เงินเดือน 8,000 แต่หนี้เยอะมาก ทำไงดีคะ?

สวัสดีค่ะ อยากจะสอบถามพี่ ๆ เพื่อนชาวพันทิปสักหน่อย ขออนุญาต​แทนตัวเองว่า "เรา" นะคะ
เราอายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบจากม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. แต่จบมาเกรดไม่สวยเอาซะเลย เพราะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ที่บ้านไม่สนับสนุนเลย สุดท้ายใช้เวลาถูไถอยู่ 5 ปีจนจบออกมาได้
ขออนุญาตข้ามมาปัจจุบันเลย เรื่องมันมีอยู่ว่า พอเราจบและย้ายออกมาจากมหาลัย เราไม่เหลือเงินสำรองติดตัวเลย เพราะที่หามาได้ไม่ได้มากมายอะไร ปิดหนี้ที่ค้างกับมหาลัยอีก แถมเจ้าหนี้ที่เราเคยยืมมาสมัยเรียนมาทวงเงิน 20,000 บาท (เราเคยเอามาจ่ายค่าเทอมในปีที่กู้กยศ.ไม่ได้)​ เราเพิ่งผ่อนจ่ายหมดไปนี่เอง ไหนจะค่าหอค่าอะไรอีก จึงใช้จ่ายไปจนหมดแล้ว

ถ้าเป็นคนทั่วไปส่วนใหญ่ ถ้าเรียนจบคงจะกลับบ้าน ให้พ่อแม่เลี้ยงสักพัก ระหว่างร่อนเรซูเม่หางาน รอสัมภาษณ์​ ได้งาน ได้เงินเดือนแล้วค่อยออกมามีชีวิตของตัวเอง แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของเรากับแม่ไม่ดีเลย เราเคยโดนทำร้าย แถมแม่ยังสร้างหนี้ก้อนโตให้เราอีกด้วย เราไม่มีที่พักพิงเลยจริง ๆ

เราทำงานตั้งแต่วุฒิป.ตรียังไม่ออก แต่ได้เงินเดือนแค่ 8000 บาทเท่านั้น เราพักอยู่แถวหนองจอก แต่ทำงานขายของแถวสีลม เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านค่ะ

แต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเรามีดังนี้

1. ค่าหอ+ค่าน้ำ+ค่าไฟ = 3,500 บาท
แบ่งเป็นค่าหอ 2,700 บาท
ค่าส่วนกลาง 300 บาท
ค่าน้ำ 18 บาท (ใช้เดือนละ 1 หน่วยเท่านั้น)​
ที่เหลือเป็นค่าไฟฟ้าโดยประมาณค่ะ

2. ค่าโทรศัพท์/ค่าเน็ต = 1,200 บาท
หลาย ๆ ท่านคงคิดว่ามันแพง ใช่ค่ะ มันแพง แต่เป็นเพราะเราติดสัญญาส่วนลดค่าเครื่ิองอยู่ (ไม่ใช่ไอโฟนนะคะ เป็นแอนดรอยด์รุ่นกลาง ๆ เท่านั้นเอง)​ ขั้นต่ำต้องเดือนละ 899 บาท ไม่รวม VAT แต่บิลออกมาทีไรก็เกือบ 1,200 ทุกที แต่ถ้าครบ 1 ปี เมื่อไหร่ จะไปลดราคาลงแน่นอนค่ะ

3. ค่าผ่อนโทรศัพท์ = 4,200 บาท (10 งวด)​
คือก่อนจบจากมหาลัยเราต้องการใช้เงินก้อนเพื่อไปปิดหนี้กับทางมหาลัยทั้งหมด หายืมใครไม่ได้ เลยไปทำเรื่องผ่อนไอโฟนมาหนึ่งเครื่อง แล้วขายมันเดี๋ยวนั้น เพื่อเอาเงินก้อนมาใช้ ตอนนี้ผ่อนมาจะได้งวดที่ 5 แล้วค่ะ ถ้าปิดหนี้ตรงนี้หมดคงจะเบาลงไปเยอะเลยทีเดียว

4. ค่าเดินทาง = 5,200 บาท
เราต้องขึ้นรถตู้ ต่อรถไฟฟ้า และต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์อีก ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 4 ชั่วโมง ค่ารถไปกลับวันหนึ่งประมาณ 200 บาท อยากจะย้ายหอเหมือนกันค่ะ แต่ติดสัญญา 6 เดือน ถ้าออกก่อนจะไม่ได้เงินมัดจำคืน แถมไม่มีค่ารถขนของ ไม่มีเวลาหาหออีก เลยไม่รู้จะทำไงดี ทำเลหอที่ใกล้ที่ทำงานก็ 5,000+ ทั้งนั้นเลย เราไม่น่าจะจ่ายไหว

5. ค่าผ่อนคอนโด = 3,000 บาท
อย่างที่บอกว่าที่บ้าน นอกจากไม่ช่วยแล้วยังขยันกดดัน สร้างหนี้ให้เราด้วย
ตอนนั้นเรายังไม่ทันได้วุฒิป.ตรีเลย แต่แม่ก็มากดดัน ร้องห่มร้องไห้ แทบจะกราบเท้าเราได้ บอกว่าให้ผ่อนห้องชุดของโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ต่างจังหวัดให้หน่อย เราก็ใจอ่อนยอมทำเรื่องไป เพราะไม่คิดว่ามันจะผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่าน โดนไป 500,000 บาท สัญญา 30 ปี แม่เราดีใจมาก อยู่สบายคนเดียว แต่เราได้ไปอยู่แค่ 2 คืน คือคืนที่ย้ายออกจากห้องเช่า และคืนที่ย้ายออกจากหอในมหาลัยเท่านั้นเอง แม่มีความสุข แต่ผลักภาระให้เราเก่งงงงง กดดันเราเก่งงงงงง ทำร้ายเราเก่งงงงง เราเกลียดที่นั่นมาก ชื่อเรากู้แท้ ๆ แต่ไม่เคยคิดอยากไปเหยียบเลย เราไม่ได้อยากได้มันสักนิดเดียว

เป็นไงคะ 3,500+1,200+4,200+5,200+3,000 = 17,100 บาท นี่ยังไม่ได้คิดถึงค่ากิน และค่าของใช้ส่วนตัวเลยนะคะ ถ้ารวม ๆ แล้วเอาแบบไม่ต้องกินแกลบมาก (แต่ข้าวห้างอย่าหวัง เอาเป็นว่ากินวันนึงไม่เกิน 200 บาท)​ 25,000 ยังแทบไม่เหลือ แล้วเราได้แค่ 8000 ให้กรีดเลือดออกมาแล้วกินเข้าไปใหม่ยังไม่พอเลย

วุฒิป.ตรีก็มีแล้ว แต่ไม่รู้จะออกไปหางานใหม่ได้ยังไง เพราะเจ้าของร้านที่เราทำน่ะดีกับเรามาก หลายครั้งก็เลี้ยงข้าว ให้คำปรึกษา เป็นกันเองทุกอย่าง เบิกเงินก่อนก็ได้ แต่ขอขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่ได้ แจงให้ฟังหมดอย่างที่บอกทุกคนเนี่ยแหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ ก็อย่างว่าเศรษฐกิจ​อย่างนี้ใครอยากขึ้นค่าแรงกันเล่า ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย แต่บอกไปเป็นร้อยรอบแล้วว่าไม่พอใช้ แถมเราเบิกเงินล่วงหน้าของเดือนนี้ไปจนหมดแล้ว เพราะหมุนยังไงก็ไม่พอ เราเลยไม่มีแม้แต่ค่ารถออกไปสัมภาษณ์​งานที่ใหม่ (เอาจริง ๆ ค่ารถไปทำงานพรุ่งนี้ยังไม่มีเลย)

แถมเหลือเวลาอีก 1 ปีกว่า เดี๋ยวกยศ.ก็ตามเรามาอีก เราจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เขาล่ะคะ
เราจะทำยังไงดีคะ? 

********* แก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลค่ะ **********

อ่า เริ่มมีคนมาตอบกระทู้เยอะแยะแล้ว ขอบคุณทุกคนนะคะ

ขออนุญาตรวมคำถามกลาง ๆ ที่ทุกคนเห็นตรงกันไว้ตรงนี้นะคะ

- ทำไมไม่คิดหางานใหม่?
= โหยยยย คิดสิคะ ใครจะไม่คิดกันล่ะ
สาขาที่เราจบมาส่วนใหญ่คนมุ่งไปราชการกันค่ะ
ก็มีสอบ ภาค ก ก.พ. (รอบนี้ไม่ผ่านขาดไป 10 คะแนน)​ อ่านหนังสือเตรียมสอบพนักงานราชการ หน่วยงานที่ไม่ต้องผ่านภาค ก ก่อนไปด้วยค่ะ พนักงานราชการ ลูกจ้างของรัฐ แบบนี้ เงื่อนไขที่สำคัญคือ เราต้องได้ใบจบอย่างเป็นทางการเท่านั้นค่ะ
ส่วนงานเอกชน
ลงเรซูเม่ในเว็บไว้ค่ะ มีเรียกสัมภาษณ์​บ้าง แต่เราโชคร้าย (เป็นคำเปรียบเปรยนะคะ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าเราตีโพยตีพาย​โทษโชคชะตาอีก แหมมมม)​ เจอแต่บริษัทที่อยากได้ใบจบอย่างเป็นทางการก่อนค่ะ แงงง
ตอนนี้กำลังจะลองติดต่อไล่ไปทีละตำแหน่งที่อยากได้เลยค่ะ

- งานที่ทำคืองานอะไร?
ขายเครื่องประดับในร้านเล็ก ๆ เปิดใหม่ค่าาา
มีงานเอกสารเสริมบ้านเดือนละ 500-1000 บางเดือนก็ไม่มี

- ก่อนหน้านี้อยู่มาได้ยังไง?
ถ้าตอนเรียนที่บ้านไม่ได้ส่งค่ะ อาศัยทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อย ในมหาลัยบ้าง ร้านรวงต่าง ๆ บ้างค่ะ แต่มันไม่พอเก็บหรอกค่ะ แค่พอใช้เดือนต่อเดือน อะไรผัดผ่อนได้ก็ผัด พอจะจบเลยมาตูมเอาก้อนเดียว กว่าจะจบออกมาได้ลำบากเหมือนกัน

สำหรับปัจจุบัน ติดอยู่สภาพนี้เป็นเดือนที่ 2 ค่ะ
ก่อนหน้า 2 เดือนนี้เราทำงานใกล้หอ เงินพอ ๆ กัน แต่ไม่ต้องเสียค่าเดินทางเลยแม้แต่บาทเดียว
และตอนนั้นยังไม่ได้ผ่อนคอนโดค่ะ
ปัจจุบันก็ยังค้างค่าใช้จ่ายของเดือนที่แล้วอยู่เลยค่ะ
ค้างค่าหออยู่ 2000

ค่าโทรศัพท์ที่เป็นรายเดือน ก็ไม่ได้จ่ายมาจะ 3 เดือนแล้ว จนตอนนี้ตัดเหลือแค่รับสายได้อย่างเดียว
ราคาเต็มของมือถือเครื่องนี้อยู่ที่ 9990 บาทค่ะ เราได้โปร จ่ายค่าเครื่อง 2500 บาท ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า แต่ต้องใช้เดือนละ 899 ขึ้นไป สัญญา 1 ปี เริ่มสัญญาตั้งแต่เดือนมกราคมค่ะ
ถามว่าตอนนี้ใช้เน็ตอะไร? ใช้เน็ตของเบอร์สำรองที่เป็นเติมเงินค่ะ แต่ถ้าอยู่ที่ทำงานก็ใช้ wifi ที่ทำงาน

เปลี่ยนวิธีการเดินทางมานั่งรถเมล์เอาค่ะ หลายต่อน่าดูเลย ถ้าวันไหนเหนื่อยมากหรือรถเมล์ไม่มาสักทีจริง ๆ ถึงจะนั่งวิธีแพงค่ะ

ยืมเพื่อนมานิดหน่อย 500-1000 ประมาณนี้ค่ะ

กินประหยัดลง เหลือแค่ขนมปังกับมาม่า บางมื้อเป็นข้าวแกงไม่เกิน 30 บาท กินวันละไม่เกิน 2 มื้อค่ะ บางวันเครียดมาก กินไม่ลง ก็เหลือมื้อเดียวไปเอง 5555

ของใช้ส่วนตัว โชคดีที่ตอนช่วงก่อนจบ พอมีตังค์ เราซื้อตุนไว้เยอะค่ะ 6 เดือน เราจะซื้อของทีนึง กัดฟันจ่ายทีละเยอะ ๆ แต่ราคาตกต่อชิ้นและระยะเวลาใช้งานจะถูกกว่าค่อย ๆ ซื้อปลีกทีละชิ้นค่ะ

มีงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรารับจ๊อบเสริมมาบ้าง 500-1000 ก็ยังดี ค่อย ๆ หมุนเงินกันไป

อันนี้คือที่เอาตัวรอดมาจากสิ้นเดือนที่แล้วได้นะคะ แต่สิ้นเดือนนี้มันจะมาอีกแล้วววววว แงงง
คือจะเห็นได้ว่ามันมีช่องทางลดรายจ่ายลงบ้าง แต่ที่คำนวณให้เห็นในตอนต้นคือเอาแบบตามที่มันควรจะเป็น ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรมากน่ะค่ะ

- ทำไมถึงมาทำงานที่นี่?
รู้จักกับเจ้าของค่ะ ตอนนั้นวุฒิยังไม่ออก แต่เจ้าของร้านรู้ดีว่าเรากำลังจะจบตรีที่ไหนอย่างไร ตอนคุยกันเราบอกแล้วว่าหอเราไกลมากนะ ถ้าได้น้อยกว่า 15k จะไม่มา เค้าบอกจะให้เรา 16k ตอนนั้นเราออกจากที่เก่าพอดีเลยมา ไม่คิดว่าเค้าจะกดเหลือเท่านี้ค่ะ โดนหลอกมานั่นเอง นางดีทุกเรื่องยกเว้นค่าแรงค่ะ ถถถ

- ทำไมหาหอไกลที่ทำงานจัง?
ก่อนหน้าที่เราจะมาทำงานที่สีลม ตอนนั้นวุฒิเรายังไม่ออก และรอบริษัทเรียกสัมภาษณ์​ เราทำงานที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้หอในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้ ทำให้ตอนนั้นไม่มีค่าเดินทางค่ะ พอเปลี่ยนงาน ที่ยังไม่ย้ายหอตาม เพราะเราติดสัญญาหอนี้ 6 เดือนค่ะ และที่สำคัญคือเราคิดว่าเราจะเปลี่ยนงานอีกแน่นอน เราอยากได้งานที่มั่นคง และเงินเดือนสมเหตุผลก่อนแล้วค่อยย้ายทีเดียวค่ะ อีกทั้งเรายังไม่มีค่ารถขนของด้วยค่ะ

- เพื่อนฝูงมีมั้ย? ทำไมไม่ช่วยกัน
มีค่ะ แต่น้อย 555 ถ้าที่รู้จักน่ะมีเยอะ ทั้งคนรวยคนจนมีหมดค่ะ แต่เพราะระหว่างเรียนเราทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เลยไม่ค่อยได้สุงสิงเจอเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ อีกอย่างคือ ถึงแม้เราจะคุยกับคนง่าย แต่ไว้ใจคนยากค่ะ เพราะเราเคยเจ็บมาเยอะแล้ว ตอนที่เราลำบากตอนเรียน เหลือเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่อยู่กับเราจริง ๆ ทุกวันนี้มันเป็นพนักงานราชการเงินเดือน 18k แถมตกเบิกอีกตะหาก 5555

- จบม.ไหนมา สาขาอะไร?
เราจบสาขาการเมืองการปกครองมาค่ะ แหะ ๆ ไม่ได้อยากปิดบังชื่อมหาลัยนะคะ แต่อายจังที่ไม่ได้ดิบได้ดีเหมือนคนร่วมสถาบันคนอื่น ๆ แงงงงงงง
เอาเป็นว่าในสาขาที่เราเรียน มหาลัยของเรามีชื่อที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยค่ะ เดาไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ แงงง อายจัง

และมาถึงคำถามยอดฮิตข้อที่ทุกคนเป็นงงกันมากที่สุด...
- เดี๋ยวนี้สมัครงานต้องรอวุฒิก่อนเหรอ?
ไม่ต้องรอค่า มีหลายคนที่ได้งานตั้งแต่เรียนไม่จบดีก็มี แต่ที่เรายังไม่ได้งานดิ ๆ จนถึงบัดนี้ เป็นเพราะเรา "บริหารจัดการชีวิตได้ไม่ดีเลย" อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุคือ

1.เราให้ความสำคัญ​กับการมุ่งไปสายราชการมากกว่า ใจเลยอยากรอวุฒิที่เป็นทางการเพื่อจะไปสมัครสอบ ทำให้เราไม่มุ่งมั่นกับการไล่หางานเอกชนอย่างจริงจังมากพอค่ะ

2. มหาลัยเราขึ้นชื่อเรื่องออกเกรดช้า ด่ากันให้แซ่ดค่ะ ในแวดวงมหาลัยเราคนเสียโอกาสด้วยเหตุทำนองนี้หลายคนนะคะ ณ ตอนนั้น เรายังงงงวยกับชีวิตพอสมควร ตอนวุฒิยังไม่ออกก็มีสมัครไว้บ้าง แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วในข้อก่อนหน้า ที่เรียกสัมภาษณ์​น้อย และจังหวะไม่ดี (ขอไม่กล่าวซ้ำนะคะ)​

3.เราไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากพอในบางครั้งค่ะ เพื่อน ๆ รอบตัวเรา เชื่อมั้ยคะ มีแต่คนได้เกียรตินิยม​เราเลยไม่ค่อยมีความมั่นใจค่ะ เรียนก็ไม่เก่งเหมือนเพื่อน สื่อสารภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องเท่าเพื่อน ถึงจะได้ภาษาที่ 3 ก็ยังไม่คล่องมากพอ และไม่ใช่ภาษาที่ต้องการในตลาดแรงงานอีกต่อไปแล้ว ไหนจะเรื่องที่บ้านบั่นทอนอีก เรารู้ค่ะ ว่าเราไม่ควรมาเสียเวลารู้สึกแย่ น้อยใจในโชคชะตา แต่มันห้ามยากจริง ๆ ค่ะ

4.(ต่อเนื่องจากข้อ 3.) อาการเราหนักมากจนเราคุมอารมณ์ไม่อยู่ และเริ่มทำร้ายตัวเอง การที่เราป่วย มีสภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ ไม่ควรจะมาเป็นข้ออ้างในการทำงาน แต่ขอพูดตามตรง มันบั่นทอนประสิทธิภาพ​การทำงานเรามาก ๆ เลย มากแบบมาก ๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เราฝืนมาก หลายครั้งที่เราไม่มีสมาธิในการทำงานเลยค่ะ เราพบจิตแพทย์​มาเกือบปีแล้ว หมอบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า และวิตกกังวล​อย่างหนักทีเดียว เรากำลังพยายามแก้ไขเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอโทษจริง ๆ อย่าว่าเราเลย เราไม่ได้อยากขายดราม่าเรียกคะแนนสงสารตรงนี้นะคะ

ขอพูดตามตรง เราไม่อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านไป concentrate อยู่กับว่าทำไมเราได้วุฒิช้า ทำไมเราหางานช้า ตอนนี้วุฒิเราออกแล้ว เราอยากให้มันจบตรงนี้ที่ว่า "เราบริหารจัดการตัวเองไม่ดีเอง" อะไรที่ผ่านไปแล้ว ขอให้ผ่านไปได้มั้ยคะ

ปัญหาสำคัญที่เรามาถามทุกคนที่นี่คือว่า
"พรุ่งนี้" เราจะเดินต่อไปยังไง? ในเมื่อมันจะสิ้นเดือนอีกแล้ว และเราก็เบิกล่วงหน้ามาหมดแล้ว (ไม่เบิกก็ใช้ไม่พอจริง ๆ ค่ะ)​ ต่อให้เราออกมันวันนี้เลย และหางานได้พรุ่งนี้ด้วย แต่กว่าเงินจะออกมันปลายเดือนตุลาคม​โน่น เราจะใช้ชีวิตไปถึงวันนั้นได้ยังไงต่างหาก นี่คือสิ่งที่เราคิดไม่ตกกับมันตอนนี้ค่ะ

เดี๋ยวจะไล่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละความคิดเห็น และจะหลังไมค์ไปหาบางท่านนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำใจทั้งที่เป็นกำลังใจและคำแนะนำนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
หางานใหม่เท่านั้น คุณคิดไง ไปทำงาน สู้ถ้าไม่ได้งานจริงๆ ไปทำงานตาม รง เลย เห็นรับตลอด หรือหาทำรายวันแถวหอพัก ก็ยังได้ อย่างน้อยๆวันละ 300  เดือนละ 9000 ยังคุ้มกว่า ไม่ต้องเดินทาง ได้เงินมากกว่า ประหยัดเวลามากกว่า

แล้วเพื่อนฝูงละ ได้คุยกันมังเปล่า ลองถามๆงานจากเพื่อนดูเพื่อมีใครพอช่วยได้

ส่วนเรื่อง คอนโด ไม่ต้องผ่อน บอกแม่ไป ว่าเงินไม่พอ เรื่องผ่อนหาผ่อนเอง ไหนๆก็ไม่มีสมบัติอะไรแล้ว จะโดนฟ้องล้มละลายอะไรก็ไม่มีผล

แม่อยากได้ ก็ให้หาจ่ายเอาเอง

คืนเป็นแบบนี้ คุณไม่รอดแน่ นับวันจะมีแต่หนี้

หางานใหม่เท่านั้น รายจ่ายตัดออก แล้วส่วนพวก ที่ว่าติดสัญญาต้องจ่าย คิดดูดีๆ ว่าที่ต้องจ่าย กับยอมโดนให้ยึดเงินประกัน อันไหนคุ้มได้เสียมากกว่ากัน

เท่าที่ผมลองตัด ค่าผ่อนคอนโด 3000 ผ่อนมือถือ 4200 ค่าเน็ตกับมือถือ ไม่ต้องจ่าย จ่ายแต่มือถือเอา ลดไปได้อีก 1000 แค่นี้ คุณจะประหยัดไปได้ 8000 บ.แล้ว

ยอมล้มครับ แบกหมดไม่วางอะไรเลย ไม่รอด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่