เรือที่โด่งดังในประวัติศาสตร์

The Santa Maria



ซานตามาเรีย เป็นเรือสินค้าของสเปน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้ใช้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของโลก โดยใช้ออกเดินทางจากยุโรปข้ามมหาสมุทร์แอตแลนติก เพื่อสำรวจดินแดนใหม่ ทำให้เขาได้ค้นพบหมู่เกาะเวสต์อินดีส ในปี ค.ศ. 1492

ในยุคก่อน มนุษย์ เชื่อว่า โลกแบน และยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ จึงทำให้นักเดินเรือไม่กล้าแล่นไบจนสุดขอบฟ้า เพราะกลัวตกขอบโลก  แต่... โคลัมบัส เชื่อว่า โลกกลม   โคลัมบัส เสนอทฤษฏีใหม่ของการเดินทางไปยังจีนและอินเดีย ด้วยการเดินเรือไปในทิศตะวันตก โดยการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Atlantic ocean)
   โคลัมบัส ตั้งชื่อเรือลำที่ใช้เดินทางว่า ซานต้า มาเรีย (Santa maria) ซึ่งเป็นเรือขนาด 117 ฟุต 233 ตัน  ลำเรือยาว 39 เมตร เรือส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วย "ลม" ลมเป็นสิ่งสำคัญของนักเดินเรือทำให้เรือแล่นได้
   เรือ ซานต้า มาเรีย ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยลมอย่างเดียว แต่ยังขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ และความหวัง ซึ่งหากปราศจาก 2 สิ่งนี้แล้วเรือคงหันหัวเรือกลับ คงจะไม่มีการค้นพบและการเดินทางที่ยิ่งใหญ่
Cr.tumsikwae.blogspot.com



C.S.S. Hunley



C.S.S. Hunley เป้นเรือดำน้ำ ที่ใช้ในสงครามกลางเมือง ของอเมริกา ( Amarican civil war )

เรือนี้เป็นของกองทัพฝ่ายใต้ ในสงครามกลางเมืองอเมริกา (American Civil War) ที่มีชื่อว่า “H.L.Hunley” ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของสงครามในครั้งนั้น แต่กลับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของสงครามทางเรือ จนถึงปัจจุบัน และเป็นเรือดำน้ำลำแรกของโลกที่จมเรือของข้าศึกได้ แต่ก็สังเวยชีวิตลูกเรือชาวใต้ไป 21 คนในภารกิจต่างๆ ที่เรือจมถึง 3 ครั้งด้วยกัน สำหรับชื่อ H.L.Hunley ตั้งชื่อเพื่อให้เกียรติผู้ประดิษฐ์ ซึ่งก็คือ Horace Lawson Hunley
เรือขนาดความยาว 12 เมตร นี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1863 และจมลงไป 3 ครั้ง  แต่ประวัติศาตร์สงครามทางเรือต้องจารึกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1864 H.L.Hunley ได้โจมตีเรือของฝ่ายเหนื่อที่มีขนาด 1124 ตัน โดยเรือ USS Housatonic ได้จมลง พร้อมกับ H.L.Hunley ด้วย และไม่มีใครสามารถเก็บกู้มาใช้งานได้อีก จนกระทั่งในปี 1995 (131 ปี หลังจากที่ H.L.Hunley นอนสงบอยู่ใต้ท้องทะเล) H.L.Hunley ก็ได้กลับมาอยู่บนบกอีกครั้งหนึ่ง

 H.L.Hunley นั้น มีระวางขับน้ำ 6.8 ตัน ยาว 12 เมตร กว้าง 1.17 เมตร การขับเคลื่อนใช้ระบบ Hand-Cranked Propeller หรือเพลาหมุ่นด้วยมือ มีนายทหาร 1 นาย ลูกเรืออีก 7 นาย และสามารถติดตั้งตอร์ปิโดได้จำนวน 1 ลูก
Cr.th-th.facebook.com/NavyForLifePage



U.S.S. Monitor และ C.S.S. Virginia



การรบระหว่างเรือเหล็กครั้งแรกของโลก เป็นการรบระหว่าง USS Monitor กับ CSS Virginia โดยทั้งคู่เป็นของสหรัฐทั้งคู่ แต่เป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ตามลำดับ เพราะเกิดขึ้นในยุคสงครามการเมือง การรบที่เกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายสูสีกัน ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำกันเลยครับ แต่ก่อนหน้านี้ เรือ CSS Virginia สอยเรือรบไม้ที่ดีที่สุดของฝ่ายเหนือไปได้ถึง 3 ลำ ก่อนที่ USS Monitor จะมาช่วยไว้ได้ทัน

เรือเวอร์จิเนีย เดิมเป็นเรือฟรีเกตของฝ่ายเหนือ ชื่อ เรือ ยูเอสเอส เมอริแมกซ์ ที่ถูกพวกเดียวกันเองเผาและจมลงใกล้กับนอร์ฟอล์กเพื่อไม่ใช้ฝ่ายตรงข้ามยึดเอาไป แต่ฝ่ายใต้ได้กู้ซากเรือนี้ขึ้นมาและใช้ลำเรือกับเครื่องจักรมาประกอบขึ้นเป็นเรือลำใหม่พร้อมกับหุ้มเกราะเหล็ก โดยให้ชื่อว่า เรือ เวอร์จิเนีย

ในขณะเดียวกัน เมื่อฝ่ายเหนือรู้เรื่องที่ฝ่ายใต้ประดิษฐ์เรือรบหุ้มเกราะลำแรกขึ้น จึงได้ต่อเรือรบหุ้มเกราะของพวกตนขึ้นมาเช่นกัน และในเวลาเพียงสามเดือนเศษ การต่อเรือรบของฝ่ายเหนือก็สำเร็จลงโดยให้ชื่อว่า เรือมอนิเตอร์ และนอกจากจะหุ้มเกราะเหล็กแล้ว ยังติดตั้งป้อมปืนแบบแบบหมุนได้ป้อมแรกของโลกอีกด้วย

ต่อมาฝ่ายเหนือก็ประสบความสำเร็จในการรักษาการปิดล้อมท่าเรือของฝ่ายใต้เอาไว้ได้และทำให้แผนการโจมตีทางน้ำของฝ่ายใต้ต้องล้มเหลว จนกลายเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้ฝ่ายใต้ต้องพ่ายแพ้สงครามในเวลาต่อมา
เรือรบหุ้มเกราะทั้งสองลำนี้ หลังจากการเผชิญหน้ากันที่แฮมป์ตันโรดแล้ว ก็ไม่ได้เผชิญหน้ากันอีกเลย และต่างก็พบจุดจบภายใน ปี ค.ศ. 1862 นั้นเอง
Cr.http://www.komkid.com



U.S.S. Constitution



เรือรบหนักในตำนานแห่งราชนาวีสหรัฐอเมริกา มีอายุกว่า 213 ปี หลังจากที่ถูกสร้าง

USS Constitution เป็นเรือฟริเกตอเมริกันดาดฟ้าชั้นเดียว ติดปืนใหญ่ 44 กระบอก และปล่อยลงน้ำในปี 1797 มันเป็นเรือที่ต่อขึ้นมาด้วยวิธีการแบบใหม่ ซึ่งทำให้ได้ตัวเรือที่ยาวขึ้นและเรียวลง ยังผลให้สามารถบังคับควบคุมได้ง่ายกว่าเรือฟริเกตลำอื่นแทบทุกลำ ตัวเรือของมันหนากว่าเรือฟริเกตลำใดของราชนาวีอังกฤษ และได้รับฉายา “ขุนศึกเฒ่า (Old Ironsides)” (คำว่า ironside แปลตรงตัวว่า “ผู้มีกำลังมากในการต่อสู้”  จากการที่กระสุนปืนใหญ่จากเรือศัตรูได้แต่กระทบกราบเรือแล้วเด้งออกโดยไม่สามารถเจาะเข้าได้เลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อครั้งสงครามปี 1812 (War of 1812)

เรืออเมริกันลำนี้ต่อขึ้นด้วยไม้ Southern live oak ( live oak หมายถึงต้นโอ๊กจำพวกที่ไม่ผลัดใบ) ซึ่งเป็นไม้โลกใหม่ ขึ้นเฉพาะในทวีปอเมริกาเท่านั้น มันเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่ชื้นแฉะ จึงทนน้ำมาก เหมาะอย่างยิ่งแก่การต่อเรือ เรื่องนี้แม้แต่อังกฤษเองก็รู้ดี จึงเคยพยายามโจมตีบริเวณที่มีไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่มากเพื่อยึดไว้ต่อเรือของตัวเอง อีกทั้งไม้ชนิดนี้ยังเหนียวทนมาก ไม้ Southern live oak สามารถทนต่อแรงกดได้ถึง 0.7 เท่า กอปรกับวิธีต่อเรือรูปแบบใหม่ทำให้ตัวเรือหนากว่าเดิม (หนาราวหนึ่งฟุต โดยตัวเรือแบ่งออกเป็น 3 ชั้นที่สร้างด้วยไม้คนละชนิดกัน คือชั้นแรกและชั้นที่สามทำด้วยไม้โอ๊กขาว ชั้นที่สองซึ่งอยู่ตรงกลางทำด้วย live oak) จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเรืออังกฤษจึงยิงไม่เข้า
Cr.https://www.facebook.com/1686097691645589/posts/1981659868756035/



U.S.S. Missouri



ยูเอสเอส มิสซูรี (BB-63) ("ไมท์ตีโม" หรือ "บิกโม") เป็นเรือประจัญบานชั้นไอโอวาของกองทัพเรือสหรัฐ และเป็นเรือลำที่สี่ของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ชื่อรัฐตามรัฐมิสซูรี มิสซูรี เป็นเรือประจัญบานลำสุดท้ายที่สร้างขึ้นโดยสหรัฐและเป็นที่เซ็นสัญญายอมจำนนของจักรวรรดิญี่ปุ่นในตอนจบของสงครามโลกครั้งที่สอง มิสซูรี สั่งต่อเรือในปี ค.ศ. 1940 และขึ้นระวางประจำการในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944

ในสมรภูมิมหาสมุทรแปซิฟิกของสงครามโลกครั้งที่สอง เรือได้เข้าร่วมการรบที่อิโวะจิมะและโอะกินะวะ และล้อมแผ่นดินแม่ญี่ปุ่น และเรือยังเข้าร่วมในสงครามเกาหลีในระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึง 1953 เรือปลดประจำการในปี ค.ศ. 1955 กลายเป็นกองเรือสำรองของกองทัพเรืออเมริกา แต่ได้รับการนำกลับเข้าประจำการและปรับปรุงใหม่ในปี ค.ศ. 1984 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกองเรือ 600 และให้การยิงสนับสนุนในระหว่างปฏิบัติการพายุทะเลทรายในเดือนมกราคม / กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1991

มิสซูรี ได้รับ 11 ดาวยุทธการจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเกาหลี และ สงครามอ่าวเปอร์เซีย สุดท้ายเรือได้รับการปลดประจำการเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1992 แต่ยังคงชื่อไว้กองทัพเรือจนกระทั่งชื่อถูกจำหน่ายออกในเดือนมกราคม ค.ศ. 1995 ในปี ค.ศ. 1998 เรือถูกบริจาคให้กับสมาคมอนุสรณ์ ยูเอสเอส มิสซูรี และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เรือที่ท่าเรือเพิร์ลในรัฐฮาวาย
Cr.board.postjung.com



HMS Victory


เอชเอ็มเอสวิกตอรี HMS Victory ซึ่งมีความยาว 175 ฟุตของกองทัพเรืออังกฤษที่อับปางลงเมื่อปี ค.ศ. 1744 จากการชนหินโสโครกที่บริเวณช่องแคบอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1744 การอับปางครั้งนั้นทำให้มีทหารเสียชีวิต 1,100 นาย ทองมูลค่ามหาศาลปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท ยังจมหายไปกับเรือด้วย

เรือรบหลวง HMS Victory คือความภูมิใจแห่งกองทัพเรืออังกฤษ เป็นเรือที่ใช้ในการสงครามอิสรภาพอเมริกาและสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส แต่ชื่อที่ได้มานั้นมาจากยุทธนาวีที่ตราฟัลการ์ (Battle of Trafalgar)

เรือรบหลวง วิคตอรี่ เป็นเรืองรบสัญชาติอังกฤษ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1758 จนได้ออกปฏิบัติการจริงเมื่อปี 1765  เรือรบลำนี้ถูกวางให้เป็นเรือธงของการสู้รบแต่ละครั้งเสมอ มีปืนใหญ่ต่อสู้ 104 กระบอก สามารถแล่นด้วยความเร็ว 11 น็อตหรือประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นเรือที่ใหญ่และน่าเกรงขามเอามากๆทีเดียวในตอนนั้น
Cr.http://seabritain2005.com



RMS Titanic

อาร์เอ็มเอส ไททานิก (อังกฤษ: RMS Titanic) หรือ โรยาล เมล ชิป ไททานิก (อังกฤษ: Royal Mail Ship Titanic) คือ ชื่อเรือเดินสมุทรของบริษัทไวท์ สตาร์ ไลน์ (อังกฤษ: White Star Line) เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1909 สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1911 ที่เบลฟาสท์, ไอร์แลนด์ พร้อม ๆ กับเรือคู่แฝดที่ชื่อว่า อาร์เอ็มเอส โอลิมปิก (อังกฤษ: RMS Olympic) ซึ่งเบากว่าไททานิกถึง 1,000 ตัน บรรทุกผู้โดยสารได้ 2,223 คน  ซึ่งครั้งหนึ่งเรือคู่นี้เคยเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อาร์เอ็มเอส ไททานิก (อังกฤษ: RMS Titanic) เป็นเรือโดยสารซึ่งจมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 หลังชนภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางเที่ยวแรกจากเซาท์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร ไปนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา การจมของไททานิก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,514 ศพ นับเป็นภัยพิบัติทางทะเลในยามสงบครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

ภัยพิบัติดังกล่าวทำให้ทั่วโลกตกตะลึงและโกรธจากการสูญเสียชีวิตอย่างใหญ่หลวง และความล้มเหลวของกฎระเบียบและปฏิบัติการซึ่งนำไปสู่ภัยพิบัตินั้น การไต่สวนสาธารณะในอังกฤษและสหรัฐอเมริกานำมาซึ่งพัฒนาการหลักในความปลอดภัยในทะเล หนึ่งในมรดกสำคัญที่สุด คือ การจัดตั้งอนุสัญญาความปลอดภัยของชีวิตในทะเลระหว่างประเทศ (SOLAS) ใน ค.ศ. 1914 ซึ่งยังควบคุมความปลอดภัยในทะเลตราบจนทุกวันนี้
Cr.https://sites.google.com



U.S.S. Arizona



เรือประจัญบานของสหรัฐอเมริกาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดนเครื่องบินญี่ปุ่นทิ้งระเบิดจมที่ Perl Habor

USS Arizona สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1910 ได้รับมอบหมายให้เป็นเรือที่ทำหน้าที่คุ้มกันเรือขนส่งสินค้าที่แล่นผ่านมหาสมุทรแอนแลนติกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังสงครามยุติเรือรบ USS Arizona ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ทางการทหารต่อไป แต่ทำหน้าที่เป็นเรือซ้อมรบให้กับกองทัพเรือสหรัฐ อีกทั้งยังเคยช่วยชีวิตผู้คนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่หาด Long beach ในปี 1933 และจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ได้ทำให้เรือรบ USS Arizona กลายเป็นขวัญใจของชาวอเมริกัน

ในขณะที่มันจอดเทียบท่าอยู่ในอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้ส่งฝูงบินหลายลำเข้าถล่มอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์  จึงเป็นเป้านิ่งที่โดนกองทัพญี่ปุ่นทิ้งระเบิดหลายต่อหลายลูก  และจมสู่ก้นมหาสมุทรพร้อมกับลูกเรืออีก 1,177 ชีวิต
Cr.www.spokedark.tv
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่