จำได้ว่าเราได้ยินชื่อของ TNGA หรือที่ย่อมาจาก Toyota New Global Architecture ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโตโยต้า ครั้งแรกก็สักประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว มาพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์ Crossover อย่าง C-HR ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึกสดใหม่ของการขับขี่เท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานใหม่ของยานยนต์โตโยต้ารุ่นต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ข้อดีของเทคโนโลยี Toyota TNGA ก็คือรถจะมีความแข็งแรง และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้ช่วงล่างเกาะถนนได้ดีขึ้น ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น ควบคุมพวงมาลัยได้แม่นยำมากขึ้น และได้ดีไซน์รถที่สวยงามมากขึ้นด้วย
จากตอนนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ TNGA ก็ติดหูมากขึ้น คุ้นเคยบ่อยขึ้น แต่เราเองก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับช่วงล่างใหม่แบบเต็มๆ สักที จนกระทั่งโอกาสอยากลองต้องได้ลองก็มาถึง ไม่ต้องฟังเขาเล่าว่าอีกต่อไป
และสถานที่ที่เรามาลองกันวันนี้ก็คือ TOYOTA Driving Experience Park (ต่อไปจะขอเรียกว่า TDEX ) ถนนบางนา-ตราด กม.3 เป็นสนามที่เปิดให้คนที่สนใจ Test Drive รถยนต์ทุกรุ่นของโตโยต้าได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดทุกวัน (จะมีปิดก็ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว) ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น.
สนาม TDEX กว้างมาก มีให้ทดลองเทสไดร์ฟทั้งแบบ On Road และ Off Road
ข้อแนะนำก่อนมาเทสไดร์ฟที่ TDEX ควรลงทะเบียนจองก่อนที่เว็บไซต์
http://www.toyotadrivingexperiencepark.com/th/home เพราะทางสนามจะได้ทำการสำรองคิวให้ มาถึงไม่ต้องรอนานก็ลุยได้เลย โดยเฉพาะยิ่งถ้ามาเทสวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว Instructor บอกว่าคนเยอะมาก ถ้าไม่ได้จองมาจะรอนาน
Instructor จะพาเราไปลงสนามทดสอบรถ สำหรับวันนี้ตั้งใจที่จะมาทดสอบรถยนต์ 2 รุ่นด้วยกันคือ CAMRY และ C-HR ซึ่งเป็นสองรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี TNGA เพื่อพิสูจน์ความแตกต่างแบบไม่ต้องเขาเล่าว่าอีกต่อไป ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกคันไม้คันมือยิกๆ ละ
สำหรับ TNGA ถูกโปรยไว้ว่าเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่จะเปลี่ยนทุกความรู้สึกของการขับขี่อย่างแท้จริง เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ได้ร่วมกันทั้งรถขนาดกลางไปจนถึงรถขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อธิบายให้เห็นภาพหน่อยก็เหมือนกับลูกชิ้นเสียบไม้ ถ้าลูกชิ้นลูกเดียวเสียบอยู่ด้านบนสุด มันก็จะทำให้ไม้โอนตัวหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้าลูกชิ้นเสียบอยู่ด้านล่างของไม้ ไม้ก็ไม่มีทางโอนตัวหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
ผลที่ได้คือ มันทำให้เราๆ ได้ใช้รถยนต์ที่น้ำหนักเบา แข็งแรง แต่ปลอดภัยสูง ซึ่งหลังจากนี้รถยนต์ของโตโยต้าทั้งหมดก็จะใช้เทคโนโลยีนี้เป็นมาตรฐานสากลทั้งโลก ง่ายๆ คือเมืองนอกใช้แบบไหนเราก็จะได้ใช้เหมือนกันนั่นเอง
สถานีทดสอบ On Road จะมีทั้งหมด 6 ฐาน แต่ละฐานก็จำลองมาจากการใช้งานในชีวิตประจำวันแต่ฮาร์ดคอร์บ้างเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการเบรกกะทันหัน การเข้าโค้ง การทำความเร็ว ซึ่งอีกหนึ่งนาทีต่อนี้ไปเราก็จะได้รู้กันละ TNGA แตกต่าง แบบที่ไม่ใช่เขาเล่าว่าแค่ไหน
เริ่มกันที่ด่านแรกฝึกความคุ้นเคย และ Slalom ทดสอบวงเลี้ยวที่ความเร็วต่ำ เป็นฐานที่ให้เราทำความคุ้นเคยกับรถ เช่นระยะการหมุนพวงมาลัย การประคองรถให้ไปตามทางที่คดเคี้ยว รวมถึงน้ำหนักการกดคันเร่ง และเบรก หรือพูดง่ายๆ สร้างความคุ้นเคยระหว่างคนขับกับตัวรถนั่นเอง
เราทดสอบสองรุ่น ฟีลลิ่งที่ได้ก็จะต่างกันอยู่บ้าง อย่าง CAMRY ก็จะได้ฟีลแบบสบายๆ สมูท นิ่ง เน้นใช้งานคล่องตัว ขณะที่ C-HR จะเป็นรถสปอร์ตคูเป้ก็จะให้อารมณ์ความสปอร์ตๆ แข็งๆ ดิบๆ แมนๆ พร้อมลุยไปทุกเส้นทาง ฮ่าๆ
ฐานสอง Wet Brake จะเป็นการหยุดรถกะทันหันบนพื้นถนนลื่นที่ความเร็ว 40 กิโลเมตร และการออกตัวบนพื้นที่เปียกเพื่อดูอาการล้อฟรี หรืออาการส่ายไปส่ายมา
ยอมรับตามตรงว่าเวลาที่ขับรถแล้วจะวิ่งผ่านน้ำ หรือถนนเปียกๆ ก็จะพยายามเซฟด้วยการแตะเบรกยั้งๆ ไม่ซัดแรง ฮ่าๆ แต่มันก็มีบางทีที่ใช้ความเร็วประมาณนึง เจอพื้นลื่น กดเบรกแล้วแต่มันไม่เบรกทันที ยังมีอาการลื่นๆ ไหลๆ รวมถึงพวงมาลัยที่ออกอาการสั่นๆ แต่พอได้ทดสอบเบรกกะทันหันจึ้ก ระบบ ABS ทำงานทันทีเหมือนเสียงรัวกลอง ตุบๆๆ วินาทีนั้นมือรีบหักหลบซ้ายหนีก่อนหักขวากลับมาในเลน แต่รถไม่มีอาการปัดให้กังวลเลย รถยังอยู่ในการควบคุมจวบจนหยุดนิ่ง
ส่วน TRC ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจแม้จะออกตัวบนพื้นลื่น เพราะรถไม่มีอาการปัดหรือลื่น อันเกิดจากการที่ล้อหน้า (ล้อขับ) หมุนเร็วกว่าล้อหลัง
ดูประสิทธิภาพเรื่องการเบรก การออกตัวบนพื้นลื่น ต่อไปจะได้สวมวิญญาณโดมินิค ทดสอบ Slalom วงเลี้ยวความเร็วสูง คราวนี้ล่ะ จัดการกดคันเร่งเพิ่ม แรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าดันหลังผมให้ชิดติดเบาะ ความเร็วขึ้นไปแตะที่ 40 กม./ชม. อย่างรวดเร็วก่อน จะเลี้ยงคันเร่งไว้ในช่วงการทดสอบ ได้ใจระหว่างการเลี้ยวซ้ายขวาสลับกับ ไม่รู้สึกว่ารถโคลงตัวเลย ใจสั่งมาแบบไหนรถไปได้แบบนั้น ช่วงล่างหนึบหนับได้ที่ ส่วนพวงมาลัยแม่นยำกระชับมือ เลี้ยวซ้ายรถไปซ้าย จับเลี้ยวขวารถไปขวา ไม่มีดื้อโค้ง
ต่อเนื่องด้วยการควบคุม ขณะเปลี่ยนเลน หรือหักหลบรถกะทันหัน Handling /Lane Change จำลองสถานการณ์ว่ามีอะไรตัดหน้า ใจก็คิดว่าแรงเหวี่ยงจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนช่วงที่ต้องหักหลบ แต่กลายเป็นว่าทั้ง CAMRY และ C-HR แรงเหวี่ยงน้อยกว่าที่คิด คือไม่ใช่ว่าไม่มีเลยนะ มีแต่อยู่ในระดับที่ว่าน้อย ซึ่งอันนี้เป็นการทำงานสอดประสานที่ดีมากของ TNGA ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และผนวกกับระบบเสริมแรงเบรก BA เพียงผมกดเบรกเบาๆ รถชะลอความเร็วลงมากจนแทบจะหยุดนิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่การลดความเร็วลงทันทีแบบนี้ ผมกลับไม่รู้สึกหัวทิ่มเหมือนรถทั่วไปแต่อย่างใด มันนุ่มนวลจริงๆ
ต่อกันที่ Acceleration Test ทดสอบอัตราเร่งและชะลอความเร็ว ในส่วนนี้จะเป็นการล้างความเชื่อที่ว่าเครื่องยนต์ไฮบริด ช้า อืด ที่เราได้ยินมาตลอด มันเหมือนกับว่าใช้ไฟฟ้าเหรอ ต้องรอเครื่องร้อนถึงจะทำงาน แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ระบบไฮบริดก็ตามชื่อ คือการบิดไปบิดมา การทำงานคือถ้าเราออกตัวด้วยความเร็วต่ำๆ ไม่ได้กดคันเร่งเหมือนรถติดและปล่อยไหล พลังงานจะมาจากมอเตอร์อย่างเดียว แต่ถ้าเราออกตัวเน้นแรง กดคันเร่งสุด เครื่องยนต์กับมอเตอร์จะรวมพลังกันขับเคลื่อน ดังนั้น ส่วนนี้ก็ไม่มีปัญหา จังหวะเร่งแรงทำได้ดี แต่ที่รู้สึกดีมากเลยคือเรื่องความเงียบนี่ละ ตอนเทสไดร์ฟ CAMRY เราก็จะได้ความสมูท เอาเป็นว่าถ้านั่งนานกว่านี้มีหลับ ฮ่าๆ แต่ถ้าเทสที่ตัว C-HR มันก็อีกอารมณ์ เงียบแบบไม่ต้องเปิดเพลงแข่งกับเสียงข้างนอก
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ Circular Track ทดสอบการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเบรกเพื่อดูอาการหน้าดื้อท้ายปัด ตัวเราก็ไม่ใช่คนเท้าหนักแต่อย่างใด ยิ่งมีอายุความปลอดภัยต้องมาก่อน ช้าหน่อยรอได้ พอ Instructor บอกพี่กดสาดไปเลยตอนเข้าโค้ง ทิ้งรถ และอย่าเพิ่งยกคันเร่งขึ้น บอกตรงๆ ตอนนั้นความเสียวแผ่ซ่าน แต่กลายเป็นว่าสัมผัสกับความเสียวได้เสี้ยวเดียวเท่านั้นล่ะ ความตะลึงมาแทน เพราะขนาดที่แทบจะทิ้งพวงมาลัย บวกกับความเร็วที่ใช้ยังอยู่เท่าเดิม แต่รถก็ยังอยู่ในโค้ง ทรงตัวดี เป็นเพราะการทำงานร่วมกันของระบบควบคุมการทรงตัว VSC ทำให้แรงเหวี่ยงขณะที่เราบังคับรถอยู่ถือว่าน้อยลงมาก ซึ่งถ้าไม่มีระบบนี้คุมอยู่ ผมว่าสวดมนต์ได้อย่างเดียวเลยล่ะ ฮา
พอตั้งสติขึ้นมาได้ จัดการกดเบรก สบายหายห่วง ไม่มีการโคลงเคลงเซท้ายเลย
เสี้ยวไส้กันระดับนึง มาต่อกันที่ Road Condition ทดสอบ Bridge Jump ถนนขรุขระ ลูกระนาด ขึ้นลงคอสะพาน เพื่อดูเรื่องการเก็บเสียง การสั่นสะเทือน ในบรรดาที่ทดสอบ ฐานนี้ต้องการสุด ชัดเจนสุด เพราะถนนเมืองไทยรู้กัน ในช่วงแรกเป็นการทดสอบการขึ้นคอสะพาน ยอมรับว่าแทบไม่รู้สึกว่าผ่านรอยต่อ หรืออาจจะเพราะที่นี่ยังจำลองคอสะพานกรุงเทพฯ มาไม่พอก็ไม่รู้
ด่านต่อไปขับบนถนนขรุขระ ลูกระนาด มองด้วยตาจากในรถ เห็นถึงความตะปุ่มตะป่ำเป็นคลื่น เสร็จแน่ หัวโยกหัวคลอนต้องมา แต่ไม่แฮะ แรงสั่นสะเทือนจากล้อที่ส่งถึงมือมีรู้สึกให้พอคันๆ ยิ้มในใจว่า ถ้าได้ใช้กับถนนเมืองไทยนี่คงช่วยผ่อนแรงมือไปเยอะ
ในเรื่องของช่วงล่าง อันนี้ก็อยากให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ เพราะความรู้สึกจะชัดมาก เราวิ่งบนถนนขรุขระ มีลูกระนาดตลอดทาง ซ้ายสูงที ขวาสูงที แต่รถก็ไม่มีอาการเอียงข้าง ไม่เด้งไปเด้งมา แต่ได้ความนุ่มนิ่ม ห้องโดยสารนี่นิ่งจนอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งพลขับไปเป็นผู้โดยสารแล้วหลับแทนเสีย
การเก็บเสียงค่อนข้างเงียบทั้งสองคันตามความรู้สึกนะ แทบจะเงียบมากเลยด้วยซ้ำ ถ้าเทียบว่าเป็นการขับอยู่บนถนนขรุขระ ลูกระนาด แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าขึ้นลูกระนาดเลยนะ มีความรู้สึกว่าขึ้นและลงอยู่เป็นคลื่นๆ เพียงแต่มันจะไม่หัวโยกด๊อกแด๊ก
ฐานสุดท้ายเป็นการทดสอบเรื่องการเลี้ยวในที่แคบ ข้อหนึ่งที่ทำให้เรายังไม่ถูกใจกับการใช้รถคันใหญ่ในเมืองหลวง ก็คือเรื่องของที่จอดรถ เลี้ยวทีใช้พื้นที่มาก ตีวงกว้างถึงจะไปได้ แต่ทั้งสองคัน ใหญ่ทั้งคู่ ทำให้เราว้าวได้ ในระยะรัศมีแค่นี้ผ่านไปโดยไม่ชนกรวยแต่อย่างใด แอบหลงชมตัวเองนึกว่าฝีมือ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องของการออกแบบ กับตัวบอดี้รถที่เตี้ยลงอันเกิดจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ลดพวกจุดอับสายตา บริเวณมุมด้านหน้าฝากระโปรงและกระจกมองข้าง กับเสาเอ (A Pillar) ทำให้เรากะระยะด้านหน้ากับด้านข้างได้แม่นขึ้น
จบการเทสไดร์ฟใช้เวลาราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง Instructor ให้ข้อมูลให้ความรู้ดี และในที่สุดได้คำตอบให้กับตัวเองว่า TNGA แตกต่างอย่างไร และควบคุมได้อย่างมั่นใจด้วยตัวเองแบบที่เขาไม่ต้องเล่าว่า
ก่อนจบย้อนกลับไปคำที่ โตโยต้าบอกว่า TNGA จะเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่จะมาปรับเปลี่ยนการขับขี่ในอนาคต ผมว่าไม่เกินจริง ถึงแต่ละฐานจะเป็นเหตุการณ์ที่เจอในชีวิตจริงได้น้อย แต่ที่แน่ๆ คือ มันทำให้เรามั่นใจ รู้สึกได้ว่าการใช้รถราคันนี้มันจะเซฟตัวเราได้ อยากได้อารมณ์สนุก การเร่งการแซงก็ทำได้ แต่บทจะต้องการเซฟจากเหตุฉุกเฉินก็ไม่มีปัญหา จะเลือกรถใช้สักคันที่สุดแล้ว ความสวย ความแพงไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัย
เล่ามาซะยาวเอาเป็นว่าก็อยากให้ไปลองพิสูจน์เทคโนโลยี Toyata TNGA The Perfection of Movement อ่านแล้วมันก็ไม่อินเท่าไปเทส เอง อยากเทสรถรุ่นไหนของโตโยต้าได้หมด ที่นี่ไม่มีเซลล์ขาย ทดสอบกันได้แบบสบายๆ ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
[Advertorial]
[BR] Test Drive ให้ชัดๆ กับเทคโนโลยี Toyota TNGA โค้งไหนก็ควบคุม มั่นใจ ไม่พูดเยอะ
ข้อดีของเทคโนโลยี Toyota TNGA ก็คือรถจะมีความแข็งแรง และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้ช่วงล่างเกาะถนนได้ดีขึ้น ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น ควบคุมพวงมาลัยได้แม่นยำมากขึ้น และได้ดีไซน์รถที่สวยงามมากขึ้นด้วย
จากตอนนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ TNGA ก็ติดหูมากขึ้น คุ้นเคยบ่อยขึ้น แต่เราเองก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับช่วงล่างใหม่แบบเต็มๆ สักที จนกระทั่งโอกาสอยากลองต้องได้ลองก็มาถึง ไม่ต้องฟังเขาเล่าว่าอีกต่อไป
และสถานที่ที่เรามาลองกันวันนี้ก็คือ TOYOTA Driving Experience Park (ต่อไปจะขอเรียกว่า TDEX ) ถนนบางนา-ตราด กม.3 เป็นสนามที่เปิดให้คนที่สนใจ Test Drive รถยนต์ทุกรุ่นของโตโยต้าได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดทุกวัน (จะมีปิดก็ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว) ตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น.
สนาม TDEX กว้างมาก มีให้ทดลองเทสไดร์ฟทั้งแบบ On Road และ Off Road
ข้อแนะนำก่อนมาเทสไดร์ฟที่ TDEX ควรลงทะเบียนจองก่อนที่เว็บไซต์ http://www.toyotadrivingexperiencepark.com/th/home เพราะทางสนามจะได้ทำการสำรองคิวให้ มาถึงไม่ต้องรอนานก็ลุยได้เลย โดยเฉพาะยิ่งถ้ามาเทสวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว Instructor บอกว่าคนเยอะมาก ถ้าไม่ได้จองมาจะรอนาน
Instructor จะพาเราไปลงสนามทดสอบรถ สำหรับวันนี้ตั้งใจที่จะมาทดสอบรถยนต์ 2 รุ่นด้วยกันคือ CAMRY และ C-HR ซึ่งเป็นสองรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี TNGA เพื่อพิสูจน์ความแตกต่างแบบไม่ต้องเขาเล่าว่าอีกต่อไป ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกคันไม้คันมือยิกๆ ละ
สำหรับ TNGA ถูกโปรยไว้ว่าเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่จะเปลี่ยนทุกความรู้สึกของการขับขี่อย่างแท้จริง เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ได้ร่วมกันทั้งรถขนาดกลางไปจนถึงรถขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อธิบายให้เห็นภาพหน่อยก็เหมือนกับลูกชิ้นเสียบไม้ ถ้าลูกชิ้นลูกเดียวเสียบอยู่ด้านบนสุด มันก็จะทำให้ไม้โอนตัวหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้าลูกชิ้นเสียบอยู่ด้านล่างของไม้ ไม้ก็ไม่มีทางโอนตัวหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
ผลที่ได้คือ มันทำให้เราๆ ได้ใช้รถยนต์ที่น้ำหนักเบา แข็งแรง แต่ปลอดภัยสูง ซึ่งหลังจากนี้รถยนต์ของโตโยต้าทั้งหมดก็จะใช้เทคโนโลยีนี้เป็นมาตรฐานสากลทั้งโลก ง่ายๆ คือเมืองนอกใช้แบบไหนเราก็จะได้ใช้เหมือนกันนั่นเอง
สถานีทดสอบ On Road จะมีทั้งหมด 6 ฐาน แต่ละฐานก็จำลองมาจากการใช้งานในชีวิตประจำวันแต่ฮาร์ดคอร์บ้างเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการเบรกกะทันหัน การเข้าโค้ง การทำความเร็ว ซึ่งอีกหนึ่งนาทีต่อนี้ไปเราก็จะได้รู้กันละ TNGA แตกต่าง แบบที่ไม่ใช่เขาเล่าว่าแค่ไหน
เริ่มกันที่ด่านแรกฝึกความคุ้นเคย และ Slalom ทดสอบวงเลี้ยวที่ความเร็วต่ำ เป็นฐานที่ให้เราทำความคุ้นเคยกับรถ เช่นระยะการหมุนพวงมาลัย การประคองรถให้ไปตามทางที่คดเคี้ยว รวมถึงน้ำหนักการกดคันเร่ง และเบรก หรือพูดง่ายๆ สร้างความคุ้นเคยระหว่างคนขับกับตัวรถนั่นเอง
เราทดสอบสองรุ่น ฟีลลิ่งที่ได้ก็จะต่างกันอยู่บ้าง อย่าง CAMRY ก็จะได้ฟีลแบบสบายๆ สมูท นิ่ง เน้นใช้งานคล่องตัว ขณะที่ C-HR จะเป็นรถสปอร์ตคูเป้ก็จะให้อารมณ์ความสปอร์ตๆ แข็งๆ ดิบๆ แมนๆ พร้อมลุยไปทุกเส้นทาง ฮ่าๆ
ฐานสอง Wet Brake จะเป็นการหยุดรถกะทันหันบนพื้นถนนลื่นที่ความเร็ว 40 กิโลเมตร และการออกตัวบนพื้นที่เปียกเพื่อดูอาการล้อฟรี หรืออาการส่ายไปส่ายมา
ยอมรับตามตรงว่าเวลาที่ขับรถแล้วจะวิ่งผ่านน้ำ หรือถนนเปียกๆ ก็จะพยายามเซฟด้วยการแตะเบรกยั้งๆ ไม่ซัดแรง ฮ่าๆ แต่มันก็มีบางทีที่ใช้ความเร็วประมาณนึง เจอพื้นลื่น กดเบรกแล้วแต่มันไม่เบรกทันที ยังมีอาการลื่นๆ ไหลๆ รวมถึงพวงมาลัยที่ออกอาการสั่นๆ แต่พอได้ทดสอบเบรกกะทันหันจึ้ก ระบบ ABS ทำงานทันทีเหมือนเสียงรัวกลอง ตุบๆๆ วินาทีนั้นมือรีบหักหลบซ้ายหนีก่อนหักขวากลับมาในเลน แต่รถไม่มีอาการปัดให้กังวลเลย รถยังอยู่ในการควบคุมจวบจนหยุดนิ่ง
ส่วน TRC ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจแม้จะออกตัวบนพื้นลื่น เพราะรถไม่มีอาการปัดหรือลื่น อันเกิดจากการที่ล้อหน้า (ล้อขับ) หมุนเร็วกว่าล้อหลัง
ดูประสิทธิภาพเรื่องการเบรก การออกตัวบนพื้นลื่น ต่อไปจะได้สวมวิญญาณโดมินิค ทดสอบ Slalom วงเลี้ยวความเร็วสูง คราวนี้ล่ะ จัดการกดคันเร่งเพิ่ม แรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าดันหลังผมให้ชิดติดเบาะ ความเร็วขึ้นไปแตะที่ 40 กม./ชม. อย่างรวดเร็วก่อน จะเลี้ยงคันเร่งไว้ในช่วงการทดสอบ ได้ใจระหว่างการเลี้ยวซ้ายขวาสลับกับ ไม่รู้สึกว่ารถโคลงตัวเลย ใจสั่งมาแบบไหนรถไปได้แบบนั้น ช่วงล่างหนึบหนับได้ที่ ส่วนพวงมาลัยแม่นยำกระชับมือ เลี้ยวซ้ายรถไปซ้าย จับเลี้ยวขวารถไปขวา ไม่มีดื้อโค้ง
ต่อเนื่องด้วยการควบคุม ขณะเปลี่ยนเลน หรือหักหลบรถกะทันหัน Handling /Lane Change จำลองสถานการณ์ว่ามีอะไรตัดหน้า ใจก็คิดว่าแรงเหวี่ยงจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนช่วงที่ต้องหักหลบ แต่กลายเป็นว่าทั้ง CAMRY และ C-HR แรงเหวี่ยงน้อยกว่าที่คิด คือไม่ใช่ว่าไม่มีเลยนะ มีแต่อยู่ในระดับที่ว่าน้อย ซึ่งอันนี้เป็นการทำงานสอดประสานที่ดีมากของ TNGA ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และผนวกกับระบบเสริมแรงเบรก BA เพียงผมกดเบรกเบาๆ รถชะลอความเร็วลงมากจนแทบจะหยุดนิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่การลดความเร็วลงทันทีแบบนี้ ผมกลับไม่รู้สึกหัวทิ่มเหมือนรถทั่วไปแต่อย่างใด มันนุ่มนวลจริงๆ
ต่อกันที่ Acceleration Test ทดสอบอัตราเร่งและชะลอความเร็ว ในส่วนนี้จะเป็นการล้างความเชื่อที่ว่าเครื่องยนต์ไฮบริด ช้า อืด ที่เราได้ยินมาตลอด มันเหมือนกับว่าใช้ไฟฟ้าเหรอ ต้องรอเครื่องร้อนถึงจะทำงาน แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ระบบไฮบริดก็ตามชื่อ คือการบิดไปบิดมา การทำงานคือถ้าเราออกตัวด้วยความเร็วต่ำๆ ไม่ได้กดคันเร่งเหมือนรถติดและปล่อยไหล พลังงานจะมาจากมอเตอร์อย่างเดียว แต่ถ้าเราออกตัวเน้นแรง กดคันเร่งสุด เครื่องยนต์กับมอเตอร์จะรวมพลังกันขับเคลื่อน ดังนั้น ส่วนนี้ก็ไม่มีปัญหา จังหวะเร่งแรงทำได้ดี แต่ที่รู้สึกดีมากเลยคือเรื่องความเงียบนี่ละ ตอนเทสไดร์ฟ CAMRY เราก็จะได้ความสมูท เอาเป็นว่าถ้านั่งนานกว่านี้มีหลับ ฮ่าๆ แต่ถ้าเทสที่ตัว C-HR มันก็อีกอารมณ์ เงียบแบบไม่ต้องเปิดเพลงแข่งกับเสียงข้างนอก
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ Circular Track ทดสอบการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเบรกเพื่อดูอาการหน้าดื้อท้ายปัด ตัวเราก็ไม่ใช่คนเท้าหนักแต่อย่างใด ยิ่งมีอายุความปลอดภัยต้องมาก่อน ช้าหน่อยรอได้ พอ Instructor บอกพี่กดสาดไปเลยตอนเข้าโค้ง ทิ้งรถ และอย่าเพิ่งยกคันเร่งขึ้น บอกตรงๆ ตอนนั้นความเสียวแผ่ซ่าน แต่กลายเป็นว่าสัมผัสกับความเสียวได้เสี้ยวเดียวเท่านั้นล่ะ ความตะลึงมาแทน เพราะขนาดที่แทบจะทิ้งพวงมาลัย บวกกับความเร็วที่ใช้ยังอยู่เท่าเดิม แต่รถก็ยังอยู่ในโค้ง ทรงตัวดี เป็นเพราะการทำงานร่วมกันของระบบควบคุมการทรงตัว VSC ทำให้แรงเหวี่ยงขณะที่เราบังคับรถอยู่ถือว่าน้อยลงมาก ซึ่งถ้าไม่มีระบบนี้คุมอยู่ ผมว่าสวดมนต์ได้อย่างเดียวเลยล่ะ ฮา
พอตั้งสติขึ้นมาได้ จัดการกดเบรก สบายหายห่วง ไม่มีการโคลงเคลงเซท้ายเลย
เสี้ยวไส้กันระดับนึง มาต่อกันที่ Road Condition ทดสอบ Bridge Jump ถนนขรุขระ ลูกระนาด ขึ้นลงคอสะพาน เพื่อดูเรื่องการเก็บเสียง การสั่นสะเทือน ในบรรดาที่ทดสอบ ฐานนี้ต้องการสุด ชัดเจนสุด เพราะถนนเมืองไทยรู้กัน ในช่วงแรกเป็นการทดสอบการขึ้นคอสะพาน ยอมรับว่าแทบไม่รู้สึกว่าผ่านรอยต่อ หรืออาจจะเพราะที่นี่ยังจำลองคอสะพานกรุงเทพฯ มาไม่พอก็ไม่รู้
ด่านต่อไปขับบนถนนขรุขระ ลูกระนาด มองด้วยตาจากในรถ เห็นถึงความตะปุ่มตะป่ำเป็นคลื่น เสร็จแน่ หัวโยกหัวคลอนต้องมา แต่ไม่แฮะ แรงสั่นสะเทือนจากล้อที่ส่งถึงมือมีรู้สึกให้พอคันๆ ยิ้มในใจว่า ถ้าได้ใช้กับถนนเมืองไทยนี่คงช่วยผ่อนแรงมือไปเยอะ
ในเรื่องของช่วงล่าง อันนี้ก็อยากให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ เพราะความรู้สึกจะชัดมาก เราวิ่งบนถนนขรุขระ มีลูกระนาดตลอดทาง ซ้ายสูงที ขวาสูงที แต่รถก็ไม่มีอาการเอียงข้าง ไม่เด้งไปเด้งมา แต่ได้ความนุ่มนิ่ม ห้องโดยสารนี่นิ่งจนอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งพลขับไปเป็นผู้โดยสารแล้วหลับแทนเสีย
การเก็บเสียงค่อนข้างเงียบทั้งสองคันตามความรู้สึกนะ แทบจะเงียบมากเลยด้วยซ้ำ ถ้าเทียบว่าเป็นการขับอยู่บนถนนขรุขระ ลูกระนาด แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าขึ้นลูกระนาดเลยนะ มีความรู้สึกว่าขึ้นและลงอยู่เป็นคลื่นๆ เพียงแต่มันจะไม่หัวโยกด๊อกแด๊ก
ฐานสุดท้ายเป็นการทดสอบเรื่องการเลี้ยวในที่แคบ ข้อหนึ่งที่ทำให้เรายังไม่ถูกใจกับการใช้รถคันใหญ่ในเมืองหลวง ก็คือเรื่องของที่จอดรถ เลี้ยวทีใช้พื้นที่มาก ตีวงกว้างถึงจะไปได้ แต่ทั้งสองคัน ใหญ่ทั้งคู่ ทำให้เราว้าวได้ ในระยะรัศมีแค่นี้ผ่านไปโดยไม่ชนกรวยแต่อย่างใด แอบหลงชมตัวเองนึกว่าฝีมือ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องของการออกแบบ กับตัวบอดี้รถที่เตี้ยลงอันเกิดจากจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ลดพวกจุดอับสายตา บริเวณมุมด้านหน้าฝากระโปรงและกระจกมองข้าง กับเสาเอ (A Pillar) ทำให้เรากะระยะด้านหน้ากับด้านข้างได้แม่นขึ้น
จบการเทสไดร์ฟใช้เวลาราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง Instructor ให้ข้อมูลให้ความรู้ดี และในที่สุดได้คำตอบให้กับตัวเองว่า TNGA แตกต่างอย่างไร และควบคุมได้อย่างมั่นใจด้วยตัวเองแบบที่เขาไม่ต้องเล่าว่า
ก่อนจบย้อนกลับไปคำที่ โตโยต้าบอกว่า TNGA จะเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่จะมาปรับเปลี่ยนการขับขี่ในอนาคต ผมว่าไม่เกินจริง ถึงแต่ละฐานจะเป็นเหตุการณ์ที่เจอในชีวิตจริงได้น้อย แต่ที่แน่ๆ คือ มันทำให้เรามั่นใจ รู้สึกได้ว่าการใช้รถราคันนี้มันจะเซฟตัวเราได้ อยากได้อารมณ์สนุก การเร่งการแซงก็ทำได้ แต่บทจะต้องการเซฟจากเหตุฉุกเฉินก็ไม่มีปัญหา จะเลือกรถใช้สักคันที่สุดแล้ว ความสวย ความแพงไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัย
เล่ามาซะยาวเอาเป็นว่าก็อยากให้ไปลองพิสูจน์เทคโนโลยี Toyata TNGA The Perfection of Movement อ่านแล้วมันก็ไม่อินเท่าไปเทส เอง อยากเทสรถรุ่นไหนของโตโยต้าได้หมด ที่นี่ไม่มีเซลล์ขาย ทดสอบกันได้แบบสบายๆ ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
[Advertorial]
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน