ภาคต่อเมื่อฉันเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
https://ppantip.com/topic/38475442
คือหลังจากเจอว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเมื่อเดือน กค 61 และผ่าตัดเรียบร้อยไปแล้ว คุณหมอก็นัดไป CT Scan เป็นระยะ ล่าสุด เดือน พค 62 โดยช่วงนั้น มามี้ของเจนเป็นสมองเสื่อมค่ะ เจนก็จ้างคนมาดูแลระหว่างวัน กลางคืนเจนก็สลับกันนอนเฝ้ากับพี่ชาย คือตอนนั้นการรักษาของมามี้ยังไม่ลงตัว กลางคืนมามี้แทบไม่นอนเลย คอยแต่จะเข้าห้องน้ำ จนหกล้มปากแตก เลยต้องนอนเฝ้าประกบกันเลยค่ะ ส่วนคนดูแลที่จ้างมา ทำไม่นานก็ออก เปลี่ยนคนแล้วเปลี่ยนคนอีก สอนงานกันจนเหนื่อย และด้วยความที่ฟูกที่เจนนอนเฝ้ามามี๊ ก็นิ่มเกิน กอปรกับเจนขาไม่ค่อยดี เพราะเคยเป็นเส้นเลือดตีบตันที่ขาขวา แล้วไหนจะมีถุงหน้าท้องอีก พอรีบลุกดูมามี้ ขาขวาตรงแนวกางเกงในก็เลยเจ็บ แรกๆเวลานอนก็ยกขาขวาไม่ขึ้น เจนก็ปล่อยๆไป เพราะเจนจำได้ว่า เจนแพ้ยาไดโคฟิแนค ไปหาหมอ คุณหมอก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ดูท่าอาการจะหนักขึ้น เจนก็เลยไปหานักกายภาพที่คณะสหเวช ของจุฬาค่ะ คือเจนเจ็บแขนกับหัวเข่าด้วย นักกายภาพก็อัลตราซาวด์ให้ที่สองจุดนี้ ส่วนที่ขาหนีบอัลตราซาวด์ไม่ได้ เพราะเป็นมะเร็งตรงบริเวณนี้มาก่อน แล้วนักกายภาพก็สอนท่ายืดเส้นมาท่านึงค่ะ พอกลับมาทำ ทำไปทำมา เจ็บมากจนเดินแทบไม่ได้ซะงั้น คือลงน้ำหนักไม่ได้เลยค่ะ เช้าวันที่ 15 พค เจนก็เลยไปหาหมอที่ รพ กรุงเทพคริสเตียน คุณหมอก็สั่งเอ็กซเรย์ แต่เจนบอกคุณหมอว่า เพิ่งไป CT Scan ที่จุฬาเมื่อวันที่ 11 พค นี้เอง ตอนนี้รอฟังผลอยู่ คุณหมอก็เลยให้ยาเซเรเบคมาทานวีคนึง ทานไปได้ชั่วโมงกว่าๆก็หายเจ็บค่ะ เดินได้ แต่ก็ต้องใช้ไม้เท้าช่วย เพราะมันเหมือนเดินปกติไม่ได้ คือเวลาเดินใกล้จะสุดฝีเก้า เจนจะเจ็บมาก จนต้องสะบัดเท้าออก เจนก็เลยทานยาไปเรื่อยๆจนวันที่ 23 พค ก็ไปฟังผล CT Scan ที่จุฬา คุณหมอดุษฎีบอกว่า ผลโอเคค่ะ แนวต่อมน้ำเหลืองที่เห็นรอบที่แล้วยุบไปหมดละ อีก 3 เดือนมาตรวจเลือดแบบครบเซ็ต ส่วน CT SCAN 6 เดือนทำครั้งนึงค่ะ..วันนั้นเจนก็ถือไม้เท้าไปด้วย คุณหมอดุษฎีก็ถามว่า เป็นอะไร ...ให้รีบรักษานะ เจนก็เลยให้คุณหมอช่วยทำเรื่องส่งตัวไปหมอกระดูก แล้วก็ให้คุณหมอช่วยจ่ายยาเซเรเบคมาอีกวีคนึง เพราะกว่าจะได้วันนัดหมอกระดูก คงต้องใช้เวลา ระหว่างที่รอวันพบหมอกระดูก เรียกว่าอาการเหมือนจะหาย จนคิดว่า อาจจะไม่ต้องไปหาหมอกระดูกแระ แต่สุดท้ายก็เหมือนว่า อาการทรงๆทรุดๆค่ะ ถึงวันนัดเจนก็ไปพบคุณหมอกระดูก คุณหมอก็ให้นอน จับโยกเท้าสลับไปมา เจนก็ไม่เจ็บอะไร อาจเพราะทานยาเซเรเบคอยู่ด้วย แล้วคุณหมอก็บอกว่า ดูจากผล CT Scan กระดูกสะโพกก็ดี ไม่น่าเป็นอะไร แล้วก็จ่ายยาเซเรเบคมาให้ทานต่อ โดยไม่ได้นัดตามผลอะไร กลับมาก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่หาย ..พอดีมีพี่ๆเพื่อนๆที่บริษัท แนะนำคุณหมอกระดูก ชื่อคุณหมอปิยะมาค่ะ บอกว่า คุณหมอท่านนี้เก่งมาก รักษาอยู่ที่ รพ เลิดสิน ด้วยความที่เจนไม่อยากไปรอเข้าคิวนานๆ เจนเลยไปเสิร์ชข้อมูล เจอว่าคุณหมอรักษาที่ รพ พญาไท 2 ด้วย เจนเลยไปพบคุณหมอที่ รพ พญาไท 2 ค่ะ คุณหมอฟังอาการแล้วก็บอกว่า อาการไม่โดนว่าเป็นมะเร็งกระดูกเลย จริงๆอยากเห็นผล CT Scan ด้วยตัวเอง แต่ก็วางใจระดับนึงว่ามีคุณหมอกระดูกดูผลมาให้แล้ว คุณหมอก็เลยบอกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ให้กลับมาทานยาเซเรเบคให้ครบเดือนเลยละกัน แต่ให้ทานมิราสิดด้วย เพราะยาเซเรเบคกัดกระเพาะ ถ้ายังไม่หาย ให้กลับไปหาคุณหมอที่ รพ เลิดสิน คุณหมอจะให้ MRI เจนก็กลับมาทานยาต่อ เบ็ดสร็จน่าจะทานไป 24 วันได้มังคะ พอดียาหมด เจนก็ไปซื้อยาทานเอง แต่ทานๆหยุดๆ ดูเหมือนอาการจะดีได้ด้วยยา พอหยุดทานยาก็เป็นเหมือนเดิม เอางัยล่ะทีนี้ พอดีน้องชายแนะนำคลีนิคกายภาพมา บอกว่าที่นี่เก่ง วันที่ 11 มิย เจนก็ไปที่คลีนิค นักกายภาพบอกว่า เส้นยึดมาก ต้องกระตุ้นไฟฟ้าก่อน ค่อยยืดเส้นได้ แล้วก็บอกว่า จริงๆคนเป็นมะเร็ง ห้ามอัลตราซาวด์เลยค่ะ ไม่ว่าจะจุดไหนก็ตาม เพราะฉะนั้น กว่าจะหายก็คงจะช้าหน่อย อาจจะเป็นเดือน..กลับมา ก็เหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ ระหว่างนี้ เจนก็ยังคงทานเซเรเบคนะคะ แต่ทานเว้นๆทานเฉพาะวันที่ปวด วันที่ 15 และ 22 มิย เจนก็ไปกายภาพ คือไปกระตุ้นไฟฟ้า แล้วก็ยืดเส้น อาการก็เหมือนจะดี แต่ก็ไม่หายค่ะ ยังคงต้องใช้ไม้เท้าช่วย ต้องเดินยกสะโพก เพราะเจ็บจนเดินปกติไม่ได้ ...ที่ผ่านมา จะมีคนที่บริษัทมาแนะนำให้ไปหาอาจารย์ท่านนึงที่ชลบุรี เรียกว่าเป็นหมอเทวดาอ่ะค่ะ คือ จับนิดเดียวหายเลย เจนลังเลอยู่นาน เพราะกลัวว่า การรักษาจะเป็นแบบนวดกดจุดแล้วอาจจะมีผลต่อโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ แต่จากที่ฟังๆมาจากหลายๆคนที่เคยไป ก็บอกว่าจับนิดเดียว ไม่เจ็บด้วย กอปรกับมีน้องคนนึงอาสาพาไป คือรู้จักกับอาจารย์เป็นการส่วนตัว ไม่ต้องไปจับบัตรคิวเหมือนคนอื่น เจนก็เลยไปค่ะ ไปถึงอาจารย์ก็ให้นอน แล้วอาจารย์ก็บอกว่า เจอละ กระดูกสะโพกหลุด เด๋วจะถอดกระดูก แล้วใส่เข้าไปใหม่ ตอนถอดกระดูกเนี่ย อาจารย์จะเอามือหักปลายเท้าไว้ ก็รู้สึกเจ็บๆปวดๆปลายเท้านิดหน่อย แต่ตรงขาหนีบ สะโพกที่เป็น ไม่เจ็บเลยค่ะ แต่เสียงกระดูกงี้ดังลั่นเลยนะคะ ถอดกระดูกเสร็จ อาจารย์ก็บอกว่า รอนาทีนึง เดี๋ยวใส่กลับไปใหม่ ขั้นตอนการใส่คือไม่เจ็บเลยค่ะ เหมือนเอามือมาแตะๆจับๆนิดเดียวเอง แล้วอาจารย์ก็ให้เจนลองลุกนั่งขัดสมาธิ แล้วก็ลุกขึ้นยืนค่ะ ทีแรกก็กล้าๆกลัวๆ เพราะเจนทำไม่ได้มาตั้งแต่ขาเจ็บละค่ะ ปรากฎว่าเจนลุกขึ้นยืนได้ พอลองเดิน ก็เดินได้แบบไม่ได้เดินขัด จนต้องสะบัดเท้าแล้วค่ะ ในใจตอนนั้น คือดีใจมาก ยิ้มแก้มปริเลย ...การมาให้อาจารย์รักษา ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดเลยนะคะ รู้สึกขอบคุณอาจารย์มากๆ หลังจากกลับไป ก็เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า แต่ยังคงเจ็บแปร๊บๆ หลังจากรักษากับอาจารย์ เจนก็ยังไปกายภาพที่คลีนิคอีกครั้งนะคะ นักกายภาพก็กระตุ้นไฟฟ้า แล้วก็จับยืดเหมือนเดิม แต่นักกายภาพบอกว่า เส้นที่อักเสบหายแล้ว กลับมา ก็เหมือนเดิมค่ะ คือ อาการเจ็บเปลี่ยนไปเรื่อยๆเลย บางทีก็เหมือนมีอะไรมาคลายเกลียวอยู่ในเนื้อเรา บางทีก็ปวดตุ้บๆ...ผ่านไป 2 เดือน ไม่ได้การแระ อยู่กับความไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ มันทุกข์บอกไม่ถูก ขาก็เป๋ๆ กลางคืนก็นอนตะแคงแบบที่ถนัดไม่ได้ ต้องนอนหงาย เพราะพอตะแคงก็จะเจ็บขาข้างที่ห้อยลง เจนเลยคิดว่า ต้องไป MRI ให้รู้ซักที ที่ผ่านมา คือ มันเหมือนจะหายๆ ก็เลยปล่อยเวลามาเนิ่นนานขนาดนี้ เจนเลือกที่จะไป MRI ที่ รพ เอส สไปน์ คิดว่าจะได้เร็ว แบบว่า หาหมอปุ๊บ MRI ได้เลย ไปถึงคุณหมอก็ให้เอ็กซเรย์ก่อนเลยค่ะ คุณหมอชี้ให้ดูผลเอ็กซเรย์ว่า มีรอยเหมือนอะไรกินกระดูกหัวหน่าว ให้เจนรีบกลับไปหาคุณหมอที่ รพ จุฬา เพราะไม่รู้ว่า กระดูกเจนเป็นแบบนี้แต่แรกรึป่าว ให้กลับไปเปรียบเทียบกับฟิล์มเก่า ในใจตอนนั้นคิดว่า หรือว่า จะเป็นรอยแนวการผ่าตัดเดิม เพราะเจนตัดช่องคลอดฝาบนออกด้วย ..รีบสิคะทีนี้ อยากจะหายตัวไปจุฬาซะเดี๋ยวนี้เลย แต่พอดีวันนั้นเป็นช่วงหยุดเทศกาล เจนเลยต้องรอ จนวันพฤหัสที่ 18 กค เจนก็ไปหาคุณหมอดุษฎี วินาทีตอนรอหน้าห้องเนี่ย มันทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น แต่ในใจก็คิดว่า มันน่าจะเป็นรอยผ่าตัดเดิมนะ ครั้งแรกที่คุณหมอดูฟิล์ม คุณหมอว่า เหมือนกระดูกบาง แต่พอไปดูผล CT เดิมๆ คุณหมอบอกว่า ก่อนหน้านี้ มันไม่มีรอยนี้ เดี๋ยวจะส่งเจนไป Bone Scan ทั้งตัว คุณหมอว่า หมอก็ยังไม่คิดว่า จะเป็นมะเร็งนะ เพราะตอนที่ผ่าตัดออกมา เนื้อร้ายก็น้อยมาก เป็นแค่ระยะแรกๆ แล้วถ้าจะลุกลาม ก็ควรจะไปที่ต่อมน้ำเหลืองก่อน ไม่น่าจะลัดไปกระดูก เจนถามคุณหมอว่า กว่าจะได้นัดเจาะกระดูกนานแค่ไหน คุณหมอว่า ประมาณเดือนนึง เอ่อม นึกในใจ ถ้าเป็นจริง จะรักษาทันมั้ยเนี่ย ตอนไปถึงหน้าเคาวเตอร์นัดเจาะกระดูก เจนตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์เลยค่ะ คือ จริงๆหน้ามันเศร้ามาจากข้างในอยู่แล้วด้วยค่ะ คุณพยาบาลบอกได้คิววีคหน้าเรย เลยบอกคุณพยาบาลว่า รบกวนหน่อยนะคะ พอดีรีบใช้ผลค่ะ คุณพยาบาลเลยดูคิวให้ใหม่ แล้วบอกว่า ได้คิววันศุกร์ ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ ประมาณว่า คนสุดท้ายของคิววันพรุ่งนี้เลยค่ะ
19 กค 62 เจนก็ไป Bone Scan ขั้นตอน Bone Scan เริ่มจากคุณพยาบาลฉีดสารให้ก่อน แล้วบ่ายสามโมงครึ่งค่อยกลับมาแสกน ตอนฉีดสาร ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่า เจนนี่กลัวมาก ในใจนี่อุทิศส่วนกุศลสารพัด คุณพยาบาลบอกว่า เส้นเลือดเล็กนะคะ แล้วคุณพยาบาลก็บีบยามาทาให้ที่หลังมือ บอกว่า เป็นยาชา เจาะเสร็จ คุณพยาบาลก็หน้าเศร้า คอตก บอกไม่สำเร็จ แล้วก็บอกว่า พี่คงเจ็บแน่เลย หน้านิ่งเชียว..เจ็บนิดเดียวเองค่ะ..แล้วคุณพยาบาลก็เปลี่ยนมาเจาะที่แขน ตรงข้อพับ ทายาชาก่อนด้วย...เจาะเสร็จแล้วเหรอเนี่ย คือมันไม่เจ็บเลย จนต้องถามคุณพยาบาลว่า เสร็จแล้วเหรอคะ คุณพยาบาลบอกว่า ที่ไม่เจ็บเพราะทายาชา ยาชาหลอดละ 500 คุณพยาบาลออกเงินส่วนตัวซื้อมาใช้กับคนไข้เอง คืนกำไรสู่สังคม..ฟังแล้ว ใจมันซาบซึ้ง ชุ่มชื่นบอกไม่ถูก เลยบอกคุณพยาบาลว่า ขอสมทบทุนด้วยคน คุณพยาบาลเลยพาไปหยอดตู้บริจาคค่ะ เป็นตู้ที่คุณหมอ และคุณพยาบาล เอาไปซื้อติ๊กเกอร์การ์ตูนรูปสัตว์ รูปต้นไม้มาตกแต่งห้องคนไข้เด็ก มีพวกเครื่องเขียนด้วยนะคะ คือ เป็นห้องศิลปะของเด็กป่วยอ่ะค่ะ หยอดเสร็จ คุณพยาบาลพาไปชมห้องด้วยค่ะ น่ารักมากๆ คิดว่า ถ้าเราทำงานด้วยหัวใจแบบนี้ จิตใจเราก็คงจะแช่มชื่นทั้งวัน และถ้าทุกคนทำงานแบบนี้ โลกคงสวยงามมากๆ..สาธุ อนุโมทนาบุญกับคุณพยาบาลที่สุดแสนจะน่ารักท่านนี้นะคะ ระหว่างรอเวลา เจนก็เดินไปทำบุญโรงศพที่วัดหัวลำโพง แล้วก็แวะซื้อของที่ร้านขายยา กลับมาถึงก็นั่งรอพักใหญ่ คือเลยบ่ายสามไปแล้ว เข้าไปห้อง Bone Scan ก็คล้ายๆกับ CT Scan ค่ะ คือเข้าไปนอน พอคุณหมอได้ภาพกระดูกตามที่ต้องการ ก็กลับบ้านได้ ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงค่ะ...ค่า Bone Scan 2,900 บาท
25 กค 62 เจนก็ไปฟังผล ตื่นเต้นมากค่ะ เรียกว่า กลัวเลยดีกว่า กลัวฟังผลแล้วเป็นลมไป อายหมอค่ะ 555 คุณน้องชายเลยมาเป็นเพื่อน แต่ในใจก็คิดว่า จะรู้ผลมั๊ยเนี่ย แล้วก็จริงๆค่ะ คุณหมอบอกว่า มันมีอะไรตรงกระดูกหัวหน่าวจริงๆ คือมีการดูดซับสารตรงนั้น แต่ยังไม่รู้ว่า คืออะไร อาจจะกระดูกพรุน ต้องส่งไปให้คุณหมอกระดูกดูต่อ เดี๋ยวคุณหมอกระดูกจะส่งเจาะกระดูก แล้วก็ MRI ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งนี่เรื่องใหญ่เลยนะ แต่เราเป็นที่เดียว ฉายแสงได้ เลยถามคุณหมอว่า คุณหมอไม่ส่ง MRI เลยล่ะคะ คุณหมอว่า ต้องให้คุณหมอกระดูกเป็นคนพิจารณา เพราะคุณหมอกระดูกอาจจะส่ง MRI ที่บริเวณที่เป็น หรือที่หลังก็ได้..ออกจากห้องคุณหมอก็ไปทำนัดคุณหมอกระดูก ในเวลาได้คิวเดือนกันยาโน่นเลยค่ะ เจนเลยนัดคลีนิคนอกเวลา ได้คิวพุธหน้า
31 กค 62 เจนก็มาพบคุณหมอกระดูก คุณหมอก็ส่งไปเจาะกระดูกค่ะ เจนก็เลยให้คุณหมอส่ง MRI ด้วยเลย จะได้ไม่เสียเวลา คุณหมอก็ส่ง MRI บริเวณที่เป็นนั่นแหละค่ะ คือเจนก็ถามคุณหมอว่า MRI จะเห็นเลยมั๊ยว่าเป็นมะเร็ง คือถามหลายอย่าง แต่บอกตรงๆ เจนรู้สึกว่า คำตอบไม่ค่อยชัดเจน หรือเจนเครียดจนฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้ค่ะ แต่เอาเป็นว่า ทำให้หมดเลย จะได้รู้คำตอบซักที การอยู่กับความไม่รู้ มันสร้างความเครียดอย่างมหาศาลเลย วินาทีที่รอคิวอยู่หน้าห้องหมอ อารมณ์เหมือนรอขึ้นเขียงยังไงยังงั้น..ออกจากห้องหมอ ก็ต้องไปลุ้นวันว่าจะได้คิวเจาะกระดูก ได้ MRI เมื่อไหร่ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ออกจากห้องหมอก็เลยสองทุ่มไปละ แผนกอื่นเค้าปิดกันหมดแล้ว พรุ่งนี้เลยต้องมา รพ อีก เพื่อมาทำนัด
ภาคต่อเมื่อฉันเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
คือหลังจากเจอว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเมื่อเดือน กค 61 และผ่าตัดเรียบร้อยไปแล้ว คุณหมอก็นัดไป CT Scan เป็นระยะ ล่าสุด เดือน พค 62 โดยช่วงนั้น มามี้ของเจนเป็นสมองเสื่อมค่ะ เจนก็จ้างคนมาดูแลระหว่างวัน กลางคืนเจนก็สลับกันนอนเฝ้ากับพี่ชาย คือตอนนั้นการรักษาของมามี้ยังไม่ลงตัว กลางคืนมามี้แทบไม่นอนเลย คอยแต่จะเข้าห้องน้ำ จนหกล้มปากแตก เลยต้องนอนเฝ้าประกบกันเลยค่ะ ส่วนคนดูแลที่จ้างมา ทำไม่นานก็ออก เปลี่ยนคนแล้วเปลี่ยนคนอีก สอนงานกันจนเหนื่อย และด้วยความที่ฟูกที่เจนนอนเฝ้ามามี๊ ก็นิ่มเกิน กอปรกับเจนขาไม่ค่อยดี เพราะเคยเป็นเส้นเลือดตีบตันที่ขาขวา แล้วไหนจะมีถุงหน้าท้องอีก พอรีบลุกดูมามี้ ขาขวาตรงแนวกางเกงในก็เลยเจ็บ แรกๆเวลานอนก็ยกขาขวาไม่ขึ้น เจนก็ปล่อยๆไป เพราะเจนจำได้ว่า เจนแพ้ยาไดโคฟิแนค ไปหาหมอ คุณหมอก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ดูท่าอาการจะหนักขึ้น เจนก็เลยไปหานักกายภาพที่คณะสหเวช ของจุฬาค่ะ คือเจนเจ็บแขนกับหัวเข่าด้วย นักกายภาพก็อัลตราซาวด์ให้ที่สองจุดนี้ ส่วนที่ขาหนีบอัลตราซาวด์ไม่ได้ เพราะเป็นมะเร็งตรงบริเวณนี้มาก่อน แล้วนักกายภาพก็สอนท่ายืดเส้นมาท่านึงค่ะ พอกลับมาทำ ทำไปทำมา เจ็บมากจนเดินแทบไม่ได้ซะงั้น คือลงน้ำหนักไม่ได้เลยค่ะ เช้าวันที่ 15 พค เจนก็เลยไปหาหมอที่ รพ กรุงเทพคริสเตียน คุณหมอก็สั่งเอ็กซเรย์ แต่เจนบอกคุณหมอว่า เพิ่งไป CT Scan ที่จุฬาเมื่อวันที่ 11 พค นี้เอง ตอนนี้รอฟังผลอยู่ คุณหมอก็เลยให้ยาเซเรเบคมาทานวีคนึง ทานไปได้ชั่วโมงกว่าๆก็หายเจ็บค่ะ เดินได้ แต่ก็ต้องใช้ไม้เท้าช่วย เพราะมันเหมือนเดินปกติไม่ได้ คือเวลาเดินใกล้จะสุดฝีเก้า เจนจะเจ็บมาก จนต้องสะบัดเท้าออก เจนก็เลยทานยาไปเรื่อยๆจนวันที่ 23 พค ก็ไปฟังผล CT Scan ที่จุฬา คุณหมอดุษฎีบอกว่า ผลโอเคค่ะ แนวต่อมน้ำเหลืองที่เห็นรอบที่แล้วยุบไปหมดละ อีก 3 เดือนมาตรวจเลือดแบบครบเซ็ต ส่วน CT SCAN 6 เดือนทำครั้งนึงค่ะ..วันนั้นเจนก็ถือไม้เท้าไปด้วย คุณหมอดุษฎีก็ถามว่า เป็นอะไร ...ให้รีบรักษานะ เจนก็เลยให้คุณหมอช่วยทำเรื่องส่งตัวไปหมอกระดูก แล้วก็ให้คุณหมอช่วยจ่ายยาเซเรเบคมาอีกวีคนึง เพราะกว่าจะได้วันนัดหมอกระดูก คงต้องใช้เวลา ระหว่างที่รอวันพบหมอกระดูก เรียกว่าอาการเหมือนจะหาย จนคิดว่า อาจจะไม่ต้องไปหาหมอกระดูกแระ แต่สุดท้ายก็เหมือนว่า อาการทรงๆทรุดๆค่ะ ถึงวันนัดเจนก็ไปพบคุณหมอกระดูก คุณหมอก็ให้นอน จับโยกเท้าสลับไปมา เจนก็ไม่เจ็บอะไร อาจเพราะทานยาเซเรเบคอยู่ด้วย แล้วคุณหมอก็บอกว่า ดูจากผล CT Scan กระดูกสะโพกก็ดี ไม่น่าเป็นอะไร แล้วก็จ่ายยาเซเรเบคมาให้ทานต่อ โดยไม่ได้นัดตามผลอะไร กลับมาก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่หาย ..พอดีมีพี่ๆเพื่อนๆที่บริษัท แนะนำคุณหมอกระดูก ชื่อคุณหมอปิยะมาค่ะ บอกว่า คุณหมอท่านนี้เก่งมาก รักษาอยู่ที่ รพ เลิดสิน ด้วยความที่เจนไม่อยากไปรอเข้าคิวนานๆ เจนเลยไปเสิร์ชข้อมูล เจอว่าคุณหมอรักษาที่ รพ พญาไท 2 ด้วย เจนเลยไปพบคุณหมอที่ รพ พญาไท 2 ค่ะ คุณหมอฟังอาการแล้วก็บอกว่า อาการไม่โดนว่าเป็นมะเร็งกระดูกเลย จริงๆอยากเห็นผล CT Scan ด้วยตัวเอง แต่ก็วางใจระดับนึงว่ามีคุณหมอกระดูกดูผลมาให้แล้ว คุณหมอก็เลยบอกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ให้กลับมาทานยาเซเรเบคให้ครบเดือนเลยละกัน แต่ให้ทานมิราสิดด้วย เพราะยาเซเรเบคกัดกระเพาะ ถ้ายังไม่หาย ให้กลับไปหาคุณหมอที่ รพ เลิดสิน คุณหมอจะให้ MRI เจนก็กลับมาทานยาต่อ เบ็ดสร็จน่าจะทานไป 24 วันได้มังคะ พอดียาหมด เจนก็ไปซื้อยาทานเอง แต่ทานๆหยุดๆ ดูเหมือนอาการจะดีได้ด้วยยา พอหยุดทานยาก็เป็นเหมือนเดิม เอางัยล่ะทีนี้ พอดีน้องชายแนะนำคลีนิคกายภาพมา บอกว่าที่นี่เก่ง วันที่ 11 มิย เจนก็ไปที่คลีนิค นักกายภาพบอกว่า เส้นยึดมาก ต้องกระตุ้นไฟฟ้าก่อน ค่อยยืดเส้นได้ แล้วก็บอกว่า จริงๆคนเป็นมะเร็ง ห้ามอัลตราซาวด์เลยค่ะ ไม่ว่าจะจุดไหนก็ตาม เพราะฉะนั้น กว่าจะหายก็คงจะช้าหน่อย อาจจะเป็นเดือน..กลับมา ก็เหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ ระหว่างนี้ เจนก็ยังคงทานเซเรเบคนะคะ แต่ทานเว้นๆทานเฉพาะวันที่ปวด วันที่ 15 และ 22 มิย เจนก็ไปกายภาพ คือไปกระตุ้นไฟฟ้า แล้วก็ยืดเส้น อาการก็เหมือนจะดี แต่ก็ไม่หายค่ะ ยังคงต้องใช้ไม้เท้าช่วย ต้องเดินยกสะโพก เพราะเจ็บจนเดินปกติไม่ได้ ...ที่ผ่านมา จะมีคนที่บริษัทมาแนะนำให้ไปหาอาจารย์ท่านนึงที่ชลบุรี เรียกว่าเป็นหมอเทวดาอ่ะค่ะ คือ จับนิดเดียวหายเลย เจนลังเลอยู่นาน เพราะกลัวว่า การรักษาจะเป็นแบบนวดกดจุดแล้วอาจจะมีผลต่อโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ แต่จากที่ฟังๆมาจากหลายๆคนที่เคยไป ก็บอกว่าจับนิดเดียว ไม่เจ็บด้วย กอปรกับมีน้องคนนึงอาสาพาไป คือรู้จักกับอาจารย์เป็นการส่วนตัว ไม่ต้องไปจับบัตรคิวเหมือนคนอื่น เจนก็เลยไปค่ะ ไปถึงอาจารย์ก็ให้นอน แล้วอาจารย์ก็บอกว่า เจอละ กระดูกสะโพกหลุด เด๋วจะถอดกระดูก แล้วใส่เข้าไปใหม่ ตอนถอดกระดูกเนี่ย อาจารย์จะเอามือหักปลายเท้าไว้ ก็รู้สึกเจ็บๆปวดๆปลายเท้านิดหน่อย แต่ตรงขาหนีบ สะโพกที่เป็น ไม่เจ็บเลยค่ะ แต่เสียงกระดูกงี้ดังลั่นเลยนะคะ ถอดกระดูกเสร็จ อาจารย์ก็บอกว่า รอนาทีนึง เดี๋ยวใส่กลับไปใหม่ ขั้นตอนการใส่คือไม่เจ็บเลยค่ะ เหมือนเอามือมาแตะๆจับๆนิดเดียวเอง แล้วอาจารย์ก็ให้เจนลองลุกนั่งขัดสมาธิ แล้วก็ลุกขึ้นยืนค่ะ ทีแรกก็กล้าๆกลัวๆ เพราะเจนทำไม่ได้มาตั้งแต่ขาเจ็บละค่ะ ปรากฎว่าเจนลุกขึ้นยืนได้ พอลองเดิน ก็เดินได้แบบไม่ได้เดินขัด จนต้องสะบัดเท้าแล้วค่ะ ในใจตอนนั้น คือดีใจมาก ยิ้มแก้มปริเลย ...การมาให้อาจารย์รักษา ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดเลยนะคะ รู้สึกขอบคุณอาจารย์มากๆ หลังจากกลับไป ก็เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า แต่ยังคงเจ็บแปร๊บๆ หลังจากรักษากับอาจารย์ เจนก็ยังไปกายภาพที่คลีนิคอีกครั้งนะคะ นักกายภาพก็กระตุ้นไฟฟ้า แล้วก็จับยืดเหมือนเดิม แต่นักกายภาพบอกว่า เส้นที่อักเสบหายแล้ว กลับมา ก็เหมือนเดิมค่ะ คือ อาการเจ็บเปลี่ยนไปเรื่อยๆเลย บางทีก็เหมือนมีอะไรมาคลายเกลียวอยู่ในเนื้อเรา บางทีก็ปวดตุ้บๆ...ผ่านไป 2 เดือน ไม่ได้การแระ อยู่กับความไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ มันทุกข์บอกไม่ถูก ขาก็เป๋ๆ กลางคืนก็นอนตะแคงแบบที่ถนัดไม่ได้ ต้องนอนหงาย เพราะพอตะแคงก็จะเจ็บขาข้างที่ห้อยลง เจนเลยคิดว่า ต้องไป MRI ให้รู้ซักที ที่ผ่านมา คือ มันเหมือนจะหายๆ ก็เลยปล่อยเวลามาเนิ่นนานขนาดนี้ เจนเลือกที่จะไป MRI ที่ รพ เอส สไปน์ คิดว่าจะได้เร็ว แบบว่า หาหมอปุ๊บ MRI ได้เลย ไปถึงคุณหมอก็ให้เอ็กซเรย์ก่อนเลยค่ะ คุณหมอชี้ให้ดูผลเอ็กซเรย์ว่า มีรอยเหมือนอะไรกินกระดูกหัวหน่าว ให้เจนรีบกลับไปหาคุณหมอที่ รพ จุฬา เพราะไม่รู้ว่า กระดูกเจนเป็นแบบนี้แต่แรกรึป่าว ให้กลับไปเปรียบเทียบกับฟิล์มเก่า ในใจตอนนั้นคิดว่า หรือว่า จะเป็นรอยแนวการผ่าตัดเดิม เพราะเจนตัดช่องคลอดฝาบนออกด้วย ..รีบสิคะทีนี้ อยากจะหายตัวไปจุฬาซะเดี๋ยวนี้เลย แต่พอดีวันนั้นเป็นช่วงหยุดเทศกาล เจนเลยต้องรอ จนวันพฤหัสที่ 18 กค เจนก็ไปหาคุณหมอดุษฎี วินาทีตอนรอหน้าห้องเนี่ย มันทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น แต่ในใจก็คิดว่า มันน่าจะเป็นรอยผ่าตัดเดิมนะ ครั้งแรกที่คุณหมอดูฟิล์ม คุณหมอว่า เหมือนกระดูกบาง แต่พอไปดูผล CT เดิมๆ คุณหมอบอกว่า ก่อนหน้านี้ มันไม่มีรอยนี้ เดี๋ยวจะส่งเจนไป Bone Scan ทั้งตัว คุณหมอว่า หมอก็ยังไม่คิดว่า จะเป็นมะเร็งนะ เพราะตอนที่ผ่าตัดออกมา เนื้อร้ายก็น้อยมาก เป็นแค่ระยะแรกๆ แล้วถ้าจะลุกลาม ก็ควรจะไปที่ต่อมน้ำเหลืองก่อน ไม่น่าจะลัดไปกระดูก เจนถามคุณหมอว่า กว่าจะได้นัดเจาะกระดูกนานแค่ไหน คุณหมอว่า ประมาณเดือนนึง เอ่อม นึกในใจ ถ้าเป็นจริง จะรักษาทันมั้ยเนี่ย ตอนไปถึงหน้าเคาวเตอร์นัดเจาะกระดูก เจนตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์เลยค่ะ คือ จริงๆหน้ามันเศร้ามาจากข้างในอยู่แล้วด้วยค่ะ คุณพยาบาลบอกได้คิววีคหน้าเรย เลยบอกคุณพยาบาลว่า รบกวนหน่อยนะคะ พอดีรีบใช้ผลค่ะ คุณพยาบาลเลยดูคิวให้ใหม่ แล้วบอกว่า ได้คิววันศุกร์ ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ ประมาณว่า คนสุดท้ายของคิววันพรุ่งนี้เลยค่ะ
19 กค 62 เจนก็ไป Bone Scan ขั้นตอน Bone Scan เริ่มจากคุณพยาบาลฉีดสารให้ก่อน แล้วบ่ายสามโมงครึ่งค่อยกลับมาแสกน ตอนฉีดสาร ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่า เจนนี่กลัวมาก ในใจนี่อุทิศส่วนกุศลสารพัด คุณพยาบาลบอกว่า เส้นเลือดเล็กนะคะ แล้วคุณพยาบาลก็บีบยามาทาให้ที่หลังมือ บอกว่า เป็นยาชา เจาะเสร็จ คุณพยาบาลก็หน้าเศร้า คอตก บอกไม่สำเร็จ แล้วก็บอกว่า พี่คงเจ็บแน่เลย หน้านิ่งเชียว..เจ็บนิดเดียวเองค่ะ..แล้วคุณพยาบาลก็เปลี่ยนมาเจาะที่แขน ตรงข้อพับ ทายาชาก่อนด้วย...เจาะเสร็จแล้วเหรอเนี่ย คือมันไม่เจ็บเลย จนต้องถามคุณพยาบาลว่า เสร็จแล้วเหรอคะ คุณพยาบาลบอกว่า ที่ไม่เจ็บเพราะทายาชา ยาชาหลอดละ 500 คุณพยาบาลออกเงินส่วนตัวซื้อมาใช้กับคนไข้เอง คืนกำไรสู่สังคม..ฟังแล้ว ใจมันซาบซึ้ง ชุ่มชื่นบอกไม่ถูก เลยบอกคุณพยาบาลว่า ขอสมทบทุนด้วยคน คุณพยาบาลเลยพาไปหยอดตู้บริจาคค่ะ เป็นตู้ที่คุณหมอ และคุณพยาบาล เอาไปซื้อติ๊กเกอร์การ์ตูนรูปสัตว์ รูปต้นไม้มาตกแต่งห้องคนไข้เด็ก มีพวกเครื่องเขียนด้วยนะคะ คือ เป็นห้องศิลปะของเด็กป่วยอ่ะค่ะ หยอดเสร็จ คุณพยาบาลพาไปชมห้องด้วยค่ะ น่ารักมากๆ คิดว่า ถ้าเราทำงานด้วยหัวใจแบบนี้ จิตใจเราก็คงจะแช่มชื่นทั้งวัน และถ้าทุกคนทำงานแบบนี้ โลกคงสวยงามมากๆ..สาธุ อนุโมทนาบุญกับคุณพยาบาลที่สุดแสนจะน่ารักท่านนี้นะคะ ระหว่างรอเวลา เจนก็เดินไปทำบุญโรงศพที่วัดหัวลำโพง แล้วก็แวะซื้อของที่ร้านขายยา กลับมาถึงก็นั่งรอพักใหญ่ คือเลยบ่ายสามไปแล้ว เข้าไปห้อง Bone Scan ก็คล้ายๆกับ CT Scan ค่ะ คือเข้าไปนอน พอคุณหมอได้ภาพกระดูกตามที่ต้องการ ก็กลับบ้านได้ ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงค่ะ...ค่า Bone Scan 2,900 บาท
25 กค 62 เจนก็ไปฟังผล ตื่นเต้นมากค่ะ เรียกว่า กลัวเลยดีกว่า กลัวฟังผลแล้วเป็นลมไป อายหมอค่ะ 555 คุณน้องชายเลยมาเป็นเพื่อน แต่ในใจก็คิดว่า จะรู้ผลมั๊ยเนี่ย แล้วก็จริงๆค่ะ คุณหมอบอกว่า มันมีอะไรตรงกระดูกหัวหน่าวจริงๆ คือมีการดูดซับสารตรงนั้น แต่ยังไม่รู้ว่า คืออะไร อาจจะกระดูกพรุน ต้องส่งไปให้คุณหมอกระดูกดูต่อ เดี๋ยวคุณหมอกระดูกจะส่งเจาะกระดูก แล้วก็ MRI ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งนี่เรื่องใหญ่เลยนะ แต่เราเป็นที่เดียว ฉายแสงได้ เลยถามคุณหมอว่า คุณหมอไม่ส่ง MRI เลยล่ะคะ คุณหมอว่า ต้องให้คุณหมอกระดูกเป็นคนพิจารณา เพราะคุณหมอกระดูกอาจจะส่ง MRI ที่บริเวณที่เป็น หรือที่หลังก็ได้..ออกจากห้องคุณหมอก็ไปทำนัดคุณหมอกระดูก ในเวลาได้คิวเดือนกันยาโน่นเลยค่ะ เจนเลยนัดคลีนิคนอกเวลา ได้คิวพุธหน้า
31 กค 62 เจนก็มาพบคุณหมอกระดูก คุณหมอก็ส่งไปเจาะกระดูกค่ะ เจนก็เลยให้คุณหมอส่ง MRI ด้วยเลย จะได้ไม่เสียเวลา คุณหมอก็ส่ง MRI บริเวณที่เป็นนั่นแหละค่ะ คือเจนก็ถามคุณหมอว่า MRI จะเห็นเลยมั๊ยว่าเป็นมะเร็ง คือถามหลายอย่าง แต่บอกตรงๆ เจนรู้สึกว่า คำตอบไม่ค่อยชัดเจน หรือเจนเครียดจนฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้ค่ะ แต่เอาเป็นว่า ทำให้หมดเลย จะได้รู้คำตอบซักที การอยู่กับความไม่รู้ มันสร้างความเครียดอย่างมหาศาลเลย วินาทีที่รอคิวอยู่หน้าห้องหมอ อารมณ์เหมือนรอขึ้นเขียงยังไงยังงั้น..ออกจากห้องหมอ ก็ต้องไปลุ้นวันว่าจะได้คิวเจาะกระดูก ได้ MRI เมื่อไหร่ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ออกจากห้องหมอก็เลยสองทุ่มไปละ แผนกอื่นเค้าปิดกันหมดแล้ว พรุ่งนี้เลยต้องมา รพ อีก เพื่อมาทำนัด