Sapporo Trip 27-31 March 2019
บทนำ
ออกตัวล้อฟรีก่อนเลย ว่ารีวิวฉบับนี้อาจจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นะครับ คิดเสียว่าเป็นการบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางคนเดียวของผมอีกครั้งของผมดีกว่า ซึ่งการไปญี่ปุ่นของผมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ ซึ่งอ่านครั้งที่ 1 และ 2 ได้ตามลิ้งนะครับ
ครั้งที่ 1 ลุยเดี่ยวครั้งแรก
https://ppantip.com/topic/34437936
ครั้งที่ 2 ยกก๊วนไปเชียร์บอลไทย
https://ppantip.com/topic/36380258
การเดินทางครั้งที่ 3 ของผมนั้นเกิดขึ้นไวมาก เนื่องจากมีตั๋วโปรของการบินไทยไปซัปโปโร ในราคา 17,000 นิดๆ แต่ผมจองช้าไปจึงได้มาในราคา 18,000 บาทกว่าๆ จองตอนกลางเดือน บินปลายเดือน มีเวลาทำการบ้านไม่ถึงครึ่งเดือน แต่ด้วยความที่เคยวางแผนเล่นๆไว้บ้างแล้วเลยง่ายหน่อย แค่จับมาปัดฝุ่น เพิ่มเติม แล้วก็เริ่มต้นหาข้อมูลเรื่องการแต่งตัว สภาพอากาศ ด้วยใจหวังเล็กๆว่าจะเห็นหิมะ คือเป้าหมายหลัก
ซึ่งหลักๆ ผมจะใช้เวป accweather ในการดูพยากรณ์อากาศ แล้วก็อาศัยสอบถามเพื่อนๆในไลน์สแคว์เที่ยวญี่ปุ่น
ผมเลือกไฟลท์บินคืนวันที่ 26 ไปถึงนิวจิโตเสะ เช้าวันที่ 27 นะครับ เพื่อเซฟเวลาในการลางานอีก 1 วัน กะไปนอนเอาบนเครื่องเน้นๆ
บทที่ 1 : การเดินทาง
เที่ยวบินขาไป TG670 Seat 64A ออกเดินทางเวลา 23.55 น. วันที่ 26 มี.ค.ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ นิวจิโตเสะเวลา 08.20 น.วันที่ 27 มี.ค.
บินด้วยเครื่อง Boeing 747 ครับ ตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยนั่งเครื่องใหญ่มาก่อน
มาดูอุปกรณ์ที่มีให้ จอส่วนตัว หูฟัง หมอน ผ้าห่ม
หมอนจะบางไปนิดนึงนะผมว่า
พอเครื่องไต่ระดับได้ซักพัก แอร์ฯ ก็เริ่มทำการแจกของว่างก่อนเลยครับ
พอหลังจากของว่างได้ไม่นาน ก็เริ่มแจกอาหารมื้อหลัก ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องว่ามันคืออะไร แต่ได้ยินว่าเป็นเห็ดๆ ก็เลยเอามาครับ ใครรู้จักก็บอกกันหน่อยนะครับ 555 แต่บอกตามตรง ผมไม่ชอบรสชาติเลย บอกไม่ถูก
บินผ่านทตโตริ สักพักแอร์ฯ ก็จะเริ่มแจกใบ ตม.กับศุลกากรให้เราครับ เพราะแดดออกแล้ว
7 ชม. ผ่านไป เห็นเกาะฮอกไกโดแล้ว เครื่องเตรียมลดระดับลงเพื่อลงจอดครับ เย้ๆ ตอนเห็นพื้นที่สีน้ำตาล มองหาแทบไม่เห็นมีหิมะเลย ใจหายเลยครับ ลุ้นตัวโก่งว่าจะมีหิมะให้ดูไหม ไปลุ้นกันในบทต่อไปครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บทที่ 2 : วันแรกในซัปโปโร
หลังจากเครื่องแลนดิ้งได้ไม่นาน ก็ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรตามปกติ จากที่เคยผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้โดนศุลกากรขอเปิดกระเป๋าจ้า แต่พอเปิดปุ้บนางก็ปิดแทบไม่ทันเพราะคุ้ยไปเจอกกน.พอดี 555
หลังจากเสร็จพิธีต่างๆ ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันครับ (แอบได้ยินคนซุบซิบกันว่าเจ ชนาธิป นั่งมาด้วย แต่เสียดายไม่เจอเลย) จริงๆแล้วที่สนามบินก็มีอะไรให้ชมเยอะอยู่ แต่เนื่องจากยังเป็นตอนเช้าเลยเงียบๆ ผมขออนุญาตผ่านเลย ไปซื้อบัตร KITACA ครับ พร้อมเติมเงินไว้ หมื่นเยนสำหรับทริปนี้ พอซื้อบัตรเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถไฟของ JR ไปลงสถานีซัปโปโร แล้วต่อรถไฟใต้ดิน ไปซุซุกิโนะ แล้วเดินต่อไปยังโรงแรม Grids Saporo บนถนนทานุกิโจ เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่พักก่อนครับ ซึ่งทริปนี้ผมเลือกนอนโฮสเทล เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย (เนื่องจากเอาตังไปจองตั๋วเครื่องบินหมด555)
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินจากทานุกิโจ ไปยังโอโดริพาร์คครับ สิ่งที่ได้เจอคือ หิมะคร้าบบ ตามภาพเลยครับ ถือว่าเซอไพรส์มากๆ แถมตอนระหว่างเดินนั้นก็แอบมีโปรยปรายลงมานิดนึง พอให้ได้หนาวเหน็บ แล้วก็เดินเล่นวนๆแถวนั้นไปเรื่อย จนเจอหอนาฬิกา แต่ไม่ได้เข้าไปครับ
ด้วยความหิว จึงไม่ได้เดินไปศาลาว่าการเลยครับ แต่ตรงดิ่งกลับมาที่ซุซุกิโนะ เพราะเป้าหมายของผมอยู่ที่ตรอกราเมน ดูรีวิวมาเยอะว่าที่นี่จะรวบรวมราเมนขึ้นชื่อไว้ด้วยกัน เลยอยากจะมาลองดู เลยเดินตรงดิ่งมาเลย
บรรยากาศหน้าตรอกราเมน มันช่างเงียบเหงาซะเหลือเกิน แต่เราไม่แคร์เราจะกิน เลยเลือกร้านแรกเนี่ยล่ะครับ ก็อร่อยดีครับอากาศหนาวๆกับราเมนร้อนๆ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าร้านนี้ คุณฮิโระ เคยมาถ่ายรายการสุโก้ยเจแปน และป๋าเบิร์ดของเราก็เคยมาทานพร้อมเซ็นลายเซ็นไว้ด้วย)
พอหลังจากอิ่มแล้วก็เดินเล่นย่อยอยู่แถวย่านซุซุกิโนะซักพักครับ ก็ถึงเวลาที่เราจะเช็คอินเข้าที่พักได้แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ผมจะได้นอนโฮสเทลแบบกึ่งแคปซูล อย่างที่บอกไปตอนแรกคืองบผมเอาไปเทกับค่าเครื่องแล้ว เลยต้องนอนราคาประหยัดหน่อย ตามคอนเซป “บินหรู นอนรู” 5555 ซึ่งผมจองทั้งหมด 4 คืน ในราคาประมาณ 3,200 บาท แต่ข้อดีคือ รร.ตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้ง ทานุกิโจ เลยครับ แค่เดินออกมาจากรร.ก็หาของกินของฝากได้ไม่ยากเลย ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินด้วย ครับ
ด้านล่างรร.เป็นร้านกินดื่ม แต่ผมไม่ได้ลองนะไม่กล้า 555
นอนที่นี่นะ Grids Sapporo Hotel&Hostel
ตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้ง ทานูกิโจ
ที่นอนครับ ช่องไม่กว้างและก็ไม่แคบจนเกินไป ด้านในส่วนสูงผม 175 พอนั่งได้สบายๆ แต่ข้อเสียคือ เสียงครับ ผนังไม่เก็บเสียงเลย ช่วงก่อนวันกลับผมต้องแวะมาแพคกระเป๋าช่วงบ่ายๆ ช่วงที่คนออกไปเที่ยวกัน เพราะเสียงจะลั่นมากครับ
หลังจากจัดระเบียบรูเสร็จเรียบร้อย ผมก็นอนพักแปปนึง แล้วก็เตรียมตัวออกอีกครั้งช่วง 4 โมงเย็น เป้าหมายคือ ยอดเขาโมอิวะครับ จากรร.เดินออกมาที่ถนน เพื่อขึ้นรถรางครับ โดยขึ้นรถรางจากสถานี Tanukikoji ซึ่งจะขึ้นฝั่งไหนก็ได้ครับ เพราะรถเป็นรถวน แล้วก็มาลงที่สถานี Ropeway Iriguchi แล้วแล้วสังเกตป้าย Free Shutter bus ตามภาพครับ
ยืนรอซักพักก็จะมีรถมินิบัส มารับเราเพื่อไปยังสถานีกระเช้าครับ ถ้าคนเยอะก็จะแออัดนิดๆรถมันคันเล็กจริงๆครับ อารมณ์คล้ายๆรถตู้บ้านเรา แต่นั่งไม่ไกลครับ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ถึงแล้วครับสถานีกระเช้าขึ้นเขาโมอิวะ ขากลับก็ยืนรอรถตรงจุดที่ลงได้เลย
พอเข้ามาด้านในแล้วก็เข้าลิฟท์เพื่อขึ้นมาชั้นบนเลยครับ ออกจากลิฟท์มาก็จะเห็นช่องขายตั๋วเลย ซึ่งตั๋วจะมี 2 แบบคือ แบบไปถึงยอดเขา กับไปแค่ครึ่งเดียว เขาโมอิวะจะมี 2 ชั้นครับ แต่ส่วนใหญ่คนที่มาคือต้องการจะไปชมวิวบนยอดเขาทั้งนั้นครับ ซื้อแบบครบจบไปเลยราคา 1700 เยนครับ ก่อนขึ้นไปก็จะมีบอกอุณหภูมิ กับสภาพวิว ปัจจุบันด้วยครับ
วิวระหว่างขึ้นกระเช้าครับ แค่นี้ก็สวยแล้วววว
ถึงยอดเขาแล้วครับ ซึ่งยอดเขาโมอิวะเป็นจุดชมวิวเมืองซัปโปโรแบบทั่วทั้งเมืองเลยครับ ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ ส่วนด้านหลังก็จะมองเห็นวิวภูเขาไกลลิบๆ แอบเห็นลานสกีเปิดไฟอยู่ด้วยครับ สวยงามตามท้องเรื่องเลยทีเดียว
วิวเมืองซัปโปโรยามค่ำคืนครับ
วิวภูเขาด้านหลัง
อันนี้อ่านไม่ออกครับ แต่น่าจะอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาโมอิวะ
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศ วิว จนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาลงครับ อ่อ บนยอดเขาจะมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่ด้วยครับ สามารถนั่งจิบกาแฟร้อนๆดูวิวไปด้วยได้ครับ แต่อย่าคาดหวังมากเนื่องจากคนเยอะ ที่นั่งน้อยครับ ส่วนขาลงก็กลับทางเดิมครับ ส่วนผมก็กลับลงมานั่งรถรางเหมือนเดิม มาลงที่สถานี Tanukikoji แล้วมาเดินหาของกินที่ย่านซุซุกิโนะเหมือนเดิม เดินวนไปวนมาอยู่นานสุดท้ายมาจบที่ร้านทงคัตซึราคาประหยัดครับ เซ็ตในภาพราคาไม่ถึงพันเยนเลย แถมเติมข้าวได้ด้วย คุ้มสุด ส่วนรสชาติอย่าคาดหวังมากครับ ไม่ถึงกับอร่อยเลิศแต่ก็ไม่แย่ครับ
หลังจากอิ่มแล้วผมก็เดินกลับเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่า นอน จบวันแรกในซัปโปโรครับ
[CR] [CR] บินเดี่ยว 4 วันในซัปโปโร กับหิมะปลายฤดู ด้วยคอนเซป "บินหรูนอนรู"
บทนำ
ออกตัวล้อฟรีก่อนเลย ว่ารีวิวฉบับนี้อาจจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นะครับ คิดเสียว่าเป็นการบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางคนเดียวของผมอีกครั้งของผมดีกว่า ซึ่งการไปญี่ปุ่นของผมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ ซึ่งอ่านครั้งที่ 1 และ 2 ได้ตามลิ้งนะครับ
ครั้งที่ 1 ลุยเดี่ยวครั้งแรก https://ppantip.com/topic/34437936
ครั้งที่ 2 ยกก๊วนไปเชียร์บอลไทย https://ppantip.com/topic/36380258
การเดินทางครั้งที่ 3 ของผมนั้นเกิดขึ้นไวมาก เนื่องจากมีตั๋วโปรของการบินไทยไปซัปโปโร ในราคา 17,000 นิดๆ แต่ผมจองช้าไปจึงได้มาในราคา 18,000 บาทกว่าๆ จองตอนกลางเดือน บินปลายเดือน มีเวลาทำการบ้านไม่ถึงครึ่งเดือน แต่ด้วยความที่เคยวางแผนเล่นๆไว้บ้างแล้วเลยง่ายหน่อย แค่จับมาปัดฝุ่น เพิ่มเติม แล้วก็เริ่มต้นหาข้อมูลเรื่องการแต่งตัว สภาพอากาศ ด้วยใจหวังเล็กๆว่าจะเห็นหิมะ คือเป้าหมายหลัก
ซึ่งหลักๆ ผมจะใช้เวป accweather ในการดูพยากรณ์อากาศ แล้วก็อาศัยสอบถามเพื่อนๆในไลน์สแคว์เที่ยวญี่ปุ่น
ผมเลือกไฟลท์บินคืนวันที่ 26 ไปถึงนิวจิโตเสะ เช้าวันที่ 27 นะครับ เพื่อเซฟเวลาในการลางานอีก 1 วัน กะไปนอนเอาบนเครื่องเน้นๆ
บทที่ 1 : การเดินทาง
เที่ยวบินขาไป TG670 Seat 64A ออกเดินทางเวลา 23.55 น. วันที่ 26 มี.ค.ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ นิวจิโตเสะเวลา 08.20 น.วันที่ 27 มี.ค.
บินด้วยเครื่อง Boeing 747 ครับ ตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยนั่งเครื่องใหญ่มาก่อน
มาดูอุปกรณ์ที่มีให้ จอส่วนตัว หูฟัง หมอน ผ้าห่ม
หมอนจะบางไปนิดนึงนะผมว่า
พอเครื่องไต่ระดับได้ซักพัก แอร์ฯ ก็เริ่มทำการแจกของว่างก่อนเลยครับ
พอหลังจากของว่างได้ไม่นาน ก็เริ่มแจกอาหารมื้อหลัก ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องว่ามันคืออะไร แต่ได้ยินว่าเป็นเห็ดๆ ก็เลยเอามาครับ ใครรู้จักก็บอกกันหน่อยนะครับ 555 แต่บอกตามตรง ผมไม่ชอบรสชาติเลย บอกไม่ถูก
บินผ่านทตโตริ สักพักแอร์ฯ ก็จะเริ่มแจกใบ ตม.กับศุลกากรให้เราครับ เพราะแดดออกแล้ว
7 ชม. ผ่านไป เห็นเกาะฮอกไกโดแล้ว เครื่องเตรียมลดระดับลงเพื่อลงจอดครับ เย้ๆ ตอนเห็นพื้นที่สีน้ำตาล มองหาแทบไม่เห็นมีหิมะเลย ใจหายเลยครับ ลุ้นตัวโก่งว่าจะมีหิมะให้ดูไหม ไปลุ้นกันในบทต่อไปครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บทที่ 2 : วันแรกในซัปโปโร
หลังจากเครื่องแลนดิ้งได้ไม่นาน ก็ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรตามปกติ จากที่เคยผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้โดนศุลกากรขอเปิดกระเป๋าจ้า แต่พอเปิดปุ้บนางก็ปิดแทบไม่ทันเพราะคุ้ยไปเจอกกน.พอดี 555
หลังจากเสร็จพิธีต่างๆ ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันครับ (แอบได้ยินคนซุบซิบกันว่าเจ ชนาธิป นั่งมาด้วย แต่เสียดายไม่เจอเลย) จริงๆแล้วที่สนามบินก็มีอะไรให้ชมเยอะอยู่ แต่เนื่องจากยังเป็นตอนเช้าเลยเงียบๆ ผมขออนุญาตผ่านเลย ไปซื้อบัตร KITACA ครับ พร้อมเติมเงินไว้ หมื่นเยนสำหรับทริปนี้ พอซื้อบัตรเสร็จก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถไฟของ JR ไปลงสถานีซัปโปโร แล้วต่อรถไฟใต้ดิน ไปซุซุกิโนะ แล้วเดินต่อไปยังโรงแรม Grids Saporo บนถนนทานุกิโจ เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่พักก่อนครับ ซึ่งทริปนี้ผมเลือกนอนโฮสเทล เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย (เนื่องจากเอาตังไปจองตั๋วเครื่องบินหมด555)
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินจากทานุกิโจ ไปยังโอโดริพาร์คครับ สิ่งที่ได้เจอคือ หิมะคร้าบบ ตามภาพเลยครับ ถือว่าเซอไพรส์มากๆ แถมตอนระหว่างเดินนั้นก็แอบมีโปรยปรายลงมานิดนึง พอให้ได้หนาวเหน็บ แล้วก็เดินเล่นวนๆแถวนั้นไปเรื่อย จนเจอหอนาฬิกา แต่ไม่ได้เข้าไปครับ
ด้วยความหิว จึงไม่ได้เดินไปศาลาว่าการเลยครับ แต่ตรงดิ่งกลับมาที่ซุซุกิโนะ เพราะเป้าหมายของผมอยู่ที่ตรอกราเมน ดูรีวิวมาเยอะว่าที่นี่จะรวบรวมราเมนขึ้นชื่อไว้ด้วยกัน เลยอยากจะมาลองดู เลยเดินตรงดิ่งมาเลย
บรรยากาศหน้าตรอกราเมน มันช่างเงียบเหงาซะเหลือเกิน แต่เราไม่แคร์เราจะกิน เลยเลือกร้านแรกเนี่ยล่ะครับ ก็อร่อยดีครับอากาศหนาวๆกับราเมนร้อนๆ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าร้านนี้ คุณฮิโระ เคยมาถ่ายรายการสุโก้ยเจแปน และป๋าเบิร์ดของเราก็เคยมาทานพร้อมเซ็นลายเซ็นไว้ด้วย)
พอหลังจากอิ่มแล้วก็เดินเล่นย่อยอยู่แถวย่านซุซุกิโนะซักพักครับ ก็ถึงเวลาที่เราจะเช็คอินเข้าที่พักได้แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ผมจะได้นอนโฮสเทลแบบกึ่งแคปซูล อย่างที่บอกไปตอนแรกคืองบผมเอาไปเทกับค่าเครื่องแล้ว เลยต้องนอนราคาประหยัดหน่อย ตามคอนเซป “บินหรู นอนรู” 5555 ซึ่งผมจองทั้งหมด 4 คืน ในราคาประมาณ 3,200 บาท แต่ข้อดีคือ รร.ตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้ง ทานุกิโจ เลยครับ แค่เดินออกมาจากรร.ก็หาของกินของฝากได้ไม่ยากเลย ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดินด้วย ครับ
ด้านล่างรร.เป็นร้านกินดื่ม แต่ผมไม่ได้ลองนะไม่กล้า 555
นอนที่นี่นะ Grids Sapporo Hotel&Hostel
ตั้งอยู่ใจกลางถนนช้อปปิ้ง ทานูกิโจ
ที่นอนครับ ช่องไม่กว้างและก็ไม่แคบจนเกินไป ด้านในส่วนสูงผม 175 พอนั่งได้สบายๆ แต่ข้อเสียคือ เสียงครับ ผนังไม่เก็บเสียงเลย ช่วงก่อนวันกลับผมต้องแวะมาแพคกระเป๋าช่วงบ่ายๆ ช่วงที่คนออกไปเที่ยวกัน เพราะเสียงจะลั่นมากครับ
หลังจากจัดระเบียบรูเสร็จเรียบร้อย ผมก็นอนพักแปปนึง แล้วก็เตรียมตัวออกอีกครั้งช่วง 4 โมงเย็น เป้าหมายคือ ยอดเขาโมอิวะครับ จากรร.เดินออกมาที่ถนน เพื่อขึ้นรถรางครับ โดยขึ้นรถรางจากสถานี Tanukikoji ซึ่งจะขึ้นฝั่งไหนก็ได้ครับ เพราะรถเป็นรถวน แล้วก็มาลงที่สถานี Ropeway Iriguchi แล้วแล้วสังเกตป้าย Free Shutter bus ตามภาพครับ
ยืนรอซักพักก็จะมีรถมินิบัส มารับเราเพื่อไปยังสถานีกระเช้าครับ ถ้าคนเยอะก็จะแออัดนิดๆรถมันคันเล็กจริงๆครับ อารมณ์คล้ายๆรถตู้บ้านเรา แต่นั่งไม่ไกลครับ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ถึงแล้วครับสถานีกระเช้าขึ้นเขาโมอิวะ ขากลับก็ยืนรอรถตรงจุดที่ลงได้เลย
พอเข้ามาด้านในแล้วก็เข้าลิฟท์เพื่อขึ้นมาชั้นบนเลยครับ ออกจากลิฟท์มาก็จะเห็นช่องขายตั๋วเลย ซึ่งตั๋วจะมี 2 แบบคือ แบบไปถึงยอดเขา กับไปแค่ครึ่งเดียว เขาโมอิวะจะมี 2 ชั้นครับ แต่ส่วนใหญ่คนที่มาคือต้องการจะไปชมวิวบนยอดเขาทั้งนั้นครับ ซื้อแบบครบจบไปเลยราคา 1700 เยนครับ ก่อนขึ้นไปก็จะมีบอกอุณหภูมิ กับสภาพวิว ปัจจุบันด้วยครับ
วิวระหว่างขึ้นกระเช้าครับ แค่นี้ก็สวยแล้วววว
ถึงยอดเขาแล้วครับ ซึ่งยอดเขาโมอิวะเป็นจุดชมวิวเมืองซัปโปโรแบบทั่วทั้งเมืองเลยครับ ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ ส่วนด้านหลังก็จะมองเห็นวิวภูเขาไกลลิบๆ แอบเห็นลานสกีเปิดไฟอยู่ด้วยครับ สวยงามตามท้องเรื่องเลยทีเดียว
วิวเมืองซัปโปโรยามค่ำคืนครับ
วิวภูเขาด้านหลัง
อันนี้อ่านไม่ออกครับ แต่น่าจะอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับภูเขาโมอิวะ
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศ วิว จนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาลงครับ อ่อ บนยอดเขาจะมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่ด้วยครับ สามารถนั่งจิบกาแฟร้อนๆดูวิวไปด้วยได้ครับ แต่อย่าคาดหวังมากเนื่องจากคนเยอะ ที่นั่งน้อยครับ ส่วนขาลงก็กลับทางเดิมครับ ส่วนผมก็กลับลงมานั่งรถรางเหมือนเดิม มาลงที่สถานี Tanukikoji แล้วมาเดินหาของกินที่ย่านซุซุกิโนะเหมือนเดิม เดินวนไปวนมาอยู่นานสุดท้ายมาจบที่ร้านทงคัตซึราคาประหยัดครับ เซ็ตในภาพราคาไม่ถึงพันเยนเลย แถมเติมข้าวได้ด้วย คุ้มสุด ส่วนรสชาติอย่าคาดหวังมากครับ ไม่ถึงกับอร่อยเลิศแต่ก็ไม่แย่ครับ
หลังจากอิ่มแล้วผมก็เดินกลับเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่า นอน จบวันแรกในซัปโปโรครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น