ภาพกำพูชา ในจินตนาการของพวกเราในสมัยก่อน ๆ เราอาจจะนึกถึงภาพชาวกำพูชาที่อาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดนอย่างที่พวกเราเข้าใจกัน ขอให้คุณลืมภาพพวกนั้นไปซะ เพราะสำหรับ
'พนมเปญ' แล้วมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่นี่คือศูนย์รวมคนมีฐานะอาศัยอยู่
ทริปพนมเปญ 3 วัน 2 คืน ของเราได้จุดกำเนิดจาก จากหนังสือของ ยาสึโกะ นะอิโต ภริยานักการฑูต เธอบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ 1,500 วัน เธอต้องพบเจอความโหดร้ายในเขมรระหว่างเขมรแดงยึดอำนาจ ตลอดการอ่านหนังสือเล่มนี้ เราจะเห็นเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์อันยาวนานถึง 4 ปี และความพยายามในการเอาชีวิตรอด ลุ้นทุกวันที่เธอบันทึก ว่าพระเจ้าจะมองเห็นเธอและช่วยเหลือเธอได้อย่างไร แปลโดยคุณ ผุสดี นาวาวิจิต เป็นหนังสือที่อ่านแล้วทั้งจุกอกทั้งน้ำตาซึม ถึงสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง เพียงเพราะความเห็นต่างและความเกลียดชังกัน ดังข้อความในหนังสือตอนหนี่ง ทีทหารเขมรแดงกล่าวว่า
"พวกชาวเมืองพนมเปญมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ตึกรามบ้านช่องใหญ่โต อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ จัดงานรื่นเริงกันทุกคืน ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยโดยไม่คิดถึงคนอื่น ถ้าเป็นรัฐบาล กูจะฆ่าคนพวกนี้ให้หมดเลย" เพื่อน ๆ ก็สามารถหาอ่านได้ ชื่อหนังสือ 4 ปี นรกในเขมร เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจโลกนี้ได้ดีขึ้น
เราแลกเงินที่สนามบิน และใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้ว การผ่าน ตม ก็แสนจะง่ายเพราะไม่ต้องใช้วีซ่า สามารถเที่ยวได้ 14 วัน
ออกจาก ตม แป๊ปเดียวก็จะเจอห้องรับรองของทางโรงแรม เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่รอไปกับรถรับส่งของทางโรงแรมได้เลย
เราใช้บริการรับส่งของทางโรงแรมฟรี โรงแรม นากาเวิลด์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ (ภาพจากเวปไซด์ของโรงแรม)
รถนั่งสบายมาก ๆ มี Wifi และ ทีวีดู รวมทั้งเก้าอี้นวดด้วย
ในอดีตเรารู้จักกำพูชาอย่างผิวเผินมาก เราควรทำความรู้จักกับประเทศนี้ให้มากขึ้น เป็นที่ทราบกันดีไม่มีใครปราถนาให้ประเทศต้องเป็นอย่างกำพูชาในอดีต แต่ถ้าเราไม่ยอมรับรู้เรื่องราวใด ๆ ไม่เรียนรู้จากสงคราม ไม่เรียนรู้จากเรื่องร้าย ๆ เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือหาทางยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งความคิดเหล่านี้น่าจะอยู่ในความคิดของคนไทยทุกคน
เราสามารถเข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ในราคาที่ไม่สูงเกินกว่าบ้านเรา ที่นี่น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะที่นี่มีโรงแรมระดับ 5 ดาวในราคา 1.900 บาทต่อคืน (ราคาจองล่วงหน้า/ ไม่รวมอาหารเช้า) และยังตื่นตากับสินค้าปลอดภาษี อาหารนานาชาติ รวมทั้งคาสิโน ที่โรงแรมในไทย ไม่มีให้ด้วย
โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก มีเครื่องสแกนกระเป๋า และ สแกนตัวก่อนเข้าประตูโรงแรม พนักงานมารอรับกระเป๋าและส่งให้ถึงห้อง
แม้เขาจะอยู่ประเทศติดกันกับเรา เขมร ณ เวลานี้ เจริญขี้นพราะได้รับการสนับสนุนจากทุนจีน ตึก หมู่บ้าน และ อพาร์ทเมนท์ เกิดขี้นเยอะมาก ภาพนี้จากสระว่ายน้ำของโรงแรมที่เราพัก จะเห็นได้ว่ากำลังจะมีตึกใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ในส่วนคาสิโน ก็มีหลายรูปแบบมากมาย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ
อาหารอร่อย ราคาไม่แพงค่ะ มีขายตลอด 24 ชั่วโมง
ทริปเดินทางวันที่ 2 เราจองทัวร์กับคุณ วิซอ ในราคาเหมาทั้งวัน 30 ดอลล่า หรือ ประมาณ 900 บาทไทย
สถานที่ ที่พาแรก (Killing Field) หรือ Choeung Ek (เจืองเอ็ก) อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 17 กิโลเมตร ที่นี่เหมือนเป็นรอยแผลเป็นของกัมพูชาที่ไม่มีวันไหนจะลบไปจากประวัติศาสตร์ได้
17 เมษายน พ.ศ. 2518
การเริ่มต้น 3 ปี 8 เดือน 20 วันของนรกในเขมร
วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นการครอบครองประเทศกัมพูชาของกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) ซึ่งนำโดยนายพล พต (Pol Pot) และนี่คือผลงานของเขา
แนวคิดของพอลพต คือ ต้องการทำให้ประเทศเป็นแบบระบบสังคมนิยมไม่พึ่งคนอื่น ไม่พึ่งเทคโนโลยีใดๆ ให้ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียมกัน และยุยงส่งเสริมให้ประชาชนภาคการเกษตรเลียดชัง ผู้มีความรู้ความสามารถที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ มีการอพยพประชาชนจากกรุงพนมเปญโดยเขมรแดงหลอกว่าสหรัฐจะมาทิ้งระเบิด เพื่อให้พวกเขาออกไปทำงานใช้แรงงานเพื่อการเกษตรในชนบทที่ทุรกันดาร
แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขมรแดงสั่งให้ชาวพนมเปญอพยพออกจากเมืองทั้งหมด สั่งให้ไปอยู่รวมกลุ่มกันในคอมมูนตามชนบท และเริ่มปีที่ศูนย์แห่งประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย คือปีที่ไม่มีชนชั้นศาสนาและสถาบันเริ่มการสังหารหมู่คนที่เป็นภัยต่ออุดมการณ์เขมรแดง เช่น ปัญญาชน พระสงฆ์ กลุ่มอำนาจเก่า แม้แต่คนที่ใส่แว่นตาหรือมือนุ่มนิ่มไม่หยาบกร้าน จากนั้นบังคับให้ประชาชนทำงานหนัก
ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่เกณฑ์มาจากพนมเปญ หรือ คนชนชั้นกรรมมากรชีพตามเมืองต่าง ๆ ต้องออกมาทำงานหนักเพื่อส่งมอบผลผลิตทางการเกษตรให้กับรัฐบาล สุดท้ายแล้วไม่มีประชน ชนชั้นใด ที่ไม่ได้รับความเท่าเทียมกัน ทุกคนอดอยาก เดือดร้อน หากมีใครทำไม่ไหวหรือล้มป่วยจะถูกฆ่าทิ้งไม่ให้เปลืองข้าวสุก จนมีผู้คนล้มตายไปกว่า 3 ล้านคน
หลังจากสร้างหายนะให้กับคนในชาติมานาน 4 ปี "กัมพูชาประชาธิปไตย" ก็ล่มสลายลง เมื่อกองทัพเวียดนามพร้อมด้วยพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาภายใต้การนำของเฮง สัมริน ได้รุกรานกัมพูชาและปลดปล่อยหลายพื้นที่จากการยึดครองของเขมรแดง รวมถึงกรุงพนมเปญในเดือนมกราคม 1979 ทำให้เขมรแดงต้องถอยร่นมาตั้งหลักที่จังหวัดไพลิน และเขมรแดงได้ปักหลักอยู่ที่ไพลินนานถึงเกือบ 20 ปี
เราฟังการเล่าเรื่องจากออดิโอไกด์ ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่สยดสยองเกินกว่าที่ใครจะคิดได้จริง ๆ ว่านี่คือความเกลียดชังที่กระทำต่อมนุษย์กันเอง สำหรับต้นโพธิ์ที่คุณเห็นนั้น มันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ต้นไม้ที่เราเชื่อและศัทธรา แต่ไม่มีปฏิหารย์ใดเกิดขึ้นที่นี่ เขมรแดงใช้ต้นโพธิ์เป็นที่แขวนลำโพง เปิดเพลงปลุกใจกลบเสียงกรีดร้องของเหยื่อนั่นเอง
ต้นไม้สังหาร : การฆ่าเด็กและทารกที่นี่นั้น เขานำแม่และเด็กแยกจากกัน หลังจากนั้นนำทารกไปฟาดกับต้นไม้ แล้วโยนลงหลุม ส่วนแม่ของเด็กต้องตายอย่างอัปยศ ในหลุมศพของผู้หญิงพบว่าไม่มีเสื้อผ้าติดกาย เขมรแดงฆ่าคนโดยวิธีประหยัดกระสุน เขาใช้ก้านใบตาลที่มีอยู่ทั่วไปในทุ่งสังหาร ปาดคอแม่ของเด็กแล้วทิ้งลงหลุมอย่างน่าเวทนา
"ตวล สเลง" เป็นชื่อของคุกสมัยที่เขมรแดงครองประเทศ ดั้งเดิมคุกนั้นเป็นโรงเรียนมาก่อน ตวล สเลง มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า s-21 (Security Office 21) ใช้กักขังและขู่เข็ญคนที่คิดว่าเป็นศัตรู หรือเป็นกบฏต่อประเทศชาติและรัฐบาล ทุกภูมิภาค ทุกระดับชั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสารภาพผิด และลงท้ายด้วยการฆ่า จุดหมายปลายทางของนักโทษทุกคนในนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้คือ การสิ้นลมหายใจ แต่กว่าที่จะถึงเวลาได้ออกไปนั้นต้องเผชิญกับการกระทำที่ทารุณ โดยเหล่าบรรดานักโทษจะถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ
S-21 ซึ่งเป็นศูนย์กักกันที่น่ากลัวที่สุดในประเทศ ระหว่างปี 1975-1978 กองทัพเขมรแดงใช้ที่นี่เป็นที่ทรมานและสังหารคนกว่า 17,000 ชีวิต ร่างของประชาชนชายหญิงและเด็กผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายถูกนำไปยังอนุสาวรีย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Choeung Ek ที่อยู่ใกล้กัน
เรือนจำตวล สเลง ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดทั้งทางกายและจิตใจแก่มวลมนุษยชาติ ในหลายๆ สงครามที่ผ่านมา จึงเป็นบทเรียนที่ควรค่าแก่การศึกษาสำหรับคนรุ่นหลัง เพื่อยับยั้งต่อต้านไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีก
ทั้งนี้ อนุสรณ์สถาน ตวล สเลง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.97 ล้านบาท ) โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้านงบประมาณจากรัฐบาลเยอรมนี โดยทั้งสองประเทศมุ่งหวังร่วมกันว่า อนุสรณ์สถานแห่งนี้นอกจากเป็นสัญลักษณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว จะเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ชนรุ่นหลังว่า กัมพูชาจะไม่หวนกลับคืนสู่ "ยุคมืด" เช่นนั้นอีก ซึ่งทางรัฐบาลเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-11.30 น. และเวลา 14.00-17.00 น. โดยค่าเข้าชมประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมออดิโอไกด์นะ ถ้ารวมด้วยก็ 8 ดอลล่า
ครั้งหนี่งพนมเปญมีความเจริญมากกว่ากรุงเทพมหานครเสียอีกนะ เพราะเราในสมัยนั้นเป็นแค่คนป่าอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (แบบเรียนยุคเก่าของเขมรสอนมาแบบนั้น) เมืองหลวงแห่งกัมพูชาในวันนี้ ที่แทบจะทั้งเมืองยังหลงเหลือร่องรอยของอดีตที่ไม่มีใครอยากพูดถึง เราลองถามคนรุ่นใหม่ดู...เขาไม่เชื่อว่ามีการสังหารเกิดขึ้นจริง เพราะคิดว่าฝรั่งแต่งเรื่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว บาดแผลจากสงครามในวันนั้นยังทำให้คนกำพูชา มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคนเวียดนามอยู่ จากไข่มุกแห่งเอเชียสู่ยุคตกต่ำที่สุด จนวันนี้พนมเปญกลับมายืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง และหวังว่าการยอมรับความจริงในอดีต จะทำให้ชาวกำพูชาเจริญก้าวต่อไปได้และไม่ซ้ำรอยอดีตอีก
การไปเที่ยวครั้งนี้ก็คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ทริปนี้เราใช้จ่ายเงินไป 250 ดอลล่า หรือ 7,658 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน กับที่พักนะคะ
ขอบคุณข้อความประกอบบางส่วนจากอินเตอร์เน็ต
[CR] 40 ปีหลังสิ้นสุดยุคเขมรแดง...พนมเปญเจริญกว่าที่คิด
ทริปพนมเปญ 3 วัน 2 คืน ของเราได้จุดกำเนิดจาก จากหนังสือของ ยาสึโกะ นะอิโต ภริยานักการฑูต เธอบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ 1,500 วัน เธอต้องพบเจอความโหดร้ายในเขมรระหว่างเขมรแดงยึดอำนาจ ตลอดการอ่านหนังสือเล่มนี้ เราจะเห็นเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์อันยาวนานถึง 4 ปี และความพยายามในการเอาชีวิตรอด ลุ้นทุกวันที่เธอบันทึก ว่าพระเจ้าจะมองเห็นเธอและช่วยเหลือเธอได้อย่างไร แปลโดยคุณ ผุสดี นาวาวิจิต เป็นหนังสือที่อ่านแล้วทั้งจุกอกทั้งน้ำตาซึม ถึงสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง เพียงเพราะความเห็นต่างและความเกลียดชังกัน ดังข้อความในหนังสือตอนหนี่ง ทีทหารเขมรแดงกล่าวว่า "พวกชาวเมืองพนมเปญมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ตึกรามบ้านช่องใหญ่โต อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ จัดงานรื่นเริงกันทุกคืน ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยโดยไม่คิดถึงคนอื่น ถ้าเป็นรัฐบาล กูจะฆ่าคนพวกนี้ให้หมดเลย" เพื่อน ๆ ก็สามารถหาอ่านได้ ชื่อหนังสือ 4 ปี นรกในเขมร เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจโลกนี้ได้ดีขึ้น
เราแลกเงินที่สนามบิน และใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้ว การผ่าน ตม ก็แสนจะง่ายเพราะไม่ต้องใช้วีซ่า สามารถเที่ยวได้ 14 วัน
ออกจาก ตม แป๊ปเดียวก็จะเจอห้องรับรองของทางโรงแรม เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่รอไปกับรถรับส่งของทางโรงแรมได้เลย
เราใช้บริการรับส่งของทางโรงแรมฟรี โรงแรม นากาเวิลด์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ (ภาพจากเวปไซด์ของโรงแรม)
รถนั่งสบายมาก ๆ มี Wifi และ ทีวีดู รวมทั้งเก้าอี้นวดด้วย
ในอดีตเรารู้จักกำพูชาอย่างผิวเผินมาก เราควรทำความรู้จักกับประเทศนี้ให้มากขึ้น เป็นที่ทราบกันดีไม่มีใครปราถนาให้ประเทศต้องเป็นอย่างกำพูชาในอดีต แต่ถ้าเราไม่ยอมรับรู้เรื่องราวใด ๆ ไม่เรียนรู้จากสงคราม ไม่เรียนรู้จากเรื่องร้าย ๆ เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือหาทางยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งความคิดเหล่านี้น่าจะอยู่ในความคิดของคนไทยทุกคน
เราสามารถเข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ในราคาที่ไม่สูงเกินกว่าบ้านเรา ที่นี่น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะที่นี่มีโรงแรมระดับ 5 ดาวในราคา 1.900 บาทต่อคืน (ราคาจองล่วงหน้า/ ไม่รวมอาหารเช้า) และยังตื่นตากับสินค้าปลอดภาษี อาหารนานาชาติ รวมทั้งคาสิโน ที่โรงแรมในไทย ไม่มีให้ด้วย
โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก มีเครื่องสแกนกระเป๋า และ สแกนตัวก่อนเข้าประตูโรงแรม พนักงานมารอรับกระเป๋าและส่งให้ถึงห้อง
แม้เขาจะอยู่ประเทศติดกันกับเรา เขมร ณ เวลานี้ เจริญขี้นพราะได้รับการสนับสนุนจากทุนจีน ตึก หมู่บ้าน และ อพาร์ทเมนท์ เกิดขี้นเยอะมาก ภาพนี้จากสระว่ายน้ำของโรงแรมที่เราพัก จะเห็นได้ว่ากำลังจะมีตึกใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ในส่วนคาสิโน ก็มีหลายรูปแบบมากมาย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ
อาหารอร่อย ราคาไม่แพงค่ะ มีขายตลอด 24 ชั่วโมง
ทริปเดินทางวันที่ 2 เราจองทัวร์กับคุณ วิซอ ในราคาเหมาทั้งวัน 30 ดอลล่า หรือ ประมาณ 900 บาทไทย
สถานที่ ที่พาแรก (Killing Field) หรือ Choeung Ek (เจืองเอ็ก) อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญประมาณ 17 กิโลเมตร ที่นี่เหมือนเป็นรอยแผลเป็นของกัมพูชาที่ไม่มีวันไหนจะลบไปจากประวัติศาสตร์ได้
17 เมษายน พ.ศ. 2518
การเริ่มต้น 3 ปี 8 เดือน 20 วันของนรกในเขมร
วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นการครอบครองประเทศกัมพูชาของกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) ซึ่งนำโดยนายพล พต (Pol Pot) และนี่คือผลงานของเขา
แนวคิดของพอลพต คือ ต้องการทำให้ประเทศเป็นแบบระบบสังคมนิยมไม่พึ่งคนอื่น ไม่พึ่งเทคโนโลยีใดๆ ให้ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียมกัน และยุยงส่งเสริมให้ประชาชนภาคการเกษตรเลียดชัง ผู้มีความรู้ความสามารถที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ มีการอพยพประชาชนจากกรุงพนมเปญโดยเขมรแดงหลอกว่าสหรัฐจะมาทิ้งระเบิด เพื่อให้พวกเขาออกไปทำงานใช้แรงงานเพื่อการเกษตรในชนบทที่ทุรกันดาร
แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขมรแดงสั่งให้ชาวพนมเปญอพยพออกจากเมืองทั้งหมด สั่งให้ไปอยู่รวมกลุ่มกันในคอมมูนตามชนบท และเริ่มปีที่ศูนย์แห่งประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย คือปีที่ไม่มีชนชั้นศาสนาและสถาบันเริ่มการสังหารหมู่คนที่เป็นภัยต่ออุดมการณ์เขมรแดง เช่น ปัญญาชน พระสงฆ์ กลุ่มอำนาจเก่า แม้แต่คนที่ใส่แว่นตาหรือมือนุ่มนิ่มไม่หยาบกร้าน จากนั้นบังคับให้ประชาชนทำงานหนัก
ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่เกณฑ์มาจากพนมเปญ หรือ คนชนชั้นกรรมมากรชีพตามเมืองต่าง ๆ ต้องออกมาทำงานหนักเพื่อส่งมอบผลผลิตทางการเกษตรให้กับรัฐบาล สุดท้ายแล้วไม่มีประชน ชนชั้นใด ที่ไม่ได้รับความเท่าเทียมกัน ทุกคนอดอยาก เดือดร้อน หากมีใครทำไม่ไหวหรือล้มป่วยจะถูกฆ่าทิ้งไม่ให้เปลืองข้าวสุก จนมีผู้คนล้มตายไปกว่า 3 ล้านคน
หลังจากสร้างหายนะให้กับคนในชาติมานาน 4 ปี "กัมพูชาประชาธิปไตย" ก็ล่มสลายลง เมื่อกองทัพเวียดนามพร้อมด้วยพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาภายใต้การนำของเฮง สัมริน ได้รุกรานกัมพูชาและปลดปล่อยหลายพื้นที่จากการยึดครองของเขมรแดง รวมถึงกรุงพนมเปญในเดือนมกราคม 1979 ทำให้เขมรแดงต้องถอยร่นมาตั้งหลักที่จังหวัดไพลิน และเขมรแดงได้ปักหลักอยู่ที่ไพลินนานถึงเกือบ 20 ปี
เราฟังการเล่าเรื่องจากออดิโอไกด์ ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่สยดสยองเกินกว่าที่ใครจะคิดได้จริง ๆ ว่านี่คือความเกลียดชังที่กระทำต่อมนุษย์กันเอง สำหรับต้นโพธิ์ที่คุณเห็นนั้น มันเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ต้นไม้ที่เราเชื่อและศัทธรา แต่ไม่มีปฏิหารย์ใดเกิดขึ้นที่นี่ เขมรแดงใช้ต้นโพธิ์เป็นที่แขวนลำโพง เปิดเพลงปลุกใจกลบเสียงกรีดร้องของเหยื่อนั่นเอง
ต้นไม้สังหาร : การฆ่าเด็กและทารกที่นี่นั้น เขานำแม่และเด็กแยกจากกัน หลังจากนั้นนำทารกไปฟาดกับต้นไม้ แล้วโยนลงหลุม ส่วนแม่ของเด็กต้องตายอย่างอัปยศ ในหลุมศพของผู้หญิงพบว่าไม่มีเสื้อผ้าติดกาย เขมรแดงฆ่าคนโดยวิธีประหยัดกระสุน เขาใช้ก้านใบตาลที่มีอยู่ทั่วไปในทุ่งสังหาร ปาดคอแม่ของเด็กแล้วทิ้งลงหลุมอย่างน่าเวทนา
"ตวล สเลง" เป็นชื่อของคุกสมัยที่เขมรแดงครองประเทศ ดั้งเดิมคุกนั้นเป็นโรงเรียนมาก่อน ตวล สเลง มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า s-21 (Security Office 21) ใช้กักขังและขู่เข็ญคนที่คิดว่าเป็นศัตรู หรือเป็นกบฏต่อประเทศชาติและรัฐบาล ทุกภูมิภาค ทุกระดับชั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสารภาพผิด และลงท้ายด้วยการฆ่า จุดหมายปลายทางของนักโทษทุกคนในนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้คือ การสิ้นลมหายใจ แต่กว่าที่จะถึงเวลาได้ออกไปนั้นต้องเผชิญกับการกระทำที่ทารุณ โดยเหล่าบรรดานักโทษจะถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ
S-21 ซึ่งเป็นศูนย์กักกันที่น่ากลัวที่สุดในประเทศ ระหว่างปี 1975-1978 กองทัพเขมรแดงใช้ที่นี่เป็นที่ทรมานและสังหารคนกว่า 17,000 ชีวิต ร่างของประชาชนชายหญิงและเด็กผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายถูกนำไปยังอนุสาวรีย์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Choeung Ek ที่อยู่ใกล้กัน
เรือนจำตวล สเลง ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดทั้งทางกายและจิตใจแก่มวลมนุษยชาติ ในหลายๆ สงครามที่ผ่านมา จึงเป็นบทเรียนที่ควรค่าแก่การศึกษาสำหรับคนรุ่นหลัง เพื่อยับยั้งต่อต้านไม่ให้เกิดสงครามขึ้นอีก
ทั้งนี้ อนุสรณ์สถาน ตวล สเลง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.97 ล้านบาท ) โดยได้รับความอนุเคราะห์ด้านงบประมาณจากรัฐบาลเยอรมนี โดยทั้งสองประเทศมุ่งหวังร่วมกันว่า อนุสรณ์สถานแห่งนี้นอกจากเป็นสัญลักษณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว จะเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ชนรุ่นหลังว่า กัมพูชาจะไม่หวนกลับคืนสู่ "ยุคมืด" เช่นนั้นอีก ซึ่งทางรัฐบาลเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-11.30 น. และเวลา 14.00-17.00 น. โดยค่าเข้าชมประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมออดิโอไกด์นะ ถ้ารวมด้วยก็ 8 ดอลล่า
ครั้งหนี่งพนมเปญมีความเจริญมากกว่ากรุงเทพมหานครเสียอีกนะ เพราะเราในสมัยนั้นเป็นแค่คนป่าอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (แบบเรียนยุคเก่าของเขมรสอนมาแบบนั้น) เมืองหลวงแห่งกัมพูชาในวันนี้ ที่แทบจะทั้งเมืองยังหลงเหลือร่องรอยของอดีตที่ไม่มีใครอยากพูดถึง เราลองถามคนรุ่นใหม่ดู...เขาไม่เชื่อว่ามีการสังหารเกิดขึ้นจริง เพราะคิดว่าฝรั่งแต่งเรื่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว บาดแผลจากสงครามในวันนั้นยังทำให้คนกำพูชา มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคนเวียดนามอยู่ จากไข่มุกแห่งเอเชียสู่ยุคตกต่ำที่สุด จนวันนี้พนมเปญกลับมายืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง และหวังว่าการยอมรับความจริงในอดีต จะทำให้ชาวกำพูชาเจริญก้าวต่อไปได้และไม่ซ้ำรอยอดีตอีก
การไปเที่ยวครั้งนี้ก็คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ทริปนี้เราใช้จ่ายเงินไป 250 ดอลล่า หรือ 7,658 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน กับที่พักนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้