🙏 สวัสดีจ้าาาา วันนี้มาบ่อยหน่อยเพราะว่างงง 55 เปลี่ยนบรรยากาศมากินอาหารแถบเอเชีย น่ารักๆกันบ้าง นั่นก็คือ ซูชิ นั่นเอง อิอิ
ร้านที่เราจะพาไปทานเป็นหนึ่งในร้านซูชิที่จองยากที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คืออออออ

กดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ

เพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ

🇯🇵 Sushi Masato - ซูชิ มาซาโตะ

🍽 Michelin Plate

🍣 ซูชิ มาซาโตะ ร้านซูชิที่ขึ้นชื่อว่าจองยากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ดำเนินการโดยเชฟ Masato Shimizu สำหรับประวัติความหลงไหลในอาหารโดยเฉพาะซูชิของเชฟนั้นต้องย้อนกลับไปเมื่อครั้งเชฟมาซาโตะเห็นคุณลุงแล่ปลาเมื่ออายุ 5 ขวบ เมื่อโตขึ้นเชฟมาซาโตะได้เข้าฝึกงานเป็นผู้ช่วยเชฟซูชิระดับตำนานอย่างเชฟ Kugou Rikio ที่ร้าน Sukeroku กรุงโตเกียว 🇯🇵 เป็นเวลาถึง 7 ปี ต่อมาเชฟได้ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่นคร New York 🇺🇸 โดยได้ตำแหน่งเป็น Head chef ที่ร้าน Jewel Bako และได้รับรางวัล 1 Michelin Star ⭐️ เมื่ออายุเพียง 29 ปี และเป็นเชฟที่อายุน้อยที่สุดในกรุงนิวยอร์ค ณ เวลานั้นที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ หลังจากนั้นเชฟมาซาโตะได้ลาออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเองชื่อ Marco Moreira และก็ไม่พลาดที่จะคว้ารางวัล 1 Michelin Star ⭐️ มาครองเป็นครั้งที่ 2 พ่วงด้วยรางวัล New York Rising Star Chef ประจำปี 2007 อีกด้วย หลังจากแต่งงานกับภรรยาลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เชฟมาซาโตะจึงได้ตัดสินใจย้ายมาเปิดร้านซูชิเป็นของตัวเองในชื่อเดียวกัน และเป็นร้านซูชิชั้นสูงโดยเชฟชาวญี่ปุ่นร้านแรกๆในประเทศไทยเลยทีเดียว

🏡 ตัวร้านตั้งอยู่ในซอกหลืบของซอยสุขุมวิท 31 โดยมีทางเข้าเป็นซอยมืดๆเล็กๆ ตัวร้านไม่มีที่จอดรถโดยลูกค้าสามารถจอดรถได้ที่อาคาร S 31 ที่ปากซอย การมาทานที่นี่ต้องจองล่วงโดยเริ่มทำการจองในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 1 ของเดือนนั้นๆ จ่ายเงินเมื่อกดจอง และมักถูกจองเต็มในเวลาไม่ถึงชั่วโมง (โดยเฉพาะวันเสาอาทิตย์) นอกจากนี้ยังต้องเลือกชนิดคอร์ส Omakase ที่เราจะทานโดยมีราคาอยู่ที่ 4,000++ และ 6000++ บาทต่อคน โดยลูกค้าจะได้ทานอาหารเรียกน้ำย่อย นิงิริซูชิ รวมถึงเมนูตามฤดูกาลต่างๆ ปิดท้ายด้วยซุป ไข่หวานสูตรพิเศษของทางร้าน และของหวานอีก 1 อย่าง 

🍣 เรื่องของซูชิอย่างแรกเลยคือคุณภาพปลาโดยเชฟมาซาโตะนำเข้าปลามาจากญี่ปุ่นทั้งหมด ซูชิทุกคำทานแล้วรู้สึกได้ถึงความสดของวัตถุดิบ มีเทคนิคการปรุงเเละรสชาติที่ซับซ้อน ข้าวที่นี่หมักด้วยซอสจนออกรสเปรี้ยว เหมาะกับคนชอบซูชิแบบข้าวเปรี้ยวซึ่งจะตัดกับรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลาและวาซาบิได้เป็นอย่างดี ซูชิที่เราทานวันนี้ทุกคำอร่อยจนว้าวเกือบทั้งหมดสมกับเป็นร้านซูชิระดับทอปที่ดีที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพเลยจริงๆ

👨🏻‍🍳 Standard Omakase (4000++/p)

- Katsuo 

- Fresh Ikura Don

- Hotate

- Corn Soup

- Sumi-Ika

- Aji

- Nodoguro

- Akami Zuke

- Anago

- Kama Toro

- Chutoro

- Geso

- Shinko

- Ishigaki Gai

- Murazaki Uni

- Marazaki Uni

- Kuruma Ebi

- Anago

- Miso Soup

- Tamago

- Yuzu Granita

- Mineoka Tofu

👍 ซูชิพรีเมี่ยมชั้นยอด จัดเต็มหลายคอร์ส และเป็นหนึ่งในร้านซูชิที่ดีที่สุดในประเทศไทย

รสชาติ : 14/20
ราคา : 10/20
ความคุ้มค่า : 13/20
บรรยากาศ : 15/20
บริการ : 14/20

ความประทับใจโดยรวม : 14/20

  - Katsuo

สำหรับอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกคือ “คัตสึโอะ “ หรือปลาโอแถบ เชฟปรุงโดยการเซียเฉพาะผิวปลาด้วยความร้อนให้หนังกรอบ เเต่เนื้อยังคงสดและหวานฉ่ำ ด้านบนเป็นซอสโชยุทานแล้วมีรสเปรี้ยวของซอสตัดกับรสหวานของเนื้อปลาช่วยกระตุ้นให้อยากอาหารได้ดีมากๆและนังอร่อยมากๆด้วย คำแรกมาก็ว้าวเลยทีเดียว (13/20)

- Fresh Ikura Don

”ไข่ปลาแซลมอน” เสิร์ฟมาเย็นๆสดๆโดยไม่ผ่านการแช่เเข็ง ทานแล้วรู้เลยว่าไข่สดมากจริงๆ ไร้ซึ่งกลิ่นคาว ทานกับข้าวญี่ปุ่นอุ่นๆ ทางร้านใส่ใจขนาดเสิร์ฟช้อนทำจากเปลือกหอยสำหรับทานไข่ปลาแทนช้อนสเเตนเลสเพื่อไม่ให้มีกลิ่นโลหะไปรบกวนกลิ่นของไข่ปลา (13/20)

- Hotate

ไข่ปลาแห้งหรือ Karasumi

- Hotate

หอยเชลล์โฮตาเตะจากฮอกไกโด ย่างมาร้อนๆบนเตาถ่านจนมีกลิ่นหอมถ่านมากๆ โรยด้านบนด้วย Karasumi หรือไข่ปลาแห้งเพิ่มรสเค็มและรสอูมามิ สุดท้ายห่อด้วยสาหร่ายญี่ปุ่นที่นำไปพัดโบกผ่านเตาถ่านเบาๆ (10/20)

- Hotate

สำหรับ “โฮตาเตะ” เชฟจะนำห่อสาหร่ายเเล้วเสิร์ฟให้ทานเลย หอยเชลล์มีกลิ่นหอมมาก เเต่แอบสุกเกินไปจนเเข็งไปเล็กน้อย ไข่ปลาช่วยให้มีรสเค็มอ่อนๆตัดรสชาติกันรสหวานธรรมชาติของหอยเชลล์ได้อย่างดี (10/20)

- Corn Soup

ซุปข้าวโพดเสิร์ฟมาเพื่อล้างปากก่อนทานซูชิ โดยเชฟจะคนในหม้อใหญ่ แล้วจึงหรอกใส่แก้วให้ (10/20)

- Corn Soup

ซุปมีรสอมหวาน ทานเเล้วหอมกลิ่นข้าวโพดมากๆ (10/20)

- Sumi-Ika

สำหรับคำแรกของนิงิริซูชิเป็นหมึก “สุมิ อิกะ” จากคาโกชิมะ หมู่เกาะคิวชู เนื้อหมึกนุ่มมากๆ เคี้ยวเเล้วเนื้อเด้ง หนึบ รสชาติหมึกไม่หวานมาก ก่อนเสิร์ฟเชฟจะบีบมะนาวลงไป ข้าวซูชิอุณหภูมิอุ่นเล็กน้อย มีรสเค็มอ่อนๆ เข้ากันได้อย่างดี (11/20)

- Aji

“อะจิ” หรือปลาทูญี่ปุ่น เสิร์ฟมาชิ้นโตมากๆ ตั้งเเต่ก่อนทานให้ลองดมกลิ่นเฉพาะตัวของปลาแมคเคอเรล ทานเเล้วรู้สึกถึงรสของท้องทะเลเสริมเข้ากันกันกับกลิ่นของวาซาบิอย่างลงตัว (11/20)

- Nodoguro

ปลา “โนโดกุโระ” ก่อนเสิร์ฟเชฟจะนำถ่านมาอังให้ส่วนผิวของปลาสุกขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ทาด้วยดอกเกลือหรือส่วนบนที่ดีที่สุดของเกลือ บีบซึดาจิหรือมะนาวญี่ปุ่นสักหน่อย (13/20)

- Nodoguro

ด้วยความที่เป็นปลาเนื้อขาวทำให้รสชาติของโนโดกุโระค่อนข้างบนิสุทธิ์ (Pure) มากๆ ดอกเกลือที่โรยไว้ช่วยดึงรสธรรมชาติของเนื้อปลาสดๆออกมา มะนาวญี่ปุ่นช่วยให้เนื้อปลาส่วนบนซึ่งเป็นโปรตีนแปรสภาพไปเล็กน้อยจนเกิดความต่างทางเนื้อสัมผัส เวลาเคี้ยวจะได้เฝความรู้สึกของข้าวรสออกเปรี้ยวเล็กน้อยที่ชั้นล่าง รสหวานบริสุทธิ์ของเนื้อปลาดิบตรงกลาง และรสเปรี้ยวกับกลิ่นหอมถ่านกับเนื้อปลาสุกด้านบน คำนี้อร่อยกว่าคำอื่นๆที่ผ่านมาเลย (13/20)

- Akami Zuke

ถัดมาคือ “อากามิ ซูเกะ” โดยเชฟใช้ Maguro หรือปลาทูน่าหมักด้วย dashi, sake และ soy sauce ตอนทานจะได้รสหวานอ่อนๆของเนื้อปลาทูน่า แต่รสชาติที่ออกมาจะไม่ได้หวานฉ่ำ ต่างกันกับปลาทูน่าสด กลับกันจะได้รสเปรี้ยวและกลิ่นของซอสและสาเก และเกิดความซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม (13/20)

- Anago

คั่นกลางนิงิริซูชิด้วย ”อนาโกะ” หรือปลาไหลทะเลย่าง เนื้อปลาสุกพอดี เพอเฟคสุดๆ ทานเเล้วรับรฟุ้ได้ถึงเนื้อสัมผัสที่ นุ่ม ละมุนราวกับสำลี แถมยังหอมกลิ่นถ่านมากๆ ฟินสุดๆ (14/20)

- Kama Toro

“คามะ โทโระ” หรือแก้มปลาทูน่าย่างแบบสุกพอดี มีกลิ่นหอม ด้วยความที่คอร์สนี้มีความกรอบทำให้เนื้อสัมผัสของเเก้มปลาทานเเทรกกลางนิงิริซูชิต่างๆได้อย่างดี (12/20)

- Chutoro

“ชูโทโระ” หรือเนื้อของปลาทูน่าที่มีไขมันปานกลาง เนื้อปลาสดมากๆ นุ่มลิ้นจริงๆ รสหวานเฉพาะตัวของปลาทูน่าปนกับไขมันปลาที่มีอัตราส่วนกำลังดีของเนื้อส่วนชูโทโระ และยังตัดรสกันกับรสเปรี้ยวอ่อนๆของข้าวซูชิได้ดีสุดๆ เป็นคำไฮไลท์ของนิงิริซูชิวันนี้เลย (15/20)

- Geso

ถัดมาคือ “เกโสะ” หรือหนวดหมึกชนิดเดียวกันกับที่เราทานไปตอนเเรก เชฟจะย่างมาให้หอมๆ เนื้อสัมผัสนุ่มมากๆ หนวดหมึกแต่ละอันไม่ overcook เลย (13/20)

- Shinko

ชินโกะหรือลูกปลาโคฮาดะ เนื่องจากตอนนี้อยู่นอกซีซั่นทำให้ปลามีขนาดเล็ก ซูชิหนึ่งคำต้องใข้ปลาถึงสองตัวมาประกอบกัน รสชาติเนื้อปลาออกเค็มตามประสาปลาแมคเคอเรล แต่ทีเด็ดของชินโกะรวมถึงโคฮาดะคือเนื้อสัมผัสที่ตอนเคี้ยวเนื้อจะเหนียวหนึบเกือบเท่าปลาหมึก เเละยังมีกลิ่นหอมซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปลาชนิดนี้ (12/20)

- Ishigaki Gai

ถัดมาคือ “อิชิกากิไก” หอยอิชิกากิสดๆ หน้าตาคล้ายหอยแครงแต่ตัวใหญ่กว่า เนื้อด้านในสีขาวสวย ก่อนทานเชฟจะโชว์ลีลาฟาดเนื้อหอยที่เพิ่งแล่ออกมาจากฝาแบบเป็นๆลงกับเขียงบนเคาเตอร์เพื่อทำให้กล้ามเนื้อของหอยสดๆหดตัว เหมือนเป็นการกระตุ้ยให้เกิด muscle contraction ค้างไว้ จนมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวกรึบเวลาทาน (13/20)

- Ishigaki Gai

ก่อนทานเชฟจะรีบวางวาซาบิ ทาซอส แล้วเเนะนำให้ลูกค้ารีบทานทันทีเนื่องจากการทานตอนที่กล้าทเนื้อเพิ่งหดตัวค้างไว้ใหม่ๆจะได้เนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด เคี้ยวกรึบ มีรสหวานตัดกับรสเปรี้ยวของซอส ไม่มีกลิ่นคาว สุดยอดจริงๆ (13/20)

- Murazaki Uni

ถัดมาคือไฮไลท์อย่าง “อูนิ” หรือไข่หอยเม่นที่ถูกยกให้เป็นคัสตาร์ดแห่งท้องทะเล ที่นี่เบือกใช้เป็นมุราซากิอูนิสองแบบคือแบบกล่องกับแบบเเช่น้ำทะเลมาสดๆซึ่งให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต่างกัน

- Murazaki Uni

สำหรับคำเเรกจะนำเสิร์ฟมาในช้อนจิ๋ว โดยใช้ส่วนที่เเช่มาในน้ำทะเลสดๆ ผสมกับอีกส่วนหนึ่งมาจากกล่อง ทานพร้อมกัน ทั้งสองอย่างให้รสชาติที่ต่างกันเล็กน้อย เนื้อสัมผัสครีมมี่คล้ายคัสตาร์ด อร่อยเหมาะกับ Uni lover มากๆ (13/20)

- Marazaki Uni

อีกคอร์สหนึ่งเป็นการนำมุราซากิอูนิทานมากับข้าวซูชิ ทานเเล้วรสครีมมี่ของอูนิเนียนเข้ากันไปกับข้าวซูชิเลย (14/20)

- Kuruma Ebi

“คุรุมะ อิบิ” หรือกุ้งลายเสือญี่ปุ่น เนื้อกุ้งสด เเน่น ตามมาตรฐานกุ้งลายเสือ มีกลิ่นหอมกุ้งในแบบที่ควรจะเป็น (13/20)

- Anago

อาหารคาวจานสุดท้ายเป็นหนึ่งในจานที่ดีที่สุดในวันนี้คือ “อะนาโกะ” หรือปลาไหลทะเลราดด้วยซอสหวานข้นสูตรพิเศษของทางร้านที่ทามาจนไหลเยิ้ม เนื้อปลาไหลนุ่มละมุนเหมือนสำลีเช่นเคย เพิ่มเติมคือข้าวซูชิรสเปรี้ยวนั้นตัดรสกับรสหวานของซอสและกลิ่นของปลาไหลได้ดีสุดๆ อร่อยยกนิ้วเลยคำนี้ (16/20)

ยังมีต่อ🔜

ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ