เริ่มจากที่เราฝากท้องที่ รพ.เวิลด์เมดิคอล เพราะใกล้บ้าน พอท้องเริ่มใหญ่ก็ตัดสินใจคลอดที่นี่เลย เพราะคิดว่าสะดวก และหลังจากที่ดูการบริการช่วงฝากท้องคิดว่าโอเค
เราเลือกฝากท้องแบบแพคเกจ 2x,xxx รวมยาบำรุง อัลตราซาวด์ 4 ครั้ง มีตรวจคัดกรองดาวซินโดรม
มาเริ่มกันเลยล่ะกัน .....
พอท้องเริ่มเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายเราก็ปรึกษาหมอเรื่องคลอด กำหนดคลอดเมื่อไหร่? จะคลอดแบบไหน? (ที่นี่เลือกได้ค่ะ) เราเลือกผ่าคลอดค่ะ ท้องแรกเลือกผ่าเลยค่ะเพราะกลัวคลอดเองไม่ได้ไม่อยากเจ็บท้อง คิดว่าการผ่าหมอควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่รวมเอฟเฟคของร่างกายเรานะคะ หมอเรานัดผ่า 39w +/- ได้ไม่เกิน 2 วัน เราเลือก 1 ก.ค ค่ะ ระหว่างท้องก็ร่างกายปกติไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ ก่อนนอนลูบท้องคุยกับลูกตลอดค่ะว่าอย่าให้แม่เจ็บปวดมากนะลูก เพราะเราแพ้ท้องนานแพ้ถึง 18w ทรมานและเข็ดในระดับนึง (เคยมาตั้งกระทู้ความท้อของการแพ้ท้องด้วย)
อีกอย่างเราบอกลูกว่าอย่าเพิ่งออกมานะลูกแม่ยังไม่พร้อมขอ 38w ขึ้นนะ รอคุณยายมาก่อนนะค่อยคลอด หมอนัดเราตรวจวันที่ 27 มิ.ย ช่วงบ่ายค่ะ แต่ลูกเราคงคิดถึงหมอ 😂 เริ่มจากนอนปกติท้องเริ่มใหญ่เข้าห้องน้ำบ่อย ช่วงหัวค่ำไม่ค่อยอยากกินข้าว กินแค่ยำไป 6 โมงเย็นแล้วไม่ได้กินอะไรอีกเลย เข้าห้องน้ำเรื่อยๆช่วงกลางคืน
จุดเริ่มต้นคือ ตี 4 นั่งฉี่อยู่รู้สึกฉี่เสร็จแต่เหมือนมีน้ำไหลออกมาแต่นิดเดียวค่ะ เดินวนเข้าห้องน้ำอยู่ 3 รอบ ไม่ได้รู้สึกท้องแข็งแบบที่เขาให้สังเกตคือแข็งบ้างแต่ไม่ได้รู้สึกผิดปกติหรือแปลกอะไร จนน้ำไหลเยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ วันนั้นแฟนเราไปทำงานกลางคืน อยู่คอนโดกับแม่สามี และแม่เรา น้องสาว แม่เรามาหาเราเร็วกว่ากำหนดด้วย มา 26 จากเดิมจะมาหาวันที่ 29 เพราะเราบอกแม่ว่าจะผ่าวันที่ 1 เราก็เดินเข้าออกห้องน้ำอยู่แบบนั้นคือเริ่มรู้ล่ะว่าน้ำคร่ำแตก ไม่ได้บอกใครนอกจากโทรหาสามีเพราะไม่อยากให้แตกตื่นกันทั้งบ้านแล้วเราก็จะรนไปด้วย สามีทำงานเสร็จเร็วกว่าเวลาด้วยวันนั้น ประมาณ 20 นาทีสามีมาถึง เราถึงบอกแม่ๆว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว ใส่ผ้าอนามัย 2 ชั้นค่ะกันน้ำไหลเรอะเทอะแต่เอาไม่อยู่น้ำไหลเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องเอาผ้าเช็ดตัวไปปูรองนั่งในรถ เกือบตี 5 ไปถึง รพ. เลือกคลอด รพ.ใกล้บ้านมันดีมากตรงไม่เดินทางนานเวลามีเหตุฉุกเฉิน ก่อนมาแอบจิบน้ำนิดนึงเพราะรู้มาว่าถ้าผ่าตัดต้องงดน้ำงดอาหาร มาถึงก็เข้าห้องฉุกเฉินรอเจ้าหน้าที่ห้องคลอดมารับค่ะ น้ำไหลตลอดเต็มเตียง พอไปถึงห้องรอคลอดพยาบาลก็ถามว่าเรา ฝากท้องที่นี่รึเปล่าคะ เราก็บอกฝากที่นี่และรีบบอกเลยว่า เลือกผ่าคลอดคุยกับหมอไว้
อาจจะไม่ได้เล่าไล่ตามขั้นตอนนะคะเพราะเบลอๆลืมๆขั้นตอนบ้าง(นี่คือเหตุผลที่อยากมาเล่าไว้ให้ฟังเพราะอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ)
พยาบาลก็ให้เราเปลี่ยนชุดค่ะ ติดอุปกรณ์ดูการเต้นหัวใจ ดูการบีบตัวของมดลูก แล้วก็มีตรวจปากมดลูก ความรู้สึกก่อนตรวจคือ กลัวค่ะ กลัวทุกขั้นตอนแต่เราพยายามนึกถึงลูกไว้ลดความกลัวได้เยอะ พยาบาลบอกปากมดลูกเปิด 3-4 ซม. แต่หัวเด็กยังอยู่สูง ตอนตรวจจะรู้สึกตึงๆจุกๆแต่เขาจะป้ายเจลล่อลื่นก่อนนะคะ แล้วบอกว่าหลังจากนี้อาจจะปวดท้องเป็นระยะ แล้วถามเราทานข้าว ดื่มน้ำล่าสุดเมื่อไหร่ ปกติเราจะชอบกินมื้อดึกแต่วันนั้นไม่หิวข้าวค่ะ เย็นวันที่ 26 กินแค่ยำไปช่วง 6 โมงเย็น เพราะคิดเผื่อจะคลอดจะได้ไม่ต้องรอนาน น้ำก็ดื่มน้อยเพราะช่วงไตรมาสสุดท้ายเราปวดฉี่บ่อยเลยไม่อยากดื่มมากเท่าไหร่ ทีแรกพยาบาลบอกเราว่าต้องรอเกือบเที่ยงมั้งแต่สักพัก บอกเราได้คิวห้องผ่าตัด 8 โมง แม่และแฟนก็รอด้านนอกค่ะ พอเปลี่ยนชุดใส่สายน้ำเกลือก็นอนรอ มีทำความสะอาดโกนขนหน้าท้อง หมออ้อย แต่ไม่ได้สวนก้นค่ะ คงเพราะปากมดลูกเปิดเยอะ ล้วมั้งเราก็ไม่ได้ถามพยาบาลเรื่องสวนก้น เราถามพยาบาลว่าเอาโทรศัพท์เข้ามาได้ไหม พยาบาลบอกได้ค่ะ (พยาบาลน่ารักค่ะ พูดจาดี) ฝากพยาบาลเอาโทรศัพท์เข้ามาให้ สักพักแม่ก็เอาเข้ามาให้ พยาบาลถามว่าคุณพ่อจะเข้าห้องผ่าตัดด้วยไหม เราก็ถามแฟนว่าจะเข้าไหม เพราะอิพ่อนี่กลัวมาก กลัวทุกอย่าง กลัวเลือด แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปด้วยเพราะบอกว่ากลัวเป็นตราบาปถ้าไม่เข้าไปด้วย 😂😂 ตั้งแต่เริ่มน้ำเดินมาจน 8 โมง คือเราไม่มีอาการปวดท้องเลยค่ะ เต็มที่คือเริ่มรู้สึกหน่วงๆหลังตรวจปากมดลูกแค่นั้น
เวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง ก็ย้ายเราไปอีกห้อง ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก่อนเคลื่อนย้ายก็มีถ่ายรูปค่ะกับแม่และแฟน ต่อมาก็มีวิสัญญีมาพูดคุยสอบถามค่ะ และบอกขั้นตอนต่างๆ สิ่งที่เราจะเจอ ละเอียดมากค่ะและเราถือว่ามีประโยชน์มากเพราะเราจะได้เตรียมตัวรับมือ พอถึงเวลาได้ใช้จริงค่ะ
สักพักก็เข้าห้องผ่าตัด เปลี่ยนจากอีกเตียงไปอีกเตียงค่ะ บล็อกหลังไม่เจ็บเลยค่ะ พยาบาลจะให้เรางอตัวให้สุดเท่าที่เราจะงอได้ ใส่สายน้ำเกลือเจ็บกว่าจริงๆ พอเริ่มบล็อกหลังเสร็จสักพักขาเราจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆความหนัก 2 ข้างจะไม่เท่ากันค่ะ ระหว่างนั้นพยาบาลก็ใส่สายสวนปัสสาวะ พอคุณหมอเข้ามาก็มีการพูดคุยกันในห้อง บรรยากาศดีมากๆค่ะ รู้สึกผ่อนคลาย วิสัญญีจะอยู่เหนือศรีษะเราตลอดเวลาการผ่าตัดและบอกเราตลอดว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้บอกได้ตลอด มีใส่อ๊อกซิเจนให้เราจะเย็นๆที่จมูก เราจะมีแน่นหน้าอกบ้างช่วงแรกๆ ซึ่งวิสัญญีได้บอกไว้ก่อนแล้วว่าถ้ารู้สึกแน่นให้ควบคุมลมหายใจเข้า-ออก พอเริ่มทำการผ่าเราไม่รู้สึกแม้กระทั่งตอนลงมีด ไม่นานค่ะแปปเดียวคุณหมอก็บอกว่ากำลังจะเอาน้องออกมาแล้ว คุณพ่อก็มานั่งข้างๆเราก่อนเอาน้องออกจากท้อง
(หลังมาถึงห้องพักฟื้นคุณพ่อบอกว่าเหม็นคาวเลือดมาก เลือดออกเยอะมาก คุณพ่อแอบมองด้วย ทั้งๆที่เวลาเอาวิดิโอพวกนี้ให้ดูคุณพ่อจะไม่ยอมดูกลัวตลอด)
ความรู้สึกตอนจะเอาน้องออกมาคือแน่นหัวอกมากคือทั้งหมอและพยาบาลจะเรียกว่าขย่มช่วยกันเลยล่ะ พอน้องออกมาครั้งแรกไม่มีเสียงร้อง คุณพ่อตกใจ ลูกไปร้องตอนที่พยาบาลอุ้มไปวางเช็ดตัว ร้องแบบดังมาก แต่เราไม่มีโมเม้นน้ำตาไหลนะ แบบเหมือนมึนๆอึนๆอยู่ สักพักพยาบาลก็อุ้มน้องมาให้ดูพร้อมถ่ายรูป พ่อ แม่ ลูก พอเห็นหน้าลูกตอนนั้นแหละค่ะ ตื้นตันใจ ดีใจ วันที่เรารอคอยมาถึงแล้วจริงๆ
📌📌รูปครอบครัวรูปแรกของเรา📌📌
คุณพ่อก็ตามไปดูลูกกับหมอเด็ก
หลังจากนั้นก็มีการวางยานอนหลับเพื่อแต่งแผลค่ะ แผลผ่าสวยมากค่ะ
แต่งแผลเสร็จก็ รอดูอาการ 1 หรือ 2 ชม. แล้วก็ขึ้นไปห้องพัก สักพักพยาบาลห้องเนอสเซอรี่ก็พาลูกมาให้เราดู ตัวจิ๋วมากค่ะ
น้องเกิดวันที่ 27 มิ.ย 2019 อายุครรภ์ 38+3 week
เวลา 09:01 น.
น้ำหนักแรกคลอด 3,430 กรัม
ความยาว 51 ซม.
ลูกชายคนแรก ชื่อเล่นน้ององศา ด.ช. ปรมะ
ใช้เวลาพักฟื้นที่ รพ. 4 วัน 3 คืน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายเราเลือกแพคเกจผ่า ราคา 6x,xxx เราจำราคาชัวๆไม่ได้ แต่อยู่ที่ 60,000 กว่า แต่จ่ายจริง 71,000 เพราะว่าลูกเราตัวเหลืองต้องส่องไฟ 1 คืน คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ ถ้าเทียบกับการบริการ ดูแล ประทับใจมาก วันออกจาก รพ.เราจะได้บัตรสมาชิกของลูกเพื่อเป็นส่วนลดในครั้งต่อไป เช่น ค่าห้องแอดมิด ค่ายา
ในส่วนของการแจ้งเกิดพยาบาลห้องคลอดจะดำเนินการให้ค่ะเตรียมแค่เอกสารสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อคุณแม่ไว้พอ
ห้องพักฟื้นกว้างมากค่ะมี
โซฟาเบดสำหรับคนเฝ้าเรา
มีทีวี 2 เครื่อง
ตู้เย็น
ไมโครเวฟ
กาน้ำร้อน
ซิ้งล้างจาน
ตู้เสื้อผ้า
สิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วยวันคลอด
ชุดคุณแม่วันใส่กลับ
ชุดลูกวันใส่กลับ
เอกสารสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อคุณแม่
บรรยากาศรวมๆเท่าที่ได้ถ่ายรูปไว้
ปัจจุบันน้องอายุ 2 เดือนครึ่งแล้วค่ะ
เด็กจิ๋วในวันนั้น
เด็กของแม่ในวันนี้
ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เกินอะไรจะเทียบได้ 😍❤️😘
ประสบการณ์ผ่าคลอด รพ.เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์
เราเลือกฝากท้องแบบแพคเกจ 2x,xxx รวมยาบำรุง อัลตราซาวด์ 4 ครั้ง มีตรวจคัดกรองดาวซินโดรม
มาเริ่มกันเลยล่ะกัน .....
พอท้องเริ่มเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายเราก็ปรึกษาหมอเรื่องคลอด กำหนดคลอดเมื่อไหร่? จะคลอดแบบไหน? (ที่นี่เลือกได้ค่ะ) เราเลือกผ่าคลอดค่ะ ท้องแรกเลือกผ่าเลยค่ะเพราะกลัวคลอดเองไม่ได้ไม่อยากเจ็บท้อง คิดว่าการผ่าหมอควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่รวมเอฟเฟคของร่างกายเรานะคะ หมอเรานัดผ่า 39w +/- ได้ไม่เกิน 2 วัน เราเลือก 1 ก.ค ค่ะ ระหว่างท้องก็ร่างกายปกติไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ ก่อนนอนลูบท้องคุยกับลูกตลอดค่ะว่าอย่าให้แม่เจ็บปวดมากนะลูก เพราะเราแพ้ท้องนานแพ้ถึง 18w ทรมานและเข็ดในระดับนึง (เคยมาตั้งกระทู้ความท้อของการแพ้ท้องด้วย)
อีกอย่างเราบอกลูกว่าอย่าเพิ่งออกมานะลูกแม่ยังไม่พร้อมขอ 38w ขึ้นนะ รอคุณยายมาก่อนนะค่อยคลอด หมอนัดเราตรวจวันที่ 27 มิ.ย ช่วงบ่ายค่ะ แต่ลูกเราคงคิดถึงหมอ 😂 เริ่มจากนอนปกติท้องเริ่มใหญ่เข้าห้องน้ำบ่อย ช่วงหัวค่ำไม่ค่อยอยากกินข้าว กินแค่ยำไป 6 โมงเย็นแล้วไม่ได้กินอะไรอีกเลย เข้าห้องน้ำเรื่อยๆช่วงกลางคืน
จุดเริ่มต้นคือ ตี 4 นั่งฉี่อยู่รู้สึกฉี่เสร็จแต่เหมือนมีน้ำไหลออกมาแต่นิดเดียวค่ะ เดินวนเข้าห้องน้ำอยู่ 3 รอบ ไม่ได้รู้สึกท้องแข็งแบบที่เขาให้สังเกตคือแข็งบ้างแต่ไม่ได้รู้สึกผิดปกติหรือแปลกอะไร จนน้ำไหลเยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ วันนั้นแฟนเราไปทำงานกลางคืน อยู่คอนโดกับแม่สามี และแม่เรา น้องสาว แม่เรามาหาเราเร็วกว่ากำหนดด้วย มา 26 จากเดิมจะมาหาวันที่ 29 เพราะเราบอกแม่ว่าจะผ่าวันที่ 1 เราก็เดินเข้าออกห้องน้ำอยู่แบบนั้นคือเริ่มรู้ล่ะว่าน้ำคร่ำแตก ไม่ได้บอกใครนอกจากโทรหาสามีเพราะไม่อยากให้แตกตื่นกันทั้งบ้านแล้วเราก็จะรนไปด้วย สามีทำงานเสร็จเร็วกว่าเวลาด้วยวันนั้น ประมาณ 20 นาทีสามีมาถึง เราถึงบอกแม่ๆว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว ใส่ผ้าอนามัย 2 ชั้นค่ะกันน้ำไหลเรอะเทอะแต่เอาไม่อยู่น้ำไหลเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องเอาผ้าเช็ดตัวไปปูรองนั่งในรถ เกือบตี 5 ไปถึง รพ. เลือกคลอด รพ.ใกล้บ้านมันดีมากตรงไม่เดินทางนานเวลามีเหตุฉุกเฉิน ก่อนมาแอบจิบน้ำนิดนึงเพราะรู้มาว่าถ้าผ่าตัดต้องงดน้ำงดอาหาร มาถึงก็เข้าห้องฉุกเฉินรอเจ้าหน้าที่ห้องคลอดมารับค่ะ น้ำไหลตลอดเต็มเตียง พอไปถึงห้องรอคลอดพยาบาลก็ถามว่าเรา ฝากท้องที่นี่รึเปล่าคะ เราก็บอกฝากที่นี่และรีบบอกเลยว่า เลือกผ่าคลอดคุยกับหมอไว้
อาจจะไม่ได้เล่าไล่ตามขั้นตอนนะคะเพราะเบลอๆลืมๆขั้นตอนบ้าง(นี่คือเหตุผลที่อยากมาเล่าไว้ให้ฟังเพราะอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ)
พยาบาลก็ให้เราเปลี่ยนชุดค่ะ ติดอุปกรณ์ดูการเต้นหัวใจ ดูการบีบตัวของมดลูก แล้วก็มีตรวจปากมดลูก ความรู้สึกก่อนตรวจคือ กลัวค่ะ กลัวทุกขั้นตอนแต่เราพยายามนึกถึงลูกไว้ลดความกลัวได้เยอะ พยาบาลบอกปากมดลูกเปิด 3-4 ซม. แต่หัวเด็กยังอยู่สูง ตอนตรวจจะรู้สึกตึงๆจุกๆแต่เขาจะป้ายเจลล่อลื่นก่อนนะคะ แล้วบอกว่าหลังจากนี้อาจจะปวดท้องเป็นระยะ แล้วถามเราทานข้าว ดื่มน้ำล่าสุดเมื่อไหร่ ปกติเราจะชอบกินมื้อดึกแต่วันนั้นไม่หิวข้าวค่ะ เย็นวันที่ 26 กินแค่ยำไปช่วง 6 โมงเย็น เพราะคิดเผื่อจะคลอดจะได้ไม่ต้องรอนาน น้ำก็ดื่มน้อยเพราะช่วงไตรมาสสุดท้ายเราปวดฉี่บ่อยเลยไม่อยากดื่มมากเท่าไหร่ ทีแรกพยาบาลบอกเราว่าต้องรอเกือบเที่ยงมั้งแต่สักพัก บอกเราได้คิวห้องผ่าตัด 8 โมง แม่และแฟนก็รอด้านนอกค่ะ พอเปลี่ยนชุดใส่สายน้ำเกลือก็นอนรอ มีทำความสะอาดโกนขนหน้าท้อง หมออ้อย แต่ไม่ได้สวนก้นค่ะ คงเพราะปากมดลูกเปิดเยอะ ล้วมั้งเราก็ไม่ได้ถามพยาบาลเรื่องสวนก้น เราถามพยาบาลว่าเอาโทรศัพท์เข้ามาได้ไหม พยาบาลบอกได้ค่ะ (พยาบาลน่ารักค่ะ พูดจาดี) ฝากพยาบาลเอาโทรศัพท์เข้ามาให้ สักพักแม่ก็เอาเข้ามาให้ พยาบาลถามว่าคุณพ่อจะเข้าห้องผ่าตัดด้วยไหม เราก็ถามแฟนว่าจะเข้าไหม เพราะอิพ่อนี่กลัวมาก กลัวทุกอย่าง กลัวเลือด แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปด้วยเพราะบอกว่ากลัวเป็นตราบาปถ้าไม่เข้าไปด้วย 😂😂 ตั้งแต่เริ่มน้ำเดินมาจน 8 โมง คือเราไม่มีอาการปวดท้องเลยค่ะ เต็มที่คือเริ่มรู้สึกหน่วงๆหลังตรวจปากมดลูกแค่นั้น
เวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง ก็ย้ายเราไปอีกห้อง ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก่อนเคลื่อนย้ายก็มีถ่ายรูปค่ะกับแม่และแฟน ต่อมาก็มีวิสัญญีมาพูดคุยสอบถามค่ะ และบอกขั้นตอนต่างๆ สิ่งที่เราจะเจอ ละเอียดมากค่ะและเราถือว่ามีประโยชน์มากเพราะเราจะได้เตรียมตัวรับมือ พอถึงเวลาได้ใช้จริงค่ะ
สักพักก็เข้าห้องผ่าตัด เปลี่ยนจากอีกเตียงไปอีกเตียงค่ะ บล็อกหลังไม่เจ็บเลยค่ะ พยาบาลจะให้เรางอตัวให้สุดเท่าที่เราจะงอได้ ใส่สายน้ำเกลือเจ็บกว่าจริงๆ พอเริ่มบล็อกหลังเสร็จสักพักขาเราจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆความหนัก 2 ข้างจะไม่เท่ากันค่ะ ระหว่างนั้นพยาบาลก็ใส่สายสวนปัสสาวะ พอคุณหมอเข้ามาก็มีการพูดคุยกันในห้อง บรรยากาศดีมากๆค่ะ รู้สึกผ่อนคลาย วิสัญญีจะอยู่เหนือศรีษะเราตลอดเวลาการผ่าตัดและบอกเราตลอดว่าถ้ารู้สึกไม่ดีให้บอกได้ตลอด มีใส่อ๊อกซิเจนให้เราจะเย็นๆที่จมูก เราจะมีแน่นหน้าอกบ้างช่วงแรกๆ ซึ่งวิสัญญีได้บอกไว้ก่อนแล้วว่าถ้ารู้สึกแน่นให้ควบคุมลมหายใจเข้า-ออก พอเริ่มทำการผ่าเราไม่รู้สึกแม้กระทั่งตอนลงมีด ไม่นานค่ะแปปเดียวคุณหมอก็บอกว่ากำลังจะเอาน้องออกมาแล้ว คุณพ่อก็มานั่งข้างๆเราก่อนเอาน้องออกจากท้อง
(หลังมาถึงห้องพักฟื้นคุณพ่อบอกว่าเหม็นคาวเลือดมาก เลือดออกเยอะมาก คุณพ่อแอบมองด้วย ทั้งๆที่เวลาเอาวิดิโอพวกนี้ให้ดูคุณพ่อจะไม่ยอมดูกลัวตลอด)
ความรู้สึกตอนจะเอาน้องออกมาคือแน่นหัวอกมากคือทั้งหมอและพยาบาลจะเรียกว่าขย่มช่วยกันเลยล่ะ พอน้องออกมาครั้งแรกไม่มีเสียงร้อง คุณพ่อตกใจ ลูกไปร้องตอนที่พยาบาลอุ้มไปวางเช็ดตัว ร้องแบบดังมาก แต่เราไม่มีโมเม้นน้ำตาไหลนะ แบบเหมือนมึนๆอึนๆอยู่ สักพักพยาบาลก็อุ้มน้องมาให้ดูพร้อมถ่ายรูป พ่อ แม่ ลูก พอเห็นหน้าลูกตอนนั้นแหละค่ะ ตื้นตันใจ ดีใจ วันที่เรารอคอยมาถึงแล้วจริงๆ
📌📌รูปครอบครัวรูปแรกของเรา📌📌
คุณพ่อก็ตามไปดูลูกกับหมอเด็ก
หลังจากนั้นก็มีการวางยานอนหลับเพื่อแต่งแผลค่ะ แผลผ่าสวยมากค่ะ
แต่งแผลเสร็จก็ รอดูอาการ 1 หรือ 2 ชม. แล้วก็ขึ้นไปห้องพัก สักพักพยาบาลห้องเนอสเซอรี่ก็พาลูกมาให้เราดู ตัวจิ๋วมากค่ะ
น้องเกิดวันที่ 27 มิ.ย 2019 อายุครรภ์ 38+3 week
เวลา 09:01 น.
น้ำหนักแรกคลอด 3,430 กรัม
ความยาว 51 ซม.
ลูกชายคนแรก ชื่อเล่นน้ององศา ด.ช. ปรมะ
ใช้เวลาพักฟื้นที่ รพ. 4 วัน 3 คืน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายเราเลือกแพคเกจผ่า ราคา 6x,xxx เราจำราคาชัวๆไม่ได้ แต่อยู่ที่ 60,000 กว่า แต่จ่ายจริง 71,000 เพราะว่าลูกเราตัวเหลืองต้องส่องไฟ 1 คืน คุ้มค่า คุ้มราคาค่ะ ถ้าเทียบกับการบริการ ดูแล ประทับใจมาก วันออกจาก รพ.เราจะได้บัตรสมาชิกของลูกเพื่อเป็นส่วนลดในครั้งต่อไป เช่น ค่าห้องแอดมิด ค่ายา
ในส่วนของการแจ้งเกิดพยาบาลห้องคลอดจะดำเนินการให้ค่ะเตรียมแค่เอกสารสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อคุณแม่ไว้พอ
ห้องพักฟื้นกว้างมากค่ะมี
โซฟาเบดสำหรับคนเฝ้าเรา
มีทีวี 2 เครื่อง
ตู้เย็น
ไมโครเวฟ
กาน้ำร้อน
ซิ้งล้างจาน
ตู้เสื้อผ้า
สิ่งที่ต้องเตรียมไปด้วยวันคลอด
ชุดคุณแม่วันใส่กลับ
ชุดลูกวันใส่กลับ
เอกสารสำเนาบัตรประชาชนคุณพ่อคุณแม่
บรรยากาศรวมๆเท่าที่ได้ถ่ายรูปไว้
ปัจจุบันน้องอายุ 2 เดือนครึ่งแล้วค่ะ
เด็กจิ๋วในวันนั้น
เด็กของแม่ในวันนี้
ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เกินอะไรจะเทียบได้ 😍❤️😘