วัดป่า...มหาสนุก 25
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )
วันที่พวกเรา ไปถึงบ้านของ ป๋ายุง และเจ๊ซูซี่ เป็นช่วงสาย ๆ สัก 10 โมงเช้า มีพระธรรมทูตชื่อ พระ อ.จ่อย ไปด้วย
บ้านแกหลังใหญ่ อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรของคนรวย คนมีระดับ
แต่พอจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน หลวงตาฯ ท่านชะงักนิดนึง ยืนนิ่งเหลียวมองหาอะไรบางอย่าง แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน
หลังจากที่เข้าไปนั่งในห้องที่เค้าจัดเตรียมต้อนรับไว้ ขณะที่กำลังพูดคุยผ่านพระ อ.จ่อย เราจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
มันคือ...ความร้อน ความระทม ความอึดอัดไม่สบาย คล้าย ๆ กับบ้านมันขาดอ๊อกซิเจน ความสุขบางอย่างมันขาดหายไป
ลูก ๆ ที่โตเป็นหนุ่ม เป็นสาวแล้วก็มานั่งมอง พวกเราเหมือนเป็นของแปลก หรือเหมือนมองหาคำตอบ มองหาความเข้าใจ
มองเข้าไปในแววตาของพวกเค้า มันมีแต่ความสงสัย ปัญหา และความระทมทุกข์บาง ๆ ที่เข้าใจยาก
บรรยากาศการสนทนา เป็นตัวพระ อ.จ่อย ท่านพูดอยู่เกือบตลอด...เราก็ฟังไม่ออก เพราะเป็นภาษาอินโดฯ
จนในที่สุด เจ๊ซูซี่ พยักหน้าให้ ป๋ายุง ถามพวกเราว่า...บ้านที่พวกเค้าอยู่นี่เป็นอย่างไรบ้าง
หลวงตาฯ ท่านนั่งรอจังหวะมาดหมายอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
หลวงพ่อ...ท่านนั่งนิ่งมอง ครอบครัวเค้าทีละคน ๆ ๆ ๆ แล้วพยักหน้าเรียกผมเข้าไป ให้ถามเค้าว่าอยากรู้จริง ๆ หรือเปล่า
ถ้าบอกอะไรแล้วจะยอมเชื่อ ยอมทำตามมั้ย....
ตัวพระ อ.จ่อย ถึงกับหน้าตื่น ช่วยแปลให้พวกเค้าฟัง
ป๋ายุง กับซูซี่ มองจ้องเขม็ง อ้าปากรอฟังด้วยใจจดจ่อ
แต่บรรดาลูก ๆ ที่ดูแล้วแต่ละคน ฉลาดเจ้าเล่ห์แบบลูกพ่อค้า มองพวกเราว่า...จะมาไม้ไหน จะเล่นลวดลายอะไร
พระ อ.จ่อย พยายามปรับบรรยากาศให้กลับมาปรกติ พูดชมบ้านของพวกเค้าว่า...สวยงามใหญ่โต
แล้วหัวเราะบอกอีกว่า. หลวงพ่อแค่อยากให้ปรับฮวงจุ้ยนิดหน่อย ละมั้ง
แต่...หลวงตา หันมาสั่งผมแบบชัดเจนว่า....บอกให้เค้าไปปล่อยนก ซะ
พระ อ.จ่อย หันมาถามหลวงตาฯ ว่า ...นกอะไรครับ นกอะไรเหรอ จะให้เค้าทำอะไรเหรอ
แล้วหันไปหา หลวงพ่อ... แต่ท่านนั่งนิ่งเฉย ซึ่งผมรู้ว่า...ท่านกำลังเพ่งพิจารณา อะไรบางอย่าง
หลวงตาฯ ท่านสำทับอีกว่า...บอกเค้าไปว่า ให้ไปปล่อยนก ที่เค้าเลี้ยงไว้ซะ
พระ อ.จ่อย กลับบอกว่า...จะได้ยังไง ป๋ายุง แกชอบเลี้ยงนกที่มีเสียงร้องไพเราะ พวกนกเขา นกกรงหัวจุก
ราคาตัวละเกือบแสน นะ แกรักเป็นชีวิตจิตใจเลย
หลวงตาฯ ท่านหันไปทำตาดุ....บอกเค้าให้ปล่อยให้หมดทั้ง 4 กรงนะ มันทุกข์ทรมาน มันไม่ได้ร้องเพลง นะ...มันสาปแช่งอยู่ทุกวัน
พระ อ.จ่อย ถึงกับหงายหลังพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกพวกเค้า....
แต่ป๋ายุง กับครอบครัว เค้าจับสังเกตุถึงการพูดตอบโต้กันของเรา และเห็นหลวงพ่อ....ท่านนั่งนิ่งผิดปรกติ
เค้าพยายามถาม พระ อ.จ่อย ว่าหลวงตาท่านว่ายังไง เหรอ
ในที่สุดก็ตอบพวกเค้าไปว่า...หลวงตา ท่านอยากให้พวกเค้าไปทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาที่ตลาดเอาบุญ จะได้ค้าขายรวย ๆ
ป๋ายุง แกพยักหน้าเข้าใจ...เพราะแกเคยซื้อนก ซื้อปลา ตามวัดปล่อยเอาบุญเหมือนกัน
ผมหันไปถามกับ ลูก ๆ ของเจ๊ ซูซี่ ว่า...พระ อ.จ่อย ท่านบอกว่ายังไง
พวกเค้าก็แปลให้ผมฟังเป็นภาษาอังกฤษ...ผมก็รายงานหลวงตาฯ อีกที
หลวงตาฯ หันไปหาพระ อ.จ่อย บอกให้....หุบปาก แล้วให้ผมพูดกับพวกเค้าตามที่ท่านบอกแบบ คำต่อคำ
....ให้ไปปล่อยนก ที่ขังเอาไว้ทั้ง 4 กรง ให้หมด พวกมันเป็นทุกข์มาก
มันคิดถึงบ้าน คิดถึงป่า คิดถึงพ่อแม่ เมียและลูก ๆ ของมันที่ยังเล็กนัก
มันร่ำร้องหา....นกตัวอื่น ๆ เพื่อจะให้มาช่วย เพื่อให้ไปบอกข่าว กับครอบครัวมันด้วย
มันร้องสาปแช่ง คนที่เอามันมาขังไว้ ....มันไม่เข้าใจว่าเอามาขังไว้ทำไม
พวกมัน.....อ ย า ก ก ลั บ บ้ า น
โอ๊ย...ผมแปลซะเหนื่อย กว่าจะได้เนื้อความทั้งหมด
บรรดาลูก ๆ ถึงกับหน้าตื่น ลูกสาวคนเล็กถึงกับหน้าถอดสี รีบแปลเป็นภาษาอินโดฯ ให้แม่ฟังทุกคำ
แต่ตัว ป๋ายุง ฟังแล้วหน้าหงิก หน้างอ ไม่พอใจอย่างมาก แกรักนกพวกนี้และเสียดายเพิ่งซื้อมาตัวละเกือบแสน มีตั้งหลายตัว
ส่วนพระ อ.จ่อย พอเห็น ป๋ายุง หน้าหงิกก็ตกใจ พยายามพูดกลบเกลื่อนอะไรก็ไม่รู้...ฟังไม่ออก
หลวงพ่อ...ท่านบอกกับผมว่า บอกให้ ซูซี่ ฟังว่า......
ในชาติภพ ก่อน ๆ โน้น มีอยู่ชาตินึงที่ ทั้ง ป๋ายุง และซูซี่ เกิดเป็น....กินนร กินนรี ผัวเมียอยู่บนภูเขาสูง
และได้เคยมีวิบากกรรม กับพวกนก ด้วยกัน
ทำให้ชาตินี้ ได้มาครองคู่กันอีก แต่ก็ปลุกสัญญาเดิมของกันและกันขึ้นมาให้มีความรัก ความชอบพวก นก เป็นชีวิตจิตใจ
แต่วิบากรรม ก็ตามมาหาทั้งสองคนด้วยเหมือนกัน จึงมาเลี้ยงดู กักขัง รังแก นกเหล่านี้ไปด้วยตาม...วิบากกรรมสัมพันธ์
คุณคิดดูสิ ว่า....สิ่งที่หลวงพ่อพูด มันจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ ได้ยากเย็นแค่ไหน...ด้วยความรู้แบบกระท่อน กระแท่นของผม
แต่พอรวมหัว คุยกัน พร้อมทั้งเปิดรูป กินนร กินนรี จากในอินเตอร์เนทที่โทรศัพท์มือถือ
เจ๊ซูซี่ แกน้ำตาร่วงเผาะ ....เผาะ ลุกสาวก็พลอยร้องไห้ปลอบแม่ไปด้วย
ป๋ายุง แกอารมณ์เสีย ส่ายหน้า ไม่เอาด้วยท่าเดียว แกรักของแก
พวกลูกชาย นิ่งอึ้งมองทุกอย่าง ทุกคน และคิดตามตลอดเวลา หน้านิ่งมากไม่พูดอะไรสักคำ
ช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุการณ์ประหลาดอยู่นั้น...หลวงตาฯ ท่านแสดงออกถึงความแน่วแน่
ว่าวันนี้เป็นไงเป็นกัน ท่านจะขอบิณฑบาต เอานกทั้ง 4 กรงนั่นให้ได้
ซี่งผมไม่เคยเห็นท่าทางที่ แข็งขันเอาจริงแบบนี้ของท่านมาก่อนเลย
สักพักนึง ขณะที่ยังตึงเครียดอยู่นั้น...ลุกชายคนโตเดินไปพูดอะไรบางอย่างเบา ๆ กับพ่อของเค้า
แล้วเดินไป กระซิบข้างหูแม่อะไรก็ไม่รู้
เจ๊ ซูซี่ ก็หันมาลากมือผมออกมานอกบ้าน พร้อมลูกสาวของแก
ให้ลูกสาว บอกกับผมว่า...ให้บอกกับ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าเค้าซาบซึ้งใจท่านมาก
ที่เมตตาบอกถึงต้นตอของปัญหา ที่ทำให้ครอบครัวของเค้าตกอยู่ในความทุกข์ ความอึดอัดมาตลอดหลายสิบปี
ไม่เคยมีใครพูดกับพวกเค้าอย่างนี้มาก่อนเลย ...แม้แต่ พระจีนมหายาน ที่ ป๋ายุง แกเคารพนักหนา ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว
ให้ผมบอก หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ....ว่า ไม่ต้องห่วงนะ นกพวกนี้ทั้งหมด จะได้กลับไปสู่ป่าแน่นอน
แกสัญญาด้วยชีวิตเลยว่า แกจะพาพวกมันกลับไปสู่ป่าให้ได้
เพียงแต่ขอเวลาให้ ป๋ายุง แกเย็นลงกว่านี้หน่อย เพราะแกรักของแกมาก
แล้วเจ๊แก ก็ร้องไห้ออกมาอีก...แต่เป็นการร้องไห้ ด้วยความดีใจ ความโล่งใจ ความปลอดโปร่ง ร้องไปยิ้มไป กอดกันทั้งแม่ทั้งลูก
พอตอนจะกลับออกจากบ้านของพวกเค้า ก็เล่นเอาผมเหนื่อยอ่อน แต่สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
ทั้ง ป๋ายุง และ เจ๊ซูซี่ ทำเอาพวกเราอึ้งอีกครั้ง เข้ามาคุกเข่า....กราบเท้าหลวงตาฯ และหลวงพ่อ....กราบแล้ว กราบอีก
ออกมาหน้าบ้าน ผมพยายามมองหากรงนก ว่าอยู่ตรงไหน...
อ๋อ อยุ่ที่มุมระเบียงบ้านชั้น 2 แต่มองไม่เห็นถนัดสักหน่อย แล้วหลวงตาฯ ท่านเห็นได้ยังไงกัน นะ
ได้มาทราบทีหลังว่า...ป๋ายุง ได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษา พระอาจารย์ของเค้าว่าเป็นจริงมั้ย เชื่อถือเรื่องนี้ได้มั้ย
อีกหลายวันต่อมา ผมได้รับ คลิปวีดีโอ เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ ป๋ายุง กับพระจีน
กำลังช่วยกันปล่อยนกหลายตัว ในป่าแห่งหนึ่ง.....
เอาไปถวายให้ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ดู ท่านหัวเราะกันแล้วพูดว่า ไม่เสียทีที่อุตสาห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลตั้งไกล
ครั้งนี้ช่วยได้หลายชีวิต และยังช่วยปูทางให้ เถรวาท ได้เติบโตในประเทศอินโดฯ ด้วย
หลวงพ่อ...ท่านว่า มันเป็นวิบากกรรม ของพวกเค้า กับพวกนกเหล่านั้น
อีกปีถัดมา ได้ทราบข่าวเพิ่มเติมว่า....ป๋ายุง หันมาศรัทธา พุทธศาสนา แบบวัดป่า หาทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดป่า ในเมืองไทย
และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงชักชวนเพื่อนๆ นักธุรกิจ ให้มาค้นหาแก่น ธรรมะ อย่างจริงจัง
ทั้งยังตามหา หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าอยู่ที่ไหน จะพาทั้งครอบครัวมากราบท่าน...
พวกเราคนไทย ไม่รู้หรอกว่าโชคดีขนาดไหน
ที่ได้มาอยู่ในดินแดนแห่ง...พระพุทธศาสนา
ได้กราบ พระพุทธรูป ตัวแทน พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
ได้ฟังธรรม เข้าถึง แก่นแกนของธรรมะ ได้ง่ายดาย
ได้เห็น ได้ทำบุญใส่บาตร กับพระสงฆ์ พระอริยะ
คนอื่น ชาติอื่น เค้าอยากจะได้ อยากจะสัมผัสสิ่งประเสริฐอย่างนี้
แต่...กรรม บางอย่างก็ปิดกั้นพวกเค้าไว้
พวกเราน่ะ ช่างโชคดี แค่ไหน...
รู้กันบ้าง มั้ย
อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564
วัดป่า...มหาสนุก 26
https://ppantip.com/topic/39236917
วัดป่า...มหาสนุก 25
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )
วันที่พวกเรา ไปถึงบ้านของ ป๋ายุง และเจ๊ซูซี่ เป็นช่วงสาย ๆ สัก 10 โมงเช้า มีพระธรรมทูตชื่อ พระ อ.จ่อย ไปด้วย
บ้านแกหลังใหญ่ อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรของคนรวย คนมีระดับ
แต่พอจะก้าวเดินเข้าไปในบ้าน หลวงตาฯ ท่านชะงักนิดนึง ยืนนิ่งเหลียวมองหาอะไรบางอย่าง แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน
หลังจากที่เข้าไปนั่งในห้องที่เค้าจัดเตรียมต้อนรับไว้ ขณะที่กำลังพูดคุยผ่านพระ อ.จ่อย เราจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
มันคือ...ความร้อน ความระทม ความอึดอัดไม่สบาย คล้าย ๆ กับบ้านมันขาดอ๊อกซิเจน ความสุขบางอย่างมันขาดหายไป
ลูก ๆ ที่โตเป็นหนุ่ม เป็นสาวแล้วก็มานั่งมอง พวกเราเหมือนเป็นของแปลก หรือเหมือนมองหาคำตอบ มองหาความเข้าใจ
มองเข้าไปในแววตาของพวกเค้า มันมีแต่ความสงสัย ปัญหา และความระทมทุกข์บาง ๆ ที่เข้าใจยาก
บรรยากาศการสนทนา เป็นตัวพระ อ.จ่อย ท่านพูดอยู่เกือบตลอด...เราก็ฟังไม่ออก เพราะเป็นภาษาอินโดฯ
จนในที่สุด เจ๊ซูซี่ พยักหน้าให้ ป๋ายุง ถามพวกเราว่า...บ้านที่พวกเค้าอยู่นี่เป็นอย่างไรบ้าง
หลวงตาฯ ท่านนั่งรอจังหวะมาดหมายอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
หลวงพ่อ...ท่านนั่งนิ่งมอง ครอบครัวเค้าทีละคน ๆ ๆ ๆ แล้วพยักหน้าเรียกผมเข้าไป ให้ถามเค้าว่าอยากรู้จริง ๆ หรือเปล่า
ถ้าบอกอะไรแล้วจะยอมเชื่อ ยอมทำตามมั้ย....
ตัวพระ อ.จ่อย ถึงกับหน้าตื่น ช่วยแปลให้พวกเค้าฟัง
ป๋ายุง กับซูซี่ มองจ้องเขม็ง อ้าปากรอฟังด้วยใจจดจ่อ
แต่บรรดาลูก ๆ ที่ดูแล้วแต่ละคน ฉลาดเจ้าเล่ห์แบบลูกพ่อค้า มองพวกเราว่า...จะมาไม้ไหน จะเล่นลวดลายอะไร
พระ อ.จ่อย พยายามปรับบรรยากาศให้กลับมาปรกติ พูดชมบ้านของพวกเค้าว่า...สวยงามใหญ่โต
แล้วหัวเราะบอกอีกว่า. หลวงพ่อแค่อยากให้ปรับฮวงจุ้ยนิดหน่อย ละมั้ง
แต่...หลวงตา หันมาสั่งผมแบบชัดเจนว่า....บอกให้เค้าไปปล่อยนก ซะ
พระ อ.จ่อย หันมาถามหลวงตาฯ ว่า ...นกอะไรครับ นกอะไรเหรอ จะให้เค้าทำอะไรเหรอ
แล้วหันไปหา หลวงพ่อ... แต่ท่านนั่งนิ่งเฉย ซึ่งผมรู้ว่า...ท่านกำลังเพ่งพิจารณา อะไรบางอย่าง
หลวงตาฯ ท่านสำทับอีกว่า...บอกเค้าไปว่า ให้ไปปล่อยนก ที่เค้าเลี้ยงไว้ซะ
พระ อ.จ่อย กลับบอกว่า...จะได้ยังไง ป๋ายุง แกชอบเลี้ยงนกที่มีเสียงร้องไพเราะ พวกนกเขา นกกรงหัวจุก
ราคาตัวละเกือบแสน นะ แกรักเป็นชีวิตจิตใจเลย
หลวงตาฯ ท่านหันไปทำตาดุ....บอกเค้าให้ปล่อยให้หมดทั้ง 4 กรงนะ มันทุกข์ทรมาน มันไม่ได้ร้องเพลง นะ...มันสาปแช่งอยู่ทุกวัน
พระ อ.จ่อย ถึงกับหงายหลังพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกพวกเค้า....
แต่ป๋ายุง กับครอบครัว เค้าจับสังเกตุถึงการพูดตอบโต้กันของเรา และเห็นหลวงพ่อ....ท่านนั่งนิ่งผิดปรกติ
เค้าพยายามถาม พระ อ.จ่อย ว่าหลวงตาท่านว่ายังไง เหรอ
ในที่สุดก็ตอบพวกเค้าไปว่า...หลวงตา ท่านอยากให้พวกเค้าไปทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาที่ตลาดเอาบุญ จะได้ค้าขายรวย ๆ
ป๋ายุง แกพยักหน้าเข้าใจ...เพราะแกเคยซื้อนก ซื้อปลา ตามวัดปล่อยเอาบุญเหมือนกัน
ผมหันไปถามกับ ลูก ๆ ของเจ๊ ซูซี่ ว่า...พระ อ.จ่อย ท่านบอกว่ายังไง
พวกเค้าก็แปลให้ผมฟังเป็นภาษาอังกฤษ...ผมก็รายงานหลวงตาฯ อีกที
หลวงตาฯ หันไปหาพระ อ.จ่อย บอกให้....หุบปาก แล้วให้ผมพูดกับพวกเค้าตามที่ท่านบอกแบบ คำต่อคำ
....ให้ไปปล่อยนก ที่ขังเอาไว้ทั้ง 4 กรง ให้หมด พวกมันเป็นทุกข์มาก
มันคิดถึงบ้าน คิดถึงป่า คิดถึงพ่อแม่ เมียและลูก ๆ ของมันที่ยังเล็กนัก
มันร่ำร้องหา....นกตัวอื่น ๆ เพื่อจะให้มาช่วย เพื่อให้ไปบอกข่าว กับครอบครัวมันด้วย
มันร้องสาปแช่ง คนที่เอามันมาขังไว้ ....มันไม่เข้าใจว่าเอามาขังไว้ทำไม
พวกมัน.....อ ย า ก ก ลั บ บ้ า น
โอ๊ย...ผมแปลซะเหนื่อย กว่าจะได้เนื้อความทั้งหมด
บรรดาลูก ๆ ถึงกับหน้าตื่น ลูกสาวคนเล็กถึงกับหน้าถอดสี รีบแปลเป็นภาษาอินโดฯ ให้แม่ฟังทุกคำ
แต่ตัว ป๋ายุง ฟังแล้วหน้าหงิก หน้างอ ไม่พอใจอย่างมาก แกรักนกพวกนี้และเสียดายเพิ่งซื้อมาตัวละเกือบแสน มีตั้งหลายตัว
ส่วนพระ อ.จ่อย พอเห็น ป๋ายุง หน้าหงิกก็ตกใจ พยายามพูดกลบเกลื่อนอะไรก็ไม่รู้...ฟังไม่ออก
หลวงพ่อ...ท่านบอกกับผมว่า บอกให้ ซูซี่ ฟังว่า......
ในชาติภพ ก่อน ๆ โน้น มีอยู่ชาตินึงที่ ทั้ง ป๋ายุง และซูซี่ เกิดเป็น....กินนร กินนรี ผัวเมียอยู่บนภูเขาสูง
และได้เคยมีวิบากกรรม กับพวกนก ด้วยกัน
ทำให้ชาตินี้ ได้มาครองคู่กันอีก แต่ก็ปลุกสัญญาเดิมของกันและกันขึ้นมาให้มีความรัก ความชอบพวก นก เป็นชีวิตจิตใจ
แต่วิบากรรม ก็ตามมาหาทั้งสองคนด้วยเหมือนกัน จึงมาเลี้ยงดู กักขัง รังแก นกเหล่านี้ไปด้วยตาม...วิบากกรรมสัมพันธ์
คุณคิดดูสิ ว่า....สิ่งที่หลวงพ่อพูด มันจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ ได้ยากเย็นแค่ไหน...ด้วยความรู้แบบกระท่อน กระแท่นของผม
แต่พอรวมหัว คุยกัน พร้อมทั้งเปิดรูป กินนร กินนรี จากในอินเตอร์เนทที่โทรศัพท์มือถือ
เจ๊ซูซี่ แกน้ำตาร่วงเผาะ ....เผาะ ลุกสาวก็พลอยร้องไห้ปลอบแม่ไปด้วย
ป๋ายุง แกอารมณ์เสีย ส่ายหน้า ไม่เอาด้วยท่าเดียว แกรักของแก
พวกลูกชาย นิ่งอึ้งมองทุกอย่าง ทุกคน และคิดตามตลอดเวลา หน้านิ่งมากไม่พูดอะไรสักคำ
ช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุการณ์ประหลาดอยู่นั้น...หลวงตาฯ ท่านแสดงออกถึงความแน่วแน่
ว่าวันนี้เป็นไงเป็นกัน ท่านจะขอบิณฑบาต เอานกทั้ง 4 กรงนั่นให้ได้
ซี่งผมไม่เคยเห็นท่าทางที่ แข็งขันเอาจริงแบบนี้ของท่านมาก่อนเลย
สักพักนึง ขณะที่ยังตึงเครียดอยู่นั้น...ลุกชายคนโตเดินไปพูดอะไรบางอย่างเบา ๆ กับพ่อของเค้า
แล้วเดินไป กระซิบข้างหูแม่อะไรก็ไม่รู้
เจ๊ ซูซี่ ก็หันมาลากมือผมออกมานอกบ้าน พร้อมลูกสาวของแก
ให้ลูกสาว บอกกับผมว่า...ให้บอกกับ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าเค้าซาบซึ้งใจท่านมาก
ที่เมตตาบอกถึงต้นตอของปัญหา ที่ทำให้ครอบครัวของเค้าตกอยู่ในความทุกข์ ความอึดอัดมาตลอดหลายสิบปี
ไม่เคยมีใครพูดกับพวกเค้าอย่างนี้มาก่อนเลย ...แม้แต่ พระจีนมหายาน ที่ ป๋ายุง แกเคารพนักหนา ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว
ให้ผมบอก หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ....ว่า ไม่ต้องห่วงนะ นกพวกนี้ทั้งหมด จะได้กลับไปสู่ป่าแน่นอน
แกสัญญาด้วยชีวิตเลยว่า แกจะพาพวกมันกลับไปสู่ป่าให้ได้
เพียงแต่ขอเวลาให้ ป๋ายุง แกเย็นลงกว่านี้หน่อย เพราะแกรักของแกมาก
แล้วเจ๊แก ก็ร้องไห้ออกมาอีก...แต่เป็นการร้องไห้ ด้วยความดีใจ ความโล่งใจ ความปลอดโปร่ง ร้องไปยิ้มไป กอดกันทั้งแม่ทั้งลูก
พอตอนจะกลับออกจากบ้านของพวกเค้า ก็เล่นเอาผมเหนื่อยอ่อน แต่สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
ทั้ง ป๋ายุง และ เจ๊ซูซี่ ทำเอาพวกเราอึ้งอีกครั้ง เข้ามาคุกเข่า....กราบเท้าหลวงตาฯ และหลวงพ่อ....กราบแล้ว กราบอีก
ออกมาหน้าบ้าน ผมพยายามมองหากรงนก ว่าอยู่ตรงไหน...
อ๋อ อยุ่ที่มุมระเบียงบ้านชั้น 2 แต่มองไม่เห็นถนัดสักหน่อย แล้วหลวงตาฯ ท่านเห็นได้ยังไงกัน นะ
ได้มาทราบทีหลังว่า...ป๋ายุง ได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษา พระอาจารย์ของเค้าว่าเป็นจริงมั้ย เชื่อถือเรื่องนี้ได้มั้ย
อีกหลายวันต่อมา ผมได้รับ คลิปวีดีโอ เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ ป๋ายุง กับพระจีน
กำลังช่วยกันปล่อยนกหลายตัว ในป่าแห่งหนึ่ง.....
เอาไปถวายให้ หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ดู ท่านหัวเราะกันแล้วพูดว่า ไม่เสียทีที่อุตสาห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลตั้งไกล
ครั้งนี้ช่วยได้หลายชีวิต และยังช่วยปูทางให้ เถรวาท ได้เติบโตในประเทศอินโดฯ ด้วย
หลวงพ่อ...ท่านว่า มันเป็นวิบากกรรม ของพวกเค้า กับพวกนกเหล่านั้น
อีกปีถัดมา ได้ทราบข่าวเพิ่มเติมว่า....ป๋ายุง หันมาศรัทธา พุทธศาสนา แบบวัดป่า หาทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดป่า ในเมืองไทย
และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงชักชวนเพื่อนๆ นักธุรกิจ ให้มาค้นหาแก่น ธรรมะ อย่างจริงจัง
ทั้งยังตามหา หลวงตาฯ กับหลวงพ่อ...ว่าอยู่ที่ไหน จะพาทั้งครอบครัวมากราบท่าน...
พวกเราคนไทย ไม่รู้หรอกว่าโชคดีขนาดไหน
ที่ได้มาอยู่ในดินแดนแห่ง...พระพุทธศาสนา
ได้กราบ พระพุทธรูป ตัวแทน พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า
ได้ฟังธรรม เข้าถึง แก่นแกนของธรรมะ ได้ง่ายดาย
ได้เห็น ได้ทำบุญใส่บาตร กับพระสงฆ์ พระอริยะ
คนอื่น ชาติอื่น เค้าอยากจะได้ อยากจะสัมผัสสิ่งประเสริฐอย่างนี้
แต่...กรรม บางอย่างก็ปิดกั้นพวกเค้าไว้
พวกเราน่ะ ช่างโชคดี แค่ไหน...
รู้กันบ้าง มั้ย
อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564
วัดป่า...มหาสนุก 26
https://ppantip.com/topic/39236917