คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.5/10
🎬
เรื่องย่อ
"Gisaengchung" หรือ
"Parasite" เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่กำกับโดย
Bong Joon-ho และได้รับรางวัล
Palme d’Or จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2019 และ
รางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 2020
หนังเล่าเรื่องราวของครอบครัว
คิม ซึ่งมีฐานะยากจนและอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินแคบ ๆ โดย
คิมกีอู (Choi Woo-shik) ลูกชายของบ้าน ได้รับโอกาสเข้าไปเป็นครูสอนพิเศษให้กับลูกสาวของครอบครัว
พัค ที่ร่ำรวย เขาใช้ไหวพริบจัดฉากให้สมาชิกในครอบครัวตนเองได้เข้าไปทำงานในบ้านหลังนี้ โดยแฝงตัวเข้าไปเป็นคนขับรถ, แม่บ้าน และครูศิลปะของลูกชายคนเล็ก
แต่เรื่องราวกลับพลิกผันไปอย่างคาดไม่ถึง เมื่อพวกเขาพบกับ "ความลับ" ที่ถูกซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้
จนทำให้เหตุการณ์บานปลายและกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด
🎞
รีวิวหลังรับชม
✅
จุดเด่นของภาพยนตร์
บทภาพยนตร์ที่ชาญฉลาดและการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม
Bong Joon-ho สามารถเล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นได้อย่างแนบเนียนผ่านพล็อตที่ซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย ตั้งแต่ความตลกขบขันไปจนถึงความตึงเครียดและโศกนาฏกรรม
การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน
นักแสดงนำทุกคนในเรื่องทำหน้าที่ของตนได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะ
Song Kang-ho ในบทพ่อของครอบครัวคิม ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งและสะเทือนใจ
การออกแบบฉากและสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์
บ้านของครอบครัวพัคถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือน "โลกของชนชั้นสูง" ที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ขณะที่บ้านของครอบครัวคิมในห้องใต้ดินเปรียบเสมือน "โลกของชนชั้นล่าง" ที่ต้องดิ้นรนอยู่ในความมืดมิด
ดนตรีและการถ่ายภาพที่สวยงาม
งานภาพของ
Parasite เต็มไปด้วยมุมกล้องที่สะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี พร้อมกับดนตรีประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศของหนังให้มีพลังมากขึ้น
ตอนจบที่ชวนขนลุกและตราตรึงใจ
ตอนจบของหนังเป็นหนึ่งในฉากจบที่มีพลังมากที่สุดในวงการภาพยนตร์
ทั้งสะเทือนอารมณ์และสะท้อนความเป็นจริงของโลกได้อย่างเจ็บแสบ
❌
จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
โทนหนังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
หนังเริ่มต้นด้วยอารมณ์ที่เป็นคอมเมดี้แบบเสียดสี ก่อนจะกลายเป็นดราม่าและจบลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกแปลกใจและตามอารมณ์ของหนังไม่ทัน
บางฉากอาจดูหนักเกินไป
มีบางฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและความตึงเครียด ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกไม่สบายใจ
🏆
สรุป
"Parasite" ไม่ใช่แค่หนังเกาหลีที่ได้รับรางวัลออสการ์ แต่มันคือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วย
การเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด, การสะท้อนปัญหาสังคม และฉากจบที่ตราตรึงใจ นี่คือหนังที่ควรค่าแก่การรับชมอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนหนังสายดราม่า ระทึกขวัญ หรือหนังเสียดสีสังคม
คะแนน: 9/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐
รีวิวภาพยนตร์ "Gisaengchung" (Parasite) – ความเหลื่อมล้ำที่สะท้อนผ่านศิลปะภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซ
คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.5/10
🎬 เรื่องย่อ
"Gisaengchung" หรือ "Parasite" เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่กำกับโดย Bong Joon-ho และได้รับรางวัล Palme d’Or จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2019 และ รางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 2020
หนังเล่าเรื่องราวของครอบครัว คิม ซึ่งมีฐานะยากจนและอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินแคบ ๆ โดย คิมกีอู (Choi Woo-shik) ลูกชายของบ้าน ได้รับโอกาสเข้าไปเป็นครูสอนพิเศษให้กับลูกสาวของครอบครัว พัค ที่ร่ำรวย เขาใช้ไหวพริบจัดฉากให้สมาชิกในครอบครัวตนเองได้เข้าไปทำงานในบ้านหลังนี้ โดยแฝงตัวเข้าไปเป็นคนขับรถ, แม่บ้าน และครูศิลปะของลูกชายคนเล็ก
แต่เรื่องราวกลับพลิกผันไปอย่างคาดไม่ถึง เมื่อพวกเขาพบกับ "ความลับ" ที่ถูกซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้ จนทำให้เหตุการณ์บานปลายและกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด
🎞 รีวิวหลังรับชม
✅ จุดเด่นของภาพยนตร์
บทภาพยนตร์ที่ชาญฉลาดและการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม
Bong Joon-ho สามารถเล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นได้อย่างแนบเนียนผ่านพล็อตที่ซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย ตั้งแต่ความตลกขบขันไปจนถึงความตึงเครียดและโศกนาฏกรรม
การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน
นักแสดงนำทุกคนในเรื่องทำหน้าที่ของตนได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะ Song Kang-ho ในบทพ่อของครอบครัวคิม ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งและสะเทือนใจ
การออกแบบฉากและสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์
บ้านของครอบครัวพัคถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือน "โลกของชนชั้นสูง" ที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ขณะที่บ้านของครอบครัวคิมในห้องใต้ดินเปรียบเสมือน "โลกของชนชั้นล่าง" ที่ต้องดิ้นรนอยู่ในความมืดมิด
ดนตรีและการถ่ายภาพที่สวยงาม
งานภาพของ Parasite เต็มไปด้วยมุมกล้องที่สะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี พร้อมกับดนตรีประกอบที่ช่วยเสริมบรรยากาศของหนังให้มีพลังมากขึ้น
ตอนจบที่ชวนขนลุกและตราตรึงใจ
ตอนจบของหนังเป็นหนึ่งในฉากจบที่มีพลังมากที่สุดในวงการภาพยนตร์ ทั้งสะเทือนอารมณ์และสะท้อนความเป็นจริงของโลกได้อย่างเจ็บแสบ
❌ จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
โทนหนังที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
หนังเริ่มต้นด้วยอารมณ์ที่เป็นคอมเมดี้แบบเสียดสี ก่อนจะกลายเป็นดราม่าและจบลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกแปลกใจและตามอารมณ์ของหนังไม่ทัน
บางฉากอาจดูหนักเกินไป
มีบางฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและความตึงเครียด ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกไม่สบายใจ
🏆 สรุป
"Parasite" ไม่ใช่แค่หนังเกาหลีที่ได้รับรางวัลออสการ์ แต่มันคือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วย การเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด, การสะท้อนปัญหาสังคม และฉากจบที่ตราตรึงใจ นี่คือหนังที่ควรค่าแก่การรับชมอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนหนังสายดราม่า ระทึกขวัญ หรือหนังเสียดสีสังคม
คะแนน: 9/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐