ความลึกลับของธรรมชาติที่ถูกซ่อนอยู่ในปรากฎการณ์ธรรมชาติ


เราต่างก็เชื่อกันว่า บนโลกใบนี้ยังเรื่องราวลี้ลับสุดแปลกประหลาดมากมายซ่อนอยู่ ทั้งที่เป็นเรื่องราวหลอนๆ หรือแม้กระทั้งปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเองก็มี ซึ่งในบางปรากฎการณ์นั้นเราก็ไม่สามารถใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ต่อไปนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด ที่จะแสดงให้เห็นว่าโลกใบนี้ยังมีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกมากมายรอเราอยู่….

ไฟของเซนต์เอลโม (Saint Elmo's Fire)




คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ผีทะเล” เป็นปรากฏการณ์ที่จะมีไฟฟ้าสถิตย์ในอากาศไหลลงสู่ที่ต่ำโดยผ่านวัตถุต่างๆ เช่น เสากระโดงเรือ มักจะเกิดในวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง
ในขณะที่เมฆฝนฟ้าคะนองเติบโตขึ้น ประจุไฟฟ้าในเมฆจะมีแนวโน้มแยกตัวออกโดยประจุบวกอยู่ด้านบนบริเวณยอดเมฆ ส่วนประจุลบอยู่ด้านล่างบริเวณฐานเมฆ  ประจุลบที่ฐานเมฆจะเหนี่ยวนำสิ่งต่าง ๆ บนพื้นให้มีประจุเป็นบวก ดังนั้น ที่บริเวณปลายของเสาธงของเรือ จะมีประจุบวกมาออกันอยู่มากมาย
หากเกิดการปลดปล่อยประจุดังกล่าวนี้ออกไป ก็จะเกิดแสงสว่างสีฟ้าหรือสีฟ้าอมม่วงเกิดขึ้น เรียกว่า ไฟของเซนต์เอลโม เนื่องจากถือกันว่าเซนต์เอลโม เป็นนักบุญอุปถัมภ์เหล่านักเดินเรือนั่นเอง  โดยที่ปลายปลีกเครื่องบินก็เกิดปรากฎการณ์นี้ได้เช่นกัน

ผีทะเล เป็นผีชนิดหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของคนที่เสียชีวิตในทะเล ผีทะเลมักปรากฏให้เห็นหลายลักษณะ บ้างก็อาจปรากฎในรูปลักษณ์ของคนที่เดินลากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากทะเล เนื่องมาจากถูกปลากินจนเสียชีวิต หรือบ้างก็ปรากฎตัวในชาวประมงเห็นโดยขึ้นมาบนเรือในยามวิกาลขณะที่ชาวประมงกำลังออกเรือหาปลา ซึ่งผีทะเลที่ขึ้นมาบนเรือในลักษณะนี้ มักจะมาในรูปแบบของดวงไฟที่สว่างอยู่บนเสากระโดงเรือ ซึ่งชาวประมงมีความเชื่อโดยทั่วกันว่า ถ้าผีทะเลได้ขึ้นมาเกาะบนเสากระโดงเรือของชาวประมงลำใด จะส่งผลให้เรือลำนั้นอัปปางลงกลางทะเลในที่สุด

แต่ในปัจจุบัน คำว่าผีทะเลกลับเปลี่ยนความหมายไปจากเดิม และมักใช้เป็นคำด่าทอหรือคำตำหนิที่ออกแนวแกมหยิกแกมหยอก มากกว่าจะใช้เป็นคำที่เรียกภูตผีที่มาจากท้องทะเล
Cr.facebook.com/samrujlok

An Antarctic volcano and its snow pipes ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งยังปะทุ

ในทวีปแอนตาร์กติกา พื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง แต่ใต้พื้นทวีปลึกลงไปยังมีความร้อนที่พร้อมจะปลดปล่อยพลังงานออกมา มีหอคอยน้ำแข็งซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ  ยังรายล้อมด้วยทะเลสาบลาวาที่ร้อนระอุ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทำให้ไฟและน้ำแข็งอยู่ร่วมกันด้วยระบบที่ซ้ำซ้อนของธรรมชาติ

Mount Erebus เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ใต้สุดของโลก  ที่ยังมีพลังงานหลงเหลืออยู่ ภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ที่แอนตาร์กติก ซึ่งที่แห่งนี้เต็มไปด้วย “ไปป์หิมะ” เกิดจากไอน้ำน้ำแข็งที่พวยพุ่งผ่านรอยแยกนั่นเอง

ภูเขาไฟ Erebus  เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองในทวีปแอนตาร์กติกา  ด้วยความสูงของยอด 3,794 เมตร (12,448 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บนเกาะรอสส์ ทวีปแอนตาร์กติกา เริ่มมีปฏิกริยาปล่อยก๊าซพวยพุ่งตั้งแต่ปี 1972  มันถูกค้นพบเมื่อ 27 กมราคม ปี 1841 โดยทีมสำรวจของเซอร์เจมส์ คลาร์กรอสส์ และถูกตั้งชื่อโดยทีมสำรวจนั่นเอง 

หอคอยน้ำแข็ง สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่แสนพิศวง  ตั้งอยู่บนภูเขาไฟ Erebus ซึ่งมีน้ำแข็งปกคลุมสูงกว่า 20 เมตร การที่ก๊าซร้อนจากใต้ภูเขา Erebus นั้นเกิดแรงดัน ทำให้ก๊าซเดินทางผ่านตามรอยแยก และปล่องต่างๆ ทำให้เกิดระบบที่ซับซ้อนของถ้ำน้ำแข็งทั่วทั้งภูเขา และยังทำให้ยอดหอคอยน้ำแข็งมีการพ่นไอน้ำออกมาอยุ่เสมอ  เมื่อก๊าซร้อนพ่นออกมากระทบกับความเย็นของแอนตาร์กติกา จึงทำให้มันกลายเป็นม่านควันที่สวยงาม
Cr.https://board.postjung.com

Light pillars  ปรากฏการณ์เสาแสง

เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ  มีลักษณะเป็นแท่งลำแสง พุ่งขึ้นในแนวดิ่งสู่ท้องฟ้า  เกิดจากการสะท้อนแสงของผลึกน้ำแข็งเล็กๆ ในอากาศ ที่สะท้อนลำแสงจากแหล่งกำเนิดแสง ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ หรือแสงในเมือง มาเข้าสู่ดวงตาของเรา แนวทางของแหล่งกำเนิดแสงนั้นจะมีลักษณะอยู่ในแนวราบ ค่อนข้างขนานกับพื้น

“แสงเสา” (Light Pillars) ที่มักเกิดขึ้นในภูมิภาคที่มีอากาศหนาวหรือเย็นจัดอย่างในแถบขั้วโลกเหนือหรือในประเทศที่มีช่วงเวลาอุณหภูมิต่ำอย่างเช่น แคนาดา,นอร์เวย์และในรัฐอลาสก้า เป็นต้น โดยแสงเสาจะมีลักษณะเป็นริ้วเส้นแสงที่เหมือนพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินไปสู่ท้องฟ้าในแนวตั้ง โดยปรากฎเป็นสีหลากสีทั้งสีฟ้า สีส้ม สีแดง สีเขียว ขึ้นอยู่กับปัจจุยของสิ่งแวดล้อม เพราะแสงเสาไม่ได้เกิดจากธรรมชาติอย่างเดียวแต่มีความเกี่ยวข้องกับแสงไฟบนโลกอีกด้วย
Cr.https://travel.thaiza.com

Snow “spaghetti” in one of Finland’s lakes  การก่อตัวเหมือนปาเก็ตตี้

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดของสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นโคลนในรูปของสปาเก็ตตี้ถูกมองเห็นในทะเลสาบSuolijärviในภูมิภาคHämeใต้ การค้นพบที่หายไปในชั่วข้ามคืน

ถูกพบโดยชายหนุ่มคนหนึ่งจาก Hämeenlinna ประเทศฟินแลนด์ เขาพบว่าที่ทะเลสาบใกล้บ้านของเขานั้น หิมะในทะเลสาบมีรูปร่างเหมือนเส้นสปาเกตตี้ ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นจากกระแสน้ำและกระแสลมที่ทำให้หิมะที่กำลังละลาย กลายเป็นรูปร่างเหมือนเส้นสปาเกตตี้นั่นเอง
Cr.lifestyle.campus-star.com

A dancing forest ป่าเต้นระบำ

 Dancing Forest เป็นป่าสนที่ปลูกขึ้นในยุคทศวรรษที่ 1960 โดยมันอยู่ที่ Curonian Spit หรือเนินทรายยาว 98 กิโลเมตรในเขต Kaliningrad Oblast ของรัสเซีย ได้เกิดประกฎการณ์ต้นไม้มีรูปร่างที่บิดงอแปลกประหลาด ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของปรากฏการณ์นี้ได้ แต่ก็ได้มีการกล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่าเกิดจากกาฝาก แต่บางคนก็บอกว่าเกิดจากลมทะเล ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต่างคิดว่า เป็นฝีมือของภูติผีปีศาจ
Cr.lifestyle.campus-star.com

Brocken spectre  “เงาปิศาจแห่งบร็อคเคิน”

หลายครั้งที่เมื่อนักปีนเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของยอดเขา ทันใดนั้นเอง พวกเขาสังเกตุเห็นเงาคนยักษ์ปรากฏอยู่ในหมอก จนกลายเป็นตำนานเงาปิศาจที่หลายคนต้องหวาดผวา
แต่ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์แบบนี้มีชื่อเรียกว่า “รุ้งหมอก” ซึ่งเงาดังกล่าวก็คือเงาของนักปีนเขาเองที่สะท้อนเข้าไปในหมอกจนเกิดเป็นภาพน่าตกใจขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยที่ภูเขาบร็อคเคินในประเทศเยอรมันนี ซึ่งปรากฏการณ์ “เงาปิศาจแห่งบร็อคเคิน” (Brocken spectre) ความจริงคือเงาของตัวคุณเอง
Cr.lifestyle.campus-star.com

Naga fireballs บั้งไฟพญานาค 

ลักษณะจะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น จะเริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1–30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50–150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5–10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อย ๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ

เป็นปรากฏการณ์ที่คุณจะได้เห็นที่แม่น้ำโขงของประเทศไทย ลักษณะเป็นลูกกลมเรืองแสงลอยขึ้นจากแม่น้ำขึ้นไปในอากาศแล้วลอยหายไป โดยจำนวนลูกไฟจะลอยขึ้นมาให้คุณได้เห็นหลายสิบลูกหรือบางทีก็เป็นพันลูกต่อคืน ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันออกพรรษาของทุกปี (ตรงกับวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11)
Cr.lifestyle.campus-star.com

 Finger of Death นิ้วแห่งความตาย

Brinicle หรือเรียกว่า นิ้วแห่งความตาย เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการจมลงของน้ำบนน้ำแข็งที่มีความเข้มข้นของเกลือและความเย็นที่สูงกว่า ไหลผ่านน้ำทะเลที่อยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง จึงทำให้ระหว่างที่น้ำจากด้านบนที่ไหลลงมาเปลี่ยนน้ำทะเลรอบๆ ให้แข็งตัวไปด้วย จนเกิดเป็นโครงสร้างคล้ายท่อน้ำแข็งงอกลงไปด้านล่าง จึงทำให้แช่แข็งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในเส้นทางได้แทบจะในทันทีที่สัมผัสกับความเย็นของน้ำแข็งนั้น

แม้จะสวยงามและหาชมยาก แต่น้ำเกลือที่ก่อตัวนี้กลับเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับสิ่งชีวิตเบื้องล่าง และอยู่ในเส้นทางการไหลของนิ้วน้ำแข็งนี้ เพราะมันสามารถแช่แข็งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในเส้นทางได้แทบจะในทันทีที่สัมผัส กับความเย็นของน้ำแข็ง

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากต้องอาศัยทั้งความต่อเนื่องจากการไหลของน้ำเกลือจากแผ่นน้ำแข็งด้านบน และความสงบนิ่งของกระแสน้ำใต้น้ำแข็ง เพราะหากเกิดกระแสน้ำไหลตลอดเวลา แท่งน้ำแข็งจะไม่สามารถก่อตัวได้
Cr.wegointer.com

 Ice circles on rivers วงกลมน้ำแข็งในแม่น้ำ

การก่อตัวของวงกลมน้ำแข็งในแม่น้ำเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หายากและน่าอัศจรรย์ซึ่งวงกลมที่ทำจากน้ำแข็งหมุนช้าๆในน้ำ วงกลมน้ำแข็งปรากฏในน้ำที่ไหลช้าและมักพบในสถานที่ซึ่งอากาศเย็นมาก โดยทั่วไปจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 ถึง 20 ฟุต โดยปกติแล้วจะพบวงกลมน้ำแข็งในแม่น้ำเย็นของสแกนดิเนเวียหรืออเมริกาเหนือแต่บางครั้งพวกเขาก็พบเห็นในส่วนอื่น ๆ ของโลก 

มีคำอธิบายเชื่อว่าวงกลมน้ำแข็งก่อตัวขึ้นในกระแสน้ำวน Eddy currentคือกระแส ย้อนกลับซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อของเหลวพบสิ่งกีดขวาง วงกลมน้ำแข็งเกิดขึ้นที่โค้งในแม่น้ำ น้ำเร่งสร้างแรงที่เรียกว่า'การหมุนเฉือน' แรงนี้แบ่งน้ำแข็งออกเป็นก้อนและบิดไปมารอบ ๆ ในขณะที่แผ่นดิสก์หมุนมันจะบดกับน้ำแข็งที่อยู่รอบ ๆ และทำให้เป็นวงกลมที่สมบูรณ์แบบ 
Cr.learnodo-newtonic.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่