สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
<<!!! SPOILER ALERT !!!>>
รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ สำหรับการลั่นกระสุนนัดแรก?
เขาถูกทำร้ายมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยได้รับความเป็นธรรมเลยสักครั้ง แถมสังคมยังทอดทิ้ง
ผู้ชายอ่อนแอคนหนึ่ง ถูกรุมทำร้ายโดยผู้ชาย 3 คนอย่างไม่มีความปราณี ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกรุมทำร้าย
ความรุนแรงที่เริ่มขึ้น เริ่มจากการป้องกันตัว แต่พอลั่นกระสุนนัดแรก ก็กระตุ้นโทสะที่สะสมไว้ให้ยิงนัดที่ 2 นัดที่ 3 ตามมา จนสุดท้าย ก็เป็นการระบายความเคียดแค้นโดยการไล่ตามยิงคนที่พยายามหนี
แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดียังมี จะเห็นได้ว่า พอโทสะสงบลง เจ้าตัวรู้สึกกลัวมากต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป
แต่มันยังดิ่งลงไปอีก เพราะพวก "คนดี?" ในสังคมออกมาวิจารณ์อย่างไม่รู้ความจริง แม้การฆ่าคนของเขาเป็นการทำเกินกว่าเหตุ แต่พวกที่ตาย ก็เป็นพวกคนชั่วที่ทำร้ายผู้ที่อ่อนแอและด้อยกว่า ราวกับว่า พวกมีการศึกษาสูง การงานดี พลพรรคของนายทุนช่างแสนดี ส่วนคนยากจน อ่อนแอ หาเช้ากินค่ำ ช่างแสนเลว ทำร้ายผู้ที่มีชีวิตที่ดีกว่าด้วยความริษยา ช่องว่างระหว่างชนชั้นมันช่างกว้างและคุณค่าของมนุษย์ถูกตัดสินด้วยชนชั้น
แย่ยิ่งกว่านั้น เพราะคำวิจารณ์มาจากปากของ โทมัส เวน ที่กำลังจะผูกขาดทั้งเศรษฐกิจและอำนาจของเมือง คนที่ได้รับความยกย่องบูชาจากทุกคน... โดยเฉพาะแม่ของเขาเอง
ผนวกเข้ากับการสนับสนุนของคนหมู่มาก คือ เหล่าคนยากจนที่กำลังยากลำบาก ที่เห็นดีเห็นงามกับความรุนแรง ช่วยให้เขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และการกระทำของเขาก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป
เดิมทีเขาไม่ใช่คนชั่ว เขาเป็นคนป่วย แต่สังคมเป็นคนผลักไสให้เขาพึ่งความรุนแรง สังคมสนับสนุนให้เขามีหิริโอตัปปะน้อยลง และสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขา ทำให้เขาไม่มีภูมิต้านทานทางใจเพียงพอที่จะต่อต้านสิ่งเหล่านั้น
เมื่อถึงจุดดิ่ง ไม่มีอะไรเลยที่จะดึงเขากลับไปสู่ทางที่ควร
เขาไม่มีเพื่อนหรือคนรัก คนรักของเขา เป็นแค่ภาพหลอน เพียงความเพ้อฝันของเขา
เขาไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทุกคนที่เขารัก ต่างก็ทำร้ายเขา
คนที่เขาคิดว่าเป็นแม่ เป็นเพียงคนที่รับเขามาเลี้ยงและไม่ปกป้องเขา (แต่เรื่องนี้ หนังผูกปมไว้ให้กำกวม เพราะแม่ของเขาเคยบอกว่า "ไม่มีประโยชน์ เขาบังคับให้แม่เซ็นเอกสารไปแล้ว" และภายหลัง เขายังพบภาพของแม่สมัยยังสาว ด้านหลังภาพมีคำพูดเชิงชู้สาวที่ลงชื่อโดย โทมัส เวน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ แต่ ณ เวลานั้น ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจอีกแล้ว จึงขยำทิ้งอย่างไม่ใยดี)
โทมัส เวน ที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นพ่อ คนที่แม่คอยชมเชยยกย่องให้เขาฟังแต่เล็ก วิจารณ์ถึงการฆ่าของเขาแบบขาดข้อมูลและความเข้าใจ แถมยังปฏิบัติกับเขาอย่างไม่ใยดีและใช้ความรุนแรง
เมอเรย์ พิธีกรรายการตลกที่เขารัก เห็นเขาเป็นตัวตลก... ไม่ใช่การตลกจากงานแสดงของเขา แต่เป็นความตลกจากความล้มเหลวของเขา แม้จะชวนเขาไปออกรายการทีวี แต่ก็ทำไปเพียงเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา พิธีกรคนนี้เป็นคนชั่วร้ายหรือ? ไม่เลย คำวิพากษ์วิจารณ์ที่กล่าวออกมาก็สมเหตุสมผลดีอยู่ แต่ว่า... สายไปแล้ว สำหรับเขา พิธีกรผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่พวกมือถือสากปากถือศีล เป็นแค่อีกคนที่ทำร้ายเขาและไม่เคยเห็นค่าในตัวเขา
ช่วงท้ายของเรื่อง ชายผู้เคยไร้ค่าผู้นี้ อยู่กลางเมืองที่มีจราจล ได้รับการเทิดทูนจากฝูงชนที่กำลังคลั่ง ที่สำหรับเขา คือ โลกอันบ้าคลั่งเท่านั้น
หากจะให้ผมพยายามโยงให้เข้ากับหลักคุณธรรมและคำสอนขั้นพื้นฐานทางศาสนา อาจจะสรุปว่า
- เขาเป็นเพียงชายผู้อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ
- สังคมเสื่อมทราม ขับเคลื่อนโดยกิเลส และศีลธรรมตกต่ำ
- ความชั่วร้ายภายนอก ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นกิเลสในใจเขา โดยเริ่มต้นจากโทสะ ติดตามด้วยโมหะ และคอยกระพือกิเลส 2 ตัวนั้นให้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ (ในหนัง ชายผู้นี้ไม่แสดงออกถึงโลภะที่ชัดเจน)
- เขาขาดสรณะ ที่จะใช้เป็นที่พึ่งทางใจ
- เขาขาดกัลยาณมิตรที่ดี
- เขาคบหาคนพาล
- ผู้คนในสังคม ไร้พรหมวิหาร 4 ไร้หิริโอตัปปะ
- คนดีก็ตกต่ำได้ เมื่อคุ้นเคยกับการกระทำบาป และขาดที่ยึดเหนี่ยว
- หิริโอตัปปะของคนเราจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเราคุ้นเคยกับการกระทำผิด หรือได้รับการสนับสนุนยกย่องเมื่อกระทำผิด
- คนชั่ว และความรุนแรง อาจเป็นผลงานของสังคมที่ขาดคุณธรรม
- คำวิจารณ์อย่างไม่รู้ความจริง อาจทำร้ายจิตใจของคนๆ หนึ่งได้รุนแรงกว่าการทำร้ายร่างกายเสียอีก
- ความยุติธรรม เป็นสิ่งสำคัญ ความอยุติธรรม ฆ่าความเป็นคนได้โดยไม่ต้องเอาชีวิต
โจกเกอร์ จะไม่มีทางเป็น โจกเกอร์ เลย หากคนในสังคมให้ความเมตตา กรุณา กับเขาอยู่บ้าง ให้ความยุติธรรม และไม่สนับสนุนการทำชั่วของเขา
วันนี้พวกเรา ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในสังคมนอกจากตัวเองหรือพวกพ้องบ้าง?
รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ สำหรับการลั่นกระสุนนัดแรก?
เขาถูกทำร้ายมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยได้รับความเป็นธรรมเลยสักครั้ง แถมสังคมยังทอดทิ้ง
ผู้ชายอ่อนแอคนหนึ่ง ถูกรุมทำร้ายโดยผู้ชาย 3 คนอย่างไม่มีความปราณี ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกรุมทำร้าย
ความรุนแรงที่เริ่มขึ้น เริ่มจากการป้องกันตัว แต่พอลั่นกระสุนนัดแรก ก็กระตุ้นโทสะที่สะสมไว้ให้ยิงนัดที่ 2 นัดที่ 3 ตามมา จนสุดท้าย ก็เป็นการระบายความเคียดแค้นโดยการไล่ตามยิงคนที่พยายามหนี
แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดียังมี จะเห็นได้ว่า พอโทสะสงบลง เจ้าตัวรู้สึกกลัวมากต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป
แต่มันยังดิ่งลงไปอีก เพราะพวก "คนดี?" ในสังคมออกมาวิจารณ์อย่างไม่รู้ความจริง แม้การฆ่าคนของเขาเป็นการทำเกินกว่าเหตุ แต่พวกที่ตาย ก็เป็นพวกคนชั่วที่ทำร้ายผู้ที่อ่อนแอและด้อยกว่า ราวกับว่า พวกมีการศึกษาสูง การงานดี พลพรรคของนายทุนช่างแสนดี ส่วนคนยากจน อ่อนแอ หาเช้ากินค่ำ ช่างแสนเลว ทำร้ายผู้ที่มีชีวิตที่ดีกว่าด้วยความริษยา ช่องว่างระหว่างชนชั้นมันช่างกว้างและคุณค่าของมนุษย์ถูกตัดสินด้วยชนชั้น
แย่ยิ่งกว่านั้น เพราะคำวิจารณ์มาจากปากของ โทมัส เวน ที่กำลังจะผูกขาดทั้งเศรษฐกิจและอำนาจของเมือง คนที่ได้รับความยกย่องบูชาจากทุกคน... โดยเฉพาะแม่ของเขาเอง
ผนวกเข้ากับการสนับสนุนของคนหมู่มาก คือ เหล่าคนยากจนที่กำลังยากลำบาก ที่เห็นดีเห็นงามกับความรุนแรง ช่วยให้เขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และการกระทำของเขาก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป
เดิมทีเขาไม่ใช่คนชั่ว เขาเป็นคนป่วย แต่สังคมเป็นคนผลักไสให้เขาพึ่งความรุนแรง สังคมสนับสนุนให้เขามีหิริโอตัปปะน้อยลง และสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของเขา ทำให้เขาไม่มีภูมิต้านทานทางใจเพียงพอที่จะต่อต้านสิ่งเหล่านั้น
เมื่อถึงจุดดิ่ง ไม่มีอะไรเลยที่จะดึงเขากลับไปสู่ทางที่ควร
เขาไม่มีเพื่อนหรือคนรัก คนรักของเขา เป็นแค่ภาพหลอน เพียงความเพ้อฝันของเขา
เขาไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทุกคนที่เขารัก ต่างก็ทำร้ายเขา
คนที่เขาคิดว่าเป็นแม่ เป็นเพียงคนที่รับเขามาเลี้ยงและไม่ปกป้องเขา (แต่เรื่องนี้ หนังผูกปมไว้ให้กำกวม เพราะแม่ของเขาเคยบอกว่า "ไม่มีประโยชน์ เขาบังคับให้แม่เซ็นเอกสารไปแล้ว" และภายหลัง เขายังพบภาพของแม่สมัยยังสาว ด้านหลังภาพมีคำพูดเชิงชู้สาวที่ลงชื่อโดย โทมัส เวน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ แต่ ณ เวลานั้น ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจอีกแล้ว จึงขยำทิ้งอย่างไม่ใยดี)
โทมัส เวน ที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นพ่อ คนที่แม่คอยชมเชยยกย่องให้เขาฟังแต่เล็ก วิจารณ์ถึงการฆ่าของเขาแบบขาดข้อมูลและความเข้าใจ แถมยังปฏิบัติกับเขาอย่างไม่ใยดีและใช้ความรุนแรง
เมอเรย์ พิธีกรรายการตลกที่เขารัก เห็นเขาเป็นตัวตลก... ไม่ใช่การตลกจากงานแสดงของเขา แต่เป็นความตลกจากความล้มเหลวของเขา แม้จะชวนเขาไปออกรายการทีวี แต่ก็ทำไปเพียงเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา พิธีกรคนนี้เป็นคนชั่วร้ายหรือ? ไม่เลย คำวิพากษ์วิจารณ์ที่กล่าวออกมาก็สมเหตุสมผลดีอยู่ แต่ว่า... สายไปแล้ว สำหรับเขา พิธีกรผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่พวกมือถือสากปากถือศีล เป็นแค่อีกคนที่ทำร้ายเขาและไม่เคยเห็นค่าในตัวเขา
ช่วงท้ายของเรื่อง ชายผู้เคยไร้ค่าผู้นี้ อยู่กลางเมืองที่มีจราจล ได้รับการเทิดทูนจากฝูงชนที่กำลังคลั่ง ที่สำหรับเขา คือ โลกอันบ้าคลั่งเท่านั้น
หากจะให้ผมพยายามโยงให้เข้ากับหลักคุณธรรมและคำสอนขั้นพื้นฐานทางศาสนา อาจจะสรุปว่า
- เขาเป็นเพียงชายผู้อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ
- สังคมเสื่อมทราม ขับเคลื่อนโดยกิเลส และศีลธรรมตกต่ำ
- ความชั่วร้ายภายนอก ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นกิเลสในใจเขา โดยเริ่มต้นจากโทสะ ติดตามด้วยโมหะ และคอยกระพือกิเลส 2 ตัวนั้นให้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ (ในหนัง ชายผู้นี้ไม่แสดงออกถึงโลภะที่ชัดเจน)
- เขาขาดสรณะ ที่จะใช้เป็นที่พึ่งทางใจ
- เขาขาดกัลยาณมิตรที่ดี
- เขาคบหาคนพาล
- ผู้คนในสังคม ไร้พรหมวิหาร 4 ไร้หิริโอตัปปะ
- คนดีก็ตกต่ำได้ เมื่อคุ้นเคยกับการกระทำบาป และขาดที่ยึดเหนี่ยว
- หิริโอตัปปะของคนเราจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเราคุ้นเคยกับการกระทำผิด หรือได้รับการสนับสนุนยกย่องเมื่อกระทำผิด
- คนชั่ว และความรุนแรง อาจเป็นผลงานของสังคมที่ขาดคุณธรรม
- คำวิจารณ์อย่างไม่รู้ความจริง อาจทำร้ายจิตใจของคนๆ หนึ่งได้รุนแรงกว่าการทำร้ายร่างกายเสียอีก
- ความยุติธรรม เป็นสิ่งสำคัญ ความอยุติธรรม ฆ่าความเป็นคนได้โดยไม่ต้องเอาชีวิต
โจกเกอร์ จะไม่มีทางเป็น โจกเกอร์ เลย หากคนในสังคมให้ความเมตตา กรุณา กับเขาอยู่บ้าง ให้ความยุติธรรม และไม่สนับสนุนการทำชั่วของเขา
วันนี้พวกเรา ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในสังคมนอกจากตัวเองหรือพวกพ้องบ้าง?
แสดงความคิดเห็น
ตอนจบ Joker สรุปเป็นยังไง[สปอยล์]
ผมดู Soundtrack อยากรู้ว่า พากย์ไทยเป็นไงบ้างครับ