“เธอไม่ใช่มนุษย์หรือ” ชายในชุดกิโมโนถามผมด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา นอกจากประมวลข้อมูลผมบอก
“ทำไมไม่เปิดบันทึกรายงานเอาไว้ตอนเข้าไปในห้อง” หัวหน้าถามแทรกขึ้นมา จ้องมองปุ่มสีฟ้าข้างขมับของผม
“มันพัง” ผมตอบสั้นๆ “พวกคุณไปอยู่ที่ไหนกันมา”
หัวหน้ากับชายในชุดกิโมโนมองผมเงียบๆ
ผมเหลือบตามองเขาทั้งสอง -- รับรู้ได้ทันทีว่านั่นหมายความว่าพวกเขาหวาดกลัว และต้องการความปลอดภัย
“ถ้าเช่นนั้นอูม่าคือสิ่งมีชีวิตอะไรกัน” ชายในชุดกิโมโนถามเสียงเบา
“เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดึกดำบรรพ์เกินกว่าจะมีข้อมูลในระบบของเรา” หัวหน้าของผมพูดขึ้นหลังจากดึงไฟล์เสียงที่มีอายุมานานแสนนานขึ้นมาฟังเปรียบเทียบกับเสียงในการต่อสู้ที่ดึงมาจากระบบเสียงที่เหลืออยู่ภายในห้องสอบสวน “ทั้งหมดที่เรารู้ คือมันเป็นไฟล์เสียงลึกลับ ที่ยังไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเท่านั้น -- ไม่มีใครกล้าพูดชื่อออกมาว่าเสียงเก่าแก่นี่มันคือเสียงอะไร”
รองหัวหน้าองค์กรดึงข้อมูลนั่นมาฟังผ่านม่านตาสีฟ้าของตน จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “นั่นมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เป็นไปไม่ได้” เขาว่า “ถ้านี่เป็นเสียงเดียวกันกับอูม่าจริงๆตามที่เธอว่า มันหมายความว่าหล่อนมีอายุมานานตั้งแต่สมัยก่อนยุคมนุษย์ -- หล่อนคือ -- มนุษย์เรียกเธอว่า -- เป็นไปไม่ได้ -- นั่นมันสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ความจริง”
ผมหันไปหาเขา “มนุษย์เรียกว่าอะไรหรือ”
รองหัวหน้าองค์กรนิ่งไป ก่อนจะตอบออกมาในที่สุดว่า “สิ่งมีชีวิตที่สิงสู่ในจิตใจมนุษย์” เขาพูดเสียงเบา “บางคนในยุคหลัง เรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่าปิศาจ”
หัวหน้าดึงข้อมูลขึ้นหน้าจอของตนเอง “หนึ่งเดียวที่อยู่รอดทุกยุคสมัย ทุกสถาณการณ์ และกับทุกสิ่งมีชีวิต--”
“นี่มันเกินความเป็นไปได้ --”
“แต่นั่นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของมนุษย์เท่านั้น” ผมแทรกขึ้น ขณะที่จัดไทด์ตัวเองให้เข้าที่ ถึงแม้ว่าสภาพมันจะฉีกขาดยับเยินไปมากแล้วก็ตาม “มนุษย์เชื่อว่าเธออยู่กับพวกเขามาตลอด เพียงแต่ไม่แสดงตนออกมาให้เห็นเท่านั้น -- แต่ท้ายที่สุด เราเรียกได้ว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณ ที่รอดมาได้ด้วยเงื่อนไขเดียว -- เธอซ่อนตัวไปกับสภาพแวดล้อมได้อย่างแนบเนียน” จากนั้นผมก็หยิบเศษชิ้นผิวหนังของอูม่าขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน “ผิวหนังเธอพรางตาของเราทุกคนมาตลอ” -- จากนั้นเศษผิวหนังในมือผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเนื้อเดียวกันกับผิวของผม แม้ว่ามันจะขาวซีดไปตามสีอะไหล่เครื่องจักรก็ตาม
“ฉลาด” ชายในกิโมโนกระซิบออกมา ก่อนจะหันไปทางหัวหน้าของผม ยื่นบางอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าสูท “จัดการขั้นตอนต่อไปได้เลย” แล้วก็เดินจากเข้าไปในลิฟต์ ทิ้งให้ผมอยู่กับหัวหน้าเพียงสองคนเท่านั้น
“ขั้นตอนถัดไปหรือ” ผมถาม
หัวหน้าสบตามองผมอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีฟ้าเขาวูบไหวไปมา ราวกับพยายามเจาะทะลวงบางอย่างเข้ามาในระบบผม
“บอกฉันที” เขาว่า “นายถูกสร้างมานานเท่าไหร่แล้ว”
กระแสไฟลัดวงจรมาจากใบหน้าของผมที่ถลอกจากการปะทะกับอูม่า “นานพอดูครับ”
หัวหน้าของผมรับเศษผิวหนังอูม่าไป ก่อนจะยื่นการ์ดสีแดงให้แก่ผม “ขอบคุณสำหรับการปฏิบัติการอันดีเยี่ยมที่ผ่านมาของนาย เค.เอ.ไอ.2099 แต่จากผลงานล่าสุดของนาย มันทำให้องค์กรรับรู้ว่ารุ่น2099นั้นเก่าเกินกว่าที่จะถูกนำมาใช้สอบสวนคดีใดๆอีกต่อไปแล้ว”
ผมมองดูการ์ดสีแดงในมือตน
“บัตรนี่จะเปิดประตูชั้นใต้ดินให้แก่นาย ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ผ่านมา”
ผมพลิกการ์ด -- คำว่า
หุ่นรุ่นที่ถูกกำจัดเขียนอยู่บนนั้น
เสียงกิ๊งดังขึ้น -- ประตูลิฟต์เปิดออก เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางนั้น ก้องกังวาลไปมาเหมือนกับตอนที่ผมเดินเข้ามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“เค.เอ.ไอ.2100 จะทำหน้าที่รับคดีนี้ต่อจากนายเอง จนกว่าจะค้นพบว่าอะไรหยุดยั้งความเสียหายจากปรมาณูได้” เสียงหัวหน้าพูดต่อไป “เขาคือรุ่นใหม่ที่จะมาแทนรุ่นนาย”
ไม่อยากมีชีวิตต่อไปหรือ -- เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในหัวของผม
เสียงฝีเท้าหยุดลง ผมเงยหน้าขึ้น มองร่างที่หยุดยืนอยู่ข้างร่างหัวหน้าตนเอง -- นั่นคือหุ่นที่เหมือนกับผมแทบไม่มีผิดเพี้ยน ชุดสูทสีดำเหมือนกัน -- ส่วนสูงที่
เท่ากัน -- และใบหน้าที่ถอดกันมาราวรุ่นเดียวกัน -- จะเว้นแต่เพียง….
-- เขามีดวงตาสีฟ้า
“กฏของการคัดสรร” ผมพึมพัมออกมา
มีชีวิตต่อไปแทนที่จะเป็นรุ่นตาสีฟ้านั่น -- เสียงกระซิบแว่วเข้ามาอีกครั้ง
หัวหน้าพยักหน้าให้ผม “ใช่” เขาว่า “ไปเถอะ เค.เอ.ไอ.2099 -- เค.เอ.ไอ.2100 จะนำทางนายไปเอง”
หากแต่เค.เอ.ไอ.2100หยุดชะงักไป แล้วพูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “เค.เอ.ไอ.2099 -- ระบบของคุณไม่เหมือนเดิม” จากนั้นเพ่งมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าสด
“คุณเปลี่ยนไป เค.เอ.ไอ.2099”
“ไค”
หัวหน้าหมุนตัวกลับมา ชะงักไปเมื่อเห็นผมกับหุ่นรุ่นใหม่ประจัญหน้ากัน “อะไรนะ”
“เรียกผมว่าไค” ผมย้ำช้าๆ
และก่อนที่หัวหน้า หรือ เค.เอ.ไอ.2100 จะได้ทันรู้ตัว -- หรือก่อนที่ระบบรุ่นใหม่ของพวกเขาจะได้ทันประมวลผล กรงเล็บของผมก็ฟาดไปยังหัวของพวกเขาอย่างรุนแรงจนแตกหักเป็นเสี่ยงๆ
เสียงปะทะของกรงเล็บ และเสียงสะท้อนของชิ้นเหล็กร่วงหล่นสะท้อนไปมาภายในห้อง กระทั่งเงียบสนิทไปเหมือนเสียงสัญญาณที่จางหายไปจากคลื่น
ผมก้มลงมองร่างที่นิ่งสนิทของหุ่นทั้งสอง ก่อนที่จะเก็บเศษผิวเนื้ออูม่ามาจากฝ่ามือของหุ่นที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า
นั่นคือข้อดีของการที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอด -- ผมนึก ขณะเลิกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยแผลที่ผิวหนังหลุดลอกบริเวณชายโครง ร่องรอยเครื่องจักรกลอยู่ในนั้น พร้อมกับกระดูกที่หนา และมัดกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือด -- ผมสัมผัสตำแหน่งที่ควรจะเป็นหัวใจของมนุษย์-- แต่มันนิ่งสนิท ไม่มีอะไรอยู่ภายใต้ทรวงอกของผม นอกจากตราบาปที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
มันคือโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตเต็มไปด้วยเหล็กกล้าและเลือดเนื้อจริงๆ -- โครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาเพื่อให้ผ่านการถูกคัดสรรจากธรรมชาติ
ผมวางชิ้นส่วนผิวหนังนาบไปกับรอยแผลที่ชายโครง ปล่อยให้มันสมาน และแนบสนิทไปกับผิว กระทั่งเป็นเพียงรอยแผลเป็นจางๆ
ผมเดินข้ามร่างของหุ่นยนต์สองตนไป นึกรำพึงในใจว่านี่เป็นเหมือนที่มนุษย์ชอบเลือกมาใช้กันว่า “โชคดี” -- โชคดีที่เราตาสีน้ำตาลเหมือนกัน
เค.เอ.ไอ.2099
ใช่ -- เสียงหนึ่งตอบมาจากข้างในตัวผม -- เราโชคดี
ทีนี้นายพอจะเข้าใจหรือยังล่ะ ไค ว่าทำไมผู้เรียนรู้ที่จะอยู่รอด จึงจะเป็นผู้เดียวที่ถูกธรรมชาติคัดสรรให้อยู่รอดอย่างแท้จริง
เสียงลิฟต์ดังขึ้น ผมเดินเข้าสู่ลิฟต์อันว่างเปล่านั่น -- มองดูร่างของเศษเหล็กที่นอนกองตรงพื้นทั้งสอง มองไปยังเลือดที่อาบกระจกในห้องสอบสวนนั่น -- มุ่ง
หน้าสู่โลกใหม่ที่ของจักรกลที่จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อการอยู่รอด
ช่างหัวมนุษย์
ช่างหัวหุ่นยนต์
ท้ายที่สุด เพื่อความอยู่รอดมักจะทำให้สิ่งมีชีวิตอย่างเราๆกลายเป็นตัวอันตรายไปได้เสมอ แม้แต่จอห์น คอนเนอร์ก็ต้องกลายเป็นตัวอันตรายมาแล้ว
แม้แต่นายเอง เค.เอ.ไอ.2099 -- ไค
และไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตตนไหน รอดเงื้อมมือของเราได้ -- ไม่มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์โบราณกาล
ทีนี้นายอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับกฏการคัดเลือกของธรรมชาติอีกไหมล่ะ
UNDERNEATH UMA : .....ไม่ใช่มนุษย์ [จบ END]
“ทำไมไม่เปิดบันทึกรายงานเอาไว้ตอนเข้าไปในห้อง” หัวหน้าถามแทรกขึ้นมา จ้องมองปุ่มสีฟ้าข้างขมับของผม
“มันพัง” ผมตอบสั้นๆ “พวกคุณไปอยู่ที่ไหนกันมา”
หัวหน้ากับชายในชุดกิโมโนมองผมเงียบๆ
ผมเหลือบตามองเขาทั้งสอง -- รับรู้ได้ทันทีว่านั่นหมายความว่าพวกเขาหวาดกลัว และต้องการความปลอดภัย
“ถ้าเช่นนั้นอูม่าคือสิ่งมีชีวิตอะไรกัน” ชายในชุดกิโมโนถามเสียงเบา
“เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดึกดำบรรพ์เกินกว่าจะมีข้อมูลในระบบของเรา” หัวหน้าของผมพูดขึ้นหลังจากดึงไฟล์เสียงที่มีอายุมานานแสนนานขึ้นมาฟังเปรียบเทียบกับเสียงในการต่อสู้ที่ดึงมาจากระบบเสียงที่เหลืออยู่ภายในห้องสอบสวน “ทั้งหมดที่เรารู้ คือมันเป็นไฟล์เสียงลึกลับ ที่ยังไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเท่านั้น -- ไม่มีใครกล้าพูดชื่อออกมาว่าเสียงเก่าแก่นี่มันคือเสียงอะไร”
รองหัวหน้าองค์กรดึงข้อมูลนั่นมาฟังผ่านม่านตาสีฟ้าของตน จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “นั่นมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เป็นไปไม่ได้” เขาว่า “ถ้านี่เป็นเสียงเดียวกันกับอูม่าจริงๆตามที่เธอว่า มันหมายความว่าหล่อนมีอายุมานานตั้งแต่สมัยก่อนยุคมนุษย์ -- หล่อนคือ -- มนุษย์เรียกเธอว่า -- เป็นไปไม่ได้ -- นั่นมันสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ความจริง”
ผมหันไปหาเขา “มนุษย์เรียกว่าอะไรหรือ”
รองหัวหน้าองค์กรนิ่งไป ก่อนจะตอบออกมาในที่สุดว่า “สิ่งมีชีวิตที่สิงสู่ในจิตใจมนุษย์” เขาพูดเสียงเบา “บางคนในยุคหลัง เรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่าปิศาจ”
หัวหน้าดึงข้อมูลขึ้นหน้าจอของตนเอง “หนึ่งเดียวที่อยู่รอดทุกยุคสมัย ทุกสถาณการณ์ และกับทุกสิ่งมีชีวิต--”
“นี่มันเกินความเป็นไปได้ --”
“แต่นั่นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของมนุษย์เท่านั้น” ผมแทรกขึ้น ขณะที่จัดไทด์ตัวเองให้เข้าที่ ถึงแม้ว่าสภาพมันจะฉีกขาดยับเยินไปมากแล้วก็ตาม “มนุษย์เชื่อว่าเธออยู่กับพวกเขามาตลอด เพียงแต่ไม่แสดงตนออกมาให้เห็นเท่านั้น -- แต่ท้ายที่สุด เราเรียกได้ว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณ ที่รอดมาได้ด้วยเงื่อนไขเดียว -- เธอซ่อนตัวไปกับสภาพแวดล้อมได้อย่างแนบเนียน” จากนั้นผมก็หยิบเศษชิ้นผิวหนังของอูม่าขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน “ผิวหนังเธอพรางตาของเราทุกคนมาตลอ” -- จากนั้นเศษผิวหนังในมือผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเนื้อเดียวกันกับผิวของผม แม้ว่ามันจะขาวซีดไปตามสีอะไหล่เครื่องจักรก็ตาม
“ฉลาด” ชายในกิโมโนกระซิบออกมา ก่อนจะหันไปทางหัวหน้าของผม ยื่นบางอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าสูท “จัดการขั้นตอนต่อไปได้เลย” แล้วก็เดินจากเข้าไปในลิฟต์ ทิ้งให้ผมอยู่กับหัวหน้าเพียงสองคนเท่านั้น
“ขั้นตอนถัดไปหรือ” ผมถาม
หัวหน้าสบตามองผมอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีฟ้าเขาวูบไหวไปมา ราวกับพยายามเจาะทะลวงบางอย่างเข้ามาในระบบผม
“บอกฉันที” เขาว่า “นายถูกสร้างมานานเท่าไหร่แล้ว”
กระแสไฟลัดวงจรมาจากใบหน้าของผมที่ถลอกจากการปะทะกับอูม่า “นานพอดูครับ”
หัวหน้าของผมรับเศษผิวหนังอูม่าไป ก่อนจะยื่นการ์ดสีแดงให้แก่ผม “ขอบคุณสำหรับการปฏิบัติการอันดีเยี่ยมที่ผ่านมาของนาย เค.เอ.ไอ.2099 แต่จากผลงานล่าสุดของนาย มันทำให้องค์กรรับรู้ว่ารุ่น2099นั้นเก่าเกินกว่าที่จะถูกนำมาใช้สอบสวนคดีใดๆอีกต่อไปแล้ว”
ผมมองดูการ์ดสีแดงในมือตน
“บัตรนี่จะเปิดประตูชั้นใต้ดินให้แก่นาย ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ผ่านมา”
ผมพลิกการ์ด -- คำว่าหุ่นรุ่นที่ถูกกำจัดเขียนอยู่บนนั้น
เสียงกิ๊งดังขึ้น -- ประตูลิฟต์เปิดออก เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางนั้น ก้องกังวาลไปมาเหมือนกับตอนที่ผมเดินเข้ามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“เค.เอ.ไอ.2100 จะทำหน้าที่รับคดีนี้ต่อจากนายเอง จนกว่าจะค้นพบว่าอะไรหยุดยั้งความเสียหายจากปรมาณูได้” เสียงหัวหน้าพูดต่อไป “เขาคือรุ่นใหม่ที่จะมาแทนรุ่นนาย”
ไม่อยากมีชีวิตต่อไปหรือ -- เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในหัวของผม
เสียงฝีเท้าหยุดลง ผมเงยหน้าขึ้น มองร่างที่หยุดยืนอยู่ข้างร่างหัวหน้าตนเอง -- นั่นคือหุ่นที่เหมือนกับผมแทบไม่มีผิดเพี้ยน ชุดสูทสีดำเหมือนกัน -- ส่วนสูงที่
เท่ากัน -- และใบหน้าที่ถอดกันมาราวรุ่นเดียวกัน -- จะเว้นแต่เพียง….
-- เขามีดวงตาสีฟ้า
“กฏของการคัดสรร” ผมพึมพัมออกมา
มีชีวิตต่อไปแทนที่จะเป็นรุ่นตาสีฟ้านั่น -- เสียงกระซิบแว่วเข้ามาอีกครั้ง
หัวหน้าพยักหน้าให้ผม “ใช่” เขาว่า “ไปเถอะ เค.เอ.ไอ.2099 -- เค.เอ.ไอ.2100 จะนำทางนายไปเอง”
หากแต่เค.เอ.ไอ.2100หยุดชะงักไป แล้วพูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “เค.เอ.ไอ.2099 -- ระบบของคุณไม่เหมือนเดิม” จากนั้นเพ่งมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าสด
“คุณเปลี่ยนไป เค.เอ.ไอ.2099”
“ไค”
หัวหน้าหมุนตัวกลับมา ชะงักไปเมื่อเห็นผมกับหุ่นรุ่นใหม่ประจัญหน้ากัน “อะไรนะ”
“เรียกผมว่าไค” ผมย้ำช้าๆ
และก่อนที่หัวหน้า หรือ เค.เอ.ไอ.2100 จะได้ทันรู้ตัว -- หรือก่อนที่ระบบรุ่นใหม่ของพวกเขาจะได้ทันประมวลผล กรงเล็บของผมก็ฟาดไปยังหัวของพวกเขาอย่างรุนแรงจนแตกหักเป็นเสี่ยงๆ
เสียงปะทะของกรงเล็บ และเสียงสะท้อนของชิ้นเหล็กร่วงหล่นสะท้อนไปมาภายในห้อง กระทั่งเงียบสนิทไปเหมือนเสียงสัญญาณที่จางหายไปจากคลื่น
ผมก้มลงมองร่างที่นิ่งสนิทของหุ่นทั้งสอง ก่อนที่จะเก็บเศษผิวเนื้ออูม่ามาจากฝ่ามือของหุ่นที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า
นั่นคือข้อดีของการที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอด -- ผมนึก ขณะเลิกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยแผลที่ผิวหนังหลุดลอกบริเวณชายโครง ร่องรอยเครื่องจักรกลอยู่ในนั้น พร้อมกับกระดูกที่หนา และมัดกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือด -- ผมสัมผัสตำแหน่งที่ควรจะเป็นหัวใจของมนุษย์-- แต่มันนิ่งสนิท ไม่มีอะไรอยู่ภายใต้ทรวงอกของผม นอกจากตราบาปที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
มันคือโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตเต็มไปด้วยเหล็กกล้าและเลือดเนื้อจริงๆ -- โครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาเพื่อให้ผ่านการถูกคัดสรรจากธรรมชาติ
ผมวางชิ้นส่วนผิวหนังนาบไปกับรอยแผลที่ชายโครง ปล่อยให้มันสมาน และแนบสนิทไปกับผิว กระทั่งเป็นเพียงรอยแผลเป็นจางๆ
ผมเดินข้ามร่างของหุ่นยนต์สองตนไป นึกรำพึงในใจว่านี่เป็นเหมือนที่มนุษย์ชอบเลือกมาใช้กันว่า “โชคดี” -- โชคดีที่เราตาสีน้ำตาลเหมือนกัน
เค.เอ.ไอ.2099
ใช่ -- เสียงหนึ่งตอบมาจากข้างในตัวผม -- เราโชคดี
ทีนี้นายพอจะเข้าใจหรือยังล่ะ ไค ว่าทำไมผู้เรียนรู้ที่จะอยู่รอด จึงจะเป็นผู้เดียวที่ถูกธรรมชาติคัดสรรให้อยู่รอดอย่างแท้จริง
เสียงลิฟต์ดังขึ้น ผมเดินเข้าสู่ลิฟต์อันว่างเปล่านั่น -- มองดูร่างของเศษเหล็กที่นอนกองตรงพื้นทั้งสอง มองไปยังเลือดที่อาบกระจกในห้องสอบสวนนั่น -- มุ่ง
หน้าสู่โลกใหม่ที่ของจักรกลที่จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อการอยู่รอด
ช่างหัวมนุษย์
ช่างหัวหุ่นยนต์
ท้ายที่สุด เพื่อความอยู่รอดมักจะทำให้สิ่งมีชีวิตอย่างเราๆกลายเป็นตัวอันตรายไปได้เสมอ แม้แต่จอห์น คอนเนอร์ก็ต้องกลายเป็นตัวอันตรายมาแล้ว
แม้แต่นายเอง เค.เอ.ไอ.2099 -- ไค
และไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตตนไหน รอดเงื้อมมือของเราได้ -- ไม่มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์โบราณกาล
ทีนี้นายอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับกฏการคัดเลือกของธรรมชาติอีกไหมล่ะ