[BR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ในจังหวัด 'อาคิตะ (Akita)' กับ 18 ที่เที่ยว ที่...คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก!

กระทู้ผู้สนับสนุน

สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวนี้เราจะพาไปเที่ยว “อาคิตะ (Akita)” อีกจังหวัดน่าเที่ยวแห่งภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ที่ตั้งอยู่ด้านบนเกาะฮอนชู กับ 18 พิกัดที่ท่องเที่ยว น่าสนใจ ครบรส และยังไม่ค่อยมีใครรีวิวที่นี่ในช่วงหน้าร้อนมาก่อน ไม่ว่าจะไปน้ำตกออนเซ็นธรรมชาติ แช่ออนเซ็นน้ำนม เดินเล่นในหมู่บ้านซามูไร ถ่ายรูปป่าสนธรรมชาติ ตามหาหินก็อตซิล่า ขอพรจากศาลเจ้าเก่าแก่ที่ทั้งบรรยากาศสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ และลองอาหารท้องถิ่น ที่ไปเยือนแล้วต้องห้ามพลาด!


แพลนการเดินทางคร่าวๆของเรา ประมาณนี้นะคะ

Day 0
- Bangkok-Tokyo-Akita

Day 1
- Kanpu-Zan Observatory
- Shinzan Museum (Namahage Museum)
- Cape Nyudo-zaki
- Hachibodai View Spot
- Cape Shiose-saki (Godzila Rocks)
- Akita Kanto Festival (Kanto Matsuri)

Day 2
- Akita's Miyoshi Shrine
- Karamatsu Shrine
- Kakunodate Samurai House Museum
- Lake Tazawa
- Tsurunoyu Onsen (Nyuto Onsen)

Day 3
- Hanabi Information Centre
- Kamakura Museum
- Masuda Town

Day 4
- Yuzawa Geopark
- Oyasukyo Daifunto
- Kawarage Jigoku
- Kawarage Oh-yu Waterfall

Day 5
- Akita-Tokyo-Bangkok





Day 0: Bangkok-Tokyo-Akita
เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบิน ANA (All Nippon Airways) บินตรงลงโตเกียวที่สนามบินฮาเนดะ และต่อเครื่องไปสนามบินอาคิตะทันทีด้วยสายการบิน ANA เหมือนเดิมค่ะ (ใช้เวลาจากโตเกียวไปอาคิตะประมาณ 1ชั่วโมง 5 นาที โดยเราจะไปถึงอาคิตะประมาณ 8:55 น. และสามารถตะลอนเที่ยวได้ทันที)

บินสายการบินแบบ Full Service ก็จะได้อาหารและเครื่องดื่มจัดเต็มประมาณนี้ ขาไปมีเสิร์ฟ 2 มื้อ ช่วงดึกจะเป็นเครื่องดื่มและ snack เบาๆ และตอนเช้าจะเราเลือกเป็นข้าวอบไก่แบบนี้ค่ะ

Day 1
Kanpu Zan Observatory
ที่แรกของทริปนี้ เรามาเริ่มกันที่จุดชมวิวคันปุซัง ที่แหลมโอหงะ ที่นี่เราสามารถมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาเลยจริงๆ และเค้าไม่ใช่จุดชมวิวธรรมดาๆทั่วไปนะคะ เพราะมันหมุนรอบตัวเอง 360 เลยจ้า เราแค่นั่ง หรือ ยืนชมวิวเฉยๆ เจ้าฐานกลมๆนี่จะหมุนช้าๆไปเรื่อยๆเลย เราจะมองเห็นเมือง Nyudosaki ได้ทั้งเมือง และวิวภูเขาไฟที่เคยระเบิดไปเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน ด้วยเลยล่ะค่ะ

เวลาทำการ: 08:30-17:00 ทุกวัน
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 540 เยน / เด็กนักเรียน 270 เยน
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.akita-chuoukotsu.co.jp/kanpuzan/category02_002.html



Shinzan Museum (Namahage Museum)
ต่อไปเราจะพามาชมการแสดงจำลองประเพณีโบราณที่หาดูได้ยาก “นามาฮาเงะ (Namahage)” เทพเจ้าแห่งขุนเขาในตำนานพื้นบ้านดั้งเดิม เป็นเทศกาลพื้นบ้านของเมือง Oga จังหวัด Akita ที่ปกติจะมีขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่า

โดยการแสดงจะแบ่งเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 15 นาที เราจะได้เห็นเหล่าผู้ชายสวมหน้ากากนามาฮาเกะและเสื้อคลุมที่ทำจากฟาง จำลองพิธีกรรมของเทศกาลปีใหม่แบบดั้งเดิม เพื่อว่ากล่าวตักเตือนและอวยพรปีใหม่ตามบ้านปีละครั้ง ประเพณีนี้สืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า นอกจากการแสดง ยังมีหน้ากากนามาฮาเงะจัดแสดง และยังมีมุมแปลงร่างเป็นปีศาจให้ท่านได้ถ่ายรูป พร้อมมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกอีกด้วยจ้า

เวลาทำการ: 8:30 – 17:00 น.
ค่าเข้า: 800 เยน
วิธีเดินทาง: นั่ง Taxi ประมาณ 15 นาทีจากสถานี JR Hadachi Station
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.namahage.co.jp/namahagekan/english/



Cape Nyudo-zaki
เราไปต่อกันที่ จุดชมวิวแหลมนิวโดซากิ (Cape Nyudo-zaki) ตั้งอยู่ปลายสุดของ เมืองโอกะ (Oga) แวะมายืนรับลมชมวิวทะเลริมผา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของ  Akita ถ้ามาตอนกลางวันจะได้บรรยากาศท้องฟ้าสวยใส และถ้าเป็นช่วงเย็น เค้าบอกว่าพระอาทิตย์ตกตรงนี้ สวยไม่แพ้ที่ไหนเลยล่ะค่ะ แถมยังมีประภาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ให้ขึ้นไปชมวิวจากตรงนั้นซะด้วย สงสัยโอกาสหน้าเราต้องแวะมาตอนเย็นบ้างแล้ว

และอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่คือ เค้ามีหินที่วางเรียงกันที่ละติจูด 40 องศาเหนือ โดยเราสามารถมองเห็นหินก้อนอื่นๆอีก 4 ก้อนทะลุผ่านช่องว่างตรงกลางของแต่ละก้อนได้อย่างเป๊ะๆ คนญี่ปุ่นนี่เค้าเข้าใจทำจริงๆค่ะ ช่างคิดช่างทำให้อะไรธรรมดาๆนั้นไม่ธรรมดา กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดเลยล่ะ

ค่าเข้า: เดินชมวิวฟรี แต่ถ้าขึ้นประภาคารมาค่าเข้า 200 เยน
การเดินทาง: นั่ง Taxi 30 นาที จาก JR Hadachi Station (จริงๆ มีรถประจำทางมาถึงด้วยนะคะ แต่ต้องเปลี่ยนสายหลายต่อ เลยไม่แนะนำดีกว่า)


นอกจากบริเวณนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีร้านอาหารและร้านของฝากหลากหลายเลยล่ะค่ะ เราก็แวะทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ ได้ลองเมนูหม้อไฟในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะเค้ามีการนำหินภูเขาไฟที่นำไปเผาในอุณหภูมิที่สูงจนร้อนมากมาใส่ในหม้อไฟด้วย ช่วยให้น้ำซุปร้อนฉ่า และเป็นกิมมิกเล็กๆให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆได้ว้าวกันถ้วนหน้าดีค่ะ



Hachibodai View Spot
มาถึงจุดต่อไปกันกันดีกว่าเนาะ ที่จุดชมวิว Hachibodai เมื่อเราอยู่ตรงจุดนี้เราสามารถมองไปที่อ่าว Toga และเห็นวิวป่าสน และทะลสาบที่สวยสุดยอด แถมยังมีนกอินทรีย์ตัวใหญ่เบิ้มบินอวดโฉมไปมาหลายตัว แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่มากขึ้นจริงๆ แม้ในหน้าร้อนก็ยังมีมีลมพัดเย็นๆจากทะเลญี่ปุ่นมาช่วยคลายร้อน

เสียดายมากที่เรามาในวันที่เมฆเยอะ เลยได้ภาพแบบฟ้าปิด รับรองว่าในวันที่ปลอดโปร่ง
จะได้ภาพที่ฟ้าเป็นฟ้าตัดกับประกายน้ำทะเล มีป่าสีเขียวขจีเป็นองค์ประกอบ สวยงามมากแน่ๆเลยทีเดียว



Cape Shiose-saki (Godzilla Rocks)
"หินก็อตซิลล่า (Godzilla Rock)" ตั้งอยู่ที่บริเวณแหลมชิโอเซะ (Cape Shiose-Saki) ภายในเมืองโอกะ (Oka) จังหวัดอาคิตะ (Akita) ฟังชื่อแล้วคนที่เลิฟในตัวเจ้าสัตว์ประหลาดชื่อดังจะต้องตาลุกวาว เพราะนี่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาแบบเน้นๆเลยนะคะ โดยจริงๆแล้วก็เป็นหินก้อนยักษ์ขนาดสูงใหญ่ที่ยิ่งมองยิ่งคล้าย ก็อตซิลล่า

การมองนี่ต้องใช้จิตนาการล้ำๆของเราด้วยนิดนึงนะคะ แต่เอาจริงๆมันก็คล้ายหลายส่วนอยู่มองออกไม่ยากเท่าไหร่ แน่นอนว่าจะให้สวยก็ต้องเป็นตอนที่เย็นๆที่เราจะเห็นก็อตซิลล่าแบบชัดแจ๋ว บวกกับช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกที่แสงของท้องฟ้าออกแดงๆส้มๆนี่ยิ่งได้ฟิลก็อตซิลล่าบุกมากมายเลยล่ะค่ะ นับว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองนี้ แถมยังเป็นอีกมุมของเมืองที่วิวสวยไม่แพ้ใครทีเดียวเชียว เพื่อนๆคนไหนอยากถ่ายกับก็อตซิลล่าก็อย่าลืมแวะไปกันนะคะ


Akita Kanto Festival (Kanto Matsuri)
และที่สุดท้ายของวันแรก เราไปชมการแสดง "คันโตมัทซึริ หรือ Akita Kanto Festival" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์เทศกาลฤดูร้อนของ "อะคิตะ" จัดตั้งแต่วันที่ 3-6 สิงหาคมของทุกปี บริเวณกลางเมืองอะคิตะ ถนนคันโตโอโดริ และถนนนากะโดริ (เดินประมาณ 10 นาทีจากสถานี JR อาคิตะ) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เทศกาลอันยิ่งใหญ่ของโทโฮคุ เราจะได้เห็นขบวนพาเหรด คันโตหรือแผงไม้ไผ่สูง 12 เมตร จากหมู่บ้านต่างๆ ที่พร้อมใจกันมาจัดแสดง และประชันกัน

ผู้เข้าร่วมงานเทศกาลจะแบกเสาไม้ไผ่ ที่บางต้นยาวถึง 12 เมตร ประดับประดาด้วยโคมไฟกระดาษที่ทำขึ้นอย่างประณีตเพื่อทำให้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงรวงของต้นข้าว เสาจะถูกปักให้ตั้งขึ้นสูงโดยเหล่าผู้ชายที่แต่งกายด้วยชุดเทศกาลตามประเพณีดั้งเดิม หนุ่มๆญี่ปุ่น ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ หรือรุ่นเดอะก็มี มาประชันฝีมือ โชว์ทักษะการถือแผงไม้ไผ่ประดับโคม ที่เรียกได้ว่าต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายในการแสดง ไม่ว่าจะถือด้วย มือ ไหล่ เอว หรือแม้แต่หน้าผาก! เป็นการผสมผสานความแข็งแกร่งและความสวยงามของโทโฮคุเข้าด้วยกัน ตื่นเต้น แปลกตา น่าสนใจมากค่ะ!  


เราเก็บภาพบรรยากาศงานที่จัดไปเมื่อวันที่ 3-6 ส.ค. 2019 มาฝาก สำหรับใครที่สนใจเข้าชม ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยนะจ๊ะ ในวันงานก็มาจับจองที่นั่งริมทางกันได้ฟรี มีชาวญี่ปุ่นมาปูเสื่อจองที่ กันตั้งแต่บ่ายเลยล่ะ หรือถ้าอยากนั่งสบายๆหน่อย เค้ามีบัตร VIP ขายราคา 2,500 เยน จะได้นั่งที่นั่งคล้ายแสตนด์เชียร์ การันตีว่าได้ดูอย่างใกล้ชิด เห็นชัดแบบเราแน่นอน!

ชื่อสินค้า:   อาคิตะ
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่