สวัสดีค่ะ เห็นจากหลายๆกระทู้เขาแชร์วิธีการเก็บเงินกัน เราเลยมีแรงฮึดอยากมาแชร์บ้างค่ะ
หลายๆคนคงทราบดีว่าตอนนี้เศรษฐกิจก็เดี๋ยวขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้
หลายบริษัทปลดพนักงานออกเยอะ พาให้เราเองก็ยังเสียวสันหลังเบาๆ
บวกกับเมื่อหลายเดือนก่อน เปิดแอพการเงินที่มีแล้วรู้สึกว่าเศร้าใจจัง เงินที่เคยเข้า มันมีอยู่แค่หลักร้อยเท่านั้นค่ะ
เลยนอยด์มาก เมื่อก่อนเคยเป็นคนเก็บเงินเก่ง แต่พออายุมากขึ้น กลับใช้เงินเก่งตามไปด้วย ไม่ดีเลย
เลยอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ ไม่อยากเห็นเงินในบัญชีต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีกแล้ว
1.
เราเริ่มที่ตั้ง Mindset ใหม่เลยค่ะ
ฮั่นแน่ หลายคนคงคิดว่ามาขายตรงป่าวนะ 555 ไม่ใช่นะคะ
จริงๆแล้ว การตั้ง Mindset สำหรับเราคิดว่ามันคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความคิดใหม่ จริงๆเราอาจเคยคิดแบบนี้
อาจเคยคิดว่า โหย เก็บเงินอะไรอ่ะ ทำไม่ได้หรอก มีหนี้ต้องใช้นะ บลาๆๆ คือถ้าคิดแบบนี้ก็จะมี Mindset ฝังหัวไปว่าคุณไม่มีทางเก็บตังได้
เพราะฉะนั้น มาตั้งความคิดใหม่ เปลี่ยนจาก Fixed Mindset เป็น Growth Mindset ก่อน
(Fixed Mindset คือความคิดฝังหัว เปลี่ยนแปลงยาก, Growth Mindset คือความคิดที่มีการปรับไปตามสถานการณ์ ทุกอย่างไม่มีผิดถูก มีแต่การเรียนรู้)
อันนี้ต้องขอยกเครดิตทั้งหมดนี้ให้กับบรรดา Podcaster และ Youtuber ด้านการเงินทั้งหลายที่เราได้ฟังนะคะ
แนะนำให้ลองไปฟังดูค่ะ ไม่ได้ขายของให้พี่ๆเขานะ แต่จะบอกว่า การได้เปิดหูฟังอะไรใหม่ๆ มันเหมือนเป็นการเปิดตา และเปิดสมองอย่างดี
อีกอย่าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงิน การบริหารเวลา การใช้ชีวิตที่ดีมากๆ คุ้มค่าที่จะฟังค่ะ
บางครั้งเราอาจจะท้อเรื่องการทำธุรกิจ การเก็บเงิน ทำไมไม่รวยสักที ก็จะกลับมาฟัง Podcast เหล่านี้ค่ะ
ให้พลังดีมากๆสำหรับเรา
ถ้าจะแนะนำจริงๆ ลองเสิร์ชดูค่ะ: (จริงๆในยูทูปมีเยอะมาก แต่เราแชร์เฉพาะที่เราฟังประจำนะคะ)
- คุณหนุ่ม Money Coach (เราฟัง The Money Case Podcast) อันนี้เรื่องเงินล้วนๆเลยค่ะ ดีมาก ได้แง่คิดทุก episode
- คุณรวิศ หาญอุตสาหะ (เราฟัง Super Productive Podcast กับ Mission to the Moon) เรื่องการบริหารจัดการตัวเอง ชีวิต งาน ความคิดค่ะ
- คุณเคน นครินทร์ (เราฟัง The Secret Sauce Podcast) เรื่องของการทำธุรกิจ การสร้างสิ่งใหม่ๆ Design Thinking
- อาจารย์นพดล Nopadol's Story พูดเรื่องการใช้ชีวิต ความคิด การทำงาน การใช้ OKR มาดำเนินชีวิต
- คุณพอล ภัทรพล (ดูช่อง Money Matters ใน Youtube) เรื่องเงินล้วนๆ มีประโยชน์ดีนะคะ
- คุณพี่ทุย Money Buffalo เรื่องเงิน เศรษฐกิจเช่นกัน
- ทีมงาน Finnomena Channel ก็เงิน ลงทุน เศรษฐกิจค่ะ, เป็นต้น
==========================================================================
2.
จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย
เอาจริงๆส่วนมากเราจะจดแค่รายจ่าย รายรับก็จดแต่จะเน้นรายจ่ายมากกว่า
เพราะเคยสงสัยกับตัวเองว่า เดือนๆนึง เงินมันหายไปไหนหมด ไม่เข้าใจ ไปใช้ตอนไหนนะ
นี่ล่ะค่ะ เลยเริ่มรู้ละว่ามันไม่ใช่ละ อยู่ๆสสารจะหายไปเองงี้มันไม่ได้ละ ต้องจดค่ะ
เราจะมีสมุดเล็กๆไว้จด ตอนนี้เริ่มจกมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็หยุดไปบ้าง ลืมบ้าง
แต่มาจริงจังเอาตอนเดือน มิย แล้วกันค่ะ เราจะจดคร่าวๆประมาณนี้
- ใน 1 วันฉันหมดเงินไปกับอะไร อันนี้จะรู้เลยถ้ากางเป็นเดือนออกมา จะเห็นว่าเข้า 7-11 บ่อยมากกกก
- ถ้าวันไหนมีการชำระหนี้ เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต ก็ต้องลงไว้ด้วย
- ใน 1 วันฉันมีรายรับอะไรเข้ามาบ้างไหม ก็คล้ายๆจดรายรับจากรายได้เสริมที่ไม่ใช่เงินเดือน
- ใน 1 วัน รวมแล้วฉันหมดเงินไปกี่บาท
* ขออภัยในรูปมันดูเละเทะไปหน่อยนะคะ ของเดือนกันยาเขียนเรียบร้อยกว่านี้ค่ะ อันนี้ของเดือนก่อนๆ
อันนี้จะเป็นสมุดจดหนี้คงค้าง ก็จะเป็นพวกหนี้บัตรของเดือนก่อนๆ หนี้รถ พวกค่าโทรศัพท์
จะได้รู้ว่าที่ผ่านมาใช้เงินเปลืองแค่ไหน 5555
อีกขั้นนึง คือ เราจดทุกอย่างลง Excel ค่ะ ในไฟล์นี้จะเป็นบัญชีออมทรัพย์ทั้งหมด กองทุนทั้งหมด สลากทั้งหมด
แล้วรวมเอาไว้ตรงช่องท้ายๆค่ะ อันนี้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ พอดีเก็บสถิติของหลายปีก่อนไว้ด้วย
เราจะอัพเดทไฟล์นี้ทุกวัน หลังหยอดกระปุก เคลียร์เป๋าตัง หลังเช็คยอดจากการลงทุนผ่านแอพ
ได้เห็นเงินของเรามันกระโดดขึ้นๆลงๆก็สนุกดีค่ะ ถ้าเป็นพวก Savings มันไม่เท่าไร ส่วนมากก็จะนิ่งๆ
แต่ถ้าเป็นฝังกองทุน อันนี้ก็ดีด ขึ้นลงทุกวัน เฮฮากันไปค่ะ
โชคดีที่เราลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย (ลงกองทุนแรกตอนอายุ 22 ตอนนี้ 30) เลยพอจะเข้าใจเรื่องความผันผวนค่ะ
แต่ก็ยังไม่ได้ลงตัวหุ้นจริงๆซักที ความรู้ยังเท่าหางอึ่งค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะลองค่ะ
===============================================================================
3. เคลียร์กระเป๋าสตางค์ทุกวัน เอาใบเสร็จออกมา
เราจะเคลียร์กระเป๋าสตางค์ทุกวัน เพื่อเก็บเอาแต่แบงค์ใส่กระเป๋า พวกเหรียญจะควักออกมาหยอดในข้อ 4 ทั้งหมด ไม่มียกเว้น
ส่วนพวกบิลใบเสร็จ ยังเก็บไว้อยู่ ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดี มีใครพอมีไอเดียไหมคะ
======================================================================
4. แบ่งกระปุกออมสินตามชนิดของเหรียญและธนบัตร
อันนี้ใครจะว่ามันดูยากก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนตัวเราสนุกมากค่ะ รอลุ้นจนจบวันว่าวันนี้จะได้เหรียญอะไรบ้าง
โดยเราแบ่งเงินออกเป็น 5 กระปุกใหญ่ๆ ค่ะ
- กระปุก 1 = เก็บแต่แบงค์ค่ะ ได้หมด ทุกประเภท ตั้งแต่แบงค์เขียว ฟ้า แดง ม่วง เทา รวมหมดเลยยย
- กระปุก 2 = เก็บแต่เหรียญ 10 บาท
- กระปุก 3 = เก็บแต่เหรียญ 5 บาท
- กระปุก 4 = เก็บแต่เหรียญ 2 บาท
- กระปุก 5 = เก็บแต่เหรียญ 1 บาท
ความสนุกของมันอยู่ที่ได้นั่งดูมันแข่งกันว่าใครจะเต็มก่อนกันค่ะ 5555 จริงๆดูไร้สาระเนอะ แต่ทำเล่นไป
เพราะเศษเหรียญ เศษตังค์ทอนพวกนี้แหละค่ะ ที่เวลามารวมกันแล้วมันมีค่ามหาศาลได้เลยนะ
เราจะแปะ Post it ไว้ด้วยว่ากระปุกนี้ได้กี่บาทแล้ว ณ วันที่เท่าไร จะได้รู้ progression
========================================================================
5. เริ่มหารายได้เสริม เริ่มอยากเลองสร้างรายได้ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่เรากลับมาเก็บออม เราเลยรู้สึกอยากหาอะไรทำ คืออยากเห็นการเติบโตของเงินต่างๆ
อีกอย่างคืออยากพัฒนาตัวเองควบคู่ไปด้วย จากที่ทำงานมา 5 ปี การงานก็ยังย่ำอยู่ที่เดิม ไม่ได้โตมากกว่าที่เคยเป็น
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราอยากทำล่ะ มันต้องสนุกแน่ๆเลย
ตอนแรก มันเริ่มจากการที่คุณแม่เราท่านก็อยากหาอะไรทำหลังเกษียณ ก็เริ่มไปรับขนมมาขาย ผ้าถุง เสื้อ กางเกงมาขาย
บางวันแม่ก็จะชวนให้ไปตลาดนัดด้วยกัน ก็เลยเกิดความคิดอยากเอา
เสื้อผ้ามือสองไปขายด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่ลองทำคือ การโละตู้เสื้อผ้าค่ะ ทำใจยากนะ แต่รู้สึกโล่งมากกก เคลียร์เสื้อผ้าที่ตอนนี้ใส่ไม่ได้แล้ว
เราขายตลาดนัดแถวบ้าน อำนาจการต่อรองมันก็ไม่ได้มากนัก ขายตัวละ 20 บาทด้วยซ้ำ 3 ตัว 50 บาท
ถ้าเสื้อผ้าที่ซื้อมาแพงๆก็ฝากเพื่อนลงไอจีขาย
การขายของตลาดนัดเนี่ย ตอนแรกคิดว่าจะขายง่าย แค่มีรถ เปิดท้ายขายของก็โอเคแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย
บางวันไปขาย แม่ค้ามากกว่าคนเดินซื้อของอีก พอเอาของมาลง คนจะเข้ามารุมทึ้งเสื้อผ้าเรา น่ากลัวมาก
แล้วที่หนักสุดคือ การต่อรองของลูกค้า บางรายขอต่อเหลือ 10 บาท โห เสื้อผ้าเราดีๆทั้งหมด มียี่ห้อนะ ในใจคิด
แต่ก็จำใจขายเพราะไม่งั้นก็ขายไม่ออก บอกเลยว่าช่วงแรกๆนอยด์มาก ชุดเราซื้อมา 400 พอมาที่นี่ กลายเป็นตัวละ 40 บาท
ทำข้าวกล่องขาย
อันนี้เราได้ไอเดียจากการที่คุณแม่เราทำข้าวไข่เจียวอร่อยมากกกกก และเราไม่เคยกินที่ไหนอร่อยขนาดนี้
เลยเกิดความคิดว่า ลองให้แม่ทำขายที่ออฟฟิศเราดีไหม คือออฟฟิศเราก็มีแค่ 20-30 คนเท่านั้น ไม่เยอะ
อีกอย่างคือ เราอยากให้คนอื่นได้ลองมาอร่อยกับฝีมือแม่เราบ้าง เลยออกเมนูไข่เจียวมาล้วนๆ
เป็นไข่เจียวจริงๆ ใส่พริก ใส่แหนม ใส่ผักได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือตามใจแม่ค้านะ 555
เช่น วันนี้มีวัตถุดิบอะไร ก็จะทำแต่อันนั้น ต้องพรีออเดอร์ก่อน 1 วัน
และที่สำคัญคือ เราไม่ใส่กล่องโฟม แต่ใช้เป็นกล่องเบนโตะใส่ข้าวแทนค่ะ
ใครสั่งอะไร วันต่อมาเราก็จะมาทำงานพร้อมกล่องข้าวที่ตามคนสั่ง
ใครกินเสร็จ ก็ล้างแล้วผึ่งไว้ตรงที่ล้างจาน เดี๋ยวตอนเย็นเราก็มาเก็บกลับเอง
จริงๆทำอันนี้สนุกนะคะ ถ้ามีแรง มีกำลังก็อยากจะขยายไลน์ไปแผนกอื่นๆ แต่แม่เราบอกไม่ไหว
อันนี้ทำขำๆ ทำให้เขาได้อิ่มกันเท่านั้น พอหมดวัน เราก็จะมาหารกับแม่
แม่ก็จะได้ส่วนมากหน่อยเพราะเป็นคนทำ เราได้ค้าคอมมิชชั่นจากการหิ้วของ 555
จริงๆนอกจากไข่เจียว เราก็เคยทำแซนวิชมาขายค่ะ แต่พอดีติดขี้เกียจ เลยพับโครงการนี้ไป 555555
เก็บขวดขาย - เก็บกระดาษขาย
พอหลังๆมา เราเริ่มเป็นเด็กรักษ์สิ่งแวดล้อม เลยอยากจะเรียนรู้เรื่องการแยกขยะ
เลยไปปรึกษากับร้านรับซื้อของเก่าและวงศ์พาณิชย์แถวบ้าน ได้ไอเดียมาเพียบเลย
ทุกวันนี้เราใช้ขวดพลาสติกกันเยอะมาก มันควรจะถูกนำมารีไซเคิลอย่างถูกวิธี
เราเลยเก็บขวดขายเลยค่ะ เริ่มจากในบ้านก่อน เมื่อก่อนเราอ้วนเพราะกินแต่ชาเขียวขวดเยอะ
ที่บ้านก็เลยมีขวดเยอะมาก ไหนจะขวดน้ำเปล่าอีก พอหลังจากศึกษาแล้ว ก็เห็นว่า
การเก็บขยะขาย เราต้องแยกขยะก่อน อย่างน้อยต้องแยกขวดใส PET กับขวดขุ่น HDPE
จับแยกใส่ถุงต่างหากไว้ แบบนี้ทางร้านเขาก็จะง่ายต่อการขนส่งค่ะ แถมได้ราคาดีกว่าไม่แยกด้วยนะ
นอกจากนี้ เราก็ยังหารายได้เสริมช่องทางอื่นๆอีกค่ะ เช่น สอนพิเศษเด็กแถวบ้านในราคาถูก เพราะบางบ้านไม่ได้มีฐานะอะไร
หรือบางครั้งก็เอาพวกครอสติช จิ๊กซอว์ เก่าๆที่เคยทำไว้มาใส่กรอบให้ดูสวยๆแล้วขายค่ะ
พวกหนังสือเก่าๆที่ไม่ได้อ่านแล้ว ก็ส่งต่อทางกลุ่มเฟสบุ๊คค่ะ
==================================================================
การเก็บเงินของเรามันไม่ได้จะเห็นผลในไม่กี่เดือน มันต้องใช้เวลาสักพัก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราว่ามันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ
เพราะทุกข้อที่เราลิสต์มาล้วนส่งผลต่อความคิดและการกระทำในการซื้อของทั้งสิ้น
ถ้าเรารู้จักการยับยั้งชั่งใจตัวเอง เราก็จะละกิเลสได้ง่ายขึ้น
บางวันก็อยากได้ของใหม่ๆนะคะ เช่น พวกครีมอาบน้ำ โลชั่น อันไหนที่เป็นของจำเป็นเราก็ซื้อค่ะ ไม่ได้อดขนาดนั้น
กินอยู่ก็ปกติ ไม่ได้อดเกินไป เพียงแต่งดกินตามในห้าง มันก็เซฟเงินได้เยอะเลยค่ะ
30 บาทก็อิ่มยาวได้เลยนะบางมื้อ
ช่วงก่อนหน้านี้เราบ้าวิ่งมากค่ะ เพิ่งหัดวิ่ง ลงงานนั่นนี่นู้นเต็มไปหมด เดือนที่แล้วหมดเงินไปกับการสมัครวิ่งเยอะมาก
เดือนนี้ลดลงค่ะ จะวิ่งแค่ Virtual Run ที่เป็นงานฟรี 5555 แต่กระนั้น เราก็ยังคงวิ่งอยู่
เพราะวิ่งไป ก็จะฟัง podcast ไป ได้ประโยชน์สองต่อค่ะ
ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้มากๆนะคะที่ให้มาแบ่งปัน
ยินดีรับฟังและอยากเชิญเพื่อนๆมาแชร์วิธีของตัวเองบ้างค่ะ
ขอบคุณค่ะ
- ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการออมนะคะ -
มาแชร์วิธีเก็บออมเงินในแบบของเราคร่าวๆ 5 ข้อค่ะ (อาจไม่ได้ทำให้รวยเร็ว แต่ว่าเป็นวิธีที่ทำได้นาน)
หลายๆคนคงทราบดีว่าตอนนี้เศรษฐกิจก็เดี๋ยวขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้
หลายบริษัทปลดพนักงานออกเยอะ พาให้เราเองก็ยังเสียวสันหลังเบาๆ
บวกกับเมื่อหลายเดือนก่อน เปิดแอพการเงินที่มีแล้วรู้สึกว่าเศร้าใจจัง เงินที่เคยเข้า มันมีอยู่แค่หลักร้อยเท่านั้นค่ะ
เลยนอยด์มาก เมื่อก่อนเคยเป็นคนเก็บเงินเก่ง แต่พออายุมากขึ้น กลับใช้เงินเก่งตามไปด้วย ไม่ดีเลย
เลยอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ ไม่อยากเห็นเงินในบัญชีต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีกแล้ว
1. เราเริ่มที่ตั้ง Mindset ใหม่เลยค่ะ
ฮั่นแน่ หลายคนคงคิดว่ามาขายตรงป่าวนะ 555 ไม่ใช่นะคะ
จริงๆแล้ว การตั้ง Mindset สำหรับเราคิดว่ามันคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความคิดใหม่ จริงๆเราอาจเคยคิดแบบนี้
อาจเคยคิดว่า โหย เก็บเงินอะไรอ่ะ ทำไม่ได้หรอก มีหนี้ต้องใช้นะ บลาๆๆ คือถ้าคิดแบบนี้ก็จะมี Mindset ฝังหัวไปว่าคุณไม่มีทางเก็บตังได้
เพราะฉะนั้น มาตั้งความคิดใหม่ เปลี่ยนจาก Fixed Mindset เป็น Growth Mindset ก่อน
(Fixed Mindset คือความคิดฝังหัว เปลี่ยนแปลงยาก, Growth Mindset คือความคิดที่มีการปรับไปตามสถานการณ์ ทุกอย่างไม่มีผิดถูก มีแต่การเรียนรู้)
อันนี้ต้องขอยกเครดิตทั้งหมดนี้ให้กับบรรดา Podcaster และ Youtuber ด้านการเงินทั้งหลายที่เราได้ฟังนะคะ
แนะนำให้ลองไปฟังดูค่ะ ไม่ได้ขายของให้พี่ๆเขานะ แต่จะบอกว่า การได้เปิดหูฟังอะไรใหม่ๆ มันเหมือนเป็นการเปิดตา และเปิดสมองอย่างดี
อีกอย่าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงิน การบริหารเวลา การใช้ชีวิตที่ดีมากๆ คุ้มค่าที่จะฟังค่ะ
บางครั้งเราอาจจะท้อเรื่องการทำธุรกิจ การเก็บเงิน ทำไมไม่รวยสักที ก็จะกลับมาฟัง Podcast เหล่านี้ค่ะ
ให้พลังดีมากๆสำหรับเรา
ถ้าจะแนะนำจริงๆ ลองเสิร์ชดูค่ะ: (จริงๆในยูทูปมีเยอะมาก แต่เราแชร์เฉพาะที่เราฟังประจำนะคะ)
- คุณหนุ่ม Money Coach (เราฟัง The Money Case Podcast) อันนี้เรื่องเงินล้วนๆเลยค่ะ ดีมาก ได้แง่คิดทุก episode
- คุณรวิศ หาญอุตสาหะ (เราฟัง Super Productive Podcast กับ Mission to the Moon) เรื่องการบริหารจัดการตัวเอง ชีวิต งาน ความคิดค่ะ
- คุณเคน นครินทร์ (เราฟัง The Secret Sauce Podcast) เรื่องของการทำธุรกิจ การสร้างสิ่งใหม่ๆ Design Thinking
- อาจารย์นพดล Nopadol's Story พูดเรื่องการใช้ชีวิต ความคิด การทำงาน การใช้ OKR มาดำเนินชีวิต
- คุณพอล ภัทรพล (ดูช่อง Money Matters ใน Youtube) เรื่องเงินล้วนๆ มีประโยชน์ดีนะคะ
- คุณพี่ทุย Money Buffalo เรื่องเงิน เศรษฐกิจเช่นกัน
- ทีมงาน Finnomena Channel ก็เงิน ลงทุน เศรษฐกิจค่ะ, เป็นต้น
==========================================================================
2. จดบัญชีรายรับ-รายจ่าย
เอาจริงๆส่วนมากเราจะจดแค่รายจ่าย รายรับก็จดแต่จะเน้นรายจ่ายมากกว่า
เพราะเคยสงสัยกับตัวเองว่า เดือนๆนึง เงินมันหายไปไหนหมด ไม่เข้าใจ ไปใช้ตอนไหนนะ
นี่ล่ะค่ะ เลยเริ่มรู้ละว่ามันไม่ใช่ละ อยู่ๆสสารจะหายไปเองงี้มันไม่ได้ละ ต้องจดค่ะ
เราจะมีสมุดเล็กๆไว้จด ตอนนี้เริ่มจกมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็หยุดไปบ้าง ลืมบ้าง
แต่มาจริงจังเอาตอนเดือน มิย แล้วกันค่ะ เราจะจดคร่าวๆประมาณนี้
- ใน 1 วันฉันหมดเงินไปกับอะไร อันนี้จะรู้เลยถ้ากางเป็นเดือนออกมา จะเห็นว่าเข้า 7-11 บ่อยมากกกก
- ถ้าวันไหนมีการชำระหนี้ เช่น ค่าบัตรเครดิต ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต ก็ต้องลงไว้ด้วย
- ใน 1 วันฉันมีรายรับอะไรเข้ามาบ้างไหม ก็คล้ายๆจดรายรับจากรายได้เสริมที่ไม่ใช่เงินเดือน
- ใน 1 วัน รวมแล้วฉันหมดเงินไปกี่บาท
* ขออภัยในรูปมันดูเละเทะไปหน่อยนะคะ ของเดือนกันยาเขียนเรียบร้อยกว่านี้ค่ะ อันนี้ของเดือนก่อนๆ
อันนี้จะเป็นสมุดจดหนี้คงค้าง ก็จะเป็นพวกหนี้บัตรของเดือนก่อนๆ หนี้รถ พวกค่าโทรศัพท์
จะได้รู้ว่าที่ผ่านมาใช้เงินเปลืองแค่ไหน 5555
อีกขั้นนึง คือ เราจดทุกอย่างลง Excel ค่ะ ในไฟล์นี้จะเป็นบัญชีออมทรัพย์ทั้งหมด กองทุนทั้งหมด สลากทั้งหมด
แล้วรวมเอาไว้ตรงช่องท้ายๆค่ะ อันนี้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ พอดีเก็บสถิติของหลายปีก่อนไว้ด้วย
เราจะอัพเดทไฟล์นี้ทุกวัน หลังหยอดกระปุก เคลียร์เป๋าตัง หลังเช็คยอดจากการลงทุนผ่านแอพ
ได้เห็นเงินของเรามันกระโดดขึ้นๆลงๆก็สนุกดีค่ะ ถ้าเป็นพวก Savings มันไม่เท่าไร ส่วนมากก็จะนิ่งๆ
แต่ถ้าเป็นฝังกองทุน อันนี้ก็ดีด ขึ้นลงทุกวัน เฮฮากันไปค่ะ
โชคดีที่เราลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย (ลงกองทุนแรกตอนอายุ 22 ตอนนี้ 30) เลยพอจะเข้าใจเรื่องความผันผวนค่ะ
แต่ก็ยังไม่ได้ลงตัวหุ้นจริงๆซักที ความรู้ยังเท่าหางอึ่งค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสก็จะลองค่ะ
===============================================================================
3. เคลียร์กระเป๋าสตางค์ทุกวัน เอาใบเสร็จออกมา
เราจะเคลียร์กระเป๋าสตางค์ทุกวัน เพื่อเก็บเอาแต่แบงค์ใส่กระเป๋า พวกเหรียญจะควักออกมาหยอดในข้อ 4 ทั้งหมด ไม่มียกเว้น
ส่วนพวกบิลใบเสร็จ ยังเก็บไว้อยู่ ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดี มีใครพอมีไอเดียไหมคะ
======================================================================
4. แบ่งกระปุกออมสินตามชนิดของเหรียญและธนบัตร
อันนี้ใครจะว่ามันดูยากก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนตัวเราสนุกมากค่ะ รอลุ้นจนจบวันว่าวันนี้จะได้เหรียญอะไรบ้าง
โดยเราแบ่งเงินออกเป็น 5 กระปุกใหญ่ๆ ค่ะ
- กระปุก 1 = เก็บแต่แบงค์ค่ะ ได้หมด ทุกประเภท ตั้งแต่แบงค์เขียว ฟ้า แดง ม่วง เทา รวมหมดเลยยย
- กระปุก 2 = เก็บแต่เหรียญ 10 บาท
- กระปุก 3 = เก็บแต่เหรียญ 5 บาท
- กระปุก 4 = เก็บแต่เหรียญ 2 บาท
- กระปุก 5 = เก็บแต่เหรียญ 1 บาท
ความสนุกของมันอยู่ที่ได้นั่งดูมันแข่งกันว่าใครจะเต็มก่อนกันค่ะ 5555 จริงๆดูไร้สาระเนอะ แต่ทำเล่นไป
เพราะเศษเหรียญ เศษตังค์ทอนพวกนี้แหละค่ะ ที่เวลามารวมกันแล้วมันมีค่ามหาศาลได้เลยนะ
เราจะแปะ Post it ไว้ด้วยว่ากระปุกนี้ได้กี่บาทแล้ว ณ วันที่เท่าไร จะได้รู้ progression
========================================================================
5. เริ่มหารายได้เสริม เริ่มอยากเลองสร้างรายได้ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่เรากลับมาเก็บออม เราเลยรู้สึกอยากหาอะไรทำ คืออยากเห็นการเติบโตของเงินต่างๆ
อีกอย่างคืออยากพัฒนาตัวเองควบคู่ไปด้วย จากที่ทำงานมา 5 ปี การงานก็ยังย่ำอยู่ที่เดิม ไม่ได้โตมากกว่าที่เคยเป็น
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราอยากทำล่ะ มันต้องสนุกแน่ๆเลย
ตอนแรก มันเริ่มจากการที่คุณแม่เราท่านก็อยากหาอะไรทำหลังเกษียณ ก็เริ่มไปรับขนมมาขาย ผ้าถุง เสื้อ กางเกงมาขาย
บางวันแม่ก็จะชวนให้ไปตลาดนัดด้วยกัน ก็เลยเกิดความคิดอยากเอาเสื้อผ้ามือสองไปขายด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่ลองทำคือ การโละตู้เสื้อผ้าค่ะ ทำใจยากนะ แต่รู้สึกโล่งมากกก เคลียร์เสื้อผ้าที่ตอนนี้ใส่ไม่ได้แล้ว
เราขายตลาดนัดแถวบ้าน อำนาจการต่อรองมันก็ไม่ได้มากนัก ขายตัวละ 20 บาทด้วยซ้ำ 3 ตัว 50 บาท
ถ้าเสื้อผ้าที่ซื้อมาแพงๆก็ฝากเพื่อนลงไอจีขาย
การขายของตลาดนัดเนี่ย ตอนแรกคิดว่าจะขายง่าย แค่มีรถ เปิดท้ายขายของก็โอเคแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย
บางวันไปขาย แม่ค้ามากกว่าคนเดินซื้อของอีก พอเอาของมาลง คนจะเข้ามารุมทึ้งเสื้อผ้าเรา น่ากลัวมาก
แล้วที่หนักสุดคือ การต่อรองของลูกค้า บางรายขอต่อเหลือ 10 บาท โห เสื้อผ้าเราดีๆทั้งหมด มียี่ห้อนะ ในใจคิด
แต่ก็จำใจขายเพราะไม่งั้นก็ขายไม่ออก บอกเลยว่าช่วงแรกๆนอยด์มาก ชุดเราซื้อมา 400 พอมาที่นี่ กลายเป็นตัวละ 40 บาท
ทำข้าวกล่องขาย
อันนี้เราได้ไอเดียจากการที่คุณแม่เราทำข้าวไข่เจียวอร่อยมากกกกก และเราไม่เคยกินที่ไหนอร่อยขนาดนี้
เลยเกิดความคิดว่า ลองให้แม่ทำขายที่ออฟฟิศเราดีไหม คือออฟฟิศเราก็มีแค่ 20-30 คนเท่านั้น ไม่เยอะ
อีกอย่างคือ เราอยากให้คนอื่นได้ลองมาอร่อยกับฝีมือแม่เราบ้าง เลยออกเมนูไข่เจียวมาล้วนๆ
เป็นไข่เจียวจริงๆ ใส่พริก ใส่แหนม ใส่ผักได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือตามใจแม่ค้านะ 555
เช่น วันนี้มีวัตถุดิบอะไร ก็จะทำแต่อันนั้น ต้องพรีออเดอร์ก่อน 1 วัน
และที่สำคัญคือ เราไม่ใส่กล่องโฟม แต่ใช้เป็นกล่องเบนโตะใส่ข้าวแทนค่ะ
ใครสั่งอะไร วันต่อมาเราก็จะมาทำงานพร้อมกล่องข้าวที่ตามคนสั่ง
ใครกินเสร็จ ก็ล้างแล้วผึ่งไว้ตรงที่ล้างจาน เดี๋ยวตอนเย็นเราก็มาเก็บกลับเอง
จริงๆทำอันนี้สนุกนะคะ ถ้ามีแรง มีกำลังก็อยากจะขยายไลน์ไปแผนกอื่นๆ แต่แม่เราบอกไม่ไหว
อันนี้ทำขำๆ ทำให้เขาได้อิ่มกันเท่านั้น พอหมดวัน เราก็จะมาหารกับแม่
แม่ก็จะได้ส่วนมากหน่อยเพราะเป็นคนทำ เราได้ค้าคอมมิชชั่นจากการหิ้วของ 555
จริงๆนอกจากไข่เจียว เราก็เคยทำแซนวิชมาขายค่ะ แต่พอดีติดขี้เกียจ เลยพับโครงการนี้ไป 555555
เก็บขวดขาย - เก็บกระดาษขาย
พอหลังๆมา เราเริ่มเป็นเด็กรักษ์สิ่งแวดล้อม เลยอยากจะเรียนรู้เรื่องการแยกขยะ
เลยไปปรึกษากับร้านรับซื้อของเก่าและวงศ์พาณิชย์แถวบ้าน ได้ไอเดียมาเพียบเลย
ทุกวันนี้เราใช้ขวดพลาสติกกันเยอะมาก มันควรจะถูกนำมารีไซเคิลอย่างถูกวิธี
เราเลยเก็บขวดขายเลยค่ะ เริ่มจากในบ้านก่อน เมื่อก่อนเราอ้วนเพราะกินแต่ชาเขียวขวดเยอะ
ที่บ้านก็เลยมีขวดเยอะมาก ไหนจะขวดน้ำเปล่าอีก พอหลังจากศึกษาแล้ว ก็เห็นว่า
การเก็บขยะขาย เราต้องแยกขยะก่อน อย่างน้อยต้องแยกขวดใส PET กับขวดขุ่น HDPE
จับแยกใส่ถุงต่างหากไว้ แบบนี้ทางร้านเขาก็จะง่ายต่อการขนส่งค่ะ แถมได้ราคาดีกว่าไม่แยกด้วยนะ
นอกจากนี้ เราก็ยังหารายได้เสริมช่องทางอื่นๆอีกค่ะ เช่น สอนพิเศษเด็กแถวบ้านในราคาถูก เพราะบางบ้านไม่ได้มีฐานะอะไร
หรือบางครั้งก็เอาพวกครอสติช จิ๊กซอว์ เก่าๆที่เคยทำไว้มาใส่กรอบให้ดูสวยๆแล้วขายค่ะ
พวกหนังสือเก่าๆที่ไม่ได้อ่านแล้ว ก็ส่งต่อทางกลุ่มเฟสบุ๊คค่ะ
==================================================================
การเก็บเงินของเรามันไม่ได้จะเห็นผลในไม่กี่เดือน มันต้องใช้เวลาสักพัก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราว่ามันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ
เพราะทุกข้อที่เราลิสต์มาล้วนส่งผลต่อความคิดและการกระทำในการซื้อของทั้งสิ้น
ถ้าเรารู้จักการยับยั้งชั่งใจตัวเอง เราก็จะละกิเลสได้ง่ายขึ้น
บางวันก็อยากได้ของใหม่ๆนะคะ เช่น พวกครีมอาบน้ำ โลชั่น อันไหนที่เป็นของจำเป็นเราก็ซื้อค่ะ ไม่ได้อดขนาดนั้น
กินอยู่ก็ปกติ ไม่ได้อดเกินไป เพียงแต่งดกินตามในห้าง มันก็เซฟเงินได้เยอะเลยค่ะ
30 บาทก็อิ่มยาวได้เลยนะบางมื้อ
ช่วงก่อนหน้านี้เราบ้าวิ่งมากค่ะ เพิ่งหัดวิ่ง ลงงานนั่นนี่นู้นเต็มไปหมด เดือนที่แล้วหมดเงินไปกับการสมัครวิ่งเยอะมาก
เดือนนี้ลดลงค่ะ จะวิ่งแค่ Virtual Run ที่เป็นงานฟรี 5555 แต่กระนั้น เราก็ยังคงวิ่งอยู่
เพราะวิ่งไป ก็จะฟัง podcast ไป ได้ประโยชน์สองต่อค่ะ
ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้มากๆนะคะที่ให้มาแบ่งปัน
ยินดีรับฟังและอยากเชิญเพื่อนๆมาแชร์วิธีของตัวเองบ้างค่ะ
ขอบคุณค่ะ
- ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการออมนะคะ -