สวัสดีค่ะ เรามาขอแชร์ประสบการณ์การเป็นไข้เลือดออกที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาลเลยค่ะ
ตอนเป็นไข้เลือดออก เราอายุ25ปี มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง
ขอเล่าอาการเลยนะคะ วันนึงเรากำลังนั่งทำงาน แล้วรู้สึกหิวข้าวมากๆ เลยรีบกินข้าวกินไปได้นิดเดียว
แล้วจู่ๆก็กินไม่ลงค่ะ ใช่ค่ะ อยู่ๆก็ไม่อยากกินอะไรอีกเลย (คาดว่าเชื้อฟักตัวจนถึงจุดที่ร่างกายป่วย เลยไม่อยากอาหาร)
จากนั้นไข้เริ่มขึ้น เราปวดหัวนิดๆ ทนไป1ชม.เริ่มรู้สึกไม่ไหว เลยขับรถกลับไปนอนบ้าน
และคืนนั้นทั้งคืน เราปวดหัวทรมานมาก มากที่สุดในชีวิต ลูกตาปวดเหมือนมีคนเอาช้อนกดจะควักลูกตาเราออกมา
ในที่สุด ก็ไม่ไหวค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นเราขอให้ที่บ้านพาไปรพ. แล้วผลตรวจก็ออกมาตามคาดของคุณหมอค่ะ คือเราเป็นไข้เลือดออก
แม่เราก็สบายใจ ว่าอย่างไรก็ตรวจเจอโรคแล้ว อยู่ในมือหมอ นอนรพ.ยังไงก็ปลอดภัยแน่นอน
3วันแรกที่นอนรพ.เราก็ไข้ขึ้นๆลงๆตลอด พอไข้ขึ้นก็จะหนาวมากๆ ผ้าห่ม3ชั้นก็เอาไม่อยู่
พอไข้ลงก็ร้อนมากๆ ไม่เอาผ้าห่มสักผืน และแล้ว3วันแรกที่แสนจะทรมานก็ผ่านไป
ตื่นมาเช้าวันที่4 ที่นอนในรพ. เช้านั้นตื่นมา น้ำตาเราใหล และเรารู้สึกว่า เหมือนจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกแล้ว
เราบอกพ่อว่า เรารู้สึกว่าเราเหมือนจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน พ่อเราบอกว่า คิดมาก เดี๋ยวก็หายแล้ว
สักครู่ค่ะนางพยาบาลเดินเค้ามาในห้องเราแล้วบอกว่า คุณหมอขอเจาะดูเกล็ดเลือดอีกรอบนะคะ เนื่องจากผลเมื่อเช้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า20,000ละ
ถ้าต่ำลงไปอีกคงต้องย้ายไปห้องICU และไม่นานผลเลือดก็ออก ใช่ค่ะ เราต้องเข้าห้องไอซียู เพราะเกล็ดเลือดต่ำมาก และต้องรับเกล็ดเลือดโดยเร็ว
ระหว่างที่ได้รับเกล็ดเลือด เรารู้สึกขอบคุณผู้บริจาคมากๆค่ะ เหมือนเค้ามาต่อลมหายใจให้กับเรา ทุกวันนี้ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่
เราจะทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้
ขอเล่าต่อนะคะ หลังได้รับเกล็ดเลือดไป1ถุง ปรากฏว่าค่าเลือดของเรายังลงอยู่ หมอเลยจำเป็นต้องให้เกล็ดเลือดถุงที่2ค่ะ
ระหว่างนั้นอาการซ้อนจากโรคไข้เลือดออกก็เริ่มมาเยี่ยมเราค่ะ อาการแรกคือ ตับเราอักเสบไปที่เกือบๆ800 เราจบซี่โครงมาก
ขยับตัวก็เจ็บบริเวณตับ และเริ่มไอถี่ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดไม่ได้ พูดทีก็จะไอเป็นแผงๆ จนนางพยาบาลถามเราว่าต้องการใช้ออกซิเจนมั้ย
เราบอกไม่เอา เราไม่อยากให้ครอบครัว เข้ามาเยี่ยมแล้วเห็นสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แม้กระทั่งพูดยังไม่ได้
ช่วงนั้นเราเริ่มไม่ได้สติ อยากทำอะไรก็ทำเลย เราง่วงตลอด พร้อมหลับ
แต่มีความรู้สึกแปลกอย่างนึงคือ ตอนมีคนจับเราพลิกตัว เราได้ยินเสียงน้ำใหลในร่างกายเราค่ะ คือพอจับเอียงซ้าย
เราได้ยินเสียงน้ำในร่างกายเทจากขวามาซ้าย พอจับพลิกขวา ก็ได้ยินเสียงน้ำจากซ้าย ใหลเทมาทางขวา
เราก็งง แต่เพราะง่วงนอนมากๆเลยไม่ใส่ใจที่จะบอกใคร และนั่นค่ะ คืออาการเตือนว่า น้ำท่วมปอดแล้วค่ะ คงไม่มีใครขาดคิดว่าเราจะมาถึงจุดที่
ทั้งตับอักเสบและน้ำท่วมปอด เราได้ยินเสียงนางพยาบาลไปตามหมอมาแล้วพูดว่า เด็กคนนี้ผิดปกติ เพราะ หน้าบวมจมูกบาน
หมอเลยสั่งเอกซเรย์ค่ะ แล้วก็จริง น้ำท่วมปอดค่ะ หมอเลยสั่งฉีดยาเพื่อขับน้ำออกมาทางปัสสาวะ
เราปัสสาวะออกมาทั้งคืนหลายลิตรเลยค่ะ พอเช้าถัดมา เรารู้สึกสดชื่นมาก และคิดว่ารอดละ ความทรมานตลอดหลายวันที่ผ่านมา
เป็นมื้อแรกที่เห็นอาหารเช้าแล้วกินลง กินเกลี้ยง กินเรียบทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยค่ะ และคุณหมอเดินมาบอกข่าวดีกับเราว่า
พ้นจุดวิกฤติแล้วนะครับ หมอยังไม่เคยเจอใครเป็นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต60กว่าปีของหมอ (เกือบไปละจริงๆ)
หลังจากนั้นยังมีอาการท้องผูกซ้อนตามมาอีกค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
สรุปเรื่อง เราออกจากรพ.วันที่7นับแต่เริ่มเข้ารพ. เป็นไข้เลือดออก ตับอักเสบ น้ำท่วมปอด เกือบเอาชีวิตไม่รอด คุณหมอบอกว่าถ้ารู้ช้ากว่านี้อีกนิด เรื่องจะกลายเป็นเรื่องเศร้าเลย ต้องขอขอบคุณพี่ๆนางพยาบาลที่ดูแลเราดีมากๆ คอยสังเกตอาการ หลังจากกลับบ้านก็มีพี่ๆนางพยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาเยี่ยมเราที่บ้าน บอกให้เราไปทำบุญเยอะๆ คราวนี้ยังไม่ถึงคราวของเรา
หลังจากกลับบ้านเราใช้เวลาพักฟื้นประมาณเดือนครึ่งค่ะ เพราะตับอักเสบหนักมาก
โรคไข้เลือดออก ต้องดูแลผู้ป่วยกันดีๆนะคะ อย่าชะล่าใจค่ะ ทุกคนมีโอกาสอาการหนักกันได้หมด และนั่นหมายถึงชีวิตเรา
ไม่ว่าจะเคยแข็งแรงขนาดไหนมาก็ตาม
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ
ตอนนี้เราตะหนักรู้เลยว่า แค่มีลมหายใจอยู่ คือมีบุญที่สุดแล้วค่ะ ขอให้ทุกคนรักชีวิตตัวเองกันให้มากๆนะคะ ดูแลคนเราเรารักและรักเราค่ะ
แชร์ประสบการณ์เป็นไข้เลือดออก ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ดูแลคนที่คุณรักดีๆกันนะคะ
ตอนเป็นไข้เลือดออก เราอายุ25ปี มีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง
ขอเล่าอาการเลยนะคะ วันนึงเรากำลังนั่งทำงาน แล้วรู้สึกหิวข้าวมากๆ เลยรีบกินข้าวกินไปได้นิดเดียว
แล้วจู่ๆก็กินไม่ลงค่ะ ใช่ค่ะ อยู่ๆก็ไม่อยากกินอะไรอีกเลย (คาดว่าเชื้อฟักตัวจนถึงจุดที่ร่างกายป่วย เลยไม่อยากอาหาร)
จากนั้นไข้เริ่มขึ้น เราปวดหัวนิดๆ ทนไป1ชม.เริ่มรู้สึกไม่ไหว เลยขับรถกลับไปนอนบ้าน
และคืนนั้นทั้งคืน เราปวดหัวทรมานมาก มากที่สุดในชีวิต ลูกตาปวดเหมือนมีคนเอาช้อนกดจะควักลูกตาเราออกมา
ในที่สุด ก็ไม่ไหวค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นเราขอให้ที่บ้านพาไปรพ. แล้วผลตรวจก็ออกมาตามคาดของคุณหมอค่ะ คือเราเป็นไข้เลือดออก
แม่เราก็สบายใจ ว่าอย่างไรก็ตรวจเจอโรคแล้ว อยู่ในมือหมอ นอนรพ.ยังไงก็ปลอดภัยแน่นอน
3วันแรกที่นอนรพ.เราก็ไข้ขึ้นๆลงๆตลอด พอไข้ขึ้นก็จะหนาวมากๆ ผ้าห่ม3ชั้นก็เอาไม่อยู่
พอไข้ลงก็ร้อนมากๆ ไม่เอาผ้าห่มสักผืน และแล้ว3วันแรกที่แสนจะทรมานก็ผ่านไป
ตื่นมาเช้าวันที่4 ที่นอนในรพ. เช้านั้นตื่นมา น้ำตาเราใหล และเรารู้สึกว่า เหมือนจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกแล้ว
เราบอกพ่อว่า เรารู้สึกว่าเราเหมือนจะไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน พ่อเราบอกว่า คิดมาก เดี๋ยวก็หายแล้ว
สักครู่ค่ะนางพยาบาลเดินเค้ามาในห้องเราแล้วบอกว่า คุณหมอขอเจาะดูเกล็ดเลือดอีกรอบนะคะ เนื่องจากผลเมื่อเช้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า20,000ละ
ถ้าต่ำลงไปอีกคงต้องย้ายไปห้องICU และไม่นานผลเลือดก็ออก ใช่ค่ะ เราต้องเข้าห้องไอซียู เพราะเกล็ดเลือดต่ำมาก และต้องรับเกล็ดเลือดโดยเร็ว
ระหว่างที่ได้รับเกล็ดเลือด เรารู้สึกขอบคุณผู้บริจาคมากๆค่ะ เหมือนเค้ามาต่อลมหายใจให้กับเรา ทุกวันนี้ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่
เราจะทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้
ขอเล่าต่อนะคะ หลังได้รับเกล็ดเลือดไป1ถุง ปรากฏว่าค่าเลือดของเรายังลงอยู่ หมอเลยจำเป็นต้องให้เกล็ดเลือดถุงที่2ค่ะ
ระหว่างนั้นอาการซ้อนจากโรคไข้เลือดออกก็เริ่มมาเยี่ยมเราค่ะ อาการแรกคือ ตับเราอักเสบไปที่เกือบๆ800 เราจบซี่โครงมาก
ขยับตัวก็เจ็บบริเวณตับ และเริ่มไอถี่ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดไม่ได้ พูดทีก็จะไอเป็นแผงๆ จนนางพยาบาลถามเราว่าต้องการใช้ออกซิเจนมั้ย
เราบอกไม่เอา เราไม่อยากให้ครอบครัว เข้ามาเยี่ยมแล้วเห็นสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แม้กระทั่งพูดยังไม่ได้
ช่วงนั้นเราเริ่มไม่ได้สติ อยากทำอะไรก็ทำเลย เราง่วงตลอด พร้อมหลับ
แต่มีความรู้สึกแปลกอย่างนึงคือ ตอนมีคนจับเราพลิกตัว เราได้ยินเสียงน้ำใหลในร่างกายเราค่ะ คือพอจับเอียงซ้าย
เราได้ยินเสียงน้ำในร่างกายเทจากขวามาซ้าย พอจับพลิกขวา ก็ได้ยินเสียงน้ำจากซ้าย ใหลเทมาทางขวา
เราก็งง แต่เพราะง่วงนอนมากๆเลยไม่ใส่ใจที่จะบอกใคร และนั่นค่ะ คืออาการเตือนว่า น้ำท่วมปอดแล้วค่ะ คงไม่มีใครขาดคิดว่าเราจะมาถึงจุดที่
ทั้งตับอักเสบและน้ำท่วมปอด เราได้ยินเสียงนางพยาบาลไปตามหมอมาแล้วพูดว่า เด็กคนนี้ผิดปกติ เพราะ หน้าบวมจมูกบาน
หมอเลยสั่งเอกซเรย์ค่ะ แล้วก็จริง น้ำท่วมปอดค่ะ หมอเลยสั่งฉีดยาเพื่อขับน้ำออกมาทางปัสสาวะ
เราปัสสาวะออกมาทั้งคืนหลายลิตรเลยค่ะ พอเช้าถัดมา เรารู้สึกสดชื่นมาก และคิดว่ารอดละ ความทรมานตลอดหลายวันที่ผ่านมา
เป็นมื้อแรกที่เห็นอาหารเช้าแล้วกินลง กินเกลี้ยง กินเรียบทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยค่ะ และคุณหมอเดินมาบอกข่าวดีกับเราว่า
พ้นจุดวิกฤติแล้วนะครับ หมอยังไม่เคยเจอใครเป็นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต60กว่าปีของหมอ (เกือบไปละจริงๆ)
หลังจากนั้นยังมีอาการท้องผูกซ้อนตามมาอีกค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
สรุปเรื่อง เราออกจากรพ.วันที่7นับแต่เริ่มเข้ารพ. เป็นไข้เลือดออก ตับอักเสบ น้ำท่วมปอด เกือบเอาชีวิตไม่รอด คุณหมอบอกว่าถ้ารู้ช้ากว่านี้อีกนิด เรื่องจะกลายเป็นเรื่องเศร้าเลย ต้องขอขอบคุณพี่ๆนางพยาบาลที่ดูแลเราดีมากๆ คอยสังเกตอาการ หลังจากกลับบ้านก็มีพี่ๆนางพยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาเยี่ยมเราที่บ้าน บอกให้เราไปทำบุญเยอะๆ คราวนี้ยังไม่ถึงคราวของเรา
หลังจากกลับบ้านเราใช้เวลาพักฟื้นประมาณเดือนครึ่งค่ะ เพราะตับอักเสบหนักมาก
โรคไข้เลือดออก ต้องดูแลผู้ป่วยกันดีๆนะคะ อย่าชะล่าใจค่ะ ทุกคนมีโอกาสอาการหนักกันได้หมด และนั่นหมายถึงชีวิตเรา
ไม่ว่าจะเคยแข็งแรงขนาดไหนมาก็ตาม
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ
ตอนนี้เราตะหนักรู้เลยว่า แค่มีลมหายใจอยู่ คือมีบุญที่สุดแล้วค่ะ ขอให้ทุกคนรักชีวิตตัวเองกันให้มากๆนะคะ ดูแลคนเราเรารักและรักเราค่ะ