[ประวัติศาสตร์มุมสาววาย] โอดะ โนบุนากะ vs โมริ รันมารุ

ด้วยความที่ได้ไปดูคลิปยูทูปของช่อง FNdiary เกี่ยวกับประเพณีชายได้ชายในญี่ปุ่นยุคเอโดะ (ลิงค์แปะให้ด้านล่างกระทู้นะคะ) ซึ่งกล่าวถึงโอดะ โนบุนากะ และโมริ รันมารุ ผู้ติดตามตัวน้อยของเขา เราเกิดสนใจมากมายจึงไปขุดหาข้อมูลอ่านต่อในอินเตอร์เนท พบบทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเลยแปลมาฝากกันค่ะ 
.
แหล่งข้อมูล >> https://spaarklingwine.livejournal.com/10794.html
ภาพ >> จาก google ค่ะ

โอดะ โนบุนากะ และ โมริ รันมารุ
(ภาพซ้ายเป็นภาพตามจริงจากประวัติศาสตร์ ส่วนทางขวาคาดว่าเป็นภาพนักแสดงปัจจุบันที่รับบทรันมารุค่ะ)
.
.
ข้อมูลพื้นฐาน
.
- โอดะ โนบุนากะ เป็นซามูไรที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์เนื่องจากเขาเป็นคนแรกที่พิชิตทั่วทั้งแผ่นดินญี่ปุ่นได้ (1534 – 1592)
- โมริ รันมารุ เป็นข้ารับใช้หรือผู้ติดตามส่วนตัวของโนบุนากะ และเป็นซามูไรที่มีทักษะการต่อสู้ที่ดุเดือด
- พวกเขาตายในวันเดียวกัน คือ 21 กรกฎาคม 1582
- เชื่อกันว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ทางเพศร่วมกัน เรียกว่า นันโชกุ (Nanshoku - เพศสัมพันธ์ของชายกับชาย) และ ชูโด (Shudou –ผู้ชายอาวุโสมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหนุ่ม) ซึ่งเป็นวิถีปกติในสมัยนั้น ตำราจำนวนหนึ่งกล่าวว่า การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่อาวุโสกว่าถูกบันทึกไว้เป็นวัฒนธรรมของชนชั้นสูง ในฐานะแนวทางฟูมฟักให้เด็กหนุ่มเติบใหญ่เป็นซามูไรที่ดีหรือชายที่มีเกียรติในอนาคต ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มจะได้รับการฝึกฝนความสามารถเพื่อกลายเป็นนักรบ  ได้รับการศึกษาเกี่ยวกับคุณค่าในความงาม เกียรติยศ และ ศีลธรรมต่าง ๆ โดยซามูไรอาวุโสจะถูกมองเป็นแบบอย่างของอำนาจและความแข็งแกร่ง ธรรมเนียมนี้มีปฏิบัติอยู่ในสังคมของพระสงฆ์องค์เจ้าด้วยเช่นกัน บนพื้นฐานความเชื่อว่าเพศหญิงเป็นอุปสรรคบั่นทอนสมาธิและความมุ่งมั่นทำให้ผู้ชายไม่สามารถฝึกตนเป็นนักรบหรือพระสงฆ์ที่ดีได้ (ผู้แปล : อยากไปมีครอบครัวแทนรบราหรือบวชเรียนมั้ง ?)
- เมื่อรันมารุอายุได้ 6 ขวบ เขาได้พบโนบุนากะครั้งแรกซึ่งมีอายุห่างกว่าเขามาก ตำราบางแหล่งกล่าวว่า สิ่งที่โนบุนากะกล่าวเกี่ยวกับเขาตอนนั้นคือ “ฉันต้องการเขา”
- รันมารุได้กลายมาเป็นข้ารับใช้ของโนบุนากะ เพราะโนบุนากะหลงใหลในความงดงามและเสน่ห์ของเขา
- ไม่ค่อยมีใครตั้งชื่อลูกชายตัวเองว่ารันมารุ เนื่องจากมีความหมายโยงไปถึงผู้ชายที่งดงาม พวกเขากลัวกันว่าจะทำให้ลูก ๆ โตขึ้นมาเป็นคนยโสโอหัง
- รันมารุเคยกล่าวว่า เขาเป็นคนเดียวที่รู้วิธีกล่อมให้โนบุนากะที่กำลังโมโหจนขาดสติใจเย็นลงและสงบลงได้
.
.
----------------------------------------------
ผู้หญิงในชีวิตของโนบุนากะ
- โนบุนากะมีอนุ(ภรรยาน้อย)อยู่ 2 คน (โดยมีภรรยาหลวงจากการแต่งงานที่ปราศจากความรักหนึ่งคน ชื่อ องค์หญิงโน่ (Princess Noh)) ซึ่งพวกเธอให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวแก่เขามากกว่า 20 คน และหญิงสาวชื่อคิทสึโนะผู้ที่ให้กำเนิดลูกคนแรกของโนบุนากะ เป็นอนุที่โนบุนากะให้ความสำคัญมากที่สุด
.
ทั้งสองภาพนี้ คือ องค์หญิงโน่ ภรรยาหลวงของโนบุนากะ
(ภาพทางขวามาจากเกมส์ Samurai Warrior 2 ค่ะ แซ่บเลย)

.
.
- เชื่อกันว่าโนบุนากะมีความรักให้แก่ภรรยาหลวงเล็กน้อยมาก เนื่องจากเป็นการแต่งงานทางการเมืองที่ผู้เป็นพ่อของทั้งสองฝ่ายจัดการให้ และเชื่อกันว่าองค์หญิงโน่เป็นหมัน
- กล่าวกันว่าโนบุนากะนั้นเป็นคนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เรื่องผู้หญิง หลงใหลอย่างรวดเร็วและสักพักก็ไม่แยแสได้ทันที ช่วงเวลาที่โนบุนากะรักลึกซึ้ง (deeply in love) กับอนุของตัวเองจะเกิดขึ้นแบบสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย มอบของกำนัลและยกย่องให้เกียรติหล่อนในฐานะ “หญิงเดียวที่เขารัก” ตามแต่อารมณ์ของตนเองในช่วงนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนเขาได้พบกับรันมารุ เพราะมีแหล่งข้อมูลกล่าวว่าแต่เดิมโนบุนากะจะสลับความสนใจไปมาระหว่างอนุสองคน และหนึ่งในนั้นเสียชีวิตเมื่อปี 1564 ซึ่งเป็น 1 ปีก่อนที่รันมารุเกิด
- อย่างไรก็ตาม ภรรยาหลวงของโนบุนากะนั้นงดงามและฉลาดเฉลียว โนบุนากะให้เวลากับเธอน้อยมากและแทบไม่ปรากฏความรักระหว่างคนคู่นี้
- สรุปว่าในชีวิตโนบุนากะ มีผู้หญิงเกี่ยวข้องที่สำคัญ 3 คน ได้แก่
               (1) องค์หญิงโน่ – ตำราบางแหล่งกล่าวว่าโนบุนากะกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นและไม่ลงรอยกัน เชื่อว่าเธอเคยพยายามลอบสังหารโนบุนากะ และโนบุนากะสงสัยว่าเธอเป็นสายของศัตรู บางแหล่งเล่าว่าโนบุนากะจงใจมอบข้อมูลที่บิดเบือนให้กับเธอ ซึ่งเธอนำไปบอกพ่อของตัวเอง ส่งผลให้พ่อของเธอลงมือสังหารคนที่ตนเองเชื่อใจที่สุดไปถึง 2 คนและสิ้นอำนาจลงในที่สุด
               (2) คิทสึโนะ – ได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่โนบุนากะรักมากที่สุด จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปเมื่อปี 1564 (1 ปีก่อนรันมารุเกิด)
               (3) แม่นางซากะ (Lady Saka) – ไม่มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอนัก
.
.
----------------------------------------------
ซ้าย-โนบุนากะ ขวา-รันมารุ
.
.
ประวัติครอบครัวโมริ
- โมริ รันมารุ (1565-1582) รู้จักกันในฐานะเด็กหนุ่มที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ เลื่องลือว่างามราวกับสตรี ครั้งหนึ่งมีกงสุลต่างชาติตกตะลึงในความงามของรันมารุ เขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้พบหน้ารันมารุ พ่อของรันมารุเป็นนายทหารที่ได้รับความเคารพนับถือ มีพี่ชายสองคนและน้องชายสามคน (หรือมากกว่าสาม) (ผู้แปล : ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าต้นทางหมายถึงพี่น้องของพ่อ หรือพี่น้องของรันมารุค่ะ) รันมารุรับหน้าที่เป็นเด็กรับใช้ให้กับโนบุนากะ เจ้าเมืองโอวาริ ซึ่งสมัยนั้นสามารถเรียกกันได้อีกอย่างว่าหนุ่มคนโปรด (Male pet) หน้าที่ของเด็กรับใช้คือการช่วยดูแลความเป็นอยู่ในเรือน แต่ขณะเดียวกันก็มีฐานะเป็นศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นซามูไรด้วย หน้าที่หลักซึ่งเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้นคือเด็กรับใช้ต้องเป็นคู่นอนให้กับเจ้านายของตนเอง ในฐานะศิษย์ก็เช่นกัน และเป็นเรื่องปกติที่ทั้งคู่จะกลายเป็นคู่กันฉันท์คนรักต่อเนื่องกันนานหลายปี
- โมริ รันมารุ มีชื่อจริงว่า โมริ นารุโตะชิ เชื่อกันว่าโนบุนากะเป็นคนมอบชื่อปัจจุบันให้แก่รันมารุ ซึ่งพ่อและปู่ของโนบุนากะก็เคยตั้งชื่อนี้ให้กับศิษย์ของพวกเขาเช่นกัน เหล่าซามูไรนิยมใช้ชื่อเดียวกับที่บรรพบุรุษของตนเคยใช้ สื่อถึงการให้เกียรติและประสงค์เจริญรอยตามความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ ตั้งแต่วัยเด็ก รันมารุมีความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ (ซึ่งเป็นทักษะที่หาได้ยากในยุคสมัยนั้น) รันมารุวัยเด็กมักทำให้คนรอบข้างประหลาดใจเสมอ โดยเฉพาะการทำให้คนเจ้าอารมณ์อย่างโนบุนากะเย็นลงและสงบลงได้ บ่อยครั้งก่อนที่โนบุนากะจะเอ่ยปากบอกว่าตนต้องการอะไร รันมารุก็สามารถจัดหาสิ่งนั้นมาให้ได้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งทำให้โนบุนากะโปรดปรานเขามาก จนเมื่อรันมารุอายุ 14 ปี โนบุนากะก็ไว้ใจถึงขนาดมอบหมายให้รันมารุช่วยดูแลเรื่องกิจการบ้านเมือง
.
.
----------------------------------------------
 
ซ้าย-โนบุนากะ ขวา-รันมารุ
(ไม่ทราบว่าเป็น Fanart หรือภาพจากเกมส์ไหนนะคะ ค้นด้วยชื่อในgoogle เจอแล้วสวยดีเลยเอามาฝาก)
.
.
โอดะ โนบุนากะ กับ โมริ รันมารุ
- โนบุนากะขึ้นชื่อว่าหลงใหลรันมารุเป็นอย่างมาก จนบางเรื่องอาจฟังดูน่าขบขัน ในสมัยนั้นเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของซามูไร และทรงที่นิยมคือการมัดจุก (topknot) บนศีรษะ เมื่อเด็กผู้ชายอายุประมาณ 12-13 ปีจะต้องตัดผมของตนเองแล้วมัดขึ้นเป็นจุกแบบทรงซามูไร และจะไม่ได้รับอนุญาติให้ปล่อยผมยาวลงมาอีก อย่างไรก็ตาม โนบุนากะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความดูดีของรันมารุเป็นอย่างมาก เขาไม่ยอมให้รันมารุตัดผมจนถึงขั้นเขียนคำสั่งด้วยลายมือตนเองว่าห้ามรันมารุตัดผมเด็ดขาด ในทางสัญลักษณ์อาจหมายถึงโนบุนากะต้องการให้รันมารุอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป เพราะตราบใดที่รันมารุยังไม่ตัดผมเขาก็จะไม่ถูกนับเป็นผู้ใหญ่ และโนบุนากะจะได้อ้างสิทธิในการดูแลรันมารุต่อไป โนบุนากะมักจะให้รันมารุได้รับการปฏิบัติอย่างสถานะสูงสุดเสมอ เช่น ที่นั่งอภิสิทธิ์ในการประชุมของกองทัพ เมื่อรันมารุอายุ 17 ปีก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นไดเมียว (ยศเทียบเท่าขุนนาง) ของสองเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตาม รันมารุไม่เคยห่างจากข้างกายโนบุนากะเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจะเป็นข้ารับใช้อันดับหนึ่งและสำคัญที่สุดของโนบุนากะเสมอ
- มีอัตชีวประวัติที่โด่งดังเกี่ยวกับ อาเคจิ มิทสึฮิเดะ (Akechi Mitsuhide - เพื่อนและนายทหารที่โนบุนากะไว้ใจมาก) ว่าสาเหตุที่เขาทรยศและลงมือสังหารโนบุนากะเนื่องจากได้ยินบทสนทนาดังต่อไปนี้ “เมื่อกงศุลต่างชาติมอบอัญมณีขนาดใหญ่เป็นของกำนัลให้แก่โนบุนากะ โนบุนากะเก็บมันออกไปแล้วหันไปหารันมารุ ถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่รันมารุต้องการที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นอะไร ตราบใดที่รันมารุต้องการ เขาจะจัดหามามอบให้จงได้ รันมารุหัวเราะเสียงหวานโดยไม่ตอบสิ่งใด โนบุนากะจึงบอกเขาว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร เพียงเขียนลงไปบนฝ่ามือเจ้าว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าต้องการ และข้าจะเขียนสิ่งที่ข้าคาดเดาไว้ลงบนฝ่ามือข้า” เมื่อหงายมือออกก็พบว่าทั้งคู่เขียนถึงสิ่งเดียวกัน คือ 宇佐山城 (ชื่อเมือง) ซึ่งไม่แปลกที่รันมารุจะต้องการเมืองนี้ เนื่องจากหลายปีก่อนพ่อของเขาเคยสู้รบที่เมืองดังกล่าวและเสียชีวิตลงที่นั่น รันมารุจึงต้องการเมืองดังกล่าวเพื่อระลึกถึงพ่อของตนเอง โนบุนากะยินดีมากที่ตนเดาได้ถูกต้อง เขาบอกกับรันมารุว่าไม่ต้องเป็นกังวล ภายในสามปีเขาจะนำเมืองนี้มามอบให้ ซึ่งในขณะนั้นมิทสึฮิเดะเป็นไดเมียวที่ครองเมืองนั้นอยู่”
- นักประวัติศาสตร์คาดเดาว่า ที่มิทสึฮิเดะทรยศและลงมือสังหารโนบุนากะนั้น เป็นเพราะเขากลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นสาเหตุให้โนบุนากะมาโจมตีและจู่โจมเขาก่อน หรือไม่เช่นนั้น ก็เพราะเขาอิจฉาในความสัมพันธ์ระหว่างโนบุนากะและรันมารุ
.
.
ต่อคอมเมนท์ด้านล่างนะคะ

 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่