เลือกหุ้น ให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต
การลงทุนแบบ VI คืออะไร? ..
การลงทุนแบบ VI หรือ Value Investor คือ การลงทุนโดยเน้นไปที่คุณค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนไป
ซึ่งวิธีการของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนก็จะเลือกดูที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
บางคนก็จะคำนวณมูลค่าของบริษัทว่าต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นหรือไม่
หรือ บางคนก็ดูโอกาสในการเติบโตของทิศทางกำไรของบริษัทเพื่อประโยชน์ในด้านเงินปันผลที่นักลงทุนจะได้รับกลับคืนมา
แต่สิ่งที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเห็นตรงกัน เหมือนกันเลย คือ ระยะเวลาในการลงทุนในหลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลา ..
ยิ่งลงทุนด้วยระยะเวลายาวนานเท่าใด ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ในที่นี้ ผู้เขียนอยากอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจและเห็นภาพได้โดยง่ายด้วยการยกตัวอย่าง การเลือกลงทุนในหุ้นสักตัวในระยะยาว สามารถใช้เครื่องมือใดได้บ้าง ..
-----
5.) มองเห็นคุณค่าในตัวเขา แม้ใครจะไม่เห็นก็ตาม ..
เปรียบเทียบกับหุ้น หุ้นตัวนี้อาจจะไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มีใครเชียร์ อยู่นอกสายตา
แต่คุณกลับมองเห็นคนๆนี้ต่างออกไป ผู้หญิงคนนี้ทำไมช่างมีเสน่ห์อย่างนี้นะ มีรอยยิ้มตลอดเวลาเลย ไม่อายที่จะคุยเฮอากับเรา
เวลากินก็กินได้ดูอร่อยมากๆไม่ห่วงสวยเลย อาจเรียกได้ว่าเป็น “คุณค่าในด้านความสุข เมื่ออยู่ด้วยกัน"
ซึ่งคุณชอบและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ มันก็เป็น “คุณค่าด้านความสบายใจ” หรือแม้กระทั่ง ความรู้สึกปลอดภัย เช่น ทำไมผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นจัง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่อีกคนอาจจะมองว่า ผู้ชายคนนี้ทำไมดูน่ากลัวจัง และกลัวที่จะเข้าใกล้
ซึ่งการวัดคุณค่าในมุมมองของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป
คุณอาจจะวัดคุณค่าคนจากรูปร่างหน้าตา ความน่าเชื่อถือ ฐานะทางการเงิน ประวัติชีวิตที่ผ่านมา ความสำเร็จ
ยกตัวอย่าง คุณเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ที่บ้านไม่ได้มีพร้อม พ่อแม่ไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ถ้าเขาเป็นคนขยัน อดทน หมั่นเพียร แต่วันหนึ่งเขากลับก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณให้โอกาสคนที่คุณคบและใช้ชีวิตมาด้วยกันตั้งแต่วันที่ไม่มีอะไร วันที่เขาประสบความสำเร็จ คุณก็ได้เห็นแล้วว่า “คุณค่าในความเชื่อมั่นในตัวเขา” ที่คุณมอบให้มันไม่เสียเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะเอาตรงนี้เป็นแรงผลักดันตัวเองจนประสบความสำเร็จ ดังที่มีคำกล่าวที่เราเคยได้ยินว่า “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักจะมีผู้หญิงที่สนับสนุนเขาอยู่” นั่น เพราะคุณเชื่อมั่นในคุณค่าในตัวเขาที่คุณมองเห็น
หากเปรียบเทียบกับธุรกิจก็คือ “โอกาสทางธุรกิจ” นั่นเอง คุณให้โอกาสเขาและคาดว่าเขาจะสามารถหาหนทางในการดำเนินธุรกิจเมื่อมีโอกาส
หรือ หากคุณคาดเดาด้วยตนเองได้ไม่ดีพอ ให้ลองศึกษา “รายงานประจำปี” ของเขา
-----
4.) อยากเป็นส่วนหนึ่งของภาพในอนาคตของเขา
มันเหมือนกับ “
รายงานประจำปี” ของบริษัทฯ มันก็คือ สิ่งที่เขาทำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเจออะไรมาบ้าง แล้วเขาทำอย่างไร รวมไปถึงแผนที่เขาวางอนาคตไว้ ว่าเขาอยากจะทำอะไรเมื่อไหร่ และอะไรสำคัญกับเขาในตอนนี้และในต่อๆไป
หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ก็เหมือนสิ่งที่ให้เราอ่านก่อนตัดสินใจคบกับคนๆหนึ่ง หรือตัดสินใจ เลือกหุ้น ..
- ปีนี้เขามีสินทรัพย์ในชื่อตัวเอง xxx,xxx บาทแล้วนะ และวางแผนไว้ว่าในอีก 5 ปี เขาจะมีสินทรัพย์ทั้งหมด 1,000,000 บาท
- เขาวางแผนแต่งงานและสร้างครอบครัวไว้ตอนอายุ 27-30 ปี เพราะอยากให้ตัวเองมั่นคง พอที่จะเลี้ยงภรรยาและลูกได้อย่างมีคุณภาพ ได้เรียนโรงเรียนดีๆ ได้เติบโตมาในที่ๆดี
- เขาอยากมีลูก 2 คน ให้เป็นพี่น้องไว้คอยดูแลกัน
- เขาวางแผนไว้ว่าจะเปิดบริษัทของตัวเอง และอยากกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด
- ข้อดี คือ เขาเป็นคนขยัน อดออม และรู้จักวางแผนชีวิต ข้อเสีย คือ เขาอาจจะทำงานจนไม่ค่อยมีเวลา เขาอาจจะไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรักเท่าไหร่
ฯลฯ
ถ้าคุณเป็นผู้ที่อ่านรายงานประจำปีเล่มนี้แล้วคุณสนใจในตัวคนๆนี้ หรือแม้กระทั่งแผนที่เขาวางไว้ มันสอดคล้อง คล้ายๆกับแผนในชีวิตของคุณเอง คุณอาจจะอยากอยู่ร่วมอนาคตกับเขา เพราะคุณก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในแผนอนาคตของเรา และคุณคิดว่าคุณอยู่ร่วมกับเขาได้
-----
3.) มองเห็นความมั่นคง ความจริงใจในตัวเขา
3.1 “ความมั่นคง” อาจจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่นของเขาที่มี่ต่อการใช้ชีวิต หรือ หากจะดูที่ความมั่นคงฐานะการเงินของเขา ก็ต้องดูหน้าที่การงานของเขาทำ ก็ต้องรู้ว่าเขารวยจริงๆไหม หรือ หนี้สินที่เขามีเป็นหนี้สินที่เปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้ไหม หรือเป็นหนี้สินที่สูญเปล่า เขาจะมีเงินอยู่ร่วมกับเราในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ รอบเดบิตรายรับของเขาเป็น 30 วัน (เดือน) แต่รอบเครดิตรายจ่ายของเขาทุก 5 วัน อย่างนี้ เขาจะมีเงินสดในมือเพียงพอจริงไหม สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราได้คำตอบที่ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น
.. เรื่อง ฐานะทางการเงินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในชีวิตคู่นะ ถึงใครจะบอกว่าไม่สำคัญ แต่ลึกๆมันก็มีส่วนอยู่ดี เช่น ฝ่ายหญิงอยากทานบุฟเฟต์ 999.- แต่ฝ่ายชายมองเงินในกระเป๋าแล้วพอไหวที่ 599.- ถึงฝ่ายหญิงจะบอกว่า ไม่เป็นไรที่เหลือเดี๋ยวเราออกเอง แต่ในระยะยาวฝ่ายชายย่อมรู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นคงเอาซะเลย ไม่สามารถดูแลผู้หญิงคนนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและอาจจะยังไม่เหมาะกับผู้หญิงคนนี้ และต้องขอก้าวออกมาและขอเวลาพัฒนาตัวเองต่อไป
ดังนั้น การคบกับคนที่ฐานะใกล้เคียงกันจึงเป็นทางที่มีโอกาสไปกันรอดมากที่สุด เพราะต่างคนจะต่างเข้าใจกันมากกว่า “เราหารกันนะ กินแค่ 499.- ก็พอเนอะที่รัก”
3.2 “ความจริงใจ” คือ เจตนาที่เขาต้องการจะทำ การรักษาคำพูดของเขา แล้วทำอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรบ้างที่เขาเห็นว่าควรจะต้องแก้ไข เขาแสดงออกอย่างไร เขาเลือกที่จะบอกคุณทั้งหมดไหม มีอะไรที่เขากำลังปิดบังคุณอยู่
เช่น เขาอาจจะมีปัญหาหนี้สินรุมเร้าอยู่ เขาอาจจะผิดสัญญาบ่อยๆ เขาอาจจะชอบปั่นหัวคุณเล่นด้วยความไม่แน่นอน หรือบางครั้งเขาก็อาจจะบอกคุณว่าเขาจะเข้าซื้อบริษัทให้คุณ แต่ 3 วันผ่านไปเขาบอกว่า เขาไม่อยากซื้อมันแล้วนะ เขาขอโทษด้วย
เรื่องพวกนี้ก็จะสามารถหาดูได้จากเอกสาร “งบการเงิน”, “นโยบายธรรมภิบาล”, "ข่าวบริษัท" ต่างๆของบริษัท
-----
2.) คุณรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้และเข้มแข็ง
คุณอาจจะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขามาในทางที่ไม่ดีเลย แต่คุณกลับมองเห็นคุณค่าในตัวเขาเหมือนหัวข้อข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
และคุณก็เห็นว่าเขาพิสูจน์ตัวเองมาตลอดเวลาเลย และเขาก็สามารถผ่านมันมาได้ในทุกๆครั้งจนมาถึงวันนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเขาเข้มแข็งขนาดไหน
แล้วการไม่ยอมแพ้และความเข้มแข็งของเขาสามารถดูได้จากไหนบ้าง?
2.1. นโยบายบริหารความเสี่ยง
คำว่าไม่ยอมแพ้ มักจะซ่อนอยู่ในนโยบายบริหารความเสี่ยง แต่ทำไมกันนะ? ..
เพราะ เขาเริ่มตระหนักถึงปัญหา ข้อบกพร่อง หรือ ความเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลกับตัวเขาในด้านลบ และนั่นอาจทำให้เขาเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างไม่น่าให้อภัย รวมถึงอาจทำให้เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เขาสร้างมากับมือ ซึ่งแน่นอนเขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เขาย่อมต้องเริ่มมองหาข้อบกพร่องของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อวางแนวทางในการป้องกันโอกาสที่จะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไป ซึ่งในขณะที่เขาหาแนวทางป้องกันความพ่ายแพ้ เขาอาจจะไปพบเข้ากับโอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจของเขาเองอีกด้วย นอกจากจะไม่ยอมแพ้แล้ว ในบางครั้งอาจทำให้เขาเข้มแข็งมากขึ้นอีกด้วย
2.2. ดูกราฟราคาหุ้นในระยะยาว
มีข่าวลือในทางที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขามากมายตลอดเวลา ทำให้ชื่อเสียงของเขาลดน้อยถอยลงไป หรือที่ใครๆเรียกว่า “ข่าวร้าย” แต่ถ้านั่นมันเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น กล่าวคือ ราคาปรับตัวลดลง หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มมองว่า ข่าวที่ลือกันไม่เป็นความจริง หรือกลุ่มนักลงทุนได้เห็นความจริงบางอย่าง ที่ทำให้ยังเชื่อมั่นในตัวเขา และยังอยากมาลงทุนกับเขาต่อ กราฟก็กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของเขา และเมื่อดูกราฟภาพรวมในระยะยาวมันเป็นไปในทิศทางที่ดี
-----
1. เลือก เพราะคุณรักเขา
เหตุผลข้อนี้ มันอาจจะหวานเจี๊ยบไปสักหน่อย .. แต่ถ้าคุณรักใครสักคนหนึ่ง และพร้อมจะอยู่ไปกับเขา คุณจะเชื่อมั่นในตัวเขา คุณพร้อมที่จะให้โอกาสเขา คุณพร้อมที่จะฟังเขา เขาอาจจะไม่ได้มั่งมี ไม่ได้หรูหราเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ยังมั่นคงกับคุณอย่างต่อเนื่อง ตรงไปตรงมา อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ เพราะ นิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนที่ขาดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีความต้องการคนที่มาเติมเต็มต่างกัน คุณอาจจะชอบความหวือหวา หรือบางครั้ง คนอื่นอาจจะชอบความมั่นคง มันก็แล้วแต่คุณจะเลือก เพราะ พลังแห่งความรัก สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง .. โดยที่คุณไม่รู้ตัว
โดยสรุป🧡
“คนเล่นหุ้น มีหลายหุ้นเนื้อคู่ในพอร์ตได้นะ .. แต่ในชีวิตจริงอย่ามีเนื้อคู่หลายคน เดี๋ยวจะหัวแตกกันได้นะครับนักลงทุน”
“แน่นอนว่า เราทุกคนหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปในทุกๆวัน แต่ถ้าวันหนึ่ง เราไม่สามารถไปด้วยกันต่อไป เราก็ต้องปล่อยมือกัน ไม่ควรฝืนให้มีใครเจ็บช้ำเลย”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความอดทน ความมีวินัยในตัวเอง และการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง คุณทนไม่ขายเมื่อเห็นมันบวก 60% ได้หรือไม่ หรือคุณสามารถมองดูมันติดลบ 50% ได้หรือไม่ ”
ปล. ขออนุญาตรีโพสต์อีกครั้ง เพราะมือใหม่ เลือกหัวข้อกระทู้ผิดประเภทครับ
Cr. Jampay Thailand 🐻
ภาพ:
https://www.facebook.com/JampayThailand/photos/a.2196274427300740/2351815885079926
เนื้อหา:
https://bit.ly/2TqeywP
เลือกหุ้น ให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต
เลือกหุ้น ให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต
การลงทุนแบบ VI คืออะไร? ..
การลงทุนแบบ VI หรือ Value Investor คือ การลงทุนโดยเน้นไปที่คุณค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนไป
ซึ่งวิธีการของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนก็จะเลือกดูที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
บางคนก็จะคำนวณมูลค่าของบริษัทว่าต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นหรือไม่
หรือ บางคนก็ดูโอกาสในการเติบโตของทิศทางกำไรของบริษัทเพื่อประโยชน์ในด้านเงินปันผลที่นักลงทุนจะได้รับกลับคืนมา
แต่สิ่งที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเห็นตรงกัน เหมือนกันเลย คือ ระยะเวลาในการลงทุนในหลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลา ..
ยิ่งลงทุนด้วยระยะเวลายาวนานเท่าใด ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ในที่นี้ ผู้เขียนอยากอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจและเห็นภาพได้โดยง่ายด้วยการยกตัวอย่าง การเลือกลงทุนในหุ้นสักตัวในระยะยาว สามารถใช้เครื่องมือใดได้บ้าง ..
เปรียบเทียบกับหุ้น หุ้นตัวนี้อาจจะไม่ได้หวือหวา ไม่ได้มีใครเชียร์ อยู่นอกสายตา
แต่คุณกลับมองเห็นคนๆนี้ต่างออกไป ผู้หญิงคนนี้ทำไมช่างมีเสน่ห์อย่างนี้นะ มีรอยยิ้มตลอดเวลาเลย ไม่อายที่จะคุยเฮอากับเรา
เวลากินก็กินได้ดูอร่อยมากๆไม่ห่วงสวยเลย อาจเรียกได้ว่าเป็น “คุณค่าในด้านความสุข เมื่ออยู่ด้วยกัน"
ซึ่งคุณชอบและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ มันก็เป็น “คุณค่าด้านความสบายใจ” หรือแม้กระทั่ง ความรู้สึกปลอดภัย เช่น ทำไมผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นจัง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่อีกคนอาจจะมองว่า ผู้ชายคนนี้ทำไมดูน่ากลัวจัง และกลัวที่จะเข้าใกล้
ซึ่งการวัดคุณค่าในมุมมองของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป
คุณอาจจะวัดคุณค่าคนจากรูปร่างหน้าตา ความน่าเชื่อถือ ฐานะทางการเงิน ประวัติชีวิตที่ผ่านมา ความสำเร็จ
ยกตัวอย่าง คุณเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ที่บ้านไม่ได้มีพร้อม พ่อแม่ไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ถ้าเขาเป็นคนขยัน อดทน หมั่นเพียร แต่วันหนึ่งเขากลับก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณให้โอกาสคนที่คุณคบและใช้ชีวิตมาด้วยกันตั้งแต่วันที่ไม่มีอะไร วันที่เขาประสบความสำเร็จ คุณก็ได้เห็นแล้วว่า “คุณค่าในความเชื่อมั่นในตัวเขา” ที่คุณมอบให้มันไม่เสียเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะเอาตรงนี้เป็นแรงผลักดันตัวเองจนประสบความสำเร็จ ดังที่มีคำกล่าวที่เราเคยได้ยินว่า “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมักจะมีผู้หญิงที่สนับสนุนเขาอยู่” นั่น เพราะคุณเชื่อมั่นในคุณค่าในตัวเขาที่คุณมองเห็น
หากเปรียบเทียบกับธุรกิจก็คือ “โอกาสทางธุรกิจ” นั่นเอง คุณให้โอกาสเขาและคาดว่าเขาจะสามารถหาหนทางในการดำเนินธุรกิจเมื่อมีโอกาส
หรือ หากคุณคาดเดาด้วยตนเองได้ไม่ดีพอ ให้ลองศึกษา “รายงานประจำปี” ของเขา
มันเหมือนกับ “รายงานประจำปี” ของบริษัทฯ มันก็คือ สิ่งที่เขาทำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเจออะไรมาบ้าง แล้วเขาทำอย่างไร รวมไปถึงแผนที่เขาวางอนาคตไว้ ว่าเขาอยากจะทำอะไรเมื่อไหร่ และอะไรสำคัญกับเขาในตอนนี้และในต่อๆไป
หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ก็เหมือนสิ่งที่ให้เราอ่านก่อนตัดสินใจคบกับคนๆหนึ่ง หรือตัดสินใจ เลือกหุ้น ..
- ปีนี้เขามีสินทรัพย์ในชื่อตัวเอง xxx,xxx บาทแล้วนะ และวางแผนไว้ว่าในอีก 5 ปี เขาจะมีสินทรัพย์ทั้งหมด 1,000,000 บาท
- เขาวางแผนแต่งงานและสร้างครอบครัวไว้ตอนอายุ 27-30 ปี เพราะอยากให้ตัวเองมั่นคง พอที่จะเลี้ยงภรรยาและลูกได้อย่างมีคุณภาพ ได้เรียนโรงเรียนดีๆ ได้เติบโตมาในที่ๆดี
- เขาอยากมีลูก 2 คน ให้เป็นพี่น้องไว้คอยดูแลกัน
- เขาวางแผนไว้ว่าจะเปิดบริษัทของตัวเอง และอยากกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด
- ข้อดี คือ เขาเป็นคนขยัน อดออม และรู้จักวางแผนชีวิต ข้อเสีย คือ เขาอาจจะทำงานจนไม่ค่อยมีเวลา เขาอาจจะไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรักเท่าไหร่
ฯลฯ
ถ้าคุณเป็นผู้ที่อ่านรายงานประจำปีเล่มนี้แล้วคุณสนใจในตัวคนๆนี้ หรือแม้กระทั่งแผนที่เขาวางไว้ มันสอดคล้อง คล้ายๆกับแผนในชีวิตของคุณเอง คุณอาจจะอยากอยู่ร่วมอนาคตกับเขา เพราะคุณก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในแผนอนาคตของเรา และคุณคิดว่าคุณอยู่ร่วมกับเขาได้
3.1 “ความมั่นคง” อาจจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่นของเขาที่มี่ต่อการใช้ชีวิต หรือ หากจะดูที่ความมั่นคงฐานะการเงินของเขา ก็ต้องดูหน้าที่การงานของเขาทำ ก็ต้องรู้ว่าเขารวยจริงๆไหม หรือ หนี้สินที่เขามีเป็นหนี้สินที่เปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้ไหม หรือเป็นหนี้สินที่สูญเปล่า เขาจะมีเงินอยู่ร่วมกับเราในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ รอบเดบิตรายรับของเขาเป็น 30 วัน (เดือน) แต่รอบเครดิตรายจ่ายของเขาทุก 5 วัน อย่างนี้ เขาจะมีเงินสดในมือเพียงพอจริงไหม สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราได้คำตอบที่ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น
.. เรื่อง ฐานะทางการเงินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งในชีวิตคู่นะ ถึงใครจะบอกว่าไม่สำคัญ แต่ลึกๆมันก็มีส่วนอยู่ดี เช่น ฝ่ายหญิงอยากทานบุฟเฟต์ 999.- แต่ฝ่ายชายมองเงินในกระเป๋าแล้วพอไหวที่ 599.- ถึงฝ่ายหญิงจะบอกว่า ไม่เป็นไรที่เหลือเดี๋ยวเราออกเอง แต่ในระยะยาวฝ่ายชายย่อมรู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นคงเอาซะเลย ไม่สามารถดูแลผู้หญิงคนนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและอาจจะยังไม่เหมาะกับผู้หญิงคนนี้ และต้องขอก้าวออกมาและขอเวลาพัฒนาตัวเองต่อไป
ดังนั้น การคบกับคนที่ฐานะใกล้เคียงกันจึงเป็นทางที่มีโอกาสไปกันรอดมากที่สุด เพราะต่างคนจะต่างเข้าใจกันมากกว่า “เราหารกันนะ กินแค่ 499.- ก็พอเนอะที่รัก”
3.2 “ความจริงใจ” คือ เจตนาที่เขาต้องการจะทำ การรักษาคำพูดของเขา แล้วทำอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรบ้างที่เขาเห็นว่าควรจะต้องแก้ไข เขาแสดงออกอย่างไร เขาเลือกที่จะบอกคุณทั้งหมดไหม มีอะไรที่เขากำลังปิดบังคุณอยู่
เช่น เขาอาจจะมีปัญหาหนี้สินรุมเร้าอยู่ เขาอาจจะผิดสัญญาบ่อยๆ เขาอาจจะชอบปั่นหัวคุณเล่นด้วยความไม่แน่นอน หรือบางครั้งเขาก็อาจจะบอกคุณว่าเขาจะเข้าซื้อบริษัทให้คุณ แต่ 3 วันผ่านไปเขาบอกว่า เขาไม่อยากซื้อมันแล้วนะ เขาขอโทษด้วย
เรื่องพวกนี้ก็จะสามารถหาดูได้จากเอกสาร “งบการเงิน”, “นโยบายธรรมภิบาล”, "ข่าวบริษัท" ต่างๆของบริษัท
คุณอาจจะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขามาในทางที่ไม่ดีเลย แต่คุณกลับมองเห็นคุณค่าในตัวเขาเหมือนหัวข้อข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
และคุณก็เห็นว่าเขาพิสูจน์ตัวเองมาตลอดเวลาเลย และเขาก็สามารถผ่านมันมาได้ในทุกๆครั้งจนมาถึงวันนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเขาเข้มแข็งขนาดไหน
แล้วการไม่ยอมแพ้และความเข้มแข็งของเขาสามารถดูได้จากไหนบ้าง?
2.1. นโยบายบริหารความเสี่ยง
คำว่าไม่ยอมแพ้ มักจะซ่อนอยู่ในนโยบายบริหารความเสี่ยง แต่ทำไมกันนะ? ..
เพราะ เขาเริ่มตระหนักถึงปัญหา ข้อบกพร่อง หรือ ความเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลกับตัวเขาในด้านลบ และนั่นอาจทำให้เขาเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างไม่น่าให้อภัย รวมถึงอาจทำให้เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เขาสร้างมากับมือ ซึ่งแน่นอนเขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เขาย่อมต้องเริ่มมองหาข้อบกพร่องของตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อวางแนวทางในการป้องกันโอกาสที่จะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไป ซึ่งในขณะที่เขาหาแนวทางป้องกันความพ่ายแพ้ เขาอาจจะไปพบเข้ากับโอกาสในการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจของเขาเองอีกด้วย นอกจากจะไม่ยอมแพ้แล้ว ในบางครั้งอาจทำให้เขาเข้มแข็งมากขึ้นอีกด้วย
2.2. ดูกราฟราคาหุ้นในระยะยาว
มีข่าวลือในทางที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขามากมายตลอดเวลา ทำให้ชื่อเสียงของเขาลดน้อยถอยลงไป หรือที่ใครๆเรียกว่า “ข่าวร้าย” แต่ถ้านั่นมันเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น กล่าวคือ ราคาปรับตัวลดลง หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มมองว่า ข่าวที่ลือกันไม่เป็นความจริง หรือกลุ่มนักลงทุนได้เห็นความจริงบางอย่าง ที่ทำให้ยังเชื่อมั่นในตัวเขา และยังอยากมาลงทุนกับเขาต่อ กราฟก็กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของเขา และเมื่อดูกราฟภาพรวมในระยะยาวมันเป็นไปในทิศทางที่ดี
เหตุผลข้อนี้ มันอาจจะหวานเจี๊ยบไปสักหน่อย .. แต่ถ้าคุณรักใครสักคนหนึ่ง และพร้อมจะอยู่ไปกับเขา คุณจะเชื่อมั่นในตัวเขา คุณพร้อมที่จะให้โอกาสเขา คุณพร้อมที่จะฟังเขา เขาอาจจะไม่ได้มั่งมี ไม่ได้หรูหราเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ยังมั่นคงกับคุณอย่างต่อเนื่อง ตรงไปตรงมา อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ เพราะ นิยามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนที่ขาดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีความต้องการคนที่มาเติมเต็มต่างกัน คุณอาจจะชอบความหวือหวา หรือบางครั้ง คนอื่นอาจจะชอบความมั่นคง มันก็แล้วแต่คุณจะเลือก เพราะ พลังแห่งความรัก สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง .. โดยที่คุณไม่รู้ตัว
โดยสรุป🧡
“คนเล่นหุ้น มีหลายหุ้นเนื้อคู่ในพอร์ตได้นะ .. แต่ในชีวิตจริงอย่ามีเนื้อคู่หลายคน เดี๋ยวจะหัวแตกกันได้นะครับนักลงทุน”
“แน่นอนว่า เราทุกคนหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปในทุกๆวัน แต่ถ้าวันหนึ่ง เราไม่สามารถไปด้วยกันต่อไป เราก็ต้องปล่อยมือกัน ไม่ควรฝืนให้มีใครเจ็บช้ำเลย”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความอดทน ความมีวินัยในตัวเอง และการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง คุณทนไม่ขายเมื่อเห็นมันบวก 60% ได้หรือไม่ หรือคุณสามารถมองดูมันติดลบ 50% ได้หรือไม่ ”
ปล. ขออนุญาตรีโพสต์อีกครั้ง เพราะมือใหม่ เลือกหัวข้อกระทู้ผิดประเภทครับ
Cr. Jampay Thailand 🐻
ภาพ: https://www.facebook.com/JampayThailand/photos/a.2196274427300740/2351815885079926
เนื้อหา: https://bit.ly/2TqeywP