ฤกษ์สังหาร ep7 (มากกว่าละคร สอนให้คิด สะกิดตัวตน)

เรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงอำนาจ โดยใช้ศาสตร์แห่งโหร การทำนาย คาดการณ์อนาคต หรือที่เรียกว่า ดวง ซึ่งในสังคมปัจจุบันก็ยังคงมีหลาย ๆคน ที่เชื่อเรื่องเหล่านี้ เหมือนกับคำพูดที่ว่า ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ มีสองด้านเสมอ โหราศาสตร์ก็เช่นกันย่อมมีทั้งดำและขาว มีทั้งการนำไปใช้ในทางที่ดีและร้าย  
**ก่อนอื่น จขกท. ต้องขอขอบคุณผู้ที่นำนิยายเรื่องนี้มาทำเป็นละคร ตีแผ่ให้พวกเราได้ดู (อันนี้ไม่ได้อวยนะ เพราะ จขกท.ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับละครหรือช่อง)...แต่ที่บอกว่าขอบคุณ เป็นเพราะว่า ละครฟอร์มนี้ ไม่ใช่แนวกระแส ไม่ใช่แนวที่คนดูนิยมชมชอบมากนัก อาจจะเพราะว่า เครียด หนัก รึว่าอะไรก็ไม่รู้ได้....ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะว่า จขกท.เห็นจากคนข้าง ๆ ตอนที่ชวนดูเรื่องนี้แรก ๆ คำตอบคือ ไม่อ่ะ ไม่เห็นจะน่าดูเลย ไม่ใช่แนว ไม่โดน แต่สุดท้ายตอนนี้ ติดงอมแงม ไม่พลาดสักตอน (แค่ลองเปิดใจคุณก็จะได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ) 
** กล่าวถึงละคร ของเรากันต่อดีกว่า ep7 เราได้รู้ถึงเรื่องราวในอดีตแล้วว่า ใครคือคนขโมยตำรา ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วเราจะรู้กันมาบ้างแล้วก็ตามว่า ใช่ ต้องใช่แน่ๆ แต่....เราก็ไม่ได้รู้ลึก รู้ดี เท่ากับได้ดูเหตุการณ์เมื่อคืนหรอก และมีประโยคหนึ่งของอุทธิ ที่กล่าวว่า มหามันโง่ มันไม่รู้หรอก ขนาดเรื่องพ่อมันตาย ผ่านมาก 7 ปีแล้ว มันยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น....(ประโยคนี้ จขกท.อยากจะเถียงแทนพ่อมหาหน้านวลของ จขกท.เหลือเกินว่า มหาของฉันไม่ได้โง่ย่ะ เขาก็แค่ไม่คิดว่า พี่เขยจะเลวได้ขนาดนั้น และที่สำคัญ ไม่คิดว่าจะมีคนยิ้มแบบแกไงอุทธิ) 
** ฉากที่ตำรวจปิดล้อมสถานที่ตอนมีการทำพิธี  อันนี้ รู้สึกเกลียดคนมีอำนาจในการสั่ง ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด และสงสารผู้น้อยที่ต้องทำตามโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร ทำไปทำไม หลาย ๆ คนเมื่อคืนในโซเชียล ก็มีด่านะ เลว งั้น เลวงี้ แต่ใครเลยจะรู้ว่า คนที่อยู่ในจุดข้าราชการชั้นผู้น้อยจริง ๆ ถ้าเขารู้เหตุผลเขาก็อาจจะไม่ทำหรอก ถ้าสามารถขัดได้ แต่หลาย ๆ ครั้งเขาก็ไม่รู้หรอก ว่าสิ่งที่ทำตามคำสั่ง มันผิดหรือถูก เพราะไม่มีคนทำผิดที่ไหนที่ไปบอกหรอกว่ากำลังจะทำผิด ทำเลว
** ฉากผู้กำกับสมบัติ รึปล่าวไม่แน่ใจในชื่อตัวละคร ที่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้การ เพื่อแลกกับตำแหน่งใหญ่โตในภายภาคหน้า  อันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า จริง ๆ ก่อนหน้านี้ เขาก็เป็นคนดีนะ แต่ก็ใช่ว่าคนเลวจะผิดพลาดไม่ได้ เมื่อมีผลประโยชน์มาเสนอคนดีก็อาจจะกลายเป็นคนเลวได้ ในทางกลับกัน คนเลวก็อาจจะกลายเป็นคนดีได้เช่นกันในวันหน้า นั่นเพราะ ในตัวตนเรานั้น มีทั้งคิดดี และเลว มีทั้งดำและขาว อยู่ที่ว่า ด้านไหนจะมาครอบงำ และเรามีสติรู้เท่าทันมันหรือเปล่าก็แค่นั้น ไม่มีใครหรอกที่จะดีโดยปราศจากที่ติ และไม่มีใครหรอกที่จะเป็นคนเลวโดยสมบูรณ์เช่นกัน
** ฉากท่านเบญจวรรณ ที่กำลังสังเกตุ ระวี ติดตาม หาหลักฐานเพื่อมาเปิดเผยให้เห็นธาตุแท้  ฉากนี้ดีนะ มันทำให้รู้ว่า สิ่งที่มีค่ากว่าการรู้ดี รู้ชั่ว นั้นคือ การกล้าที่จะหาหลักฐานมาเปิดเผย ไม่ใช่ว่า เห็นคนทำผิด เห็นคนทำเลว ก็ปล่อยผ่าน ช่างมัน ไม่เกี่ยวกับเรา นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เห็นว่า  ถึงแม้ท่านมหาจะดูดวงแม่นยำขนาดไหน แต่บางครั้ง มันก็ไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด มันก็ต้องมีส่วนอื่นมาประกอบด้วย
*** สรุปตามความเห็นของ จขกท. ก็คือ การรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า มันก็ดีนะ รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มากมาย สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็คือ เตรียมพร้อมที่จะรับมือ และ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พยายามเท่าที่เราจะพยายามได้ แม้ไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้ แต่ก็ดีกว่าการที่เราจะยืนดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย
**** การทำความดี มันอาจจะทำยาก เหมือนที่ท่านมหากำลังทำ ทำไปทำมา อ้าวโดนตำรวจสงสัยสะงั้น ทำไปทำมาสังคมรุมด่าสะงั้น แต่มันก็ต้องทำ และสิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่งคือ การที่คนเลวคิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนดี สิ่งที่ตนเองทำนั้นเพื่อคนอื่น ทั้งๆ ที่จริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงเพื่อข้ออ้างในการทำความเลวแค่นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่