[ตอนที่ 1/24] "เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่รู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายจากโรคหัวใจล้มเหลว"

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1/24 : 'เป็นไข้ไม่หายสักที...'
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
ตอน : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายจากหัวใจล้มเหลว'
[เขียนจากเรื่องจริง 29 กรกฎาคม - 26 สิงหาคม 2562]

ผมเริ่มรู้สึกว่า
อาการการป่วยไข้ของตัวเอง

ครั้งนี้แปลกออกไป....

ปกติกินยาเขียวก็พอ... กินสัก 1-2 ซอง 
ไม่ต้องถึงกับพาราเซตามอลอะไร

แค่นั้น...สักพักเหงื่อแตกพลั่ก
...แล้วอุณหภูมิในตัวก็ลดลง

ไปอาบน้ำทำกิจกรรมปกติได้

.....

สิ่งที่ต่างกว่าหลายๆครั้งที่เป็นก็คือ

'ครั้งนี้ไม่หาย'

แถมอาการปวดเมื่อยแบบแปลกๆก็มา

เช่น ปวดนิ้วเท้าคล้ายโดนผึ้งต่อย
เป็นอาการแบบปวดบวม
ลึกๆ หนึบๆ

...ดูภายนอกนิ้วก็ไม่บวม

แถมนวดไปนวดมา 
...ปวดแบบเกร็งไปเลย

หนักหนาสาหัสเข้าไปอีก แทนที่จะหาย

....

บางทีปวดนิ้วเท้าข้างซ้าย
...พอมาอีกวัน 

ปวดย้ายมาเท้าอีกข้างเฉย

นวดตรงไหน ตรงนั้นจะระบมเจ็บ
ทั้งที่เคยนวดแล้วหาย

....

เดินก็ช้าจนโดนแซวบางที
แก้เขินไปว่า ถึงเดินช้า...
....ก็ไม่เคยเดินตามใครนะ

ยังจะดูดีได้อีก

ความจริงเหนื่อย

...ช็อปปิ้งแบบเดินไม่ทันแฟน 
...เดินไม่ทันแม่
ผมว่าอันนี้ตอนไม่ป่วยก็เดินไม่ทันอยู่แล้ว

แต่มันไม่ทันมากขึ้น
....

มีโอกาสแบกตัวเองไปคลีนิคเจ้าประจำ
ได้ยาฆ่าเชื้อมาเพิ่ม... กินไปไข้ลด

ดีใจเหมือนจะดีขึ้น.... แต่ก็แค่นั้น
ไข้เด้งกลับมาอีก

ใจคอจะไม่ให้ดีใจกันเลย
....

เรื่องการตรวจของคลีนิค
ก็เป็นแบบพื้นฐานทั่วไป

ประมาณ...‘อ่อ.. คุณวุฒิพงศ์เป็นไข้นะค้า.า
.....รับแบบฉีดหรือกินดีค้า’

.....

รู้ไหมครับตอนนั้นตอบอะไร....

‘..ผมกลัวเข็มมากเลยครับหมอ 
ขอแบบกินแล้วกันครับ....’

ดันเกิดทะลึ่งกลัวเข็มขึ้นมาอีก
ทั้งที่ชีวิตโดนแทงมาจนพรุน

.....

คือมันแปลกแบบนี้

ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 62
จนปาเข้าไปวันที่ 28

ไข้ก็มาๆไปๆ

เดินทางกลับบ้าน ไข้ขึ้น

กินพาราเซตามอลแก้ไข้ซ้ำไปอีก
คิดว่าไม่ไหวต่อไปแล้วแบบนี้

งานการเสียหายหมด

.....

ตั้งใจกลับเข้าเมือง
ทั้งที่เพิ่งมาบ้านได้วันเดียว
ด้วยอาการเหนื่อยล้าสุดๆ

ขนาดที่รอป้ายรถเมล์ต้องกลั้นใจ

เป้าหมายที่กลับเข้าเมืองครั้งนี้ไม่ใช่ที่พักอีกแล้ว
แต่เป็นการตั้งใจไปนอนโรงพยาบาลเลย

เอาวะ....เป็นไงเป็นกัน
ชีวิตผมพร้อมสำหรับเข็มฉีดยาแล้ววว

เตรียมนอนโรงพยาบาลไว้สักสามวัน

....

โรงพยาบาลพิษณุเวช
...น่าจะเป็นสถานที่สุดท้าย

..ที่ฝากความกังวลนี้เอาไว้ได้

ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐอย่างในภาพ มารอคิวตั้งแต่ 8:00 กว่าจะได้เข้าพบถ้าไม่โชคร้ายสุดๆก็คงได้เจอหมอเร็ว
แต่ในภาพเป็นเวลาประมาณ 20:00 น. กว่าๆ แถมที่นี่ยังรวมคนไข้ทั้งภาคเหนือตอนล่างซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของใคร
ถ้าทุกคนในภาพเลือกได้ ใครก็อยากได้รับโอกาสการรักษาที่ดีทั้งนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่