ทริปขาใหญ่เดินเที่ยว ||เกาะรัตนโกสินทร์||
นั่งรถเมล์ผ่านตั้งหลายหนแต่ไม่เคยแวะลงไปเดินเที่ยว
ที่เห็นต่างชาติเค้าเดินกันเนี่ยเค้าเดินไปกี่ที่? แล้วเค้าเจออะไรกันบ้าง?
เราจะไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวเราเอง ไม่เดินก็ไม่รู้จริงมั้ย
อินเตอร์เน็ตอาจจะตอบคุณได้ แต่ประสบการณ์จริงต้องลงไปสัมผัสเอง
เราเป็นเด็กต่างจังหวัด โอกาสที่จะไปเดินเล่นทำตัวชิวๆแถบนี้จึงไม่มีเลย
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีโอกาสแค่นั่งรถเมล์ผ่านเท่านั้นเอง
พอเข้ามาทำงาน ยิ่งทำตัวขี้เกียจ เสาร์-อาทิตย์ ก็นอนดูรายการโทรทัศน์ที่จัดผัง
รายการมาจนลุกไปไหนไม่ได้เลย
และวันนี้เราว่าง!!
“ You ไปไหน I ไปด้วย ”
เอาล่ะทุกคน วันนี้เราจะเดินรอยตามฝรั่ง
ที่เห็นเดินกันน่ะไปไหนกันบ้าง เราจะไปให้หมด (มาดูกันว่าหมดจริงมั้ย)
เอาให้น่องปูด ขาใหญ่กันไปเลย
แต่มันต้องไม่ใช่แค่ one day trip
ไหนๆก็ว่างแล้ว ขอตากอากาศที่นี่สักคืนแล้วกัน
เราเริ่มต้นด้วยการนั่งรถเมล์มาลงป้ายหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
จากนั้นเดินชมวิถีชีวิตชุมชนเก่า ย่านสามแพร่ง
ได้แก่ แพร่งภูธร แพร่งสรรพศาสตร์ แพร่งนรา ((แดดแรงสุดๆไปเลยล่ะ))
อาคารบ้านเรือนในย่านนี้จะถูกรีโนเวทไปเกือบหมดแล้ว
แต่จะยังคงความดั้งเดิมไว้ ได้ความรู้สึกโมเดิร์นวินเทจนิดๆ
เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับร้านขายพระพุทธรูปยาวตลอดเส้นทาง
(เริ่มเข้าสู่โหมดทำจิตใจให้สงบก่อนเข้าวัดกันนะ)
ถึงสี่แยก “สี่กั๊กเสาชิงช้า”เราเดินเลี้ยวไปทางเสาชิงช้ามุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปของเรา
เห็นเสาชิงช้าอยู่ไม่ไกล เดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว สถานที่ต่อไปของเรา
เสาชิงช้า
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น
เพื่อใช้โล้ชิงช้าในพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย (พิธีทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู) เป็น
การรับเสด็จพระอิศวรที่เสด็จมาเยี่ยมโลกมนุษย์ เดิมตั้งอยู่ใจกลางพระนคร
แต่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าให้
ย้ายมาตั้งอยู่ที่บริเวณปัจจุบัน (พิธีโล้ชิงช้าถูกยกเลิกไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)
((ยอมรับเลยว่าเพิ่งมารู้ประวัตินี่แหละ เก่าแก่มาก))
วัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร
ใกล้ๆกับเสาชิงช้าเราจะเห็นวัดสุทัศน์ตั้งอยู่
เรารู้จักชื่อเสียงของวัดนี้จากละครโทรทัศน์ช่องหลากสีสมัยเด็กๆ
เรื่องนึง (ไม่บอกก็เดากันได้) แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวัดนี้กัน
วัดสุทัศน์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
บริเวณด้านหน้าพระวิหารหลวง
วันที่เราไปทางวัดกำลังประกอบพิธีทางศาสนาอยู่จึงไม่ได้เข้าไปชมด้านใน
พระอุโบสถ
ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธตรีโลกเชษฐ์”
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ
เป็นเรื่องราวประวัติของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 องค์
ภาพจิตรกรรมบนบานหน้าต่างเป็นเรื่องราววรรณคดีไทยหลากหลายเรื่อง
ส่วนภาพจิตรกรรมบนบานประตูเป็นภาพเขียนรามเกียรติ์ที่งดงามมาก
ศาลเจ้าพ่อเสือ
เดินออกมาจากวัดสุทัศน์ไปทางถนนดินสอ
เราเลี้ยวไปศาลเจ้าพ่อเสือก่อน มีคนมาแก้ปีชงเยอะมาก
(เราไม่ชงนะปีนี้ สบายใจ อิอิ))
ด้านในติดป้ายโตๆไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
วัดมหรรณพารามวรวิหาร
เดินย้อนกลับมาทางเดิมเราจะเจอกับพระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีเจดีย์ที่สวยงามอีกวัดหนึ่ง
มนต์นมสด
เชื่อสิว่าหลายๆคนที่มาแถวนี้ต้องมาเช็คอินที่มนต์นมสด
ร้านนมสุดคลาสสิกของทุกเพศทุกวัย เป็นที่รวมตัวกันของเดอะแก๊งหลากหลาย
ด้วยเมนูเครื่องดื่ม ขนมที่ทานง่าย ทำให้ที่นั่งของร้านนี้ไม่เคยเว้นว่าง
((แถวยาวเป็นหางว่าวตลอด))
บ้านขจิตพรรณ
เอาล่ะมาถึงที่พักของเราในคืนนี้บ้าง
หลังจากติดสินใจให้ทริปนี้ไม่เป็น one day trip แล้ว
เราก็เสิร์ทหาที่พักบริเวณนี้ เป้าหมายคือต้องการที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมใหญ่
อยากได้แนววินเทจย้อนยุค ไหนๆเราก็มาอยู่แถบชุมชนเก่าแล้วก็เอาให้สุด
แล้วเราก็มาสะดุดตากับที่นี่ “บ้านขจิตพรรณ”
บ้านพักเก่าแก่อายุราว 70 ปี ถูกนำมารีโนเวทเป็นโรงแรมเมื่อปลายปีที่แล้ว
โดยยังคงพื้นไม้เดิมไว้ ให้ความรู้สึกหวนนึกถึงอดีต
เป็นการมานอนพักตากอากาศแต่ให้ความรู้สึกเหมือนมานอนบ้านคุณยาย
แค่เห็นรูปและบรรยากาศก็น่านอนแล้ว เข้าไปอ่านรีวิวของลูกค้ายิ่งทำให้เรา
มั่นใจว่าที่นี่ต้องทำให้เราประทับใจแน่นอน
ลองเข้าไปถามเค้าดู (บริการดีมาก คุยเก่ง ไม่ดุ ^^)
https://www.facebook.com/baankachitpanbangkok/
เดินถัดมาจากมนต์นมสด แวะเข้ามาเช็คอินที่บ้านขจิตพรรณก่อน
ที่พักของเราอยู่ในซอยตรอกศิลป์ สังเกตดีๆฝั่งตรงข้ามซอยจะเป็นตลาดนัด
ถึงแล้ว บ้านพักที่มีเจ้าของอาศัยอยู่หลังถัดไป คอยดูแลเหมือนเป็นครอบครัว คุยสนุกมาก
เหมือนมานอนบ้านญาติตัวเองเลย
ภายในตกแต่งสไตล์วินเทจย้อนยุคได้ฟิวสุดๆ
เช็คอินฝากกระเป๋าเรียบร้อยเดินออกไปทาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
วัดราชนัดดารามวรวิหาร
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าให้สร้างโลหะปราสาท 7 ชั้น ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
วิวด้านบนโลหะปราสาท มองเห็นภูเขาทองได้ในมุมที่สวยมาก
วัดสระเกศ (ภูเขาทอง)
แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ (เพลงมาสิ รออะไร)
พระบรมบรรพตหรือภูเขาทองตั้งอยู่ในวัดสระเกศ
ความสูงของภูเขาทองนับจากพื้นด้านล่างคือเทียบเทียบตึก 19 ชั้น
ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 16.00 น. เราตั้งใจว่าจะไปให้ทันทำวัดเย็นที่วัดราชบพิธ
จึงตัดสินใจเดินลงจากภูเขาทอง เพื่อเดินย้อนกลับไปวัดราชบพิธ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พระอารามหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้สร้าง
ขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาล
เวลา 17.00 น. จะมีการทำวัดเย็นในพระอุโบสถ
และเปิดให้บุคคลภายนอกร่วมกันทำวัดเย็นด้วยได้
หลังจากร่วมทำวัดเย็นเสร็จเราก็เดินกลับที่พักพร้อมความประทับใจ อิ่มบุญ
ตื่นเช้ามาพร้อมอากาศที่สดชื่น
อาหารเช้าพร้อมเสริฟเหมือนทานฝีมือคุณแม่ (กลิ่นเตะจมูกมาก)
แขกที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว
เป็นที่พักที่ถูกใจเหล่าอาร์ทติส อารมณ์สุนทรีย์แน่นอน รับรองชิวจริง
เวลาของการพักผ่อนผ่านไปไวเสมอ แต่การที่เอาเวลาทั้งวันของเรามาทิ้งไว้ที่นี้
มันคุ้มค่ามาจริงๆ เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนแถบนี้ ได้กินอาหารอร่อยๆ
ได้รู้ประวัติความเป็นมาของพระอารามหลวงมากมาย ได้เจอตุ๊กๆเดินตามเสนอ
โปรแกรมเที่ยว(ใครขี้เกียจเดินแนะนำไปกับพี่เค้าเลย)
ถ้าใครเดินไหวสามารถไปต่อท่ามหาราช วังหลัง วัดอรุณฯ วัดระฆัง
จากตรงนี้ก็ไม่ไกลจ้า
เข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่
https://www.facebook.com/takeabreakanywhere/
คุยสนุก ตลกฮาๆ สาระมีน้อย 555
ร่วมแบ่งปันข้อมูลการเดินทางและประสบการณ์ ไปด้วยกันนะ
[CR] ทริปขาใหญ่เดินเที่ยว ||เกาะรัตนโกสินทร์||
นั่งรถเมล์ผ่านตั้งหลายหนแต่ไม่เคยแวะลงไปเดินเที่ยว
ที่เห็นต่างชาติเค้าเดินกันเนี่ยเค้าเดินไปกี่ที่? แล้วเค้าเจออะไรกันบ้าง?
เราจะไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวเราเอง ไม่เดินก็ไม่รู้จริงมั้ย
อินเตอร์เน็ตอาจจะตอบคุณได้ แต่ประสบการณ์จริงต้องลงไปสัมผัสเอง
เราเป็นเด็กต่างจังหวัด โอกาสที่จะไปเดินเล่นทำตัวชิวๆแถบนี้จึงไม่มีเลย
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีโอกาสแค่นั่งรถเมล์ผ่านเท่านั้นเอง
พอเข้ามาทำงาน ยิ่งทำตัวขี้เกียจ เสาร์-อาทิตย์ ก็นอนดูรายการโทรทัศน์ที่จัดผัง
รายการมาจนลุกไปไหนไม่ได้เลย
“ You ไปไหน I ไปด้วย ”
เอาล่ะทุกคน วันนี้เราจะเดินรอยตามฝรั่ง
ที่เห็นเดินกันน่ะไปไหนกันบ้าง เราจะไปให้หมด (มาดูกันว่าหมดจริงมั้ย)
เอาให้น่องปูด ขาใหญ่กันไปเลย
แต่มันต้องไม่ใช่แค่ one day trip
ไหนๆก็ว่างแล้ว ขอตากอากาศที่นี่สักคืนแล้วกัน
เราเริ่มต้นด้วยการนั่งรถเมล์มาลงป้ายหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
จากนั้นเดินชมวิถีชีวิตชุมชนเก่า ย่านสามแพร่ง
ได้แก่ แพร่งภูธร แพร่งสรรพศาสตร์ แพร่งนรา ((แดดแรงสุดๆไปเลยล่ะ))
อาคารบ้านเรือนในย่านนี้จะถูกรีโนเวทไปเกือบหมดแล้ว
แต่จะยังคงความดั้งเดิมไว้ ได้ความรู้สึกโมเดิร์นวินเทจนิดๆ
เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับร้านขายพระพุทธรูปยาวตลอดเส้นทาง
(เริ่มเข้าสู่โหมดทำจิตใจให้สงบก่อนเข้าวัดกันนะ)
ถึงสี่แยก “สี่กั๊กเสาชิงช้า”เราเดินเลี้ยวไปทางเสาชิงช้ามุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปของเรา
เห็นเสาชิงช้าอยู่ไม่ไกล เดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว สถานที่ต่อไปของเรา
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น
เพื่อใช้โล้ชิงช้าในพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย (พิธีทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู) เป็น
การรับเสด็จพระอิศวรที่เสด็จมาเยี่ยมโลกมนุษย์ เดิมตั้งอยู่ใจกลางพระนคร
แต่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าให้
ย้ายมาตั้งอยู่ที่บริเวณปัจจุบัน (พิธีโล้ชิงช้าถูกยกเลิกไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)
((ยอมรับเลยว่าเพิ่งมารู้ประวัตินี่แหละ เก่าแก่มาก))
ใกล้ๆกับเสาชิงช้าเราจะเห็นวัดสุทัศน์ตั้งอยู่
เรารู้จักชื่อเสียงของวัดนี้จากละครโทรทัศน์ช่องหลากสีสมัยเด็กๆ
เรื่องนึง (ไม่บอกก็เดากันได้) แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวัดนี้กัน
วัดสุทัศน์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
บริเวณด้านหน้าพระวิหารหลวง
วันที่เราไปทางวัดกำลังประกอบพิธีทางศาสนาอยู่จึงไม่ได้เข้าไปชมด้านใน
พระอุโบสถ
ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธตรีโลกเชษฐ์”
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ
เป็นเรื่องราวประวัติของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 องค์
ภาพจิตรกรรมบนบานหน้าต่างเป็นเรื่องราววรรณคดีไทยหลากหลายเรื่อง
ส่วนภาพจิตรกรรมบนบานประตูเป็นภาพเขียนรามเกียรติ์ที่งดงามมาก
เดินออกมาจากวัดสุทัศน์ไปทางถนนดินสอ
เราเลี้ยวไปศาลเจ้าพ่อเสือก่อน มีคนมาแก้ปีชงเยอะมาก
(เราไม่ชงนะปีนี้ สบายใจ อิอิ))
ด้านในติดป้ายโตๆไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
เดินย้อนกลับมาทางเดิมเราจะเจอกับพระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีเจดีย์ที่สวยงามอีกวัดหนึ่ง
เชื่อสิว่าหลายๆคนที่มาแถวนี้ต้องมาเช็คอินที่มนต์นมสด
ร้านนมสุดคลาสสิกของทุกเพศทุกวัย เป็นที่รวมตัวกันของเดอะแก๊งหลากหลาย
ด้วยเมนูเครื่องดื่ม ขนมที่ทานง่าย ทำให้ที่นั่งของร้านนี้ไม่เคยเว้นว่าง
((แถวยาวเป็นหางว่าวตลอด))
เอาล่ะมาถึงที่พักของเราในคืนนี้บ้าง
หลังจากติดสินใจให้ทริปนี้ไม่เป็น one day trip แล้ว
เราก็เสิร์ทหาที่พักบริเวณนี้ เป้าหมายคือต้องการที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมใหญ่
อยากได้แนววินเทจย้อนยุค ไหนๆเราก็มาอยู่แถบชุมชนเก่าแล้วก็เอาให้สุด
แล้วเราก็มาสะดุดตากับที่นี่ “บ้านขจิตพรรณ”
บ้านพักเก่าแก่อายุราว 70 ปี ถูกนำมารีโนเวทเป็นโรงแรมเมื่อปลายปีที่แล้ว
โดยยังคงพื้นไม้เดิมไว้ ให้ความรู้สึกหวนนึกถึงอดีต
เป็นการมานอนพักตากอากาศแต่ให้ความรู้สึกเหมือนมานอนบ้านคุณยาย
แค่เห็นรูปและบรรยากาศก็น่านอนแล้ว เข้าไปอ่านรีวิวของลูกค้ายิ่งทำให้เรา
มั่นใจว่าที่นี่ต้องทำให้เราประทับใจแน่นอน
ลองเข้าไปถามเค้าดู (บริการดีมาก คุยเก่ง ไม่ดุ ^^)
https://www.facebook.com/baankachitpanbangkok/
เดินถัดมาจากมนต์นมสด แวะเข้ามาเช็คอินที่บ้านขจิตพรรณก่อน
ที่พักของเราอยู่ในซอยตรอกศิลป์ สังเกตดีๆฝั่งตรงข้ามซอยจะเป็นตลาดนัด
ถึงแล้ว บ้านพักที่มีเจ้าของอาศัยอยู่หลังถัดไป คอยดูแลเหมือนเป็นครอบครัว คุยสนุกมาก
เหมือนมานอนบ้านญาติตัวเองเลย
ภายในตกแต่งสไตล์วินเทจย้อนยุคได้ฟิวสุดๆ
เช็คอินฝากกระเป๋าเรียบร้อยเดินออกไปทาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าให้สร้างโลหะปราสาท 7 ชั้น ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
วิวด้านบนโลหะปราสาท มองเห็นภูเขาทองได้ในมุมที่สวยมาก
แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ (เพลงมาสิ รออะไร)
พระบรมบรรพตหรือภูเขาทองตั้งอยู่ในวัดสระเกศ
ความสูงของภูเขาทองนับจากพื้นด้านล่างคือเทียบเทียบตึก 19 ชั้น
ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 16.00 น. เราตั้งใจว่าจะไปให้ทันทำวัดเย็นที่วัดราชบพิธ
จึงตัดสินใจเดินลงจากภูเขาทอง เพื่อเดินย้อนกลับไปวัดราชบพิธ
พระอารามหลวงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้สร้าง
ขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาล
เวลา 17.00 น. จะมีการทำวัดเย็นในพระอุโบสถ
และเปิดให้บุคคลภายนอกร่วมกันทำวัดเย็นด้วยได้
หลังจากร่วมทำวัดเย็นเสร็จเราก็เดินกลับที่พักพร้อมความประทับใจ อิ่มบุญ
ตื่นเช้ามาพร้อมอากาศที่สดชื่น
อาหารเช้าพร้อมเสริฟเหมือนทานฝีมือคุณแม่ (กลิ่นเตะจมูกมาก)
แขกที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัว
เป็นที่พักที่ถูกใจเหล่าอาร์ทติส อารมณ์สุนทรีย์แน่นอน รับรองชิวจริง
เวลาของการพักผ่อนผ่านไปไวเสมอ แต่การที่เอาเวลาทั้งวันของเรามาทิ้งไว้ที่นี้
มันคุ้มค่ามาจริงๆ เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนแถบนี้ ได้กินอาหารอร่อยๆ
ได้รู้ประวัติความเป็นมาของพระอารามหลวงมากมาย ได้เจอตุ๊กๆเดินตามเสนอ
โปรแกรมเที่ยว(ใครขี้เกียจเดินแนะนำไปกับพี่เค้าเลย)
ถ้าใครเดินไหวสามารถไปต่อท่ามหาราช วังหลัง วัดอรุณฯ วัดระฆัง
จากตรงนี้ก็ไม่ไกลจ้า
เข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่
https://www.facebook.com/takeabreakanywhere/
คุยสนุก ตลกฮาๆ สาระมีน้อย 555
ร่วมแบ่งปันข้อมูลการเดินทางและประสบการณ์ ไปด้วยกันนะ