แม่ค้าขายยำแผงลอยเล็กๆ รึจะมีปัญญาซื้อบ้าน.....ค่ะเจ็บจนจุก

ขอแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวกู้ซื้อบ้านของแม่ค้าแผงลอยนะคะ
ใช่ค่ะที่คุณอาท่านนั้นพูดถึงเราก็มีข้อถูกคือ เราขายยำแผงลอยเล็กๆ จริง 

             นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 
  
             ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะคะเราชื่อยุ เป็นคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิดแต่ด้วยเหตุผลการเงินที่ไม่พอจะกินไม่พอจะเก็บทำให้จากลูกจ้างกินเงินเดือน ต้องมาขายยำเป็นอาชีพเสริมแล้วก็ทุบหม้อข้าวตัวเองลาออกจากงานประจำ และได้ย้ายมาขายยำเป็นอาชีพหลักเต็มตัวด้วยมีความหวังว่าเราจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจย้ายมาค้าขายที่ขอนแก่นนั้น ยุกับแฟนเป็นลูกจ้างของโรงพยาบาล การไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนทำให้เราต้องเป็นหนี้บัตรต่างๆ ที่ไหนให้กู้เราเอาหมดแรกๆ ก็ผ่อนได้ปกติแต่ช่วงหลังเริ่มประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทัน แฟนต้องไปขอขึ้นเวรเปลเพื่อที่จะได้มีรายได้เพิ่ม เค้าขึ้นเวรติดกันจนเค้าป่วย และเค้าจะเอากับข้าวโรงพยาบาลที่เหลือเพราะส่วนมากเจ้าหน้าที่เค้าไม่ค่อยกินด้วยรสชาติที่ค่อนข้างจืดหรือด้วยอะไรก็ตาม แต่เรากินค่ะเพราะในวินาทีนั้นเราเลือกอะไรไม่ได้แล้วเราต้องกินเพื่อเก็บเงินไปใช้หนี้ เรายังขอบคุณข้าวทุกเม็ด แกงจืดเหรียญบาทมาจนถึงทุกวันนี้ที่ช่วยต่อชีวิตเรา และทำให้ได้รู้ว่าคู่ทุกข์คู่ยากเป็นเช่นไร 
              เราก็คุยกันว่าเราคงไม่รอดในอาชีพลูกจ้างจึงตัดสินใจมาหาทำเลขายของที่ขอนแก่นเพราะมีน้องรับราชการทหารอยู่เราสามารถอาศัยพักกับน้องในช่วงแรกได้ เราก็มาสมัครขายยำที่ตลาดมอดินแดง มหาลัยขอนแก่น มาเจอช่วงเค้าปรับปรุงตลาดพอดีด้วยความที่เรามาใหม่โดนจับไปอยู่มุมอับอีก ช่วงแรกนี้คือขายได้วันละ 300บาท ทนอีกประมาณ 3 เดือน ตลาดย้ายกลับมาที่เดิมเราก็เริ่มขายได้มากขึ้นกว่าเดิมมีลูกค้ามากขึ้นเพราะเราปรุงสด จากที่อาศัยอยู่กับน้องก็ย้ายออกมาเช่าห้องอยู่ตอนนั้นท้องใกล้คลอด เราเริ่มจากเช่าห้องเป็นเช่าบ้านเพราะต้องให้แม่มาช่วยเลี้ยงหลานเนื่องจากเราขายตอนเย็นถึงดึก เราเริ่มเสียดายค่าเช่าที่ทิ้งเปล่าก็เริ่มคิดที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง ช่วงนั้นพ่อก็มาช่วยเลี้ยงหลานบ้างมีวันหนึงพ่ออาศัยรถอาข้างบ้านที่เค้ามาหาหมอที่ขอนแก่นช่วงที่อยู่บนรถก็คุยกัน พ่อก็พูดขึ้นว่าลูกกำลังจะซื้อบ้านจัดสรรที่ขอนแก่นจะได้ไม่ต้องเช่าเค้าแล้วหล่ะ อาคนขับรถก็พูดสวนขึ้นมาว่าโอ้ยเป็นแค่แม่ค้าไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอก พ่อแกก็ไม่พูดต่อแต่แกคงจุกพอๆ กับที่เราจุกตอนที่ได้ยิน

เราเตรียมตัวปีแรกในแบบที่ตัวเองเข้าใจ 
1.     เดินบัญชีโดยเอาเฉพาะกำไรเข้าบัญชี พอเริ่มมีเงินเหลือเก็บเราก็เอาไปใช้หนี้ปิดบัตรทุกใบที่เราเป็นหนี้ ยกเว้นหนี้แฟนเราเดินบัญชีชื่อเราซึ่งคิดว่าไม่น่าเป็นปัญหา 
2.     บัญชีรับจ่ายรวมกันของร้าน และครัวเรือน
3.     ใบเสร็จรับเงินจากการจ่ายค่าเช่าล็อคตั้งแต่เริ่มขาย
4.     บิลเงินสดจากที่ไปจ่ายตลาดสด และใบเสร็จจากห้างต่างๆ 
5.     หลักฐานประจำตัวเช่นบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และไม่มีเอกสารประกอบอื่นอีก แต่เรารู้ว่ารายได้เรามากพอที่จะส่งบ้านได้ ก็ตัดสินใจยื่นกู้ครั้งแรกผลปรากฏว่า
 
-          แบงค์เขียวเพราะเราเดินบัญชีที่นี่ ไม่ผ่านเพราะขาดทะเบียนพานิชย์ ใช้ใบเสร็จจ่ายค่าเช่าแทนไม่ได้
-          แบงค์สีฟ้าเพราะเค้าโคกับทางโครงการ ไม่ผ่านด้วยคำถามเดียวว่าไม่มีรายได้จากทางอื่นอีกเลยเหรอ statement ไม่ผ่าน ไม่มีความสัมพันธ์กับบัญชีรับจ่าย

หมดแรงเดินคอตกกลับบ้านเช่า ย้อนคิดถึงคำพูดของอาคนนั้น รึเราจะไม่มีปัญญาจริงๆ ....
ช่วงแรกยอมรับเลยว่าหมดกำลังใจมาก แต่พอมองหน้าลูกและแม่ที่มาช่วยเลี้ยงอยากให้เค้ามีพื้นที่กว้างๆ วิ่งเล่น ก็ฮึดสู้ใหม่ เริ่มหาข้อมูลมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้จริงๆ ค่ะ ใน Pantip นี่แหละค่ะ จำกระทู้พี่เค้าไม่ได้แล้วเพราะหาข้อมูลหลายที่มากและได้ข้อมูลมาประมาณว่า เราต้องเดินบัญชีทุกวัน ต้องมีเงินฝากประจำ และซื้อสลากออมสินเพื่อเป็นหลักประกันอาชีพที่เลื่อนลอยของเรา

นี่คือผลลัพธ์ของความพยายาม ของแม่ค้าอย่างเราผลการพิจารณาของธนาคารส่งมาว่าวงเงินกู้ผ่าน 100% เพียง 1 สัปดาห์ หลังยื่นกู้ 



การเตรียมตัวมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
1. การเดินบัญชี หลักของการเดินบัญชีที่ดีของผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแม่ค้าแผงลอยอย่างเราควรเองเงินเข้า-ออก ทุกวัน แต่ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ให้ทบยอดเงิน

จากการเดินบัญชีของเรา
วันที่ 26/01/60 เอายอดเงินที่ขายได้ เข้า 1,230 และถอนออกมาซื้อของลงทุน 500
วันที่ 27/01/60 เอายอดเงินที่ขายได้ เข้า 1,300 และถอนออกมาซื้อของลงทุน 300
วันที่ 28/01/60 เอายอดเงินที่ขายได้ เข้า 1,100 และถอนออกมาซื้อของลงทุน 200

รายการเดินบัญชีเราก็จะประมาณนี้ ที่ร้านขายตอนบ่ายถึงค่ำเงินยอดขายที่ได้จะเอาเข้าบัญชีเป็นของวันพรุ่งนี้เพื่อการฝากและถอนจะได้เป็นวันเดียวกัน สามารถถอนเงินออกมาจากบัญชีที่เราใช้เดิน Statement ได้นะคะ แต่ให้มีเงินเหลือคงค้างไว้หน่อย ไม่ควรถอนออกมาจนหมด

เดินบัญชีเกือบทุกวันในระยะเวลา 1 ปี


2. บัญชีรายรับ-รายจ่าย เราจะใช้เป็นแอปในโทรศัพท์ ชื่อพอเพียงบัญชีรับจ่าย

ใช้ง่ายค่ะดีกว่าที่เราจะเขียนใส่สมุด หรือกระดาษ เพราะการที่จะยื่นเอกสารให้ธนาคารเราควรให้เอกสารของเราอ่านเข้าใจง่าย เจ้าหน้าที่เห็นแล้วอยากอ่านไม่ใช่เป็นเอกสารลายมือเรา การทำบัญชีรับจ่ายควรแยกระหว่างของร้าน และครัวเรือนนะคะ เราสามารถปริ้นเอกสารได้ค่ะ

ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
ที่ร้านเราขายกัน 2 คนกับแฟนค่ะไม่มีลูกจ้าง ยอดขายเราก็ไม่ได้แบบนี้ทุกวัน ขายในมหาลัยมีช่วงปิดเทอม ตลาดเป็นแบบเปิดช่วงหน้าฝนเราก็ขายไม่ได้ วันไหนหยุด หรือเกิดเหตุฉุกเฉินในครอบครัวลูกป่วยบ้าง มีช่วงหนึ่งแฟนไปตลาดขับมอเตอร์ไซค์เพราะไปมาสะดวกชนกับสุนัขที่วิ่งไล่กันทำให้กระดูกไหปลาร้าหักทำให้ต้องเข้าเฝือกอ่อนเกือบ 2 เดือน เราก็หยุดร้านไม่มีรายได้เลยเพราะแฟนเป็นหลักของร้าน ของครอบครัว เราไม่ได้มีเงินเดือน ไม่ได้ขายออนไลน์ ขยันเราก็มีรายได้ หยุดพักไม่มีเงินชดเชย ก็มีวางแผนกันในอนาคตถึงเรื่องการเปิดคอร์สจึงจะจดทะเบียนและทำเอกสารเข้าระบบให้เรียบร้อย
ขอบคุณเพื่อนที่ห่วงเรื่องการลอกเลียนแบบทำตาม เพราะเราก็ลอกเค้ามาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ขายใกล้กันข้ามมาหลายจังหวัด ถ้าพูดถึงการลอกเลียนแบบเหมือนเป็นเรื่องปกติของบ้านเรา เพราะเราเป็นยำขีดเจ้าแรก ต่อมาก็ขายเป็นขีดเหมือนกันหมดที่ตลาดเรามี 3 เจ้า ล็อคติดกันด้วยค่ะ แต่เราก็อยู่ร่วมกันได้และลูกค้าก็กลับมาหาเราเหมือนเดิม
เริ่มข้อต่อไปดีกว่านะคะ
3. ใบทะเบียนพาณิชย์ หรือใบเสร็จค่าเช่าล็อค
โดยหลักแล้วธนาคารต้องการใบทะเบียนพาณิชย์ และเราเคยไปขอจดที่เทศบาลเจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าเราเป็นลักษณะแผงลอยไม่สามารถจดได้ เราต้องหาหลักฐานยืนยันตัวเราว่าเราเป็นแม่ค้าจริง มีระยะเวลาการขายติดต่อกันหลายปีเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราสามารถผ่อนจ่ายกับทางธนาคารได้จริงตามกำหนดเวลา เราจะใช้เป็นใบเสร็จค่าเช่าล็อคตั้งแต่ขายมาจนถึงวันที่ยื่นกู้ก็ประมาณ 3 ปีได้ค่ะ

4. ใบเสร็จ หรือบิลเงินสดที่ทางร้านออกให้
ใช้ย้อนหลังประมาณ 6 เดือน โดยขอรบกวนทางร้านออกบิลเงินสดให้ถ้าเป็นร้านที่ตลาดสดลงที่อยู่ร้าน และวันที่ด้วยนะคะ ถ้าใครซื้อของตามห้างก็จะง่ายหน่อยเพราะเค้าลงวันที่ให้เราเรียบร้อย

5. บัญชีเงินฝากประจำ
ที่เราจำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากประจำ เพราะเป็นหลักฐานประกอบชิ้นสำคัญเพื่อให้ธนาคารเห็นว่าเรามีความสามารถในการออม และยอดที่เราจำเป็นต้องฝากคือยอดที่เราคำนวณมาแล้วว่าเราต้องจ่ายค่าบ้านที่เราต้องการจะซื้อต่อเดือนเท่าไหร่ สมมุติว่าบ้านที่เราต้องการซื้อต้องผ่อนเดือนละ 10,000 บาท  10,000 คือยอดที่เราจำเป็นต้องฝากประจำ ไม่ใช่แค่ธนาคารเท่านั้นที่จะรู้ว่าเรามีความสามารถในการออมที่แบ่งส่วนจากบัญชีครัวเรือนแล้ว เรายังได้รู้ว่าถ้าได้บ้านมาจริงเราสามารถผ่อนได้โดยที่เราไม่เดือดร้อน บ้านเราจะไม่โดนยึดแน่นอน

6. สลากออมสิน
แม่ค้าแผงลอย นี่คือคำจำกัดความที่เจ้าหน้าที่หลายส่วนให้เรามา ดังนั้นแล้วเราต้องมีหลักฐานแสดงให้เค้าเห็นว่าเรามีความสามารถในการออม สลากออมสินเป็นทางเลือกที่เราจะให้ธนาคารรู้ว่าเรามีเงินนอนอย่างน้อยก็ประมาณ 2-3 ปี ก็เลยตัดสินใจซื้อสลากไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการกู้บ้าน

7. เอกสารส่วนตัว สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน
มีอีกเรื่องที่เป็นประเด็นคือแฟนติดแบล็คลิสต์  ตอนแรกว่าจะใช่ชื่อเรากู้คนเดียวคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่เราจดทะเบียนสมรสค่ะ และรายได้ของเราก็มาจากค้าขายทางเดียว เอาหล่ะสิ !!!!
ก็ปรึกษากันอีกรอบตัดสินใจโทรหาธนาคารเจ้าของหนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ประสานให้มาคุยกับฝ่ายติดตามทวงหนี้
ได้พูดคุยกันก็แบ่งการชำระหนี้เป็น 2 แบบ คือ
1. ผ่อนรายเดือน รามต้นกับดอกเบี้ยก็บานเลยค่ะ
2. ตัดสด ธนาคารจะลดให้ครึ่งครึ่ง
เราก็ตัดสินใจเลือกข้อ 2 พอชำระหนี้ที่ติดค้าง ทางธนาคารเจ้าของหนี้จะส่งเป็นเอกสารยืนยันการชำระหนี้มาให้ เราก็ใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นกู้เลยค่ะ
หลังจากส่งเอกสารให้ทางธนาคารประมาณ 3 วัน ธนาคารให้เราไปเซ็นเอกสาร รวมถึงเราต้องคำนวณรายจ่ายทุกส่วนทั้งของร้าน และรายจ่ายครัวเรือนก็วันนี้แหละค่ะ ว่ารายได้จากยอดขายหักต้นทุนแล้วเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ และหักรายจ่ายครัวเรือนแล้วเหลือสุทธิเท่าไหร่ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการผ่อนจ่ายได้หรือไม่ น่าจะรอบสุดท้ายที่ต้องลุ้น เจ้าหน้าที่แจ้งเราว่าวงเงินอนุมัติน่าจะประมาณ 80-90 % ให้เราเตรียมเงินสำรองเผื่อไม่พอ เอาแล้วไงให้ลุ้นอีกรอบจ้า
จากนั้นก็รออีกประมาณ 1 สัปดาห์ ธนาคารส่งข้อความมาว่าวงเงินกู้อนุมัติได้วงเงิน 100% เพิ่มค่าตกแต่งให้อีกจ้า
กราบขอบพระคุณธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ราวกับว่าถูกรางวัลที่ 1 โอ้ยน้อแต่มันคือหนี้ก้อนโตที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายอุ้มท้องช่วยกันขายของแทบไม่มีวันหยุดจนคลอดลูก หลังคลอดพักประมาณเดือนออกมาขายของช่วยแฟนต่อ แลกด้วยหยาดน้ำตา ในช่วงที่เราอดมือกินมื้อ
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ และหนึ่งประสบการณ์ในการเตรียมตัวและเตรียมเอกสารสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลเพื่อบ้านนะคะ  อาชีพทุกอาชีพมีเกียรติ เราทุกคนก็มีเกียรติของเราค่ะ ใครไม่ให้เกียรติเราเราไม่ว่าแต่เราอย่าลืมให้เกียรติตัวเอง และให้ผู้อื่นด้วยนะคะโลกของเราจะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะ
ขอบคุณเพื่อนทุกคนทีแวะเข้ามาอีกครั้งนะคะ

เนื่องจากแผงลอยขอจดทะเบียนพาณิชย์ไม่ได้ ปัจจุบันมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วจะไปขอจดทะเบียนพาณิชย์กับทางเทศบาลอีกรอบ และจัดการเรื่องภาษีให้เรียบร้อย ขอขอบคุณอีกครั้งทุกกำลังใจ และทุกความเห็นนะคะ ขอบคุณลูกค้าที่แวะมาให้กำลังใจด้วยสิ้นปีมีของตอบแทนลูกค้าด้วยนะคะ ถ้าอยู่ขอนแก่นแวะมาทานยำกันได้
เพี้ยนขอบคุณเพี้ยนสวัสดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่