ไม่ได้มารีวิว แต่ชอบเลยมาเขียนเท่าที่จำได้นะครับ
เรื่องนี้แปลก เพราะโดยปกติหนังทั่วๆไปจะเป็นแนวพระเอกมีความรู้ความสามารถหรือสามารถกู้โลกได้ หรือเป็นคนที่มุ่งมั่นทำอะไรซักอย่างแม้ว่าคนอื่นไม่เข้าใจแต่สุดท้ายจะทำสำเร็จ
และโดยปกติ พระเอกของเรื่องซึ่งเป็นวัยกลางคนจะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก/สามีภรรยาที่แย่ซึ่งมีมาก่อนเริ่มเรื่องแล้วและสุดท้ายเมื่อพระเอกทำสำเร็จ ทุกคนรอบๆตัวจะเข้าใจและภูมิในใจตัวพระเอก ตามมาด้วยความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม อืมมม ตย. เช่น 2012 หรือ war of the world พอจะได้มั้งครับ
แต่หนังเรื่องนี้ เน้นไปที่มุมมองและความคิดของลูกที่มีแบบเจอพ่อแบบนี้ แต่ตอนจบของเรื่องพ่อไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบนั้น และปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็จบลงที่ลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวของลูกเอง
อีกเรื่องคือ ปกติหนังอวกาศมักให้คนดูมีความรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรใหม่ที่เกี่ยวกับอวกาศ แต่เรื่องนี้ให้มุมมองว่าสุดท้ายแล้วด้วยจิตใจมนุษย์ มนุษย์ก็เลือกที่จะปฏิบัติกับสิ่งที่เขาค้นพบด้วยการทำธุรกิจหรือการแย่งทรัพยากรกันเองเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ ปล. ผมไม่ได้ดู สตาร์วอร์ กับ สตาร์เทร็ค สตาร์ดัสต์ เลยไม่รู้เนื้อหาว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่านะครับ
ดูเหมือนว่าหนังจะเน้นเรื่อง ภาวะจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของ รอย (พระเอก) เป็นหลัก ปัญหาของรอย คือ
1. สิ่งที่รอยแสดงออกมาไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ อันนี้ด้วยงานของรอยที่ต้องแยกอารมณ์กะบข้อเท็จจริง และต้องไม่นำอารมณ์ความรู้สึกมาใช้กับการปฏิบัติการ แต่รอยแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตทำงานไม่ได้เลยมีปัญหากับแฟน แฟนบอกว่าอยู่ใกล้ตัวเธอ แต่ไม่รู้ใจเธอไปอยู่ไหน
2. รอยเป็นพวก focus กับเป้าหมาย หรือเรียกว่าหมกมุ่นกับการทำงานนั่นแหละ จนแยกแยะชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ได้
3. ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับรอย เป็นสิ่งที่ฝังใจมานาน รอยอยากเจอพ่อแต่รอยโกรธพ่อที่ทิ้งไป สับสนตัวเอง
ผมชอบคำพูดในใจของรอยแต่ละคำของรอยสะท้อนความคิดที่สับสันและการเรียนรู้ของรอยไปเรื่อยๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่น
1. อย่าแตะตัวฉัน
ตอนต้นเรื่องที่รอยยิ้มให้เพื่อนร่วมงานที่พยายามจะมาจับตัวรอย แต่รอยคิดในใจว่าอย่ามาแตะตัวตรูนะเว้ย ทำให้เรารู้สึกว่าเพื่อที่จะได้ทำงานในอวกาศที่รอยชอบ รอยสามารถเสแสร้งแกล้งทำเป็นคน nice แต่จริงๆไม่ได้อยากคุยอยากสัมผัสด้วยเลย เป็นคนปิดใจชอบอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า
ตอนหลังที่รอยรอดตายกลับมาพื้นโลกจะเห็นว่ารอยเปิดใจเอื้อมมือไปสัมผัสมือคนที่มาช่วยแบบ feel good
2. นี่เป็นคำถามการทดสอบจิตใจหรือเปล่า?
อย่างที่บอกคือด้วยหน้าที่การงานที่ต้องระวังไม่ให้แสดงอารมณ์ (หรืออาจจะนิสัยส่วนตัวที่ focus กับงานเลยแยกแยะชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัว) ทำให้รอยจะมีอาการระแวงเสมอว่าตัวเองโดนทดสอบสภาพจิตใจเสมอ
3. ผมผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งผมควรแสดงกลับไม่แสดง บางครั้งผมไม่ควรแสดงกลับแสดงออก
จำไม่ได้ว่าพูดตอนไหนแต่เห็นได้ว่ารอยมีปัญหากับการตัดสินใจการแสดงความรู้สึกตอนใช้ชีวิตส่วนตัว
4. ทำไมทุกคนดูทำตัวสบายกันจัง พวกเขาทำกันได้ยังไง
ตอนยานที่ออกจากดวงจันทร์ไปดาวอังคาร รอยเห็นคนขับยานและคนในทีมดูเป็นกันเอง ผ่อนคลาย ผิดจากนิสัยของรอยที่ทุกอย่างดูเคร่งเครียด ตามกฎ งานปกติของรอยที่จะแยกกันทำงานของตัวเอง
5. คุณจะแวะจอดไม่ได้ ผมมาที่ยานนี้เพื่อมาทำภารกิจลับ
ตอนยานที่ออกจากดวงจันทร์ไปดาวอังคาร ยานที่รอยนั่งไปเจอยานลำอื่นที่ไม่เคลื่อนไหว รอยสั่งห้ามกัปตันแวะจอดช่วยยานลำนั้น จะเห็นว่ารอย focus ภารกิจของตัวเองเป็นหลัก
6. ผมไม่ชอบความรู้สึกโกรธ ผมเคยเจอความรู้สึกนั้น พ่อเคยโกรธ ผมเองก็โกรธที่พ่อทิ้งผมไป แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะทิ้งมันไป เหลือแต่ความทุกข์ในใจ (ยาวมากจำไม่ค่อยได้ อาจจะจำผิดด้วย)
เป็นครั้งแรกที่รอยเริ่มแสดงอารมณ์ตอนที่ทดสอบสภาพจิตใจ ตอนนั้นเป็นช่วงที่รอยอยู่ที่ดาวอังคารหลังจากส่งเสียงอ่านหนังสือเกลี้ยกล่อมพ่อครั้งแรกแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับ ช่วงนี้เราก็จะได้ฟังเรื่องพ่อที่รอนรู้สึกฝังใจในอดีตมานาน
6. ผมอยากเจอพ่อ.....
รอยทนอ่านหนังสือที่บริษัทเตรียมมาให้อ่านเกลี้ยกล่อมพ่อไม่ไหว เลยบอกความรู้สึกในใจแทน
หลังจากที่รอยสับสนว่าอยากเจอพ่อหรือตัวเองโกรธพ่อมานาน สุดท้ายรอยก็รู้ว่าจริงๆแล้วรอยอยากเจอพ่อมากกว่าโกรธพ่อ
7. พ่อโดนหลอกใช้มาตลอด....(จำคำพูดชัดๆไม่ได้)
พอรอยใช้อารมณ์ในการทำงาน บริษัทก็เอารอยออกจากภารกิจทันที รอยตาสว่างว่าที่ผ่านมาที่เขาทุ่มเท focus ให้กับงานหรือภารกิจต่างๆที่ได้รับ ถ้าพลาดครั้งเดียวทุกอย่างคือความว่างเปล่า และพอได้รู้ว่าบริษัทต้ดสินใจเอานิวเคลียร์ไปทำลายยานของพ่อ ก็ทำให้รอยตระหนักได้ว่า พอเราทำได้ไม่ถึงเป้าหมายทุกอย่างก็ว่างเปล่า
8. เราทำอะไรลงไป...
หลังจากที่รอยรู้ว่าพ่อฆ่าลูกน้องที่ประท้วงเพราะอยากกลับโลก แล้วรอยช็อค (อันนี้เข้าใจเอาเองประมาณว่า ไม่นะพ่อตรูฆ่าคนตาย เราต้องไปจบเรื่องนี้) รอยตัดสินใจแอบขึ้นยานที่จะไปทำลายยานพ่อตัวเอง แต่สุดท้ายรอยก็ต้องฆ่าคนในยานจนหมดลำ(แบบไม่ได้ตั้งใจ) เพื่อที่ตัวเองจะได้เอายานไปหาพ่อ....เออ ทำแบบเดียวกับพ่อเด๊ะเลย
9. พ่อยังมีผม ผมรักพ่อ
รอยเจอพ่อแล้ว แต่พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยมีครั้งไหนที่คิดถึงลูกเลย (ฟังแล้วเจ็บแทน) พ่อเชื่อว่าจะได้เจอสิ่งมีชีวิตนอกโลก ความสำเร็จอยู่ตรงหน้า (แต่หน้าตาพ่อเศร้ามาก คือทำในสิ่งที่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จมาตลอด ยอมทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วดูไม่มีวี่แวว) พ่อของรอยเห็นว่ารอยน่าจะช่วยพ่อหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ แต่ดูเหมือนว่ารอยไม่เชื่อเช่นนั้น
รอยบอกว่า ผมรักพ่อ พ่อยังมีผมนะ กลับโลกเถอะ(พูดประมาณนี้จำชัดๆไม่ค่อยได้ครับ)
10. ทำไมมุ่งมั่นขนาดนี้ ทำไมถึงดื้อดึงขนาดนี้
11. สิ่งที่พ่ออยากเห็นมาตลอดไม่มีอยู่จริง สิ่งที่มีจริงพ่อกลับไม่เห็น
สุดท้ายพ่อของรอยเลือกที่จะล่องลอยในอวกาศที่เวิ้งว้าง เลือกที่จะตายไปกับความเชื่อของตัวเองแม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตาม รอยได้แต่พร่ำบ่นว่าพ่อได้แต่หาสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ไม่มีวันเจอ แต่ไม่เคยมองเห็นรอยซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันและรักพ่อด้วยเลย
12. เลือกอะไรที่สำคัญในชีวิต ตัดอะไรที่มันไม่ใช่ออกไป อนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่กลัว (จำได้ไม่เป๊ะ)
รอยรอดตายกลับมาที่โลก เริ่มเปิดใจรับความรู้สึกจากคนรอบข้าง (คนแรกคือคนที่มาช่วยตอนที่รอยถึงโลก) รอยมีรอยยิ้มบนหน้า รอยรู้สึกว่าความรู้สึกของครอบครัวนั้นสำคัญ เป้าหมายไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่เขาไม่กลัว เพราะเขายังมีคนที่รักเขาข้างๆอยู่
สุดท้ายนี้
บนโลกของเรามักจะเชิดชูความสำเร็จ แต่จะมีซักกี่คนที่สำเร็จ พ่อของรอยทำในสิ่งที่เชื่อและมุ่งตรงไปยังความสำเร็จ ทิ้งคนรอบข้างครอบครัวคนที่รักเขา เมื่อไม่สำเร็จทุกอย่างก็เหลือเพียงความว่างเปล่า เหมือนกับที่พ่อของรอยที่ต้องตายอย่างเวิ้งว้างในอวกาศ ส่วนรอยกลับตัวทัน ให้ความสำคัญกับคนที่รักเขา แม้ว่าอนาคตอาจจะไม่สำเร็จอย่างที่หวัง รอยก็ไม่กลัวเพราะรอยก็ยังมีคนที่รักเขาอยู่
แบรด พิตท์ เล่นดี แต่ทอมมี่ ลี โจนส์เนียนมาก
Ad Astra
เรื่องนี้แปลก เพราะโดยปกติหนังทั่วๆไปจะเป็นแนวพระเอกมีความรู้ความสามารถหรือสามารถกู้โลกได้ หรือเป็นคนที่มุ่งมั่นทำอะไรซักอย่างแม้ว่าคนอื่นไม่เข้าใจแต่สุดท้ายจะทำสำเร็จ
และโดยปกติ พระเอกของเรื่องซึ่งเป็นวัยกลางคนจะต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก/สามีภรรยาที่แย่ซึ่งมีมาก่อนเริ่มเรื่องแล้วและสุดท้ายเมื่อพระเอกทำสำเร็จ ทุกคนรอบๆตัวจะเข้าใจและภูมิในใจตัวพระเอก ตามมาด้วยความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม อืมมม ตย. เช่น 2012 หรือ war of the world พอจะได้มั้งครับ
แต่หนังเรื่องนี้ เน้นไปที่มุมมองและความคิดของลูกที่มีแบบเจอพ่อแบบนี้ แต่ตอนจบของเรื่องพ่อไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบนั้น และปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็จบลงที่ลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวของลูกเอง
อีกเรื่องคือ ปกติหนังอวกาศมักให้คนดูมีความรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรใหม่ที่เกี่ยวกับอวกาศ แต่เรื่องนี้ให้มุมมองว่าสุดท้ายแล้วด้วยจิตใจมนุษย์ มนุษย์ก็เลือกที่จะปฏิบัติกับสิ่งที่เขาค้นพบด้วยการทำธุรกิจหรือการแย่งทรัพยากรกันเองเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนสถานที่ ปล. ผมไม่ได้ดู สตาร์วอร์ กับ สตาร์เทร็ค สตาร์ดัสต์ เลยไม่รู้เนื้อหาว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่านะครับ
ดูเหมือนว่าหนังจะเน้นเรื่อง ภาวะจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของ รอย (พระเอก) เป็นหลัก ปัญหาของรอย คือ
1. สิ่งที่รอยแสดงออกมาไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ อันนี้ด้วยงานของรอยที่ต้องแยกอารมณ์กะบข้อเท็จจริง และต้องไม่นำอารมณ์ความรู้สึกมาใช้กับการปฏิบัติการ แต่รอยแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตทำงานไม่ได้เลยมีปัญหากับแฟน แฟนบอกว่าอยู่ใกล้ตัวเธอ แต่ไม่รู้ใจเธอไปอยู่ไหน
2. รอยเป็นพวก focus กับเป้าหมาย หรือเรียกว่าหมกมุ่นกับการทำงานนั่นแหละ จนแยกแยะชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ได้
3. ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับรอย เป็นสิ่งที่ฝังใจมานาน รอยอยากเจอพ่อแต่รอยโกรธพ่อที่ทิ้งไป สับสนตัวเอง
ผมชอบคำพูดในใจของรอยแต่ละคำของรอยสะท้อนความคิดที่สับสันและการเรียนรู้ของรอยไปเรื่อยๆ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายนี้
บนโลกของเรามักจะเชิดชูความสำเร็จ แต่จะมีซักกี่คนที่สำเร็จ พ่อของรอยทำในสิ่งที่เชื่อและมุ่งตรงไปยังความสำเร็จ ทิ้งคนรอบข้างครอบครัวคนที่รักเขา เมื่อไม่สำเร็จทุกอย่างก็เหลือเพียงความว่างเปล่า เหมือนกับที่พ่อของรอยที่ต้องตายอย่างเวิ้งว้างในอวกาศ ส่วนรอยกลับตัวทัน ให้ความสำคัญกับคนที่รักเขา แม้ว่าอนาคตอาจจะไม่สำเร็จอย่างที่หวัง รอยก็ไม่กลัวเพราะรอยก็ยังมีคนที่รักเขาอยู่
แบรด พิตท์ เล่นดี แต่ทอมมี่ ลี โจนส์เนียนมาก