สวัสดีค่ะ อยากจะสอบถามพี่ ๆ เพื่อนชาวพันทิปสักหน่อย ขออนุญาตแทนตัวเองว่า "เรา" นะคะ
เราอายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบจากม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. แต่จบมาเกรดไม่สวยเอาซะเลย เพราะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ที่บ้านไม่สนับสนุนเลย สุดท้ายใช้เวลาถูไถอยู่ 5 ปีจนจบออกมาได้
ขออนุญาตข้ามมาปัจจุบันเลย เรื่องมันมีอยู่ว่า พอเราจบและย้ายออกมาจากมหาลัย เราไม่เหลือเงินสำรองติดตัวเลย เพราะที่หามาได้ไม่ได้มากมายอะไร ปิดหนี้ที่ค้างกับมหาลัยอีก แถมเจ้าหนี้ที่เราเคยยืมมาสมัยเรียนมาทวงเงิน 20,000 บาท (เราเคยเอามาจ่ายค่าเทอมในปีที่กู้กยศ.ไม่ได้) เราเพิ่งผ่อนจ่ายหมดไปนี่เอง ไหนจะค่าหอค่าอะไรอีก จึงใช้จ่ายไปจนหมดแล้ว
ถ้าเป็นคนทั่วไปส่วนใหญ่ ถ้าเรียนจบคงจะกลับบ้าน ให้พ่อแม่เลี้ยงสักพัก ระหว่างร่อนเรซูเม่หางาน รอสัมภาษณ์ ได้งาน ได้เงินเดือนแล้วค่อยออกมามีชีวิตของตัวเอง แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของเรากับแม่ไม่ดีเลย เราเคยโดนทำร้าย แถมแม่ยังสร้างหนี้ก้อนโตให้เราอีกด้วย เราไม่มีที่พักพิงเลยจริง ๆ
เราทำงานตั้งแต่วุฒิป.ตรียังไม่ออก แต่ได้เงินเดือนแค่ 8000 บาทเท่านั้น เราพักอยู่แถวหนองจอก แต่ทำงานขายของแถวสีลม เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านค่ะ
แต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเรามีดังนี้
1. ค่าหอ+ค่าน้ำ+ค่าไฟ = 3,500 บาท
แบ่งเป็นค่าหอ 2,700 บาท
ค่าส่วนกลาง 300 บาท
ค่าน้ำ 18 บาท (ใช้เดือนละ 1 หน่วยเท่านั้น)
ที่เหลือเป็นค่าไฟฟ้าโดยประมาณค่ะ
2. ค่าโทรศัพท์/ค่าเน็ต = 1,200 บาท
หลาย ๆ ท่านคงคิดว่ามันแพง ใช่ค่ะ มันแพง แต่เป็นเพราะเราติดสัญญาส่วนลดค่าเครื่ิองอยู่ (ไม่ใช่ไอโฟนนะคะ เป็นแอนดรอยด์รุ่นกลาง ๆ เท่านั้นเอง) ขั้นต่ำต้องเดือนละ 899 บาท ไม่รวม VAT แต่บิลออกมาทีไรก็เกือบ 1,200 ทุกที แต่ถ้าครบ 1 ปี เมื่อไหร่ จะไปลดราคาลงแน่นอนค่ะ
3. ค่าผ่อนโทรศัพท์ = 4,200 บาท (10 งวด)
คือก่อนจบจากมหาลัยเราต้องการใช้เงินก้อนเพื่อไปปิดหนี้กับทางมหาลัยทั้งหมด หายืมใครไม่ได้ เลยไปทำเรื่องผ่อนไอโฟนมาหนึ่งเครื่อง แล้วขายมันเดี๋ยวนั้น เพื่อเอาเงินก้อนมาใช้ ตอนนี้ผ่อนมาจะได้งวดที่ 5 แล้วค่ะ ถ้าปิดหนี้ตรงนี้หมดคงจะเบาลงไปเยอะเลยทีเดียว
4. ค่าเดินทาง = 5,200 บาท
เราต้องขึ้นรถตู้ ต่อรถไฟฟ้า และต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์อีก ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 4 ชั่วโมง ค่ารถไปกลับวันหนึ่งประมาณ 200 บาท อยากจะย้ายหอเหมือนกันค่ะ แต่ติดสัญญา 6 เดือน ถ้าออกก่อนจะไม่ได้เงินมัดจำคืน แถมไม่มีค่ารถขนของ ไม่มีเวลาหาหออีก เลยไม่รู้จะทำไงดี ทำเลหอที่ใกล้ที่ทำงานก็ 5,000+ ทั้งนั้นเลย เราไม่น่าจะจ่ายไหว
5. ค่าผ่อนคอนโด = 3,000 บาท
อย่างที่บอกว่าที่บ้าน นอกจากไม่ช่วยแล้วยังขยันกดดัน สร้างหนี้ให้เราด้วย
ตอนนั้นเรายังไม่ทันได้วุฒิป.ตรีเลย แต่แม่ก็มากดดัน ร้องห่มร้องไห้ แทบจะกราบเท้าเราได้ บอกว่าให้ผ่อนห้องชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ต่างจังหวัดให้หน่อย เราก็ใจอ่อนยอมทำเรื่องไป เพราะไม่คิดว่ามันจะผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่าน โดนไป 500,000 บาท สัญญา 30 ปี แม่เราดีใจมาก อยู่สบายคนเดียว แต่เราได้ไปอยู่แค่ 2 คืน คือคืนที่ย้ายออกจากห้องเช่า และคืนที่ย้ายออกจากหอในมหาลัยเท่านั้นเอง แม่มีความสุข แต่ผลักภาระให้เราเก่งงงงง กดดันเราเก่งงงงงง ทำร้ายเราเก่งงงงง เราเกลียดที่นั่นมาก ชื่อเรากู้แท้ ๆ แต่ไม่เคยคิดอยากไปเหยียบเลย เราไม่ได้อยากได้มันสักนิดเดียว
เป็นไงคะ 3,500+1,200+4,200+5,200+3,000 = 17,100 บาท นี่ยังไม่ได้คิดถึงค่ากิน และค่าของใช้ส่วนตัวเลยนะคะ ถ้ารวม ๆ แล้วเอาแบบไม่ต้องกินแกลบมาก (แต่ข้าวห้างอย่าหวัง เอาเป็นว่ากินวันนึงไม่เกิน 200 บาท) 25,000 ยังแทบไม่เหลือ แล้วเราได้แค่ 8000 ให้กรีดเลือดออกมาแล้วกินเข้าไปใหม่ยังไม่พอเลย
วุฒิป.ตรีก็มีแล้ว แต่ไม่รู้จะออกไปหางานใหม่ได้ยังไง เพราะเจ้าของร้านที่เราทำน่ะดีกับเรามาก หลายครั้งก็เลี้ยงข้าว ให้คำปรึกษา เป็นกันเองทุกอย่าง เบิกเงินก่อนก็ได้ แต่ขอขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ได้ แจงให้ฟังหมดอย่างที่บอกทุกคนเนี่ยแหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ ก็อย่างว่าเศรษฐกิจอย่างนี้ใครอยากขึ้นค่าแรงกันเล่า ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย แต่บอกไปเป็นร้อยรอบแล้วว่าไม่พอใช้ แถมเราเบิกเงินล่วงหน้าของเดือนนี้ไปจนหมดแล้ว เพราะหมุนยังไงก็ไม่พอ เราเลยไม่มีแม้แต่ค่ารถออกไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ (เอาจริง ๆ ค่ารถไปทำงานพรุ่งนี้ยังไม่มีเลย)
แถมเหลือเวลาอีก 1 ปีกว่า เดี๋ยวกยศ.ก็ตามเรามาอีก เราจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เขาล่ะคะ
เราจะทำยังไงดีคะ?
********* แก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลค่ะ **********
อ่า เริ่มมีคนมาตอบกระทู้เยอะแยะแล้ว ขอบคุณทุกคนนะคะ
ขออนุญาตรวมคำถามกลาง ๆ ที่ทุกคนเห็นตรงกันไว้ตรงนี้นะคะ
- ทำไมไม่คิดหางานใหม่?
= โหยยยย คิดสิคะ ใครจะไม่คิดกันล่ะ
สาขาที่เราจบมาส่วนใหญ่คนมุ่งไปราชการกันค่ะ
ก็มีสอบ ภาค ก ก.พ. (รอบนี้ไม่ผ่านขาดไป 10 คะแนน) อ่านหนังสือเตรียมสอบพนักงานราชการ หน่วยงานที่ไม่ต้องผ่านภาค ก ก่อนไปด้วยค่ะ พนักงานราชการ ลูกจ้างของรัฐ แบบนี้ เงื่อนไขที่สำคัญคือ เราต้องได้ใบจบอย่างเป็นทางการเท่านั้นค่ะ
ส่วนงานเอกชน
ลงเรซูเม่ในเว็บไว้ค่ะ มีเรียกสัมภาษณ์บ้าง แต่เราโชคร้าย (เป็นคำเปรียบเปรยนะคะ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าเราตีโพยตีพายโทษโชคชะตาอีก แหมมมม) เจอแต่บริษัทที่อยากได้ใบจบอย่างเป็นทางการก่อนค่ะ แงงง
ตอนนี้กำลังจะลองติดต่อไล่ไปทีละตำแหน่งที่อยากได้เลยค่ะ
- งานที่ทำคืองานอะไร?
ขายเครื่องประดับในร้านเล็ก ๆ เปิดใหม่ค่าาา
มีงานเอกสารเสริมบ้านเดือนละ 500-1000 บางเดือนก็ไม่มี
- ก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไง?
ถ้าตอนเรียนที่บ้านไม่ได้ส่งค่ะ อาศัยทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อย ในมหาลัยบ้าง ร้านรวงต่าง ๆ บ้างค่ะ แต่มันไม่พอเก็บหรอกค่ะ แค่พอใช้เดือนต่อเดือน อะไรผัดผ่อนได้ก็ผัด พอจะจบเลยมาตูมเอาก้อนเดียว กว่าจะจบออกมาได้ลำบากเหมือนกัน
สำหรับปัจจุบัน ติดอยู่สภาพนี้เป็นเดือนที่ 2 ค่ะ
ก่อนหน้า 2 เดือนนี้เราทำงานใกล้หอ เงินพอ ๆ กัน แต่ไม่ต้องเสียค่าเดินทางเลยแม้แต่บาทเดียว
และตอนนั้นยังไม่ได้ผ่อนคอนโดค่ะ
ปัจจุบันก็ยังค้างค่าใช้จ่ายของเดือนที่แล้วอยู่เลยค่ะ
ค้างค่าหออยู่ 2000
ค่าโทรศัพท์ที่เป็นรายเดือน ก็ไม่ได้จ่ายมาจะ 3 เดือนแล้ว จนตอนนี้ตัดเหลือแค่รับสายได้อย่างเดียว
ราคาเต็มของมือถือเครื่องนี้อยู่ที่ 9990 บาทค่ะ เราได้โปร จ่ายค่าเครื่อง 2500 บาท ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า แต่ต้องใช้เดือนละ 899 ขึ้นไป สัญญา 1 ปี เริ่มสัญญาตั้งแต่เดือนมกราคมค่ะ
ถามว่าตอนนี้ใช้เน็ตอะไร? ใช้เน็ตของเบอร์สำรองที่เป็นเติมเงินค่ะ แต่ถ้าอยู่ที่ทำงานก็ใช้ wifi ที่ทำงาน
เปลี่ยนวิธีการเดินทางมานั่งรถเมล์เอาค่ะ หลายต่อน่าดูเลย ถ้าวันไหนเหนื่อยมากหรือรถเมล์ไม่มาสักทีจริง ๆ ถึงจะนั่งวิธีแพงค่ะ
ยืมเพื่อนมานิดหน่อย 500-1000 ประมาณนี้ค่ะ
กินประหยัดลง เหลือแค่ขนมปังกับมาม่า บางมื้อเป็นข้าวแกงไม่เกิน 30 บาท กินวันละไม่เกิน 2 มื้อค่ะ บางวันเครียดมาก กินไม่ลง ก็เหลือมื้อเดียวไปเอง 5555
ของใช้ส่วนตัว โชคดีที่ตอนช่วงก่อนจบ พอมีตังค์ เราซื้อตุนไว้เยอะค่ะ 6 เดือน เราจะซื้อของทีนึง กัดฟันจ่ายทีละเยอะ ๆ แต่ราคาตกต่อชิ้นและระยะเวลาใช้งานจะถูกกว่าค่อย ๆ ซื้อปลีกทีละชิ้นค่ะ
มีงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรารับจ๊อบเสริมมาบ้าง 500-1000 ก็ยังดี ค่อย ๆ หมุนเงินกันไป
อันนี้คือที่เอาตัวรอดมาจากสิ้นเดือนที่แล้วได้นะคะ แต่สิ้นเดือนนี้มันจะมาอีกแล้วววววว แงงง
คือจะเห็นได้ว่ามันมีช่องทางลดรายจ่ายลงบ้าง แต่ที่คำนวณให้เห็นในตอนต้นคือเอาแบบตามที่มันควรจะเป็น ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรมากน่ะค่ะ
- ทำไมถึงมาทำงานที่นี่?
รู้จักกับเจ้าของค่ะ ตอนนั้นวุฒิยังไม่ออก แต่เจ้าของร้านรู้ดีว่าเรากำลังจะจบตรีที่ไหนอย่างไร ตอนคุยกันเราบอกแล้วว่าหอเราไกลมากนะ ถ้าได้น้อยกว่า 15k จะไม่มา เค้าบอกจะให้เรา 16k ตอนนั้นเราออกจากที่เก่าพอดีเลยมา ไม่คิดว่าเค้าจะกดเหลือเท่านี้ค่ะ โดนหลอกมานั่นเอง นางดีทุกเรื่องยกเว้นค่าแรงค่ะ ถถถ
- ทำไมหาหอไกลที่ทำงานจัง?
ก่อนหน้าที่เราจะมาทำงานที่สีลม ตอนนั้นวุฒิเรายังไม่ออก และรอบริษัทเรียกสัมภาษณ์ เราทำงานที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้หอในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้ ทำให้ตอนนั้นไม่มีค่าเดินทางค่ะ พอเปลี่ยนงาน ที่ยังไม่ย้ายหอตาม เพราะเราติดสัญญาหอนี้ 6 เดือนค่ะ และที่สำคัญคือเราคิดว่าเราจะเปลี่ยนงานอีกแน่นอน เราอยากได้งานที่มั่นคง และเงินเดือนสมเหตุผลก่อนแล้วค่อยย้ายทีเดียวค่ะ อีกทั้งเรายังไม่มีค่ารถขนของด้วยค่ะ
- เพื่อนฝูงมีมั้ย? ทำไมไม่ช่วยกัน
มีค่ะ แต่น้อย 555 ถ้าที่รู้จักน่ะมีเยอะ ทั้งคนรวยคนจนมีหมดค่ะ แต่เพราะระหว่างเรียนเราทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เลยไม่ค่อยได้สุงสิงเจอเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ อีกอย่างคือ ถึงแม้เราจะคุยกับคนง่าย แต่ไว้ใจคนยากค่ะ เพราะเราเคยเจ็บมาเยอะแล้ว ตอนที่เราลำบากตอนเรียน เหลือเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่อยู่กับเราจริง ๆ ทุกวันนี้มันเป็นพนักงานราชการเงินเดือน 18k แถมตกเบิกอีกตะหาก 5555
- จบม.ไหนมา สาขาอะไร?
เราจบสาขาการเมืองการปกครองมาค่ะ แหะ ๆ ไม่ได้อยากปิดบังชื่อมหาลัยนะคะ แต่อายจังที่ไม่ได้ดิบได้ดีเหมือนคนร่วมสถาบันคนอื่น ๆ แงงงงงงง
เอาเป็นว่าในสาขาที่เราเรียน มหาลัยของเรามีชื่อที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยค่ะ เดาไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แงงง อายจัง
และมาถึงคำถามยอดฮิตข้อที่ทุกคนเป็นงงกันมากที่สุด...
- เดี๋ยวนี้สมัครงานต้องรอวุฒิก่อนเหรอ?
ไม่ต้องรอค่า มีหลายคนที่ได้งานตั้งแต่เรียนไม่จบดีก็มี แต่ที่เรายังไม่ได้งานดิ ๆ จนถึงบัดนี้ เป็นเพราะเรา "บริหารจัดการชีวิตได้ไม่ดีเลย" อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุคือ
1.เราให้ความสำคัญกับการมุ่งไปสายราชการมากกว่า ใจเลยอยากรอวุฒิที่เป็นทางการเพื่อจะไปสมัครสอบ ทำให้เราไม่มุ่งมั่นกับการไล่หางานเอกชนอย่างจริงจังมากพอค่ะ
2. มหาลัยเราขึ้นชื่อเรื่องออกเกรดช้า ด่ากันให้แซ่ดค่ะ ในแวดวงมหาลัยเราคนเสียโอกาสด้วยเหตุทำนองนี้หลายคนนะคะ ณ ตอนนั้น เรายังงงงวยกับชีวิตพอสมควร ตอนวุฒิยังไม่ออกก็มีสมัครไว้บ้าง แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วในข้อก่อนหน้า ที่เรียกสัมภาษณ์น้อย และจังหวะไม่ดี (ขอไม่กล่าวซ้ำนะคะ)
3.เราไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากพอในบางครั้งค่ะ เพื่อน ๆ รอบตัวเรา เชื่อมั้ยคะ มีแต่คนได้เกียรตินิยมเราเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจค่ะ เรียนก็ไม่เก่งเหมือนเพื่อน สื่อสารภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องเท่าเพื่อน ถึงจะได้ภาษาที่ 3 ก็ยังไม่คล่องมากพอ และไม่ใช่ภาษาที่ต้องการในตลาดแรงงานอีกต่อไปแล้ว ไหนจะเรื่องที่บ้านบั่นทอนอีก เรารู้ค่ะ ว่าเราไม่ควรมาเสียเวลารู้สึกแย่ น้อยใจในโชคชะตา แต่มันห้ามยากจริง ๆ ค่ะ
4.(ต่อเนื่องจากข้อ 3.) อาการเราหนักมากจนเราคุมอารมณ์ไม่อยู่ และเริ่มทำร้ายตัวเอง การที่เราป่วย มีสภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ ไม่ควรจะมาเป็นข้ออ้างในการทำงาน แต่ขอพูดตามตรง มันบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานเรามาก ๆ เลย มากแบบมาก ๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เราฝืนมาก หลายครั้งที่เราไม่มีสมาธิในการทำงานเลยค่ะ เราพบจิตแพทย์มาเกือบปีแล้ว หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และวิตกกังวลอย่างหนักทีเดียว เรากำลังพยายามแก้ไขเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอโทษจริง ๆ อย่าว่าเราเลย เราไม่ได้อยากขายดราม่าเรียกคะแนนสงสารตรงนี้นะคะ
ขอพูดตามตรง เราไม่อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านไป concentrate อยู่กับว่าทำไมเราได้วุฒิช้า ทำไมเราหางานช้า ตอนนี้วุฒิเราออกแล้ว เราอยากให้มันจบตรงนี้ที่ว่า "เราบริหารจัดการตัวเองไม่ดีเอง" อะไรที่ผ่านไปแล้ว ขอให้ผ่านไปได้มั้ยคะ
ปัญหาสำคัญที่เรามาถามทุกคนที่นี่คือว่า
"พรุ่งนี้" เราจะเดินต่อไปยังไง? ในเมื่อมันจะสิ้นเดือนอีกแล้ว และเราก็เบิกล่วงหน้ามาหมดแล้ว (ไม่เบิกก็ใช้ไม่พอจริง ๆ ค่ะ) ต่อให้เราออกมันวันนี้เลย และหางานได้พรุ่งนี้ด้วย แต่กว่าเงินจะออกมันปลายเดือนตุลาคมโน่น เราจะใช้ชีวิตไปถึงวันนั้นได้ยังไงต่างหาก นี่คือสิ่งที่เราคิดไม่ตกกับมันตอนนี้ค่ะ
เดี๋ยวจะไล่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละความคิดเห็น และจะหลังไมค์ไปหาบางท่านนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำใจทั้งที่เป็นกำลังใจและคำแนะนำนะคะ
เงินเดือน 8,000 แต่หนี้เยอะมาก ทำไงดีคะ?
เราอายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบจากม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. แต่จบมาเกรดไม่สวยเอาซะเลย เพราะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ที่บ้านไม่สนับสนุนเลย สุดท้ายใช้เวลาถูไถอยู่ 5 ปีจนจบออกมาได้
ขออนุญาตข้ามมาปัจจุบันเลย เรื่องมันมีอยู่ว่า พอเราจบและย้ายออกมาจากมหาลัย เราไม่เหลือเงินสำรองติดตัวเลย เพราะที่หามาได้ไม่ได้มากมายอะไร ปิดหนี้ที่ค้างกับมหาลัยอีก แถมเจ้าหนี้ที่เราเคยยืมมาสมัยเรียนมาทวงเงิน 20,000 บาท (เราเคยเอามาจ่ายค่าเทอมในปีที่กู้กยศ.ไม่ได้) เราเพิ่งผ่อนจ่ายหมดไปนี่เอง ไหนจะค่าหอค่าอะไรอีก จึงใช้จ่ายไปจนหมดแล้ว
ถ้าเป็นคนทั่วไปส่วนใหญ่ ถ้าเรียนจบคงจะกลับบ้าน ให้พ่อแม่เลี้ยงสักพัก ระหว่างร่อนเรซูเม่หางาน รอสัมภาษณ์ ได้งาน ได้เงินเดือนแล้วค่อยออกมามีชีวิตของตัวเอง แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของเรากับแม่ไม่ดีเลย เราเคยโดนทำร้าย แถมแม่ยังสร้างหนี้ก้อนโตให้เราอีกด้วย เราไม่มีที่พักพิงเลยจริง ๆ
เราทำงานตั้งแต่วุฒิป.ตรียังไม่ออก แต่ได้เงินเดือนแค่ 8000 บาทเท่านั้น เราพักอยู่แถวหนองจอก แต่ทำงานขายของแถวสีลม เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านค่ะ
แต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเรามีดังนี้
1. ค่าหอ+ค่าน้ำ+ค่าไฟ = 3,500 บาท
แบ่งเป็นค่าหอ 2,700 บาท
ค่าส่วนกลาง 300 บาท
ค่าน้ำ 18 บาท (ใช้เดือนละ 1 หน่วยเท่านั้น)
ที่เหลือเป็นค่าไฟฟ้าโดยประมาณค่ะ
2. ค่าโทรศัพท์/ค่าเน็ต = 1,200 บาท
หลาย ๆ ท่านคงคิดว่ามันแพง ใช่ค่ะ มันแพง แต่เป็นเพราะเราติดสัญญาส่วนลดค่าเครื่ิองอยู่ (ไม่ใช่ไอโฟนนะคะ เป็นแอนดรอยด์รุ่นกลาง ๆ เท่านั้นเอง) ขั้นต่ำต้องเดือนละ 899 บาท ไม่รวม VAT แต่บิลออกมาทีไรก็เกือบ 1,200 ทุกที แต่ถ้าครบ 1 ปี เมื่อไหร่ จะไปลดราคาลงแน่นอนค่ะ
3. ค่าผ่อนโทรศัพท์ = 4,200 บาท (10 งวด)
คือก่อนจบจากมหาลัยเราต้องการใช้เงินก้อนเพื่อไปปิดหนี้กับทางมหาลัยทั้งหมด หายืมใครไม่ได้ เลยไปทำเรื่องผ่อนไอโฟนมาหนึ่งเครื่อง แล้วขายมันเดี๋ยวนั้น เพื่อเอาเงินก้อนมาใช้ ตอนนี้ผ่อนมาจะได้งวดที่ 5 แล้วค่ะ ถ้าปิดหนี้ตรงนี้หมดคงจะเบาลงไปเยอะเลยทีเดียว
4. ค่าเดินทาง = 5,200 บาท
เราต้องขึ้นรถตู้ ต่อรถไฟฟ้า และต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์อีก ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 4 ชั่วโมง ค่ารถไปกลับวันหนึ่งประมาณ 200 บาท อยากจะย้ายหอเหมือนกันค่ะ แต่ติดสัญญา 6 เดือน ถ้าออกก่อนจะไม่ได้เงินมัดจำคืน แถมไม่มีค่ารถขนของ ไม่มีเวลาหาหออีก เลยไม่รู้จะทำไงดี ทำเลหอที่ใกล้ที่ทำงานก็ 5,000+ ทั้งนั้นเลย เราไม่น่าจะจ่ายไหว
5. ค่าผ่อนคอนโด = 3,000 บาท
อย่างที่บอกว่าที่บ้าน นอกจากไม่ช่วยแล้วยังขยันกดดัน สร้างหนี้ให้เราด้วย
ตอนนั้นเรายังไม่ทันได้วุฒิป.ตรีเลย แต่แม่ก็มากดดัน ร้องห่มร้องไห้ แทบจะกราบเท้าเราได้ บอกว่าให้ผ่อนห้องชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ต่างจังหวัดให้หน่อย เราก็ใจอ่อนยอมทำเรื่องไป เพราะไม่คิดว่ามันจะผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่าน โดนไป 500,000 บาท สัญญา 30 ปี แม่เราดีใจมาก อยู่สบายคนเดียว แต่เราได้ไปอยู่แค่ 2 คืน คือคืนที่ย้ายออกจากห้องเช่า และคืนที่ย้ายออกจากหอในมหาลัยเท่านั้นเอง แม่มีความสุข แต่ผลักภาระให้เราเก่งงงงง กดดันเราเก่งงงงงง ทำร้ายเราเก่งงงงง เราเกลียดที่นั่นมาก ชื่อเรากู้แท้ ๆ แต่ไม่เคยคิดอยากไปเหยียบเลย เราไม่ได้อยากได้มันสักนิดเดียว
เป็นไงคะ 3,500+1,200+4,200+5,200+3,000 = 17,100 บาท นี่ยังไม่ได้คิดถึงค่ากิน และค่าของใช้ส่วนตัวเลยนะคะ ถ้ารวม ๆ แล้วเอาแบบไม่ต้องกินแกลบมาก (แต่ข้าวห้างอย่าหวัง เอาเป็นว่ากินวันนึงไม่เกิน 200 บาท) 25,000 ยังแทบไม่เหลือ แล้วเราได้แค่ 8000 ให้กรีดเลือดออกมาแล้วกินเข้าไปใหม่ยังไม่พอเลย
วุฒิป.ตรีก็มีแล้ว แต่ไม่รู้จะออกไปหางานใหม่ได้ยังไง เพราะเจ้าของร้านที่เราทำน่ะดีกับเรามาก หลายครั้งก็เลี้ยงข้าว ให้คำปรึกษา เป็นกันเองทุกอย่าง เบิกเงินก่อนก็ได้ แต่ขอขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ได้ แจงให้ฟังหมดอย่างที่บอกทุกคนเนี่ยแหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ ก็อย่างว่าเศรษฐกิจอย่างนี้ใครอยากขึ้นค่าแรงกันเล่า ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย แต่บอกไปเป็นร้อยรอบแล้วว่าไม่พอใช้ แถมเราเบิกเงินล่วงหน้าของเดือนนี้ไปจนหมดแล้ว เพราะหมุนยังไงก็ไม่พอ เราเลยไม่มีแม้แต่ค่ารถออกไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ (เอาจริง ๆ ค่ารถไปทำงานพรุ่งนี้ยังไม่มีเลย)
แถมเหลือเวลาอีก 1 ปีกว่า เดี๋ยวกยศ.ก็ตามเรามาอีก เราจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เขาล่ะคะ
เราจะทำยังไงดีคะ?
********* แก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลค่ะ **********
อ่า เริ่มมีคนมาตอบกระทู้เยอะแยะแล้ว ขอบคุณทุกคนนะคะ
ขออนุญาตรวมคำถามกลาง ๆ ที่ทุกคนเห็นตรงกันไว้ตรงนี้นะคะ
- ทำไมไม่คิดหางานใหม่?
= โหยยยย คิดสิคะ ใครจะไม่คิดกันล่ะ
สาขาที่เราจบมาส่วนใหญ่คนมุ่งไปราชการกันค่ะ
ก็มีสอบ ภาค ก ก.พ. (รอบนี้ไม่ผ่านขาดไป 10 คะแนน) อ่านหนังสือเตรียมสอบพนักงานราชการ หน่วยงานที่ไม่ต้องผ่านภาค ก ก่อนไปด้วยค่ะ พนักงานราชการ ลูกจ้างของรัฐ แบบนี้ เงื่อนไขที่สำคัญคือ เราต้องได้ใบจบอย่างเป็นทางการเท่านั้นค่ะ
ส่วนงานเอกชน
ลงเรซูเม่ในเว็บไว้ค่ะ มีเรียกสัมภาษณ์บ้าง แต่เราโชคร้าย (เป็นคำเปรียบเปรยนะคะ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าเราตีโพยตีพายโทษโชคชะตาอีก แหมมมม) เจอแต่บริษัทที่อยากได้ใบจบอย่างเป็นทางการก่อนค่ะ แงงง
ตอนนี้กำลังจะลองติดต่อไล่ไปทีละตำแหน่งที่อยากได้เลยค่ะ
- งานที่ทำคืองานอะไร?
ขายเครื่องประดับในร้านเล็ก ๆ เปิดใหม่ค่าาา
มีงานเอกสารเสริมบ้านเดือนละ 500-1000 บางเดือนก็ไม่มี
- ก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไง?
ถ้าตอนเรียนที่บ้านไม่ได้ส่งค่ะ อาศัยทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อย ในมหาลัยบ้าง ร้านรวงต่าง ๆ บ้างค่ะ แต่มันไม่พอเก็บหรอกค่ะ แค่พอใช้เดือนต่อเดือน อะไรผัดผ่อนได้ก็ผัด พอจะจบเลยมาตูมเอาก้อนเดียว กว่าจะจบออกมาได้ลำบากเหมือนกัน
สำหรับปัจจุบัน ติดอยู่สภาพนี้เป็นเดือนที่ 2 ค่ะ
ก่อนหน้า 2 เดือนนี้เราทำงานใกล้หอ เงินพอ ๆ กัน แต่ไม่ต้องเสียค่าเดินทางเลยแม้แต่บาทเดียว
และตอนนั้นยังไม่ได้ผ่อนคอนโดค่ะ
ปัจจุบันก็ยังค้างค่าใช้จ่ายของเดือนที่แล้วอยู่เลยค่ะ
ค้างค่าหออยู่ 2000
ค่าโทรศัพท์ที่เป็นรายเดือน ก็ไม่ได้จ่ายมาจะ 3 เดือนแล้ว จนตอนนี้ตัดเหลือแค่รับสายได้อย่างเดียว
ราคาเต็มของมือถือเครื่องนี้อยู่ที่ 9990 บาทค่ะ เราได้โปร จ่ายค่าเครื่อง 2500 บาท ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า แต่ต้องใช้เดือนละ 899 ขึ้นไป สัญญา 1 ปี เริ่มสัญญาตั้งแต่เดือนมกราคมค่ะ
ถามว่าตอนนี้ใช้เน็ตอะไร? ใช้เน็ตของเบอร์สำรองที่เป็นเติมเงินค่ะ แต่ถ้าอยู่ที่ทำงานก็ใช้ wifi ที่ทำงาน
เปลี่ยนวิธีการเดินทางมานั่งรถเมล์เอาค่ะ หลายต่อน่าดูเลย ถ้าวันไหนเหนื่อยมากหรือรถเมล์ไม่มาสักทีจริง ๆ ถึงจะนั่งวิธีแพงค่ะ
ยืมเพื่อนมานิดหน่อย 500-1000 ประมาณนี้ค่ะ
กินประหยัดลง เหลือแค่ขนมปังกับมาม่า บางมื้อเป็นข้าวแกงไม่เกิน 30 บาท กินวันละไม่เกิน 2 มื้อค่ะ บางวันเครียดมาก กินไม่ลง ก็เหลือมื้อเดียวไปเอง 5555
ของใช้ส่วนตัว โชคดีที่ตอนช่วงก่อนจบ พอมีตังค์ เราซื้อตุนไว้เยอะค่ะ 6 เดือน เราจะซื้อของทีนึง กัดฟันจ่ายทีละเยอะ ๆ แต่ราคาตกต่อชิ้นและระยะเวลาใช้งานจะถูกกว่าค่อย ๆ ซื้อปลีกทีละชิ้นค่ะ
มีงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรารับจ๊อบเสริมมาบ้าง 500-1000 ก็ยังดี ค่อย ๆ หมุนเงินกันไป
อันนี้คือที่เอาตัวรอดมาจากสิ้นเดือนที่แล้วได้นะคะ แต่สิ้นเดือนนี้มันจะมาอีกแล้วววววว แงงง
คือจะเห็นได้ว่ามันมีช่องทางลดรายจ่ายลงบ้าง แต่ที่คำนวณให้เห็นในตอนต้นคือเอาแบบตามที่มันควรจะเป็น ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรมากน่ะค่ะ
- ทำไมถึงมาทำงานที่นี่?
รู้จักกับเจ้าของค่ะ ตอนนั้นวุฒิยังไม่ออก แต่เจ้าของร้านรู้ดีว่าเรากำลังจะจบตรีที่ไหนอย่างไร ตอนคุยกันเราบอกแล้วว่าหอเราไกลมากนะ ถ้าได้น้อยกว่า 15k จะไม่มา เค้าบอกจะให้เรา 16k ตอนนั้นเราออกจากที่เก่าพอดีเลยมา ไม่คิดว่าเค้าจะกดเหลือเท่านี้ค่ะ โดนหลอกมานั่นเอง นางดีทุกเรื่องยกเว้นค่าแรงค่ะ ถถถ
- ทำไมหาหอไกลที่ทำงานจัง?
ก่อนหน้าที่เราจะมาทำงานที่สีลม ตอนนั้นวุฒิเรายังไม่ออก และรอบริษัทเรียกสัมภาษณ์ เราทำงานที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้หอในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้ ทำให้ตอนนั้นไม่มีค่าเดินทางค่ะ พอเปลี่ยนงาน ที่ยังไม่ย้ายหอตาม เพราะเราติดสัญญาหอนี้ 6 เดือนค่ะ และที่สำคัญคือเราคิดว่าเราจะเปลี่ยนงานอีกแน่นอน เราอยากได้งานที่มั่นคง และเงินเดือนสมเหตุผลก่อนแล้วค่อยย้ายทีเดียวค่ะ อีกทั้งเรายังไม่มีค่ารถขนของด้วยค่ะ
- เพื่อนฝูงมีมั้ย? ทำไมไม่ช่วยกัน
มีค่ะ แต่น้อย 555 ถ้าที่รู้จักน่ะมีเยอะ ทั้งคนรวยคนจนมีหมดค่ะ แต่เพราะระหว่างเรียนเราทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เลยไม่ค่อยได้สุงสิงเจอเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ อีกอย่างคือ ถึงแม้เราจะคุยกับคนง่าย แต่ไว้ใจคนยากค่ะ เพราะเราเคยเจ็บมาเยอะแล้ว ตอนที่เราลำบากตอนเรียน เหลือเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่อยู่กับเราจริง ๆ ทุกวันนี้มันเป็นพนักงานราชการเงินเดือน 18k แถมตกเบิกอีกตะหาก 5555
- จบม.ไหนมา สาขาอะไร?
เราจบสาขาการเมืองการปกครองมาค่ะ แหะ ๆ ไม่ได้อยากปิดบังชื่อมหาลัยนะคะ แต่อายจังที่ไม่ได้ดิบได้ดีเหมือนคนร่วมสถาบันคนอื่น ๆ แงงงงงงง
เอาเป็นว่าในสาขาที่เราเรียน มหาลัยของเรามีชื่อที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยค่ะ เดาไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แงงง อายจัง
และมาถึงคำถามยอดฮิตข้อที่ทุกคนเป็นงงกันมากที่สุด...
- เดี๋ยวนี้สมัครงานต้องรอวุฒิก่อนเหรอ?
ไม่ต้องรอค่า มีหลายคนที่ได้งานตั้งแต่เรียนไม่จบดีก็มี แต่ที่เรายังไม่ได้งานดิ ๆ จนถึงบัดนี้ เป็นเพราะเรา "บริหารจัดการชีวิตได้ไม่ดีเลย" อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุคือ
1.เราให้ความสำคัญกับการมุ่งไปสายราชการมากกว่า ใจเลยอยากรอวุฒิที่เป็นทางการเพื่อจะไปสมัครสอบ ทำให้เราไม่มุ่งมั่นกับการไล่หางานเอกชนอย่างจริงจังมากพอค่ะ
2. มหาลัยเราขึ้นชื่อเรื่องออกเกรดช้า ด่ากันให้แซ่ดค่ะ ในแวดวงมหาลัยเราคนเสียโอกาสด้วยเหตุทำนองนี้หลายคนนะคะ ณ ตอนนั้น เรายังงงงวยกับชีวิตพอสมควร ตอนวุฒิยังไม่ออกก็มีสมัครไว้บ้าง แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วในข้อก่อนหน้า ที่เรียกสัมภาษณ์น้อย และจังหวะไม่ดี (ขอไม่กล่าวซ้ำนะคะ)
3.เราไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากพอในบางครั้งค่ะ เพื่อน ๆ รอบตัวเรา เชื่อมั้ยคะ มีแต่คนได้เกียรตินิยมเราเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจค่ะ เรียนก็ไม่เก่งเหมือนเพื่อน สื่อสารภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องเท่าเพื่อน ถึงจะได้ภาษาที่ 3 ก็ยังไม่คล่องมากพอ และไม่ใช่ภาษาที่ต้องการในตลาดแรงงานอีกต่อไปแล้ว ไหนจะเรื่องที่บ้านบั่นทอนอีก เรารู้ค่ะ ว่าเราไม่ควรมาเสียเวลารู้สึกแย่ น้อยใจในโชคชะตา แต่มันห้ามยากจริง ๆ ค่ะ
4.(ต่อเนื่องจากข้อ 3.) อาการเราหนักมากจนเราคุมอารมณ์ไม่อยู่ และเริ่มทำร้ายตัวเอง การที่เราป่วย มีสภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ ไม่ควรจะมาเป็นข้ออ้างในการทำงาน แต่ขอพูดตามตรง มันบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานเรามาก ๆ เลย มากแบบมาก ๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เราฝืนมาก หลายครั้งที่เราไม่มีสมาธิในการทำงานเลยค่ะ เราพบจิตแพทย์มาเกือบปีแล้ว หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และวิตกกังวลอย่างหนักทีเดียว เรากำลังพยายามแก้ไขเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอโทษจริง ๆ อย่าว่าเราเลย เราไม่ได้อยากขายดราม่าเรียกคะแนนสงสารตรงนี้นะคะ
ขอพูดตามตรง เราไม่อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านไป concentrate อยู่กับว่าทำไมเราได้วุฒิช้า ทำไมเราหางานช้า ตอนนี้วุฒิเราออกแล้ว เราอยากให้มันจบตรงนี้ที่ว่า "เราบริหารจัดการตัวเองไม่ดีเอง" อะไรที่ผ่านไปแล้ว ขอให้ผ่านไปได้มั้ยคะ
ปัญหาสำคัญที่เรามาถามทุกคนที่นี่คือว่า
"พรุ่งนี้" เราจะเดินต่อไปยังไง? ในเมื่อมันจะสิ้นเดือนอีกแล้ว และเราก็เบิกล่วงหน้ามาหมดแล้ว (ไม่เบิกก็ใช้ไม่พอจริง ๆ ค่ะ) ต่อให้เราออกมันวันนี้เลย และหางานได้พรุ่งนี้ด้วย แต่กว่าเงินจะออกมันปลายเดือนตุลาคมโน่น เราจะใช้ชีวิตไปถึงวันนั้นได้ยังไงต่างหาก นี่คือสิ่งที่เราคิดไม่ตกกับมันตอนนี้ค่ะ
เดี๋ยวจะไล่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละความคิดเห็น และจะหลังไมค์ไปหาบางท่านนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำใจทั้งที่เป็นกำลังใจและคำแนะนำนะคะ