาถกเถียงกัน คงไม่ได้ความเป็น เอกฉันท์ ได้ครับ
ดูจบแล้วได้แต่ทำตัวและอบรมคนที่ใกล้ตัวที่พอจะสอนได้ว่า อย่าไปรังแกคนที่ด้อยกว่า ทั้งร่างกาย และจิตใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ดีงามอย่างใดเพราะคนละนิด คนละหน่อย สังคมก็มือเปื้อนร่วมกันสร้างปีศาจขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว หรือเรียกว่า ไม่รู้จักผลที่จะตามมา
[CR] JOKER ดราม่าสายแข็งของ วอร์เนอร์ ( มี สปอยล์ )
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้