หนึ่งวันหนึ่งคืนกับอุทัยธานี เมืองรองที่ไม่ควรพลาด

สวัสดีคร้า หลังจากห่างหายไปนานมากๆกับการทำกระทู้ท่องเที่ยว เนื่องจากสภาพการงานที่ถาโถมจนไม่ค่อยได้ไปไหน นอนก็ไม่ค่อยได้นอน แต่ทำไงได้ใจมันรัก อยากไปเที่ยวก็ต้องหาเวลาไปให้ได้อ่ะค่ะ ทริปนี้เราตั้งใจจะไปมานานมากแล้วววว แต่ว่า เราไม่รู้ว่าควรจะไปพักที่ไหนดีเพราะที่พักมีค่อนข้างน้อยและราคาค่อนข้างสูง คงอาจเป็นเมืองรอง เป็นทางผ่านขึ้นเหนือ อย่างดีหลายคนก็แวะเข้าห้องน้ำ ยังไม่ได้เป็นเมืองยอดฮิตมากที่พักเลยน้อย เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไปแวะกินข้าวตอนกลับจากทริปน่าน-ลำปางที่เคยทำกระทู้ไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว แค่เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงทำให้เราตัดสินใจว่า เราจะกลับมาที่จังหวัดนี้อีกแน่นอน

-ภาพในกระทู้มาจากกล้องฟิล์ม yashica electro 35 GS และกล้อง Nikon D3200 คร้า

เราออกเดินทางตั้งแต่เช้าจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไปยังสุดจังหวัดอุทัยธานีที่ติดทั้งจังหวัดกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี ห่างจากตัวเมือง50กว่ากิโลเมตรเพื่อไปเจอฝน!! แฮร่ ไปวัดถ้ำเขาวงค่ะ55555 ทันทีที่ขาแตะลงพื้นวัดฝนก็ตกลงทันทีแบบโอ้ยย ทำไมไม่ตกตั้งแต่ก่อนเรามา ได้แต่รอให้ฝนซาแล้วก็ออกไปไหว้พระค่ะ ด้วยชื่อเสียงของวัดที่ดังเพราะวัดนี้เป็นเหมือนบ้านเรือนไทยที่อยู่บนเชิงเขาท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม

แถวที่จอดรถจะมีร้านขายของซึ่งขายผัก ผลไม้พื้นบ้าน ขนม สิ่งของต่างๆราคาถูกขายดักเราจนเงินจะหมดก่อนเข้าวัดค่ะ คือมันถูกมากก ถูกกว่าในเมือง แนะนำถ้ามีผลไม้ที่อยากกินก็ให้ซื้อตั้งแต่ที่นี่นะคะเพราะขับเข้าในเมือง ของจะยิ่งแพงกว่าอ่ะค่ะ
อันนี้เจ้าถิ่น นอนไหนก้ได้5555
จากนั้นเราก็ขับรถต่อไปยังแลนด์มาร์คอีกที่หนึ่งของอุทัยธานี นั่นก็คือหุบป่าตาด
หุบป่าตาดมีลักษณะเหมือนถ้ำโปร่ง ที่ต้องเดินขึ้นเขาไปนิดนึงจะเจอกับถ้ำมืดๆที่มีค้างคาวอยู่ พอเดินไปจนสุดทางก็จะเจอกับโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นตาด ต้นไม้ที่คล้ายๆต้นปาล์มแต่ไม่ได้เป็นลำต้น แต่เป็นกอ ผุดขึ้นมาจากดิน สลับกับต้นไม้อื่นๆที่มีอายุหลายสิบหรือหลายร้อยปี ซึ่งทำให้สถานที่นี้เหมือนป่าดึกดำบรรพ์ที่เราหลุดเข้าไปอีกโลกนึงเลย
ที่นี่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเลยคือ กิ้งกือสีชมพูค่ะ แต่พยายามมองหาแล้ว ไม่เจอเจอแต่ป้าย5555
ก่อนจะไปที่ต่อไป จริงๆเราไปแวะสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยด้วยนะคะ ห่างจากหุบป่าตาดประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่พอไปถึงแล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยมากขนาดนั้น อาจเป็นเพราะแดดไม่ออกเลย มันดูเป็นสถานที่ที่ควรไปถ่ายรูปตอนแดดออกแล้วจะสวยมากๆและเนื่องด้วยไปตอนวันแม่ คนเยอะมากกกก เราเลยเซย์กู้ดบายและออกไปหาอะไรกินแทนค่ะ
ระหว่างทางก้จะ slow life หน่อยค่ะ ต้นไม้เยอะสูดหายใจได้เต็มปอดดด
เราเลยขับรถเข้าเมืองมาเพื่อไปกินข้าวที่ร้านป้าสำราญ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเทโพ ห่างจากตัวเองไม่กี่กิโลเมตรค่ะ เราเคยสุ่มมาลองกินตอนนั้นที่เป็นเพียงทางผ่าน สรุปติดใจ จนต้องกลับมากินอีกรอบค่ะ ร้านจะอยู่ติดกับโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางอาจจะดูลึกลับซักหน่อย แต่ตาม Google map มา เชื่อใจเขาซักหน่อยค่ะ ถึงมันอาจจะดูป่าๆ ไม่มีคนแต่คนที่ร้านคนเยอะตลอดนะคะ555555
เมนูเด็ดขึ้นชื่อในใจเราเอง เราแนะนำทอดมันปลากับต้มยำปลาคัง อร่อยมากกกก ปกติดเราเป็นคนไม่ชอบกินทอดมันเลย ร้านนี้เป็นร้านที่กินแล้ว เรายอมกินอีกอ่ะค่ะ55555
ถ้าโชคดีมาถูกเวลา ร้านจะมีที่นั่งสองฝั่งคือใต้บ้านและริมน้ำ ริมน้ำจะเต็มไวมากกกก ขอให้โชคดีค่ะ แต่วิวดีนะคะ เป็นโค้งน้ำพอดีเลย
อ้ออ มากินร้านนี้ต้องใจเย็นๆนะคะ ดูจากสองครั้งที่ไป อาหารค่อนข้างได้ช้า เพราะเหมือนเห็นคนเสิร์ฟแค่สองคน ช้าๆแต่อร่อยชัวร์ค่ะ ไปตอนยังไม่หิวมาก อาหารมาหิวพอดี55555

สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือ วัดจันทาราม(วัดท่าซุง) ค่ะ วัดที่มีพระอุโบสถสวยมากกกกก เราตั้งใจจะไปวัดนี้ตั้งแต่วันพ่อแต่ดันวนหาที่จอดรถไม่ได้เนื่องจากวัดมีปฏิบัติธรรมค่ะ วันแม่เลยต้องมาแก้มือใหม่
สำหรับพระอุโบสถแก้วนั้น จะเปิดให้เข้าชมเป็นเวลานะคะ กะเวลากันให้ดีๆก่อนมาค่ะ ช่วงเช้าจะเปิด 9.00-11.00 น. และช่วงบ่ายจะเปิด 14.00-16.00 น. เนื่องจากต้องใช้สถานที่ทำวัตรค่ะ
คนแน่นมากก แน่นตลอดกาล555555 แต่วันนี้ยังโชคดีไม่ได้แน่นเหมือนมาครั้งก่อนค่ะ เลยได้เข้ามาซักที

วัดมีเนื้อที่กว้างมากๆจนต้องรถสกายแล็ปรับจ้างในวัดเลยค่ะ คนละ 5 บาทเอง ไม่ต้องเดินให้ไกลแถมเร็วกว่าค่ะ เราจอดรถไว้ข้างๆวิหารทอง อีกหนึ่งสถานที่ที่สวยไม่แพ้กันค่ะ สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปได้เลย
เนื่องจากคุณพ่ออยากจิบกาแฟยามบ่าย เราจึงกลับไปที่ร้านมุมสะแก
ร้านกาแฟที่มีโรตีอร่อยๆ หนึ่งในร้านโปรดเรา เพราะร้านตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำสะแกกรัง ตรงข้ามวัดอุโปสถารามหรือวัดโบสถ์ ข้างๆตลาดเทศบาลที่เราสามารถมองเห็นแพที่เป็นบ้านลอยน้ำซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่เป็นเสน่ห์ของอุทัยธานีเลย เราสามารถเอารถมาจอดหน้าศาลหลักมืองหรือริมถนนทางไปตลาดก็ได้ค่ะ และเดินไปที่ร้านได้
ทางไปตลาดเทศบาลคร้าา ตึกสวยๆเยอะอยู่น้าา
จากนั้นเราแวะเข้าที่พักและไปต่อกันที่วัดเขาสะแกกรังค่ะ เป็นจุดชมวิวเมืองอุทัยธานีแบบพาโรนามา หลายๆคนชอบขึ้นมาชมวิวพระอาทิตย์ตกบนนี้ แต่วันที่เราไปดันไม่มีพระอาทิตย์ แอบเสียดายเล็กน้อย
เราแวะไปบ้านนกเขา ตรอกโรงยาแต่สุดท้ายก้ไม่ได้ลงค่ะ แงง เพราะเห็นมีคนถ่ายรูปอยู่เยอะพอสมควรเลยไม่เข้าไปแย่งดีกว่า จริงๆการมาอุทัยธานีควรมาวันเสาร์นะคะ เพราะวันเสาร์จะมีถนนคนเดินตรอกโรงยา เราดันไปวันอาทิตย์ อดค่ะอด

หลังจากไปเดินตลาดเทศบาล หาซื้ออะไรมากินที่ห้อง เราก็กลับมายังที่พักคือ ค่ำนี้ที่อุทัย
เป็นโฮสเทลน่ารักๆที่มีกลิ่นอายเก่าๆ ด้วยตึกที่มีอายุมากกว่า 40 ปีและมีห้องพักแค่เพียง 4 ห้อง มันก็จะค่อนข้างสงบๆ เวลาใครเดินก็จะรู้ว่าเพราะว่าเป็นพื้นไม้ทั้งบ้านเลยค่ะ จัดว่าสวยและดีมากๆ
เราตามมานอนที่นี่เพราะอะไรรู้มั้ยคะ อาหารเช้าค่ะ555555 เป็นที่เลื่องลือในหมู่ตนที่เคยมานอนที่นี่มากว่าอาหารเช้าเขาเด็ดจริงๆ ซึ่งเราสามารถเลือกอาหารเช้าได้คนละ 1 อย่างคือ โจ๊กปลาแรดหรือข้าวคลุกน้ำพริกปลาแรดพร้อมน้ำเต้าหู้และขนม คือตอนเราไปมีสองบ้านที่เข้าไปพักที่นั่น คือมีบ้านเราและอีกบ้านนึงที่มากันเป็นครอบครัวใหญ่ๆ มันเลยค่อนข้างไม่เอะอะมาก ตอนลงมากินข้าวก้มีแค่สองโต๊ะอ่ะค่ะ เรากินข้าวคลุกน้ำพริก อร่อยมากกกกก อร่อยจนอีกบ้านนึงถามหาซื้อน้ำพริกนั้นเลยค่ะ55555
 
จบแล้วนะคะ สำหรับอุทัยธานี เมืองเล็กๆสโลไลฟ์ที่ไม่ได้เติบโตตามจังหวัดรอบนอกมากนัก แต่ยังคงความมีเสน่ห์ในตัวของตัวเองไว้อย่างดี ระหว่างทางกลับ เราลองมองหาห้าง ไม่เจอเลยซักห้างค่ะ แต่ได้ยินมาว่า พึ่งมีโลตัสมาเปิดได้ไม่นานนี้แค่ห้างเดียวเอง

ใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ได้มีแสงสีเหมือนที่อื่นๆ เราแนะนำให้มากันที่อุทัยธานีเลย เราว่า เราหลงเสน่ห์เมืองรองแล้วล่ะค่ะ

จริงๆ อุทัยธานีเที่ยววันเดียวก็ทั่วนะคะ ถ้ามาแต่เช้าก็สามารถไปครบทุกที่ได้ แต่ว่าเราอยากไปแวะเที่ยวสุพรรณบุรีต่อเลยนอนพักที่นี่หนึ่งคืนค่ะ
แถมอุทัยธานียังมีอีกหลายที่เลยที่เราไม่ได้ไป เช่น ต้นไม้ยักษ์ อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง เป็นต้น ใครเคยไปมาแล้วว มาเล่าให้เราฟังได้นะคะ
ไปชิวๆกับวิถีชีวิตแบบสโลไลฟ์ของอุทัยธานีกันได้นะคะพาพันชอบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่