เพราะไม่มีอุปาทาน;
ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง .... ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มีอุปาทาน แก่พวกเธอ.
เธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น จงทไว้ำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าวบัดนี้ ....
ภิกษุ ท. ! ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มีอุปาทานนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ อริยสาวกผู้มีการสดับ ได้เห็นพระอริยเจ้าเป็นผู้ฉลาดในธรรมของพระ
อริยเจ้า
ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า, ได้เห็นสัตบุรุษ เป็นผู้ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ได้รับการแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ,
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่ง รูป โดยความเป็นตนบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งตนว่ามีรูปบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งรูปในตนบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งตนในรูปบ้าง ;
แม้ รูป นั้น แปรปรวนไป เป็นความมีโดยประการอื่น แก่อริยสาวกนั้น
วิญญาณของอริยสาวกนั้น ก็ไม่เป็นวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป
เพราะความแปรปรวนของรูปได้มีโดยประการอื่น ; (เมื่อเป็นเช่นนั้น)
ความเกิดขึ้นแห่งธรรมเป็นเครื่องทำความสะดุ้งหวาดเสียว
ซึ่งเกิดมาจากความเปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป ย่อมไม่ครอบงำจิตของอริยสาวกนั้นตั้งอยู่ได้,
เพราะความที่จิตไม่ถูกครอบงำด้วยธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียวอริยสาวกนั้น
ก็ไม่เป็นผู้หวาดระแวงไม่คับแค้นเร่าร้อน ไม่พะว้าพะวัง และไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่เพราะไม่มีอุปาทาน.
(ในกรณีที่เกี่ยวกับการตามเห็น เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง รูป
ข้างบนนี้ทุกประการ ผิดกันแต่ชื่อขันธ์เท่านั้น)
ภิกษุ ท. ! ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มี
อุปาทาน ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐, ๒๒-๒๓/๓๑,๓๓.
(อีกนัยหนึ่ง)
ว่าด้วย ความไม่สะดุ้งหวาดเสียว....
ภิกษุ ท. ! เราจักแสดง .... ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มีอุปาทาน แก่พวกเธอ.
เธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น จงทไว้ำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าวบัดนี้ ....
ภิกษุ ท. ! ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มีอุปาทานนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ อริยสาวกผู้มีการสดับ ได้เห็นพระอริยเจ้าเป็นผู้ฉลาดในธรรมของพระ
อริยเจ้า
ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า, ได้เห็นสัตบุรุษ เป็นผู้ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ได้รับการแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ,
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่ง รูป โดยความเป็นตนบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งตนว่ามีรูปบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งรูปในตนบ้าง
ย่อมไม่ตามเห็นอยู่เป็นประจำซึ่งตนในรูปบ้าง ;
แม้ รูป นั้น แปรปรวนไป เป็นความมีโดยประการอื่น แก่อริยสาวกนั้น
วิญญาณของอริยสาวกนั้น ก็ไม่เป็นวิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป
เพราะความแปรปรวนของรูปได้มีโดยประการอื่น ; (เมื่อเป็นเช่นนั้น)
ความเกิดขึ้นแห่งธรรมเป็นเครื่องทำความสะดุ้งหวาดเสียว
ซึ่งเกิดมาจากความเปลี่ยนแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป ย่อมไม่ครอบงำจิตของอริยสาวกนั้นตั้งอยู่ได้,
เพราะความที่จิตไม่ถูกครอบงำด้วยธรรมเป็นเครื่องสะดุ้งหวาดเสียวอริยสาวกนั้น
ก็ไม่เป็นผู้หวาดระแวงไม่คับแค้นเร่าร้อน ไม่พะว้าพะวัง และไม่สะดุ้งหวาดเสียวอยู่เพราะไม่มีอุปาทาน.
(ในกรณีที่เกี่ยวกับการตามเห็น เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง รูป
ข้างบนนี้ทุกประการ ผิดกันแต่ชื่อขันธ์เท่านั้น)
ภิกษุ ท. ! ความไม่สะดุ้งหวาดเสียวเพราะไม่มี
อุปาทาน ย่อมมีได้ ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐, ๒๒-๒๓/๓๑,๓๓.
(อีกนัยหนึ่ง)