เรื่องสั้น : เรื่องเล่าในมุมมืด ....

  *    มันเป็นอีกวันหนึ่งที่ผมเศร้าใจ  ใครมีลูกมีหลานควรอ่านเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์


ในตอนเย็นโพล้เพล้  อากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้าฉาบแสงสีส้มทองเป็นแนวยาวตัดกับเมฆสีเทา   พระอาทิตย์ดวงกลมโต
ลอยปริ่มอยู่เหนือคุ้งน้ำ สีส้มสะท้อนแสงสร้างเกล็ดแวววาวสะท้อนผินน้ำระยิบระยับ

หลังจากที่ผมเลิกจากงานที่ทำประจำ ผมเดินทอดน่องเอื่อยๆ ไปที่สะพานไม้ใกล้ที่ทำงาน
เพื่อเดินเล่นตากอากาศในยามเย็นที่บรรยากาศแสนจะโรแมนติก   

ผมเป็นโสด การไม่ต้องรีบกลับห้องจึงไม่มีความจำเป็น และการเดินปล่อยความคิดให้ล่องลอย
ไปกับสายลมและสายน้ำบนสะพานไม้นี้ เป็นสิ่งที่ผมโปรดปรานที่สุด

พระอาทิตย์เริ่มไหลหล่นลงบนผืนน้ำ ความมืดเริ่มคลืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ  

ในขณะที่ผมเดินใจลอยอยู่กลางสะพาน ฉับพลัน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคน เดินตามหลังมา ผมหันกลับไปมอง
มีเด็ก 3 คน เดินขึ้นมาจากปลายสะพาน   เป็นชาย 1 หญิง 2  

ผมตัดสินสินใจที่จะเดินกลับห้อง  เพราะอากาศเริ่มมืดแล้ว    ผมจึงเดินหันหลังเพื่อลงจากสะพาน
เมื่อเดินเข้ามาจนใกล้กับเด็ก  3 คน ที่กำลังพูดคุยกันอยู่  ผมสังเกตุเห็นว่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในสองคน หน้าตาสะสวย ตัวใหญ่
ผิดกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาค่อนข้างขี้เหร่ และตัวเล็กกว่า 

ทั้งสามคนกำลังเถียงกันด้วยเสียงอันดัง  ผมทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็เงี่ยหูฟัง และพยายามเดินอย่างช้าๆ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า
เด็ก 3 คนนี้ทะเลาะกันเรื่องอะไร ?    แล้วผมก็จับใจความได้ เมื่อเสียงร้องไห้ของเด็กสาวหนึ่งในนั้นไล่ตามหลังมา 

มันเป็นปัญหารักสามเศร้า !! ดูเหมือนเด็กชายจะบอกเลิกเด็กหญิงตัวเล็ก เพื่อที่จะมาคบกับเด็กหญิงที่สวยกว่า  

การทะเลาะเริ่มรุนแรง มีการตบตีด่าทอ    ผมจึงหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเพราะคิดว่าเผื่อจะช่วยห้ามปรามได้บ้าง
เด็กหญิงที่หน้าตาขี้เหร่พยายามทุบตี เด็กหญิงหน้าตาสะสวย โดยมีเด็กชายคอยห้ามปราม
ดูจากการแต่งตัวของหนึ่งใน  3 คนแล้ว เด็ก 3 คนนี้ น่าจะเป็นนักเรียน ม ต้นเท่านั้นเอง 

เสียงทะเลาะกันวุ่นวายดังขึ้นก้องบนสะพาน จนผมคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง 


แล้วเหตุการณ์เหมือนจะยุติ  เมื่อเด็กชายพาเด็กหญิงหน้าตาดีเดินกลับลงสะพาน 
ผมเห็นเด็กหญิงหน้าตาขี้เหร่นั่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา


แต่ ! ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กที่ร้องไห้ จู่ๆก็ลุกขึ้น และปีนขึ้นไปบนราวสะพาน พร้อมกับกระโดดพุ่งหลาวลงไปในแม่น้ำ

ผมและเด็กชายร้อง เห้ย !!!  ขึ้นพร้อมๆกัน  เด็กชายไวกว่าผมมาก เพราะอยู่ใกล้ เขารีบกระโดดลงไป
พร้อมกับเด็กหญิงตัวใหญ่ ที่กระโดดตามลงไปเช่นกัน   ผมตะลึงชั่วครู่ แล้วรีบวิ่งเข้าไปตรงที่จุดเกิดเหตุ 

ผมเห็นเด็กชายว่ายน้ำไปหาเด็กหญิงคนแรกที่กำลังจะจม  และก็เห็นเด็กหญิงคนที่สอง ว่ายน้ำเข้าไปหาทั้งสองคน
แต่กระแสน้ำเชี่ยวและแรงมาก  เด็ก สามคน จึงจมไปต่อหน้าต่อตา  ผมเห็นท่าไม่ดีเลยร้องตะโกนให้คนช่วย
และรีบกระโดดน้ำลงไป คิดตอนนั้นแค่ว่า ต้องช่วยเด็กให้รอด ก่อน

ผมดำผุดดำว่ายควานหาตัวเด็กอยู่นาน จนเริ่มท้อเพราะควานหาตัวเด็กไม่พบ รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มเหนื่อยและอ่อนแรงลงทุกที
คิดว่าเด็กสามคนนั้นหายไปไหน หรือกระแสน้ำจะพัดพวกเค้าออกไปไกลแล้ว 

ยังคิดอะไรไม่ออก ก็มีลุงขับเรือหางยาวเข้ามาใกล้ผม แกตะโกนถามผมว่า " ลงไปทำไมไอ้หนุ่ม "
พร้อมกับเอื้อมมือมาฉุดให้ผมขึ้นเรือ  ผมละล่ำละลักบอกแกว่า มีเด็กตกน้ำครับลุง เด็กสามคน โดดน้ำลงมา ลุงเห็นหรือเปล่าครับ 

ผมมองหน้าลุง ลุงแกมีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกับบอกผมว่า " ไม่ต้องไปหาหรอก หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ "
"ที่ไอ้หนุ่มเห็นน่ะ เป็น เด็กผู้ชาย หนึ่งคน กับเด็กผู้หญิง สองคน ใช่หรือเปล่า  "  ผมพยักหน้า และคิดว่าทำไมลุงถึงบอกว่าไม่ต้องหา

เหมือนลุงจะรู้ความคิดผม  แกพูดขึ้นมาว่า "  มันก็โดดที่ตรงนี้มาหลายสิบปีแล้วล่ะ เพราะมันตายตั้งกะสร้างสะพานแล้ว " 
" พวกนั้นน่ะมันเป็นผี ใครผ่านไปผ่านมามันก็หลอก เอ็งเพิ่งเคยเจอเรอะ " 

ผมร้อง เห้ย !!  ผีหลอกผมเหรอเนี่ย คุณพระคุณเจ้า ดีนะ ที่ลุงมาช่วยทัน ไม่งั้นผมคงต้องตายไปเป็นเพื่อนกับผีเด็กพวกนั้นแน่ๆ
บรื้อออ .....ทั้งตกใจทั้งขนลุก ไม่รู้จะขอบคุณคุณลุงยังไงดี ผมโดนผีหลอกเข้าแล้ว

ลุงแกก็เลยเล่าให้ฟังว่า เด็กคนที่หน้าตาสะสวยน่ะ เป็นลูกสาวมอญหน้าตาผิวพรรณหมดจด ส่วนอีกสองคนเป็นเพื่อน
และมาเล่นน้ำจนตายพร้อมๆกัน ผ่านมาเป็นสิบปี วิญญาณก็ยังไม่ไปผุดไปเกิด 
ผมโชคดีจริงๆที่รอดตายมาได้  ...


ลุงแกขับเรือมาส่งผมที่บ้านหลังหนึ่ง แกบอกว่าขึ้นจากท่าน้ำที่บ้านหลังนี้แล้วเดินตรงไปก็จะเจอถนนใหญ่ 
ผมไหว้ขอบคุณคุณลุงด้วยความซึ่งใจ และเดินขึ้นบันไดท่าน้ำด้วยอาการหนาวสั่น   นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อลุงเลย
พอหันกลับไปลุงแกไปลิบๆแล้ว  แกไปเร็วมากจนผมงง

ยังไม่ทันเดินพ้นที่ท่าน้ำนี้ เจ้าของบ้านเป็นป้าแก่ๆ โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่าง แล้วถามผมว่า " มาได้ยังไง  "

ผมเล่าให้แกฟังว่าผมตกน้ำ และมีลุงขับเรือมาช่วย ผมชี้ให้ป้าแกดูว่า มีลุงขับเรือมาช่วยผมจริงๆ  ป้าแกมองหน้าผม
และมองซ้ายมองขวา พร้อมบอกกับผมว่า แกเห็นผมเกาะขอนไม้ลอยมาตรงท่าน้ำบ้านแก แล้วก็เดินขึ้นมาจากตลิ่ง
แกถึงสงสัยว่าผมมาได้ยังไง แกไม่เห็นเรือสักลำ !!!

ผมหันไปดูที่ท่าน้ำ  เห้ย  พระเจ้า มีขอนไม้อันใหญ่ลอยอยู่จริงๆ   นี่ผมโดนผีหลอกซ้ำสองหรือนี่ ?
ผมรีบวิ่งเข้าไปในบ้านป้าแก  พร้อมร้องหาทางออกที่ประตู  ป้าแกชี้ไปที่หน้าบ้าน ผมขอบคุณป้าและไม่ต้องการถามอะไรอีก
ตอนนี้อยากกลับห้องอย่างเดียวแล้ว   แต่ที่ผมเห็นคือ มีกุญแจอันใหญ่ล๊อคคล้องโซ่ไว้ที่หน้าบ้าน  

ยังไม่ทันทำอะไร ก็มีเสียงผู้ชายใส่เสื้อวิน ตะโกนถามเข้ามา  " ไอ้หนุ่มเอ็งเข้าไปทำไมว่ะ " 
ผมบอกพี่เค้าว่า ผมโดนผีที่สะพานหลอก และกำลังจะกลับบ้าน 

พี่วินแกบอกผม รอเดี๋ยวๆ เดี๋ยวพี่หาคนมาช่วย  

ผมยืนตัวสั่นงันงก ป้าแกหายไปไหนไม่รู้  สักพักพี่วินพาผุ้หญิงคนหนึ่ง เดินมาไขกุญแจ เพื่อให้ผมออกไป
ผมรีบบอกพี่วินว่าช่วยไปส่งผมที่ห้องผมหน่อยได้ไหม เดี๋ยวผมจ่ายตังค์ค่ารถให้  แต่ผมสงสัยว่าทำไมกุญแจถึงล๊อคจากด้านนอก
นั่นก็แปลว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องขังป้าแกไว้ข้างในน่ะสิ  ผมจึงถามออกไป  " แล้วพี่ขังป้าไว้ทำไมครับ " 

พี่วินมองหน้าผู้หญิงคนที่มาด้วย และพูดกับผมว่า "   ป้าเป้อ อะไรที่ไหน บ้านหลังนี้ น้องคนนี้เป็นเจ้าของ
และป้าเจ้าของเก่าแกตายไปตั้งนานแล้ว  ผมถึงกับร้องห๊าาาา   มันเรื่องบ้าอะไรว่ะเนี่ย ?
ผมเพิ่งคุยกับป้าเมื่อกี้เอง    ทำไมผมโดนหลอกซ้ำหลอกซ้อน อีกแล้ว

พี่วินบอกให้ผมรีบไปได้แล้ว เดินตรงไปก็จะเจอถนนใหญ่ ให้ผมโบกรถไปเอง  ยิ่งดึกแถวนี้ผียิ่งเฮี้ยน 

ผมเดินดุ่มๆมาตามที่พี่วินบอก ก็เจอถนนใหญ่ เห็นรถกู้ชีพจอดรอช่วยคนประสบอุบัติเหตุอยู่  ใจผมชื้นขึ้นเป็นกอง
ที่มีเพื่อนร่วมทาง  สักพักผมเห็นกู้ชีพกับตำรวจเดินตรงมาหาผม เมื่อเขาเห็นผมเดินสะโหลสเหลเข้าไป

"  น้องๆ น้องใช่ไหม ที่มีคนแจ้งว่ากระโดดลงน้ำไปเมื่อตอนพลบค่ำ "    เสียงคุณตำรวจถามผมทันทีที่ถึงตัวผม

ผมรีบเล่าให้คุณตำรวจและพี่กู้ชีพฟังตั้งแต่ต้นจนจบ  ว่าเกิดอะไรกับผมบ้าง 

พี่กู้ชีพที่ยืนฟังอยู่ทำหน้าเจื่อนๆ พร้อมกับพูดตอบกลับมาว่า " ที่น้องเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริงนะ แต่ยังไม่หมด
เพราะไอ้วินมอไซด์กับผู้หญิงที่น้องเจอน่ะ มันก็ตายโหงที่บ้านหลังนั้นทั้งคู่แหล่ะ เพราะผ้วจับได้ว่าเมียมีชู้เลยยิงเมียตาย
และยิงตัวเองตาย หลังจากป้าเจ้าของบ้าน ตายได้ไม่นาน 

คราวนี้ผมเหวอหนักกว่าเก่าอีก จนต้องตะโกบลั่นออกมา ว่า "   นี่มันเรื่องอะไรกันว่ะ " 

แล้วผมก็รู้สึกเจ็บที่แผ่นหลัง  เหมือนมีใครทุบที่หลังผมแรงๆ

พลันเสียงภรรยาสุดที่รักก็ดังเข้ามาในหู" ละเมอบ้าไรเนี่ย ร้องซะเสียงดังลั่น คนจะหลับจะนอน ตกใจหมด !!!!

ตกลงผมฝันไปน่ะครับท่านผู่อ่านที่ร๊ากกกก





ปล  คุยกันติดส์    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่อ่านมาจากไลน์น่ะค่ะ เหมือนจะส่งต่อกันมา เลยหาผู้เขียนต้นฉบับไม่ได้
ผู้เขียนเอามาขัดเกลา ดัดแปลงให้เป็นสำนวนเรื่องเล่าที่สละสลวย และลื่นไหล ขึ้นหากจะผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


และก็ขอขอบคุณคุณผู้อ่านที่อ่านจนจบด้วยค่ะ 





[/c
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่