[ตอนที่ 6/24] "เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่รู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายจากโรคหัวใจล้มเหลว

ตอนที่ 6 : 'เมื่อภาวะซึมเศร้าก้าวเข้ามาในชีวิต'
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
หัวข้อ : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายเพราะหัวใจล้มเหลว’

เสียงโทรศัพท์ปลายสายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง...
....โดยที่คนรับสายอีกฝั่ง
...เป็นเสียงร้องไห้ของแม่

ความเป็นห่วงคนรัก...
เพื่อน..., ญาติสนิท...

และผู้ที่หวังดี....
...ที่อยากหาทางออกให้กับปัญหานี้

.....

สิ่งที่ผมต้องต่อสู้อย่างยิ่ง 
....นอกจากเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด
...ที่กัดกินลิ้นหัวใจจนเละเทะ

ก็คือสภาพของจิตใจที่ทรุดลงอย่างหนัก
ไม่ว่าจะเป็นความฝัน, ความทะเยอะยานแห่งชีวิต

..ที่ต้องพังทลายลงไป...

ผมเตรียมเงินมานอนโรงพยาบาลนี้
อย่างมากก็ครึ่งเดือนไม่เกิน....
.....กลายเป็นว่ามันจะต้องยืดออกไปยาวนานกว่านั้น

แผนการมีครอบครัว...
...การรับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว
...การได้รับสิทธิ์มีชีวิตที่ยาวนานกว่านี้

ทุกอย่างถูกระงับไว้หมด

กิจการธุรกิจงานสอนถ่ายภาพ
....ใครจะดำเนินการต่อ..

….

ถึงสภาพจิตใจผมในตอนนี้จะย่ำแย่ลงเพียงใด
....ผมก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย

เพราะถ้าจะตายจริง.... มันง่ายมาก

ผมแค่ร้องไห้หนักๆ
....หรือแค่ทำให้ตัวเองเหนื่อยมากๆ

หัวใจที่เสียหายไปแล้วก็พร้อมจะทำงานเกิน
....และมอบสิทธิ์นั้นให้ทันที

ว่าไปแล้วก็เศร้านะ...
ดีใจหรือร้องไห้เสียใจก้ทำไม่ได้

กลายเป็นคนด้านชาไปเลย

….

นับจากวันที่ผมมานอนอยู่ที่นี่
....ตอนนี้ก็เป็นเดือนสิงหาคม

และใกล้วันแม่เข้าไปแล้ว

ชีวิตเหมือนโดนเขียนชื่อบน Death Note
....แบบไม่ระบุเวลา ให้ไปลุ้นเอา

....ทุกอย่างที่นี่ตรวจพบเร็วมาก..

จนเสียใจร้องไห้ไม่ทัน
ทำใจไม่ทัน

งงๆมึนๆไปวันสองวัน
นอนไม่หลับ

อาจารย์หมอวานัสบอกว่าเอายานอนหลับหน่อยไหม
ผมคิดว่าคงไม่ต้องแล้ว

......

ในแต่ละวัน...
ผมชอบลุกจากเตียงคนไข้
ไปนอนที่โซฟา...

เปิดม่านให้แสงอาทิตย์อ่อนๆยามเช้าโอบร่างเอาไว้
นอนมองไปนอกหน้าต่าง....

ฟังเพลง For The Good Times ของ Perry Como
....ที่คุณกิ๊กจากค่ายเพลง Impression แกแนะนำ

....พลางให้กำลังใจตัวเองไป

บางเวลา...
...ผมก็เหม่อมองนั่งดูคนไข้ที่วอร์ดกลับบ้าน...

จนเหลือเราคนเดียวไม่รู้กี่ครั้ง

…..

ผมรู้ว่าปลายทางของโรค คือ ‘การผ่าตัดใหญ่’
....อายุไขรวมก็สั้นลงหลังผ่าตัด
จากงานวิจัยที่ค้นๆมา

...ชีวิตจากนี้ก็ไม่เหมือนเดิม...

ถามว่าเสียใจไหม....
..เสียใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหรอ
...เสียใจไปแล้วได้อะไรขึ้นมา

ถึงไม่มีเลย แต่ก็อดไม่ได้

.....

ถ้าผมตายไปจริงๆ
คนเยอะแยะในเฟซที่เคยรู้จัก 

สักวันเขาก็ลืมเราไปแล้ว
เราก็เป็นคนไร้ประโยชน์

ที่เกิดขึ้นในไทม์ไลน์หนึ่งของโลกเท่านั้นเอง

34 ปีที่หายใจมา
ดูไม่ค่อยมีค่าอะไรกับใครเลยแฮะ

……

ที่เสียใจก็คงเป็นเราที่ปกป้องคนรักไม่ได้
เพราะขี้โรคเกินไป.... ไม่แข็งแรง...

ปกติ ...
...วันแม่ทุกปีจะอยู่บ้าน 
...ปีนี้ทำไม่ได้แล้ว

อย่างมากที่สุด...

ก็ทำได้แค่ฝันว่าออกจาก รพ ไปหาเมื่อคืน

…….

ตอนนี้อาจจะเศร้า
.....คือมันก็เศร้าจริงๆ

แต่ผมเอาสิ่งที่เรียกว่า ‘สัจธรรมของชีวิต’
ในการสู้กับจิตใจที่ย่ำแย่

‘ถ้าให้เลือกได้....’
......ระหว่างการมีชีวิตอยู่ต่อไป
อย่างยาวนานโดยไร้คุณภาพ

ผมขอเลือกที่จะจากไป.. 
....อย่างเป็นที่จดจำ’

......

ครั้นเมื่อผมไม่กลัวอีกต่อไป

ความทุกข์ทนทรมานเบื้องหน้า...
....ที่จะต้องเจออีกมากต่อไปนี้
...จะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย

ด้วยทุกกำลังใจของคนรอบข้าง

บอกได้เลยว่าผมพร้อม
สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้อย่างมาก

อีกครั้ง...

'ผมไม่เคยกลัวความตาย'

……

ปล. ผมคงไม่สามารถเขียนตอนนี้ได้เลยหากไม่ทำตัวโรคจิตดราม่าจัดๆจากการและย้อนสภาพจิตใจ
ตัวเองเข้าไปอยู่ในวันที่ 8-9 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันกระดี๊กระด๊ามาก
แต่ผมอยากให้ทุกคนทราบถึงภาวะทางจิตใจในตอนนั้นจริงๆว่ามันเป็นแบบนี้
ผมเอาความจริงของชีวิตเข้าสู้ปัญหา นั่นคือยังไงทุกคนก็ต้องจบชีวิตลงในที่สุด
มันเศร้านะที่เราอาจจะมีอายุสั้นกว่าบุพการีของตัวเอง แต่นั่นขึ้นกับว่าคุณพยายามมากแค่ไหน
มันจะจบลงแบบไหน ความเข้มแข็งในใจของเราเป็นตัวแปรสำคัญ

มองออกไปนอกหน้าต่างวิวก็ไม่ได้ดีเท่าไร แต่อย่างน้อยๆก็ปล่อยใจออกไปสู่ความสงบ
เครียดไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะสิ่งที่จะต้องเกิดเราห้ามมันไม่ได้อยู่แล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่