กระทู้ที่ 2 เริ่มแล้วครับ ผมจะรวม ทริปของวันที่ 1, วันที่ 2 ช่วงเช้า ในกระทู้เดียวเลยนะครับ
Day 1 (14/09/2019): BKK - Addis Ababa Airport (Ethiopia Airport) - Cape Town Airport - The Onyx Apartment Hotel - V&A Waterfront
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ในวันที่ผมจองสายการบิน Ethiopian Airline เป็นสายการบินที่ถูกและเร็วที่สุด เที่ยวบินก็ออกตอน ตี 1 รถไม่ติด ก็เลยไม่คิดมากเลือกบินกับสายการบินนี้เลย เพราะก็แอบอยากรู้นิด ๆเหมือนกันด้วยว่า สายการบิน Ethiopian Airline มันจะขนาดไหนกันเชียว ผลก็คือ ผมเข็ดแล้วครับ ไม่เอาอีกแล้วครับ ขอเล่าเป็นข้อ ๆ เลยดีกว่า
1. แอร์ไม่บริการเลย ตอนขึ้นบินไปได้ซักพักเริ่มหนาว ขอผ้าห่มไป 3 รอบกับแอร์ 3 คนไม่เคยได้เลยซักครั้งเดียว กดเรียกก็ไม่มีใครมา ตอนมาเสิร์ฟน้ำขอน้ำอุ่นไปทำให้เค้าต้องเดินกลับไปเอาที่ด้านหลังเครื่องมีชักสีหน้า บวก ทำเสียง “จิ๊!!!” ใส่ ไปหนึ่งที โอ๊ะกูผิดอะไรเนี่ย!!
2. อาหารไม่อร่อยแบบมาก ๆ เลย ทั้งขาไปและขากลับ มีเนื้อตุ๋นเค็ม ๆ ไก่ผักซอสมะเขือเทศอี๋ ๆ ลูกชิ้นเนื้อที่รสชาติอธิบายไม่ถูกเอาเป็นว่าไม่อร่อยมาก ๆ ขนมปังเย็น ๆ อาหารเช้าเป็นข้าวผัดไข่ที่รสชาติบัดซบที่สุดเลยคือไม่มีรสชาติเลี่ยน ๆ ที่อร่อยที่สุดคือ แครกเกอร์ ครีมชีส และ เนยครับ
3. เครื่องบินสกปรกมีเศษขยะตามเครื่อง ห้องน้ำอ่างล้างหน้าไม่ระบายน้ำ
คิดดูผมต้องเจออะไร ตลอด 15ชม ที่บนเครื่องนั้น
ภาพ Duty Free ที่ Addis Ababa https://liveandletsfly.boardingarea.com/2017/12/05/addis-ababa-transit-guide/
เสร็จแล้วเราก็ต้องมาต่อเครื่องที่สนามบิน Addis Ababa ที่ ประเทศ Ethiopia ด้วย สนามบินที่นี่ขนาดกลาง ๆ ซึ่ง ร้านค้า Duty Free ก็เรียบง่ายมาก
คือจะเป็นบล็อคไม้อัด ไฟมืดๆหน่อย ดูจากรูปเองไม่ดูหรูหราเหมือนบ้านเรา ห้องน้ำที่สนามบินจะเป็นกล่อง ๆ ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ให้ทำใจนิดนึง
ที่นั่งรอสำหรับขึ้นเครื่องบางเกตจะมีน้อยมาก ทำให้คนแออัดต้องยืนเบียด ๆ ขวางทางเดินยังดีที่อากาศไม่ร้อนไม่งั้นจะทรมานและหงุดหงิดยิ่งขึ้น
รอประมาณ 2 ชม.
......... และแล้วก็ถึงเวลาต่อเครื่อง Cape Town ……….
ณ สนามบิน Capetown หลังจากเจอ Ethiopian Airline มาแล้ว ด่านต่อไปก็คือ ตม. อันยาวเหยียด ทนไว้ ๆ อีกนิดเดียว และแล้วเราก็ได้เจอ Vibe
ของคนผิวดำคนแรกแล้วครับอย่างที่เล่าไปในตอนแรกพนักงานจัดระเบียบแถวเข้าตม. ทำงานไป rap ไปด้วยเว้ยเฮ้ย ชอบ ๆ แก้เซ็งได้เล็กน้อย
ถึงจะเป็นจังหวะง่าย ๆ แต่รอยยิ้มและท่าทางทำให้ขำเล็ก ๆ ช่วยแก้เบื่อได้เล็กน้อยพนักงานตม.ก็ยิ้มแย้มต้อนรับดีช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น
พอหลุดจาก Gate มาได้ รับกระเป๋าอันดับต่อไปก็คือไปแลกเงิน
* แนะนำว่าให้แลกเงิน Dollars มาจากที่บ้านแล้วค่อยมาแลกเงิน Rand ที่ South Africa นะครับ ในวันที่ผมไป 14/09/2019 ค่าเงินจะอยู่ที่ 2.2 บาท – 1 Rand ซึ่งถูกมากเลย แถมระหว่างที่เที่ยวค่าเงินลงมาถึง 2.1 ด้วย จริงๆใช้บัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้แพงนะครับ เพราะ แลกเงินสดกับธนาคารที่นี่มีก็โดนค่าธรรมเนียมราว 1% อยู่ดี (ผมไปแลกกับธนาคาร Bidvest)
ถัดมาก็คือไปซื้อ Sim ผมซื้อซิม To Fly ของ AIS มาก็ใช้ได้สะดวกดี แต่พอดีแฟนไม่ได้ซื้อก็เลยมาซื้อซิมของ Vodacom ที่นี่ ราคาก็มีให้เลือกหลากหลาย
เสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือไปรับรถ ดูป้าย Car Rental ก็เดินไปตามทางหาง่าย เดินไม่ไกลมาก ผมจองรถไว้กับบริษัทชื่อ Bidvest (บริษัทนี้
ทำทุกอย่างไหนจะธนาคารนี่ทำรถเช่าอีก) พนักงานที่นี่สุภาพน่ารักเป็นกันเอง แต่การจัดการเอกสารค่อนข้างนาน ถ้าเป็นช่วง Hi-Season คงรอจนรากงอกเลยTT
พนักงานจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเช่ารถ และกันวงเงินในบัตรเครดิตไว้ 8500 Rand นะครับ ถ้าได้ใบสั่งก็จะมีค่าทำเนียน (ธรรมเนียม) เกิดอะไรขึ้นก็มีค่าทำเนียนตลอดบริษัทรถเช่าที่นี่ฟันแหลกนะครับเพราะฉะนั้นระวังไว้ให้ดี ๆ หึหึหึ พร้อมแล้วออกเดินทาง ลุยๆๆ!!
Bunny Chow (Toast แกงแกะ)
ซี่โครงหมูกับไก่ทอด
ก่อนอื่นเลยหลังจากที่เจออาหารเครื่องบินมา ซึ่งกินไม่ลง ขออาหารดี ๆ ก่อนเข้าโรงแรมซักมื้อเหอะพระเจ้า เปิด Google Maps เลือกร้านมั่ว ๆ มาร้านนึง
ได้ร้านชื่อว่า Kind Regards ในย่าน Salt River ขับจากสนามบินประมาณ 20 นาที ซึ่งเป็นร้านอาหารและบาร์ ไปสะดุดกับเมนูนึงซึ่งมีคำว่า Bunny Chow ซึ่งก็ได้รู้ว่าเป็นรูปแบบอาหารที่มีเฉพาะที่ Africa ซึ่งก็คือ การเอาขนมปังปอนใหญ่ ๆ มาควักไส้ออกให้เป็นเหมือนชามแล้วใส่แกงหรือเนื้อสัตว์ลงไป
( อารมณ์ Honey Toast แต่เป็นของคาว ) จริง ๆ ก็ไม่แปลก ไม่รอช้าสั่งมาลองเลย เป็นแกงแกะใส่มาในขนมปังวางมาบนกระทะร้อนแกงแกะอร่อยดี เนื่องจากหิวมากเลยสั่งซี่โครงหมูกับไก่ทอดมาอีกไม่เจียมบอดี้เลยจิง ๆ เลยได้เรียนรู้อีกอย่างว่าขนาดของอาหารที่นี่เหมือนกับทางอเมริกาเลย คือเยอะมาก ๆๆๆ ผลที่ได้ก็ตามคาดคือกินไม่หมด ร้านนี้อาหารอร่อยพอใช้ได้ (ค่าเสียหายมื้อนี้ประมาณ 550 บาท)
* เกือบลืมบอก เวลาสั่งเครื่องดื่มที่นี่ถ้าสั่งน้ำเปล่าพนักงานจะถามเสมอว่าจะเอา Still Water หรือก็คือน้ำแร่ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ถ้าไม่เอาก็ให้บอกเค้าว่า เอา Tap water หรือน้ำก๊อกจะได้ไม่เสียตัง จะขอใส่ Lemon หรือน้ำเปล่าๆก็ได้
อิ่มจุกง่วงมาในทันที มุ่งตรงไปโรงแรม สองวันแรกนี้เราจะพักที่โรงแรม The Onyx Apartment Hotel 4 ดาว ( รร.คืนละ 2450บาท ) พอขับรถเข้าไปจอดเราจะได้เจอกับ Mr.X เป็นคนช่วยขนกระเป๋าให้เรา ซึ่งไป ๆ มา ๆ จะเห็นเค้าทำทุกอย่าง คือจะเรียกว่า general เบ๊ ก็ได้ แต่ถ้าเอาสวยๆหน่อยเรียกว่า Liaison (อ่านว่า ลี-เอ-ซอง แปลว่า ผู้ประสานงาน)จะดีกว่า คุณ x ชื่อเต็ม ๆ เค้าเป็นภาษา Xhosa จะมีการเดาะลิ้นแล้วก็อ่านยาก เค้าก็เลยให้เรียกเค้าว่า Mr.X แทน ประมาณว่า อย่าพยายามเลยเรียกผม X เถอะ
ทำเรื่อง Check-in เรียบร้อย ขอเข้าห้องด่วนๆ โรงแรมนี้สะอาดสะอ้าน และใหม่มาก เนื่องจากเป็น Apartment Hotel ในห้องจะมีครัวครบชุดเลย ห้องก็กว้างขวาง น้ำแรง เครื่องทำน้ำอุ่นทำงานดี แต่งง ๆ นิด ๆ คือฝักบัวเป็นแบบ Rain Drop อย่างเดียว คือล่างเท้าลำบากมว๊ากกก Jetlag เหนื่อยนิดหน่อย ขอ งีบซักแป๊ป ตอนบ่าย 4 โมงนี่แหละ เตียงก็ดูดวิญญาณหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว......
เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตื่นขึ้นมามีแรงแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวสถานที่แรกกันเลยซึ่งก็เป็นห้างที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรม เรียกว่า V&A Waterfront (โรงแรมนี้โลเคชั่นดีอยู่ใจกลางเมือง) ขับรถประมาณ 10 นาที เป็นห้างขนาดใหญ่อยู่ติดกับท่าเรือทำให้วิวสวยงามมากทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มีร้านอาหารมากมายหลากหลายตั้งแต่ Fastfood แล้วก็มี Food Market แบบที่มีซุ้มขายอาหารด้วย คล้าย ๆ กับชั้น G ที่สยามพารากอน ไปจนถึง Fine Dining หรือร้านอาหารหรูกันเลยทีเดียว ที่นี่จะมีชิงช้าสวรรค์ให้เล่นด้วยคล้าย ๆ กับ Asiatique แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับชิงช้าสวรรค์ ซึ่งจะมีเวทีเล็ก ๆ อยู่ด้านข้างและทุกคืนก็จะมี วงดนตรีมาให้ความบรรเทิงกับผู้ที่สัญจรไปมา ขอบอกว่าดนตรีที่เค้าเล่นนั้นเพราะและสนุกมาก ผมมาที่นี่สองครั้งเจอ 2 วง วงแรกจะเล่นเครื่องดนตรีคล้าย ๆ กับระนาดบ้านเรา แต่ดนตรีให้ความรู้สึกแบบ Africa ดี ดนตรีคล้าย ๆ กับที่อยู่ใน The Lion King (Hakuna Matata) เดินเล่นซักพักมีแต่อาหารหนักๆ ไม่รู้จะกินอะไรดี เลยลงไปหาซื้อสลัดที่ซุปเปอร์กลับไปทานที่โรงแรมแทน อัตราค่าที่จอดรถตามห้างของ Capetown จะอยู่ที่ประมาณ 10 Rand ต่อชั่วโมง กลับโรงแรมกินสลัด อาบน้ำอีกรอบ ราตรีสวัสดิ์........
ซื้อสลัดมาทานเป็นมื้อเย็น
Day 2 (15/09/2019): Lion Head - Signal Hill - Castle of Good Hope - Kirstenbosch National Botanical Garden - The Onyx Hotel
พักผ่อนเพียงพอแล้ว พร้อมที่จะลุยแล้ว แพลนวันนี้เราสองคนก็ตกลงกันว่าเดี๋ยวจะลองเดินชมเมืองใกล้ ๆ กับโรงแรมพร้อมกับหาข้าวเช้ากินกันก่อน เผอิญวันนี้เป็นวันอาทิตย์ร้านรวงเลยปิดกันหมด เดินไปรอบ ๆ แทบจะเหมือนเมืองร้างกันเลยทีเดียว ต้องทำความเข้าใจนิดนึงคือประเทศ South Africa คนส่วนใหญ่ จะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค วันอาทิตย์เป็นวันหยุด และตอนเช้า ๆ เค้าก็จะไปโบสถ์กัน จึงไม่ค่อยมีร้านอาหารเปิด
เดินวนมั่ว ๆ ซัก 10 นาทีได้ ก็เจอร้านกาแฟเล็ก ๆ ร้านนึงเปิดอยู่ ร้านนี้เป็นร้านทุกสิ่งอย่าง 10 Rand สั่งกาแฟมาทานคนละแก้วกับคีชผักโขม 1 ชิ้น ก็รวม 30 Rand ขอบอกเลยว่า กาแฟที่ดื่มใน South Africa นั้นอร่อยทุกร้าน (ราคาจะอยู่ช่วง 30 – 80 บาท ) แล้วตัดภาพมาดูราคากาแฟร้านอินดี้ ๆ บ้านเราแพงได้อิ๊ก!!
ร้าน Xpresso 10Rand ทุกอย่าง
งานวิ่งมาราธอนที่เคปทาวน์
ระหว่างที่เดินไปรอบ ๆ เห็นตำรวจเยอะแยะมากมายปิดถนน อ้อ! วันนี้มีงามวิ่งมาราธอน ที่นี่เป็นที่นิยมมีจัดวิ่งมาราธอนหลายครั้งแล้ว ก็ซักพักก็กลับ รร เพื่อไปสถานที่แรกที่ต้องไปให้ได้หากมา Capetown ซึ่งก็คือยอด Table Mountain เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติในซีกโลกใต้ ถ้ามาถึง Capetown แล้วจะสังเกตุได้ว่าเมืองนี้ทั้งเมืองจะตั้งอยู่รอบ Table Mountain ลูกนี้ เพราะฉะนั้นเดินไปไหน ก็จะเห็นวิวภูเขาอยู่ตลอด
* แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วกระเช้าล่วงหน้าในเว็ปไซน์
https://www.tablemountain.net/ ไปก่อนจะดีกว่า (ค่าตั๋วคนละ 330Rand)
จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ กระเช้าก็มีแค่ 2 ตัวสลับกันขึ้นลง ตั๋วจะมีอายุใช้ได้ 7 วัน
อากาศสดชื่น บริสุทธิ์มาก ขอหายใจสูดลึกๆเก็บไว้กลับมาใช้ที่ไทยหน่อย
วิวถ่ายจาก Signal Hill
ทางขึ้น Table Moutain ณ วันที่หมอกปกคลุมมองไม่เห็นอะไรเรยTT
[CR] รีวิว กิน เที่ยว เปรี้ยว ซ่า // Season 1 : Road Trip ที่ South Africa 9 วัน // EP 1 Cape Town Day1-2
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ในวันที่ผมจองสายการบิน Ethiopian Airline เป็นสายการบินที่ถูกและเร็วที่สุด เที่ยวบินก็ออกตอน ตี 1 รถไม่ติด ก็เลยไม่คิดมากเลือกบินกับสายการบินนี้เลย เพราะก็แอบอยากรู้นิด ๆเหมือนกันด้วยว่า สายการบิน Ethiopian Airline มันจะขนาดไหนกันเชียว ผลก็คือ ผมเข็ดแล้วครับ ไม่เอาอีกแล้วครับ ขอเล่าเป็นข้อ ๆ เลยดีกว่า
1. แอร์ไม่บริการเลย ตอนขึ้นบินไปได้ซักพักเริ่มหนาว ขอผ้าห่มไป 3 รอบกับแอร์ 3 คนไม่เคยได้เลยซักครั้งเดียว กดเรียกก็ไม่มีใครมา ตอนมาเสิร์ฟน้ำขอน้ำอุ่นไปทำให้เค้าต้องเดินกลับไปเอาที่ด้านหลังเครื่องมีชักสีหน้า บวก ทำเสียง “จิ๊!!!” ใส่ ไปหนึ่งที โอ๊ะกูผิดอะไรเนี่ย!!
2. อาหารไม่อร่อยแบบมาก ๆ เลย ทั้งขาไปและขากลับ มีเนื้อตุ๋นเค็ม ๆ ไก่ผักซอสมะเขือเทศอี๋ ๆ ลูกชิ้นเนื้อที่รสชาติอธิบายไม่ถูกเอาเป็นว่าไม่อร่อยมาก ๆ ขนมปังเย็น ๆ อาหารเช้าเป็นข้าวผัดไข่ที่รสชาติบัดซบที่สุดเลยคือไม่มีรสชาติเลี่ยน ๆ ที่อร่อยที่สุดคือ แครกเกอร์ ครีมชีส และ เนยครับ
3. เครื่องบินสกปรกมีเศษขยะตามเครื่อง ห้องน้ำอ่างล้างหน้าไม่ระบายน้ำ
คิดดูผมต้องเจออะไร ตลอด 15ชม ที่บนเครื่องนั้น
ภาพ Duty Free ที่ Addis Ababa https://liveandletsfly.boardingarea.com/2017/12/05/addis-ababa-transit-guide/
เสร็จแล้วเราก็ต้องมาต่อเครื่องที่สนามบิน Addis Ababa ที่ ประเทศ Ethiopia ด้วย สนามบินที่นี่ขนาดกลาง ๆ ซึ่ง ร้านค้า Duty Free ก็เรียบง่ายมาก
คือจะเป็นบล็อคไม้อัด ไฟมืดๆหน่อย ดูจากรูปเองไม่ดูหรูหราเหมือนบ้านเรา ห้องน้ำที่สนามบินจะเป็นกล่อง ๆ ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ให้ทำใจนิดนึง
ที่นั่งรอสำหรับขึ้นเครื่องบางเกตจะมีน้อยมาก ทำให้คนแออัดต้องยืนเบียด ๆ ขวางทางเดินยังดีที่อากาศไม่ร้อนไม่งั้นจะทรมานและหงุดหงิดยิ่งขึ้น
รอประมาณ 2 ชม.
......... และแล้วก็ถึงเวลาต่อเครื่อง Cape Town ……….
ณ สนามบิน Capetown หลังจากเจอ Ethiopian Airline มาแล้ว ด่านต่อไปก็คือ ตม. อันยาวเหยียด ทนไว้ ๆ อีกนิดเดียว และแล้วเราก็ได้เจอ Vibe
ของคนผิวดำคนแรกแล้วครับอย่างที่เล่าไปในตอนแรกพนักงานจัดระเบียบแถวเข้าตม. ทำงานไป rap ไปด้วยเว้ยเฮ้ย ชอบ ๆ แก้เซ็งได้เล็กน้อย
ถึงจะเป็นจังหวะง่าย ๆ แต่รอยยิ้มและท่าทางทำให้ขำเล็ก ๆ ช่วยแก้เบื่อได้เล็กน้อยพนักงานตม.ก็ยิ้มแย้มต้อนรับดีช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น
พอหลุดจาก Gate มาได้ รับกระเป๋าอันดับต่อไปก็คือไปแลกเงิน
* แนะนำว่าให้แลกเงิน Dollars มาจากที่บ้านแล้วค่อยมาแลกเงิน Rand ที่ South Africa นะครับ ในวันที่ผมไป 14/09/2019 ค่าเงินจะอยู่ที่ 2.2 บาท – 1 Rand ซึ่งถูกมากเลย แถมระหว่างที่เที่ยวค่าเงินลงมาถึง 2.1 ด้วย จริงๆใช้บัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้แพงนะครับ เพราะ แลกเงินสดกับธนาคารที่นี่มีก็โดนค่าธรรมเนียมราว 1% อยู่ดี (ผมไปแลกกับธนาคาร Bidvest)
ถัดมาก็คือไปซื้อ Sim ผมซื้อซิม To Fly ของ AIS มาก็ใช้ได้สะดวกดี แต่พอดีแฟนไม่ได้ซื้อก็เลยมาซื้อซิมของ Vodacom ที่นี่ ราคาก็มีให้เลือกหลากหลาย
เสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือไปรับรถ ดูป้าย Car Rental ก็เดินไปตามทางหาง่าย เดินไม่ไกลมาก ผมจองรถไว้กับบริษัทชื่อ Bidvest (บริษัทนี้ทำทุกอย่างไหนจะธนาคารนี่ทำรถเช่าอีก) พนักงานที่นี่สุภาพน่ารักเป็นกันเอง แต่การจัดการเอกสารค่อนข้างนาน ถ้าเป็นช่วง Hi-Season คงรอจนรากงอกเลยTT
พนักงานจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเช่ารถ และกันวงเงินในบัตรเครดิตไว้ 8500 Rand นะครับ ถ้าได้ใบสั่งก็จะมีค่าทำเนียน (ธรรมเนียม) เกิดอะไรขึ้นก็มีค่าทำเนียนตลอดบริษัทรถเช่าที่นี่ฟันแหลกนะครับเพราะฉะนั้นระวังไว้ให้ดี ๆ หึหึหึ พร้อมแล้วออกเดินทาง ลุยๆๆ!!
Bunny Chow (Toast แกงแกะ)
ซี่โครงหมูกับไก่ทอด
ก่อนอื่นเลยหลังจากที่เจออาหารเครื่องบินมา ซึ่งกินไม่ลง ขออาหารดี ๆ ก่อนเข้าโรงแรมซักมื้อเหอะพระเจ้า เปิด Google Maps เลือกร้านมั่ว ๆ มาร้านนึง
ได้ร้านชื่อว่า Kind Regards ในย่าน Salt River ขับจากสนามบินประมาณ 20 นาที ซึ่งเป็นร้านอาหารและบาร์ ไปสะดุดกับเมนูนึงซึ่งมีคำว่า Bunny Chow ซึ่งก็ได้รู้ว่าเป็นรูปแบบอาหารที่มีเฉพาะที่ Africa ซึ่งก็คือ การเอาขนมปังปอนใหญ่ ๆ มาควักไส้ออกให้เป็นเหมือนชามแล้วใส่แกงหรือเนื้อสัตว์ลงไป
( อารมณ์ Honey Toast แต่เป็นของคาว ) จริง ๆ ก็ไม่แปลก ไม่รอช้าสั่งมาลองเลย เป็นแกงแกะใส่มาในขนมปังวางมาบนกระทะร้อนแกงแกะอร่อยดี เนื่องจากหิวมากเลยสั่งซี่โครงหมูกับไก่ทอดมาอีกไม่เจียมบอดี้เลยจิง ๆ เลยได้เรียนรู้อีกอย่างว่าขนาดของอาหารที่นี่เหมือนกับทางอเมริกาเลย คือเยอะมาก ๆๆๆ ผลที่ได้ก็ตามคาดคือกินไม่หมด ร้านนี้อาหารอร่อยพอใช้ได้ (ค่าเสียหายมื้อนี้ประมาณ 550 บาท)
* เกือบลืมบอก เวลาสั่งเครื่องดื่มที่นี่ถ้าสั่งน้ำเปล่าพนักงานจะถามเสมอว่าจะเอา Still Water หรือก็คือน้ำแร่ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ถ้าไม่เอาก็ให้บอกเค้าว่า เอา Tap water หรือน้ำก๊อกจะได้ไม่เสียตัง จะขอใส่ Lemon หรือน้ำเปล่าๆก็ได้
อิ่มจุกง่วงมาในทันที มุ่งตรงไปโรงแรม สองวันแรกนี้เราจะพักที่โรงแรม The Onyx Apartment Hotel 4 ดาว ( รร.คืนละ 2450บาท ) พอขับรถเข้าไปจอดเราจะได้เจอกับ Mr.X เป็นคนช่วยขนกระเป๋าให้เรา ซึ่งไป ๆ มา ๆ จะเห็นเค้าทำทุกอย่าง คือจะเรียกว่า general เบ๊ ก็ได้ แต่ถ้าเอาสวยๆหน่อยเรียกว่า Liaison (อ่านว่า ลี-เอ-ซอง แปลว่า ผู้ประสานงาน)จะดีกว่า คุณ x ชื่อเต็ม ๆ เค้าเป็นภาษา Xhosa จะมีการเดาะลิ้นแล้วก็อ่านยาก เค้าก็เลยให้เรียกเค้าว่า Mr.X แทน ประมาณว่า อย่าพยายามเลยเรียกผม X เถอะ
ทำเรื่อง Check-in เรียบร้อย ขอเข้าห้องด่วนๆ โรงแรมนี้สะอาดสะอ้าน และใหม่มาก เนื่องจากเป็น Apartment Hotel ในห้องจะมีครัวครบชุดเลย ห้องก็กว้างขวาง น้ำแรง เครื่องทำน้ำอุ่นทำงานดี แต่งง ๆ นิด ๆ คือฝักบัวเป็นแบบ Rain Drop อย่างเดียว คือล่างเท้าลำบากมว๊ากกก Jetlag เหนื่อยนิดหน่อย ขอ งีบซักแป๊ป ตอนบ่าย 4 โมงนี่แหละ เตียงก็ดูดวิญญาณหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว......
เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตื่นขึ้นมามีแรงแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวสถานที่แรกกันเลยซึ่งก็เป็นห้างที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรม เรียกว่า V&A Waterfront (โรงแรมนี้โลเคชั่นดีอยู่ใจกลางเมือง) ขับรถประมาณ 10 นาที เป็นห้างขนาดใหญ่อยู่ติดกับท่าเรือทำให้วิวสวยงามมากทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มีร้านอาหารมากมายหลากหลายตั้งแต่ Fastfood แล้วก็มี Food Market แบบที่มีซุ้มขายอาหารด้วย คล้าย ๆ กับชั้น G ที่สยามพารากอน ไปจนถึง Fine Dining หรือร้านอาหารหรูกันเลยทีเดียว ที่นี่จะมีชิงช้าสวรรค์ให้เล่นด้วยคล้าย ๆ กับ Asiatique แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับชิงช้าสวรรค์ ซึ่งจะมีเวทีเล็ก ๆ อยู่ด้านข้างและทุกคืนก็จะมี วงดนตรีมาให้ความบรรเทิงกับผู้ที่สัญจรไปมา ขอบอกว่าดนตรีที่เค้าเล่นนั้นเพราะและสนุกมาก ผมมาที่นี่สองครั้งเจอ 2 วง วงแรกจะเล่นเครื่องดนตรีคล้าย ๆ กับระนาดบ้านเรา แต่ดนตรีให้ความรู้สึกแบบ Africa ดี ดนตรีคล้าย ๆ กับที่อยู่ใน The Lion King (Hakuna Matata) เดินเล่นซักพักมีแต่อาหารหนักๆ ไม่รู้จะกินอะไรดี เลยลงไปหาซื้อสลัดที่ซุปเปอร์กลับไปทานที่โรงแรมแทน อัตราค่าที่จอดรถตามห้างของ Capetown จะอยู่ที่ประมาณ 10 Rand ต่อชั่วโมง กลับโรงแรมกินสลัด อาบน้ำอีกรอบ ราตรีสวัสดิ์........
ซื้อสลัดมาทานเป็นมื้อเย็น
เดินวนมั่ว ๆ ซัก 10 นาทีได้ ก็เจอร้านกาแฟเล็ก ๆ ร้านนึงเปิดอยู่ ร้านนี้เป็นร้านทุกสิ่งอย่าง 10 Rand สั่งกาแฟมาทานคนละแก้วกับคีชผักโขม 1 ชิ้น ก็รวม 30 Rand ขอบอกเลยว่า กาแฟที่ดื่มใน South Africa นั้นอร่อยทุกร้าน (ราคาจะอยู่ช่วง 30 – 80 บาท ) แล้วตัดภาพมาดูราคากาแฟร้านอินดี้ ๆ บ้านเราแพงได้อิ๊ก!!
ร้าน Xpresso 10Rand ทุกอย่าง
งานวิ่งมาราธอนที่เคปทาวน์
ระหว่างที่เดินไปรอบ ๆ เห็นตำรวจเยอะแยะมากมายปิดถนน อ้อ! วันนี้มีงามวิ่งมาราธอน ที่นี่เป็นที่นิยมมีจัดวิ่งมาราธอนหลายครั้งแล้ว ก็ซักพักก็กลับ รร เพื่อไปสถานที่แรกที่ต้องไปให้ได้หากมา Capetown ซึ่งก็คือยอด Table Mountain เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติในซีกโลกใต้ ถ้ามาถึง Capetown แล้วจะสังเกตุได้ว่าเมืองนี้ทั้งเมืองจะตั้งอยู่รอบ Table Mountain ลูกนี้ เพราะฉะนั้นเดินไปไหน ก็จะเห็นวิวภูเขาอยู่ตลอด
* แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วกระเช้าล่วงหน้าในเว็ปไซน์ https://www.tablemountain.net/ ไปก่อนจะดีกว่า (ค่าตั๋วคนละ 330Rand)
จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ กระเช้าก็มีแค่ 2 ตัวสลับกันขึ้นลง ตั๋วจะมีอายุใช้ได้ 7 วัน
อากาศสดชื่น บริสุทธิ์มาก ขอหายใจสูดลึกๆเก็บไว้กลับมาใช้ที่ไทยหน่อย
วิวถ่ายจาก Signal Hill
ทางขึ้น Table Moutain ณ วันที่หมอกปกคลุมมองไม่เห็นอะไรเรยTT
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้