ผมเพิ่งโดนไล่ออกจากงานประจำวันที่ 26/9/62 ที่ผ่านมา

สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิก ผมเพิ่งโดนไล่ออกจากงานประจำวันที่ 26/9/62 ที่ผ่านมา เหตุผลที่โดนไล่ออกคือทำธุรกิจคล้ายกับบริษัท (จำหน่ายสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง) 
-เดิมผมทำงานในส่วนของ Marketing Online ทำงานมา 10ปี พอดี 
-หน้าที่ของผมคือคอยหาช่องทางการขายสินค้า การพัฒนาตัวสินค้า การทำคอนเทนของสินค้า การทำการตลาดโปรโมทสินค้า แต่ระหว่างนั้นก็ควบงานขายไปด้วย
-ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นบริษัทที่เคยทำเป็นตึกแถวเล็กๆ พนง.นั่งรวมๆ แออัดกันอยู่ที่ชั้นลอยของตึกใต้ห้องน้ำ ด้านล่างเป็นที่เก็บสินค้า ส่วนชั้น2 กับชั้น3 เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้านาย มี พนง. 3 คน นั่งรวมกับเจ้านายอีก 3 คน 
-ปัจจุบัน มีตึกแถวสำหรับเก็บสินค้า 6 ห้องๆ ละ 4 ล้านกว่า, บ้านเดี่ยว 1 หลัง 50 ตรว. 4 ล้าน และสำนักงานปัจจุบันบนเนื้อที่เกือบ 300 ตรว. สิ่งปลูกสร้างอีกหลายสิบล้าน, รถยนต์ เบนซ์  BMW อีกมากกว่า 5คัน
-แต่บริษัท ไม่มีโบนัส ไม่เงินรางวัลที่เป็นแรงจูงใจพนักงาน ไม่มีเงินช่วยเหลือใดๆ มีแต่เงินกู้ยืมเพียงเท่านั้น
-การทำงานของผม งานหลักคือสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น แต่งานที่ต้องรับผิดชอบควบคู่ไปด้วยคืองานขายสินค้าและบริการลูกค้า เตรียมสินค้า ยกสินค้า เปิดเอกสารใบกำกับภาษี ลงบันทึกบัญชีต่างๆ การวางแผนปฎิบัติงานนอกสถานที่ วิ่งซื้อข้าวซื้อน้ำให้เจ้านาย กวาดออฟฟิศ ล้างห้องน้ำ ฯลฯ เพราะในตอนนั้นบริษัทยังไม่เติบโต
-เวลาผ่านมา 3ปี ผมทุ่มเทให้เวลากับงานมาตลอด เต็มที่ทุกครั้งที่ได้ทำงาน บางครั้งก็กลับบ้าน 5ทุ่มบ้าง เที่ยงคืนบ้าง ตีหนึ่งบ้าง กลับดึกแล้วยังแบกงานกลับมาทำที่บ้านอีกเพราะต้องพัฒนาสินค้าใหม่ ต้องทันกับการประชุมตอนเช้า
-ผมทุ่มเทแบบนี้มาตลอด ไม่เคยคาดหวังอะไรมากนอกจากเงินเดือน อยากได้เงินที่เพิ่มขึ้นเพราะเราทุ่มเทมากกว่าใครๆ
- 3ปีที่ผ่านมาเงินขึ้นปีละ 500บาท ปีแรกทำงานเงินเดือน 9000บาท ผ่านมา 3ปี ได้เงินเดือนทั้งหมด 10500บาท 
-ค่าคอมมิชชั่น 1บาท หาร 3 คน เฉลี่ยคนละ 0.33 บาท เดือนนึงได้ค่าคอมฯ คนละ 4-5000บาท เพรายอดขายไม่ได้เยอะเท่าไหร่ 
-ไม่เคยมีโบนัส ช่วงเทศกาลตรุษจีนได้แต๊ะเอียคนละ 1000บาท สำหรับคนที่ไปช่วยงานไหว้เจ้า ใครติดธุระ บ้านไหว้เจ้า ไม่ได้ไปก็อด 
-ช่วง 3ปีแรก ได้ของขวัญปีใหม่ เช่นเสื้อเชิ้ตใส่ทำงานคนละ 3 ตัว ลดลงมาเหลือ 2 ตัว และก็ไม่เคยได้อะไรอีกเลย
-จนผมตัดสินใจลาออกจากงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมทนแรงกดดันจากการทำงานไม่ไหว เพราะผมแบกงานกลับมาทำที่บ้าน พอเอางานมาเสนอเจ้านายหยิบขึ้นมาอ่านไม่ถึง 2 นาที ขยำแล้วโยนงานผมทิ้ง และเหตุผลอื่นๆ ที่กล่าวไปข้างต้น
-วันนั้นผมเสียใจมาก ร้องไห้ ตอนเช้าเลยตัดสินใจลาออก เพื่อไปหาประสบการณ์ทำงานในที่ใหม่ๆ
-ผมได้งานใหม่ทันที เป็นบริษัทขายบ้านและคอนโด ผมอยู่ในส่วนของการตลาด แต่ไม่มีวันหยุดเลย จึงลองไปทำดู
-เจ้านายอนุญาตให้ลาออกได้ ให้ออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วบอกว่าอีก 15 วันจะโทรหา
-เวลาผ่านไป 15วัน เจ้านายโทรกลับมาตามให้ไปทำงาน ยื่นข้อเสนอว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ 10% ทุกปี แต่สวัสดิการทุกอย่างเหมือนเดิม
-ผมยอมกลับไป เพราะเป็นงานที่ผมถนัด ผมรักงานที่ผมทำ สิ่งที่ผมเป็น ผมไม่ชอบงานขายเท่าไหร่ แต่ผมชอบคุยกับลูกค้า ชอบงานการตลาดออนไลน์ มันทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
-จนเวลาผ่านไป ผมมีลูกน้องมาช่วยงาน ผมได้เลื่อนเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด 
-หน้าที่ของผมคือคอยคิดไอเดียใหม่ๆ ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบสนองโลกยุคปัจจุบัน 
-แต่ก็มาโดนเบรคเพราะ เจ้านายไม่กล้าลงทุนมือถือที่ต้องสมัคร Line ให้ลูกน้อง เจ้านายไม่กล้าจ่ายเพราะกลัวว่าใช้แล้วจะไม่ได้ผล 
-ผมจึงต้องเสียสละมือถือส่วนตัว ไลน์ส่วนตัว ให้ลูกค้าติดต่อเข้ามา คุยผ่านผมเป็นตัวกลาง

-ปีที่ 5-6 ยอดขายเติบโต รายรับบริษัทมีมากขึ้น ปีนึงพวกผมหาเงินเข้าบริษัทได้ 20-30 ล้านบาท
-แต่สวัสดิการก็ยังคงเหมือนเดิม มีเงินเดือนและค่าคอม 0.33 บาท/คน
-จนวันนึงผมอยากมีบ้านสักหลัง แต่เพียงเพราะมีหนี้บัตรเครดิตที่ต้องปิด เพื่อจะได้วงเงินเพิ่มขึ้นเท่ากับราคาบ้าน
-จึงไปปรึกษาเจ้านายของยืมเงิน 1.5แสน ตอนเช้าบอกอนุมัติ พอตกบ่ายบอกไม่สะดวก ผมดิ้นพล่านเลย ต้องหาทางปิดยอดหนี้ให้ทันเวลา สุดท้ายก็ไปยืมเงินคนรู้จักมาปิดแล้วก็คืนหลังจากวงเงินบ้านอนุมัติ 
-การอาศัยพึ่งพาก็วนมาอีกเป็นวันที่ผมหมดสิ้นทุกทาง เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตจนหมุนเงินไม่ทัน บ้านโดนยึด
-ตอนเกิดเรื่องช่วงแรกๆ เจ้านายบอกว่าจะช่วยอย่างเต็มที่เพราะเราอยู่กันแบบครอบครัว เราเป็นพี่น้อง ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้อง มีปัญหาอะไรคุยกันได้เลยตรงๆ
-ผมเอาหมายศาลไปให้เค้าดู ปรึกษาว่าจะทำยังไงดี เพราะผมไม่เคยเจอ ไม่มีความรู้ด้านนี้
-เจ้านายบอกให้ฉีกทิ้งไปเลย ไม่ต้องไปสนใจ รอวันที่เค้านัดไกล่เกลี่ยแล้วค่อยไปขึ้นศาล ใครโทรมาทวงก็ไม่ต้องรับสาย ให้ไปปิดเบอร์ เปลี่ยนเบอร์ใหม่จะได้ไม่กระทบกับงาน
-ผมก็สบายเพราะเจ้านายมีญาติเป็นถึงทนายเลื่อนเป็นฎีกา น่าจะช่วยเราได้
-รอจนแล้วจนเล่า ไม่มีอะไรดีขึ้น ฝ่ายทวงหนี้เริ่มทวงถี่ขึ้น หนักขึ้น โทรเข้าบริษัท โทรมาทวงกับพ่อกับแม่ เค้าตามสืบจนรู้เบอร์โทร
-ผมจึงเข้าไปปรึกษากับเจ้านายอีกครั้งว่าจะเอายังไงดี เพราะผมไม่อยากให้กระทบกับใคร ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
-เค้าถอดชื่อผมออกจากบริษัท แต่ยังให้ทำงานเหมือนเดิม เงินเดือนโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นแทน
-สรุปแล้วบ้านผมต้องโดนยึดเพราะเชื่อคำแนะนำของเจ้านาย รถผมต้องขายทิ้งเพราะสืบทรัพย์มาเจอ ผมต้องไปหากู้เงินมามัดจำค่าเช่าบ้านใหม่
กู้ยืมบริษัทมาต่อเติมบ้านหลังใหม่ที่เป็นบ้านเช่าโทรมๆ

-ปีที่ 7-8 ของการทำงาน ภรรยาของเจ้านายเดิมทีไม่ชอบผม ไม่ถูกฉโลกกันอยู่แล้วตั้งแต่เข้ามาทำงานแรกๆ แต่ผมก็เฉยๆ ยกมือไหว้ปกติ คุยด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพมาโดยตลอด เค้าคอยจับผิด หาทางกำจัดผมทุกทาง
-เรื่องปิดไฟห้องน้ำ ปิดไฟออฟฟิศ ปิดพัด ปิดแอร์ เรื่องกระจุกกระจิก หาเรื่องมาให้ผมโดยตลอด
-จะปิดได้ยังไงออฟฟิศที่นั่งทำงานมันรวมอยู่ในส่วนของบ้านเค้า เค้าไม่แยกสัดส่วนให้ชัดเจน
-ทุกวันลูกเค้านั่งเล่นเกมส์ ดูทีวี กินข้าวกันอยู่ ใครจะไปกล้าปิดไฟ ปิดแอร์ เดี๋ยวจะมีปัญหาไปอีก
-จนมาถึงเรื่องเข้าใจผิดกัน หุ้นส่วนบริษัทมีน้ำเสียงคล้ายๆ ผม ตะโกนคำไม่สุภาพใส่เค้า แต่ภรรยาเจ้านายเข้าใจผิด คิดว่าผมไปว่าเค้า ด่าผมด้วยคำหยาบโดยที่ไม่ฟังเหตุผล สั่งให้เจ้านายไล่ผมออก แต่ไม่มีใครยืนยันให้เค้าได้ เค้าเลยแพ้ไป หลังจากนั้นเค้าก็หาเรื่องใส่ผมอยู่เรื่อยๆ
-ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุ นิ่ง เงียบ ไม่พูดจาก ไม่ออกตัว ไม่ช่วยเหลืออะไรผมเลย ทุกวันนี้เค้ากยังมีนิสัยแบบนั้นอยู่
-ตลอดการทำงานผมรักษาผลประโยชน์ให้บริษัทตลอด ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการหาส่วนลดต่างๆ เวลาไปซื้อของใช้สำนักงาน หาโปรโมชั่นประหยัดมานำเสนอตลอด
-ผมทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เคยคดโกง ให้เงินผมไปซื้อของ ซื้อของที่สั่งให้ซื้อเท่านั้น หิวน้ำก็ควักเงินตัวเองซื้อ ไม่เคยรบกวนของบริษัท กลับมาเงินเหลือเท่าไหร่ก็ทอนเท่านั้น มีใบเสร็จยืนยันพร้อมสรุปยอดให้ทุกครั้ง

-ปีที่9-10 ปัจจุบันพวกเราหาเงินเข้าบริษัทได้ 40-60 ล้าน แต่เจ้านายก็ยังมองไม่เห็นค่าว่าจะเพิ่มอะไรให้พวกเราหรือพวกเราต้องการอะไร
-การทำงานเป็นลูกน้องของผมเงินเดือนปัจจุบัน 16500บาท อายุงาน 10ปี ค่าคอม 7000-10000บาท
-เป็นเงินเดือนที่ได้รับเพียงเล็กน้อย กับค่าคอมมิชชั่นเพียงเสี้ยวเงินบาท ไม่พอต่อรายจ่ายปัจจุบัน
-ผมมีหน้าที่ดูแลเรื่องงานขายอย่างเต็มตัว ทั้งฝึกน้องๆ เรื่องกาตอบคำถามลูกค้า ฝีกเรื่องสินค้าของบริษัท
-มีหลายโปรเจคที่มีโอกาส หากถ้าเราลดราคาสักนิดให้เค้าได้ เราก็จะได้ออเดอร์นั้นมา
-ผมจึงปรึกษาเจ้านายหลายต่อหลายครั้ง หลายเคส ออเดอร์หลักล้าน หลุดบ่อยมาก เพราะความที่เจ้านายมองไม่เห็นโอกาส
-มีหนึ่งเคสที่ลูกค้าโทรมาอ้อนวอนให้ผมช่วย เพราะเค้าต้องการใช้สินค้า ต้องส่งของให้ทันเวลา ถ้าได้ราคาตามที่ลูกค้าขอ สามารถสั่งซื้อได้เลย
-ผมจึงคิดทั้งคืน ปรึกษาซัพพลายเออร์เรื่องของออเดอร์ ปรึกษาลูกน้องคนสนิทเรื่องช่องทางการช่วยเหลือลูกค้า
-สรุปว่าเราจะเปิดบริษัทขึ้นมาหุ้นกับน้องคนสนิทเพื่อตามเก็บออเดอร์ที่หลุดจากบริษัท โดยเห็นสมควรจากเจ้านายแล้วว่าจะไม่ทำออเดอร์นั้น
-ผมปิดออเดอร์นี้ได้จริงๆ ลูกค้าซื้อสินค้าผมจริงๆ โอนเงินและส่งสินค้ากันจริงๆ ไม่ใช่ฝันครับ ใครๆ ก็อยากมีรายได้มากกว่าเงินเดือน เศษเงินของบริษัท
-หลังจากเปิดบริษัท ผ่านมาได้ 2 เดือนกว่าๆ ผมถูกสอบสวนว่าทุจริต ขโมยออเดอร์ ขโมยลูกค้าของบริษัท ผมก็ได้เล่าเหตุผลทีทำเพราะบริษัททิ้งลูกค้าแล้ว ไม่เอาแล้ว ได้สอบถามโดยตรงจากเจ้านายถึง 3 รอบแล้ว เจ้านายมองไม่เห็นโอกาส แต่ผมเห็นโอกาสผมจึงเอามาดิวเอง
-ถ้าให้เปรียบเทียบเจ้านายชอบอะไรที่สำเร็จรูป เช่น อาหารระดับพรีเมี่ยมที่พร้อมทานเท่านั้น (เหมือนขายงานปิดออเดอร์เสร็จ เจ้านายนั่งรอรับเงินไปเต็มๆ และก็แบ่งเศษเงินเป็นค่าคอมฯ ให้ พนง.) 
-เจ้านายไม่ชอบอะไรที่ต้องมาปรับปรุงแต่งเพิ่ม อย่างผมมองเห็นว่าวัตถุดิบที่ได้มาข้างในมันคือ "เนื้อวากิวA5" เพียงแค่เราแร่หนังออกบางส่วน น้ำหนักมันจะหายไปบ้าง แต่เราได้ของดีมาเก็บไว้กินนานๆ รสชาติและมูลค่าดีมากด้วย แต่เจ้านายไม่ยอมรับในสิ่งที่เค้ามองไม่เห็นโอกาสและศักยภาพของผม 
-เค้าเอาประเด็นอื่นมาอ้างเพื่อไล่ผมออกและเอาชนะว่า "ผมทำงานส่วนตัวในเวลางานของบริษัท ซึ่งมันผิดกฎของบริษัท"
-แต่ไปแจ้งกับ พนง. คนอื่นว่าไล่ผมออก เพราะ ทุจริต รวมถึงจากส่งจดหมายไปหาซัพพลายเออร์และลูกค้าที่ผมสนิทด้วยทุกราย
-ก่อนหน้านี้มี พนง. คนนึ ขายเสื้อยืด โดยใช้ทรัพยากรของบริษัทเช่น ซองกระดาษน้ำตาล A4 สก็อตเทปและยังใช้รถบริษัทขับออกไปส่งของด้วย ทำไมตอนนั้นเค้าถึงไม่ไล่ออก
-แต่ทำไงได้ เงินของเค้า เค้าจะจ้างหรือไม่จ้างใครก็ได้ ผมจึงต้อยอมรับคำตัดสินแล้วก็เดินออกมาเก็บของ โดยก่อนออกมาเค้าถามว่าใช้เวลาเก็บของกี่นาที ผมตอบไปขอ 30นาที แต่เค้าไล่ผมออกมาเก้บให้เวลา 15นาที
-หลังจากผมออกมาได้เพียง 1 วัน เค้าประกาศจะแบ่งหุ้นบริษัทให้ลูกน้องและ พนง. ที่เหลือ ทำไมตอนผมอยู่ถึงไม่มี
-เงินชดเชยที่ถูกเลิกจ้าง ผมไม่ได้รับ เพราะชื่อผมไม่มีอยู่ในระบอยู่แล้ว
-เงินค่าคอมมิชชั่นที่ค้างไว้อีก 2 เดือน เค้าก็ไม่แจ้งว่าจะให้หรือไม่ให้
ตอนนี้ตกงาน มืดไปหมด ยังตั้งหลักไม่ได้เลย บริษัทที่เปิดก็ไม่มีฐานลูกค้า รายรับก็ยังไม่มี แต่รายจ่ายมีทุกวัน ผมขอแค่คำแนะนำและกำลังใจเพื่อให้ผมมีแรงสู้ต่อไปด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่