หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วครับกับครั้งแรกในรอบสามปีที่ได้กล้องตัวใหม่มาครอบครอง ผมเชื่อว่าหลายๆคนโดยพาะช่างภาพสายสตรีทน่าจะเคยได้ยินชื่อเจ้ากล้องตัวนี้ผ่านหูผ่านตามาบ้าง กล้องที่ผมจะนำมารีวิวในครั้งนี้ก็คือเจ้ากล้อง Ricoh GRIII นั่นเองครับ
หน้าตาโคตรหล่อเลยค้าาบ ยังคงทรงคลาสสิกประจำตระกูล GR ตั้งแต่ยุคฟิล์มไว้อยู่ มีความขลังไม่ใช่น้อย
กล้อง Ricoh GR เชื่อว่าเป็นกล้องที่มาพร้อมกับความเท่ในมุมมองของช่างภาพหลายๆคนครับ คนธรรมดาเห็นอาจจะไม่ได้เตะตาอะไร (ซึ่งก็เป็นข้อดี) แต่ถ้าคนที่รู้จักจริงๆมาเห็นเค้าจะมองคุณเปลี่ยนไป (ซึ่งผมก็เคยเป็นและก็ยังเป็นอยู่ เจอคนถือ GR ทีไรมีเดินเข้าไปทักทายด้วยทุกครั้ง) มันคือกล้องที่มาพร้อมกับความเรียบๆ ไม่ต้องยุ่งอะไรกับเค้าเยอะมาก หยิบออกมากดเปิดกดถ่าย ถ่ายเสร็จก็เก็บเข้ากระเป๋ากางเกง ผมว่านั่นคือเสน่ห์ของกล้องตัวนี้ครับ
อย่างแรกที่สัมผัสได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้จับกล้องตัวนี้ก็คือน้ำหนักครับ เบาและเล็กมาก
แต่ก่อนซื้อ Mirrorless มาแทน DSLR เพื่อน้ำหนักที่น้อยลง แต่พอได้มาจับคอมแพคตัวนี้ บอกเลยครับว่ามีติดไม้ติดมือกันแน่นอน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ากล้องจะตัวเล็กมาก แต่การจับถือถือว่าถนัดไม้ถนัดมือไม่แพ้กันครับ สำหรับผมน่าจะเป็นกล้องคอมแพคที่จับถนัดมือมากที่สุดแล้ว สัมผัสของกริบถูกไม้ถูกมือกระชับจับสนุกจริงๆครับ
เล็กกว่ามือผมอีก แต่หารู้ไม่ว่าข้างในคือ crop sensor APSC 24 ล้าน megapixel
หลายๆท่านอาจจะทราบครับว่ากล้องตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานมือเดียว ผมว่าดีมากนะ ปุ่มส่วนมากอยู่ด้านขวาแทบจะหมดเลย ถ้าใครคล้องสายข้อมือที่แถมมาให้ด้วยจะช่วยให้ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ มือนึงถือกล้อง อีกมือไว้ถือแก้วกาแฟ พร้อมออกไปเดินถ่ายรูปเล่น
กล้องตัวนี้กลายเป็นกล้องที่ผมพกด้วยไปไหนมาไหนตลอดเวลา เพราะมันใส่กระเป๋ากางเกงได้ ใส่กระเป๋าเสื้อได้ พกออกไปข้างนอก พกไปเดินเล่น พกไปร้านกาแฟ พกไปมหาลัยสะดวกมากๆครับ
เวลาออกไปถ่ายรูปข้างนอกเอาไปเท่านี้แหละครับ เดินสบายๆแต่ได้รูปกลับบ้าน
การรีวิวครั้งนี้ผมขอเน้นเอาผลงานจริงที่ผมถ่ายได้จากเจ้ากล้องตัวนี้มาให้ชมกันนะครับ
ผลงานทุกๆผลงานมีการ Process ภาพมาก่อนครับผม
ประเดิมรูปที่ผมถ่ายได้วันแรกหลังได้กล้องมา
จำได้ว่าวันนั้นฝนตกหนักมากๆ ต่างคนต่างรีบกางร่มแล้ววิ่งกลับบ้าน น่าจะมีผมคนเดียวที่รีบหยิบร่มแล้ววิ่งออกมาถ่ายรูปข้างนอกครับ ฮ่าๆๆ
ด้วยความที่กล้อง Ricoh GR III เป็นกล้องขนาดเล็กบวกกับความดูเรียบๆของมัน ทำให้ไม่เป็นที่เตะตาของคนข้างนอกเลยครับ เวลาจะถ่ายก็หยิบออกมาถ่ายได้สบายใจมาก ไม่มีใครสนใจเลย
ถ้าใครสังเกตุก็อาจจะจำได้ว่าช่วงนึงทางเชื่อมระหว่างสยามดิสคัฟเวอรีจะมีติดธงชาติไว้อยู่ ผมอยากให้ภาพของผมสื่อถึงความเป็นใจกลางของเมืองและในขณะเดียวกันก็ยังสื่อถึง Identity ของความเป็นไทย ผมเลยลองวางเฟรมให้มุมที่ผมถ่ายมีธงอยู่ข้างบนอย่างในภาพ ซึ่งเลนส์ระยะ 18.3 mm เทียบเท่าบนฟูลเฟรมระยะ 28 mm ก็ตอบโจทย์ในการวางเฟรมของผมได้เป็นอย่างดี
ในที่แสงน้อยกล้องตัวนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควรเลยครับ ช่วงนี้กำลังชอบเดินถ่ายรูปตอนดึกๆ ก็เรียกได้ว่ากล้อง Ricoh GRIII ที่มาพร้อมกับเลนส์ความไวแสง F 2.8 นั้นทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ISO3200 ก็ยังถือว่ารับได้สบายๆครับ
ภาพนี้มีการครอบ digital ภายในตัวกล้องจากระยะ 28 mm เป็นระยะ 50 mm นะครับ ครอปไปขนาดนี้ก็ยังคงความคมชัดไว้ได้อยู่อย่างไม่มีปัญหาครับ ยิ่งถ้าถ่ายเพื่อไปโพสลงเฟสลงไอจีนี้หมูๆเลย
เรื่องของไฟล์ JPEG กล้องตัวนี้สามารถให้โปรไฟล์สีที่ค่อนข้างถูกใจผมเลยทีเดียวครับ อย่างในภาพข้างล่างที่ผมถ่ายในร้านแห่งหนึ่ง ตอนนั้นลืมดูว่ากำลังตั้งค่าเป็นไฟล์ JPEG แต่เอาเข้าจริงๆตอนแต่งผมเพิ่มแสงเข้าไปนิดเดียวก็ยังได้รูปที่ถูกใจอยู่ดีครับ
ให้ดูอีกสักรูปครับ ด้านซ้านเป็นไฟล์ RAW ที่ยังไม่ได้แต่งสี ด้านขวาเป็นรูปที่แต่งสีแล้วครับ
Ricoh GRIII เป็นกล้องตัวนึงที่มีปุ่มกดชัตเตอร์ที่ตอบสนองไวต่อการกดมากๆ เวลาใช้กล้องตัวอื่น จะถ่ายอะไรให้เป๊ะๆอาจจะต้องเผื่อเวลาช่วงที่กำลังกดชัตเตอร์ให้ซีนมันเข้าที่บ้าง แต่สำหรับ GRIII แล้ว เรียกได้ว่ากดเมื่อไหร่ได้รูปเมื่อนั่นจริงๆ
กดภาพนี้ไปเพราะเห็นว่ามีนกอีกาสีดำกำลังบินอยู่แล้วมันดูล้อเลียนกับคนที่ใส่เสื้อลายนกสีขาว ภาพแนวนี้เรียกว่าภาพ juxtaposition ครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งมารับรู้ได้หลังจากใช้กล้องตัวนี้มาเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งคือ จริงๆแล้วน้ำหนักมีผลต่อประสิทธิภาพการออกไปถ่ายภาพเป็นอย่างมาก การออกไปโดยพกน้ำหนักติดตัวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จะทำให้เราเดินได้ไกลขึ้น ปวดหลังน้อยลง มีความสุขกับการยกกล้องออกมาถ่ายมากขึ้นซึ่งมีผลต่อการทำให้เราได้รูปที่ดีมากขึ้นครับ
คมจริงๆนะครับเลนส์ของเจ้า GR III ยอมเลยทีเดียว คมตั้งแต่ F กว้างสุดเลยครับ
ขอปิดกระทู้รีวิวประจำเดือนนี้ด้วยภาพที่ผมชอบมากที่สุดที่ถ่ายจากกล้องตัวนี้ครับ วันนี้ขอรีวิวไว้เท่านี้ก่อน ไว้คราวหน้าจะเอารูปมาอวดเพิ่มครับ
โดยสรุปข้อดีข้อเสียที่ผมสังเกตุได้ก็คือ
ข้อดี
- น้ำหนักเบาและเล็ก ไม่สร้างปัญหาในการพกพาแน่นอน
- เลนส์คมของจริง ถ้าจะครอปก็ครอปไปได้แบบไม่คิดมาก
- ตัวกล้องตอบสนองต่อการสั่งการเร็วมาก
- ไฟล์มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง สีจากไฟล์ก็เอาเรื่องอยู่
- เป็นกล้องที่ไม่เตะตาคนบนถนนเลยจริงๆ
- มีกั่นสั่น ทำให้การถ่ายที่สปีตต่ำๆอย่าง 1/4 ไม่เป็นเรื่องที่ยากเลย ถ้ามือนิ่งๆหน่อยอาจจะลงไปได้ถึง 0.4, 0.5 วิเลยทีเดียว
ข้อเสีย
- เวลาเปิดเป็นระยะเวลานาน ตัวกล้องอาจจะมีร้อนบ้าง
- เป็นกล้องถ่ายภาพที่ยังไม่ค่อยมีฟังชั่นในการถ่ายวิดีโอสักเท่าไหร่
- แบตเตอรี่สำหรับบางคนยังน้อยไปหน่อย ถ้าจะเอาชัวร์ๆผมแนะนำว่าอย่างน้อยน่าจะพกไว้สักสองก้อน แต่ถ้าไม่ได้ออกไปถ่ายทั้งวันแบบซีเรียสมากๆ ก้อนเดียวก็เอาอยู่ครับ
- เพื่อบอดี้ที่เล็กลงและต้องมีกันสั่นข้างใน เลยทำให้กินเนื้อที่ที่จะใส่แฟลชเข้าไปในตัวกล้องครับ ใครจะใช้แฟลชก็อาจจะต้องไปสอยมาเองสักตัว
กล้องตระกูล GR สำหรับผมไม่ใช่กล้องที่เน้นคุยเรื่องสเป็คสักเท่าไหร่ คนที่ใช้ GR จริงๆส่วนมากจะชอบเพราะว่ามันให้ความรู้สึก GR แบบที่กล้องคอมแพคตัวอื่นไม่สามารถให้ได้ ถ้าใครรู้จักมันจริงๆผมเชื่อว่ายังมีประตูอีกหลายบานivให้เราเปิดและรักมันมากยิ่งขึ้นครับ นี่คือกล้องที่ผมพกติดตัวตลอดเวลาจริงๆ ไปเรียนที่คณะก็พกไป กินข้าวหน้าปากซอยก็พกไป ไปเซเว่นก็พกไป เพราะผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโมเม้นต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผมจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่สามารถถ่ายรูปออกมาได้และกล้องตัวนี้คือกล้องที่ตอบโจทย์ตัวผมเป็นอย่างมากครับ
ถ้าใครสนใจ ก็ลองไปจับกันดูก่อนได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายครับ
รีวิวนี้อาจจะไม่ได้เน้นไปทาง technical มากสักเท่าไหร่ ถ้าข้อมูลไม่ครบพร้อมยังไงผมก็ขออภัยมาณที่นี้ด้วยครับ
หากใครมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็สามารถทักมาทาง Instagram : @whereisone ได้ครับผม
www.instagram.com/whereisone/
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการถ่ายภาพครับ
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
[SR] [Artist Review] รีวิวกล้อง Ricoh GRIII จากการใช้งานจริง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้