สวัสดีค่ะทู๊กคนนนนน วันนี้พวกเราสองคนจะมารีวิวการไปเที่ยว One Day Trip In Bangkok ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เกิดจากการที่พวกเราสองคนเรียนวิชา Domestic transportation หรือก็คือการขนส่งภายในประเทศนั่นเอง สาขาที่พวกเราเรียนก็คือสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งตอนนี้พวกเราอยู่ปี 2 กันแล้วววววว เย้ๆ เอาละเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าก็คือเราจะมารีวิวการท่องเที่ยวในกรุงเทพแบบงงๆของเราสองคนที่แทบจะเดินกันทั้งทริปเลย555555 กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราสองคนถ้าหากมีการผิดพลาดก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ
#หนีตามเด็กโลจิสเข้ากรุง
จุดเริ่มต้นของความรัก เอ้ยๆ จุดเริ่มต้นของทริปเราวันนี้คือสถานีรถไฟหัวลำโพงนั่นเอง
พอถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วก็ลอด mrt สถานีหัวลำโพงไปฝั่งพระราม4 เพื่อขึ้นรถเมล์สาย25 ไปยังสถานที่แรกของเราก็คือวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แต่รถเมล์จะเข้าไม่ถึงวัดนะต้องเดินข้ามถนนเข้าไปอีกหน่อยก็จะถึงวัดก่อนถึงวัดมีสะพาน6ให้เดินข้ามฝั่งและได้แวะถ่ายรูปกันชิวๆด้วยค่ะ
ค่ารถเมล์ 8 บาทจ้าา
ก่อนถึงวัดถ่ายรูปกลางถนนกัน หลบรถกันเหนื่อยทีเดียว55555
เดินมาก็เจอที่ถ่ายรูปอีกแล้วแวะถ่ายรูปกันสักหน่อยนิดนึงจริงๆได้มาเกือบร้อยรูปจากสะพาน6 ที่เดียวนะเนี่ยนิดเดียวจริ๊งจริง
เดินเรียบคลองมาอีกนิดก็ถึงแล้วจ้าาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดมีการบำรุงซ่อมแซมในตอนที่เราไปกันพอดีเลยไม่งั้นคงได้รูปสวยกว่านี้ เสียดายจุง
พอไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จ เราก็ลุยกันต่อเลยจ้าเดินวนไปวนมาระหว่างทางผ่านหน้ากระทรวงมหาดไทยเจอลุงขายผลไม้ยิ้มทักทายบวกกับความหิวของเราก็เลยแวะซื้อซะเลย
ระหว่างเดินไปสถานที่ต่อไปก็ยืนถ่ายรูปสวยๆกัน กินไม่แบ่งคนถ่ายเลยยย
เดินไปเดินมาหลงเฉย พ่าม แต่ไม่เป็นไรเรามี GPS เปิดแล้วเดินตามเลยจ้า
สถานที่ต่อไปของเราก็คือวัดสุทัศน์ มามีสาระกันหน่อยดีกว่า วัดสุทัศนเทพวราราม หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่าวัดสุทัศน์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทยและถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร หรือในหลวงรัชกาลที่8 เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน
ถึงสักทีน้ำตาจิไหลลล
เหมียวน้อย
ไหว้พระกันสบายใจ ถือโอกาสนักพักสักแปปนึงจากที่เดินกันมาเหนื่อยๆร้อนๆในวัดอากาศดีมากเย็นสบายที่สุดเลยสงบมากๆด้วยค่ะ
เสร็จจากไหว้พระไปถ่ายรูปที่เสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัดสุทัศน์กันต่อเลยจ้าพี่จ๋าาาาาาาา
ช่วงสาระน่ารู้ เสาชิงช้าที่ตั้งอยู่หน้าวัดสุทัศน์นั้นถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพและถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า โดยมีลักษณะเป็นเสาสีแดงสูงใหญ่ ตั้งอยู่บนแท่นหินฐานกลม ก่อเป็นฐานปัทม์ทำด้วยหินล้างสีขาว มีเสาไม้แกนกลางคู่และเสาตะเกียบสองคู่ ทำด้วยไม้สักกลึงกลม เสาชิงช้านี้สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมปวายของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแต่พิธีนี้ได้เลิกไปตั้งแต่รัชกาลที่ 7 ในปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ
สถานที่ต่อไปของเราก็คือพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ คิดว่าเรานั่งรถละซี่ถ้าคิดแบบนั้นคุณคิดผิดค่ะ เราเดินจ้าเดินกันทั้งวันจริงๆเป็นผู้หญิงเกิดมาต้องอดทน!!!
เดินข้ามถนนจากเสาชิงช้าเข้าซอย ร้านกาแฟแห่งพระนคร เดินตรงไปเรื่อยๆไม่ไกลมากก็จะเจอพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่
รูปสวยๆแบบนี้มีเณรน้อยมาถ่ายให้ด้วยนะจ๊ะ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการร่วมทำบุญบริจาคด้วยการจัดให้มีการใส่ชุดไทยถ่ายรูป
คุณป้าใจดีแต่งตัวหาอุปกรณ์ให้ครบเลยแถมยังตามมาช่วยจัดให้ด้วยน่ารักมากๆเลยค่ะ
ได้รูปสวยๆมาสองร้อยกว่ารูป55555พร้อมกับได้ทำบุญเราก็ไปกันต่อเลยจ้าสถานที่ต่อไปใกล้ๆกันเลยได้เวลากินแล้ววว ร้านมนต์นมสดยั่วๆจ้าาา
ระหว่างรอมานานก็เปิดสักที 14:00 น.เปิดแล้วจ้ามนต์นมสด คนเยอะจริงๆยอมเลย.......แต่เพื่อของกินเราทำได้!!
อย่าพลาดขนมปังข้าวโพดเด็ดขาดกันเลยนะทุกคน!!!!
อิ่มแล้วมาเดินย่อยกันดีกว่าไปจ้าเดินอีกแล้วจ้า เราไม่เมื่อยเราไม่เหนื่อยพร้อมลุยไปสถานที่สุดท้ายของวันนี้กัน
ออกจากร้านมนต์นมสดทางซ้ายมือตรงมาอีกน้อยเดินเข้าซอยข้างร้านอาหารเป็นซอยเล็กระหว่างทางเจอเจ้าเหมียวอีกแล้ว ครองโลกแล้วมั้งเนี่ย555
ถึงสักทีสถานที่สุดท้าย วัดมหรรณพารามวรวิหาร
ช่วงสาระน่ารู้ วัดมหรรณพารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยกรมหมื่นอุดมรัตนราษีที่มีพระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าอรรณพ เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากกรมหมื่นอุดมรัตนราษีได้สิ้นพระชนม์แล้ว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดมหรรณพาราม สถาปัตยกรรมภายในวัดมีทั้งแบบไทยและแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน หลังคาของพระอุโบสถไม่มีช่อฟ้า ใบระกา มีพระประธานปั้นด้วยปูน ลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนพระวิหารมีขนาดเท่ากับพระอุโบสถ รวมทั้งมีศิลปะแบบเดียวกัน มีพระพุทธรูปหล่อสมัยสุโขทัยนามว่า พระร่วงทองคำ ประดิษฐานอยู่
ด้านหน้าวัดจะมีพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 ให้ไหว้สักการะขอพรกันอย่าลืมแวะไหว้กันด้วยนะคะทุกคน
ขากลับออกมานั่งรถเมล์หน้าวัดมหรรณพารามวรวิหารกลับไปหัวลำโพงเพื่อจะขึ้นรถไฟกลับบ้านก็ได้นะคะหรือใครอยากจะที่ยวต่อก็ไม่ว่ากันเวลาเหลือเยอะเลยเที่ยวได้อีกสองสามที่เลยแหละแต่พวกเราขอกลับก่อนนะ ไว้เจอกันอีกทริปหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนจบนะคะ บ๊ายบายจ้าพี่จ๋า
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้
-ค่ารถไฟจากสถานีรถไฟเชียงรากน้อยไปสถานีรถไฟหัวลำโพง 2 คนคนละ 10 รวม 20 บาท
-ค่ารถเมล์สาย25 2คนคนละ 8 บาท รวม 16 บาท
-ค่าผลไม้ 40 บาท
-ค่าดอกไม้ธูปเทียน 40 บาท
-ค่าค่าเช่าชุด 2 คนคนละ 100 บาท รวม 200 บาท
-ค่าอาหารร้านมนต์นมสด 150 บาท
-ค่ารถไฟขากลับ 2 คนคนละ 5 บาท รวม 10 บาท
*รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 476 บาท
แผนที่ฉบับย่อๆสำหรับแนะนำการเดินทางของเราเองค่ะ
[CR] One Day Trip In Bangkok
#หนีตามเด็กโลจิสเข้ากรุง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้