อ่านกระทู้แชร์ประสบการณ์ทาวน์โฮมหลังน้อยๆ หลังแรกของชีวิต (Part1-ตัดสินใจ) ได้ที่ >>
https://ppantip.com/topic/38075164
จากกระทู้ที่แล้ว Part1 เป็นการเริ่มต้นเก็บเงิน การตัดสินใจและเริ่มผ่อนดาวน์ มาถึงตอนนี้เราได้ผ่อนดาวน์กับทางโครงการครบแล้วค่ะ เพิ่งไปจัดการเรื่องโอนที่สำนักที่ดินมาสดๆร้อนๆ เลย ทีนี้ก่อนจะโอนก็ต้องดูว่าเรามีเงินก้อนจ่ายค่าบ้านไหม ถ้ามีก็จัดโลดๆ ค่ะไม่ต้องยุ่งยาก แต่สำหรับเรามนุษย์เงินเดือนไร้มรดก ก็ต้องอาศัยธนาคารนี่ล่ะค่ะเป็นตัวช่วย เราจะมาแชร์ประสบการณ์ในส่วนนี้นะคะ (ยังยึดหลักเดิมในการประเมินตนเองก่อนซื้อบ้านนะคะว่าไหวไหม
ควรมีเงินสำรองเผื่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยค่ะ สำคัญมากๆๆๆ)
ระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่ Part1
- กรกฎาคม 61 ดูบ้าน ตัดสินใจ สอบถามรายละเอียดกับโครงการ
- สิงหาคม 61 เลือกแปลง จอง ต่อรองของแถม เซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย
- กันยายน 61 ถึง มิถุนายน 62 ผ่อนดาวน์กับโครงการ
ช่วงที่ดำเนินการต่างๆ ใน Part2
พฤษภาคม 62 เริ่มหาข้อมูลโปรฯ ดอกเบี้ย ธนาคารต่างๆ
มิถุนายน 62 เริ่มคุยกับธนาคารที่น่าสนใจ ยื่น pre approve
กรกฎาคม 62 เลือกธนาคาร แจ้งโครงการเพื่อประสานกับธนาคาร เข้าตรวจบ้านพร้อมส่งรายการแก้ไข
สิงหาคม 62 ตรวจบ้าน ส่งรายการแก้ไขบ้านและตรวจบ้านอีกครั้งจนเรียบร้อย นัดวัดโอน ยื่นเอกสารเพิ่มเติมกับธนาคาร นัดเซ็นสัญญาสินเชื่อและโอนบ้าน
กันยายน 62 เริ่มผ่อนงวดแรก
ต่อไปจะเป็นขั้นตอนที่เราดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่ยื่นกู้ไปจนถึงโอนบ้านนะคะ
1. เริ่มหาข้อมูลการยื่นกู้ ตรงนี้ให้ดูเรื่องเวลาให้ดีค่ะ ของเราตาม "สัญญาจะซื้อ" เขียนไว้ว่าหากให้โครงการยื่นให้จะต้องเดินเรื่องช่วงประมาณงวดที่ 8 โดยทางโครงการแค่ประสานงานยื่นธนาคารให้ ส่วนค่าดำเนินการเราต้องจ่ายเอง หรือหากเราสะดวกยื่นกับธนาคารเองก็ได้ค่ะ (อันนี้ก็แล้วแต่โครงการด้วยนะคะบางโครงการก็ดำเนินเรื่องให้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย) แต่เราเลือกที่จะยื่นเอง ค่าประเมินแล้วแต่โปรของแต่ละธนาคาร อันนี้เรายื่นช้าไปหน่อยเพราะตัวโครงการยังเก็บงานไม่เรียบร้อยเราเลยยังไม่ยื่น
2. เริ่มหาข้อมูลของธนาคาร โปรโมชั่นต่างๆ เช่น ฟรีประเมิน ฟรีค่าทำสัญญา ฟรีค่าดำเนินการ อะไรก็แล้วแต่จะฟรี เลือกๆ มาซักสามธนาคาร ที่คิดว่าดีที่สุด ที่สำคัญคือดูอัตราดอกเบี้ยของปีที่จะยื่นกู้ จำนวนปี รวมต้น+ดอก แล้ว ต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ อย่างบางธนาคารให้โปรดอกถูกจริงแต่ต้องดูระยะเวลาว่าถูกนานกี่เดือน หลังจากนั้นแล้วดอกเบี้ยจะเฉลี่ยเท่าไหร่ ทั่วๆไปก็จะดอกคงที่ไม่เกิน 4% นานสามปีแล้วรีไฟแนนซ์ อย่าลืมถามเรื่องการรีไฟแนนซ์เผื่อไว้ด้วยนะคะ ของเราจะให้ธนาคารแจ้งดอกเบี้ยพร้อมจำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือนแบบประมาณคร่าวๆ
3. ยื่น pre approve ยื่นเอกสารเช็คเครดิตบูโร พวกสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน สลิปเงินเดือนย้อนหลังหกเดือน สเตจเม้นย้อนหลัง 6 เดือน หากมี บช เงินเก็บ หุ้น หรือ สลากออมสิน ให้สำเนาเผื่อไว้ด้วย เพราะ สเตจเม้น บช หลักเราไม่ค่อยสวย ทุกสิ้นเดือนจะเหลือแค่หลักสิบหลักร้อย แต่มีเงินเก็บแยกส่วนไว้ เป็นเหมือนรายการแสดงสินทรัพย์ไป อันนี้ธนาคารขอเราเพิ่ม ถ้ามีการใช้บัตรเครดิตให้เตรียมใบแจ้งยอดไว้ด้วยเพราะเค้าจะดูว่าเรามีการจ่ายของงวดก่อนหน้าหรือไม่ (ส่วนของการเช็คเครดิตสำคัญมาก ธ. แจ้งว่ามีการแบ่งเกรดลูกค้าจากเรื่องนี้ด้วย)
4. คุยกับธนาคารเรื่องการประเมินบ้าน ของเราฟรีประเมิน ฟรีดำเนินการ (แล้วแต่โปรธนาคาร ส่วนใหญ่ทาวน์โฮมจะอยู่ที่ 1-3 พัน) ยื่นเอกสารพวกสำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย แปลนบ้าน แล้วแต่ธนาคารจะขอเพิ่ม เราให้ธนาคารประสานกับโครงการเรื่องประเมินบ้าน ไม่ได้เข้าไปเอง หลังจากประเมินแล้วเค้าจะแจ้งมาว่าเราได้ราคาประเมินเท่าไหร่ เวลาที่ยื่นกู้จะได้ราคาที่ต่ำสุด เช่น บ้าน 2.6 ล้าน แต่ประเมินแล้วได้ 2.5 ล้าน จำนวนที่เรายื่นกู้เฉพาะบ้านจะได้ 2.5 ล้านนะคะ (ไม่รวมพวกกู้เพิ่มต่อเติมหรือประกันต่างๆ ถ้าจะกู้เพิ่มต้องถามโปรธนาคารดูว่าแยกส่วนกู้แล้วคิดดอกเบี้ยยังไง)
5. ยื่นกู้ขอสินเชื่อกับธนาคารที่เลือก แล้วเตรียมเอกสารยื่นเพิ่มเติม คุยเรื่องวงเงินที่จะกู้ ของเราประเมินได้ตามราคาหน้าสัญญาซื้อขาย (100%) ส่วนนี้ให้คุยกับทั้งสามธนาคารเลยแล้วสุดท้ายมาตัดสินใจเลือกเอาที่ๆดีที่สุดเพียง 1 เดียว ช่วงนี้จะเป็นช่วงของการฟาดฟันต่อจากที่เราหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ อาจจะมีการบัฟเรื่องโปรเรื่องดอกเบี้ยกันบ้างกับธนาคารอื่นๆ พอประมาณ ของเราดูเรื่องดอกเบี้ยและการดูแลลูกค้าพอใจที่ไหนก็เลือกที่นั่นค่ะ(ที่ๆ ดีที่สุดของเราอาจจะไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนอื่น ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น เซลล์ที่คุย การต่อรอง และอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลานั้นๆ)
4. เริ่มตรวจบ้าน ระหว่างการยื่นเอกสาร ยื่นกู้ เราก็เริ่มตรวจบ้าน ควรประสานกับโครงการก่อนว่าตรวจเองหรือจ้างบริษัทมาตรวจ แจ้งวันเวลาที่จะเข้าตรวจบ้านล่วงหน้าก่อนซัก 5-7 วัน เพื่อที่จะให้โครงการอำนวยความสะดวกเรื่องระบบน้ำ-ไฟ ด้วย ของเราทางโครงการจะติดตั้งปั๊มให้ก่อนชั่วคราววันที่จะเข้าตรวจ สำหรับการตรวจบ้าน เราให้น้องที่รู้จักซึ่งรับงานตรวจบ้านอยู่แล้วมาช่วยดูให้ โดยหลักๆ จะดูเรื่องของพื้นกระเบื้อง สี รอยร้าว บานกระจก ขอบกระจก บานประตู รอยรั่ว ห้องน้ำ สวิตซ์ไฟ ระบบน้ำในห้องน้ำ ท่อน้ำทิ้ง เป็นต้น ตรงไหนที่ไม่เรียบร้อยน้องเค้าจะติดสติ๊กเกอร์มาร์กจุดและออก Report ไว้เพื่อให้โครงการซ่อมแซมก่อน แล้วค่อยเข้ามาดูอีกทีหลังจากแก้ไขแล้วจนเราโอเค ค่อยรับบ้าน ส่วนนี้ต้องคุยเรื่องเวลากับธนาคารให้ดีด้วยนะคะ ว่าเค้าถือเรื่องเอกสารกับดอกเบี้ยที่คุยกับเราได้ไม่เกินกี่วันกี่เดือน ก่อนโอนบ้าน
6. นัดวันโอนกับโครงการและธนาคาร หลังจากตรวจรับบ้านเรียบร้อยจะนัดวันโอนกับโครงการและธนาคาร โดยทางโครงการจะแจ้งจำนวนเงินคร่าวๆ ที่เราต้องจ่ายในวันโอน ของเราจะมีรายการอื่นๆที่ต้องจ่ายเพิ่มที่หักล้างได้จากยอดที่เราจ่ายผ่อนดาวน์ไป โดยธนาคารต้องออกเช็คให้กับโครงการ แล้วคืนส่วนต่างให้ จากนั้นธนาคารจะนัดคุยกับเราเรื่องทำสัญญาขอสินเชื่อ จำนวนเงินที่กู้ การผ่อน เงื่อนไขต่างๆ อ่านก่อนเซ็นดีๆ ของเราจะมีจ่ายค่าประกันอัคคีภัยและค่าอากรเป็นเงินสดก่อนวันไปโอนที่สำนักงานที่ดิน
7. ณ สำนักที่ดินกับการโอนกรรมสิทธิ์ วันนี้อาจจะมีบางคนดูฤกษ์งามยามดีกันนะคะ ส่วนเราก็ใช้ฤกษ์สะดวก เลือกวันที่ไม่ติดงาน เคลียร์งานให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับโทรศัพท์คุยงานให้วุ่นวายในวันนี้ก็พอแล้วค่ะ ควรเตรียมเงินและเอกสารไว้ให้พร้อม เราเตรียมเป็นเงินสดไปค่ะ เพราะถ้ารูดบัตรที่สำนักที่ดินจะมีชาร์จค่าทำเนียมเพิ่ม เอกสารสำคัญที่ต้องนำไปคือทะเบียนบ้านที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบันตัวจริงและบัตรประชาชนตัวจริง ส่วนสำเนาเราเตรียมไป 2-3 ชุด แต่ไม่ได้ใช้เลย เพราะโครงการจัดการให้ ส่วนขั้นตอนมีดังนี้ค่ะ
(1) โครงการนัดเราให้เจอที่สำนักงานที่ดินเวลา 9.30 น. แต่เราไปถึงก่อน 9 โมงซะอีก พอ 9 โมงเป๊ะธนาคารโทรก็โทรหาเราเลย จึงขึ้นไปเซ็นเอกสารรอ จะเป็นเอกสารการขอจำนองที่ดิน เอกสารรับเช็ค
(2) พอ 9.30 ก็เซ็นเอกสารสัญญาซื้อขายกับโครงการรับทะบียนบ้านที่เราซื้อ ธนาคารจะมอบเช็คให้เราและโครงการตามที่แจ้งไว้ ตรวจสอบ ข้อมูล จำนวนเงินให้ถูกต้อง แล้วเราก็นำเงินสดประมาณ 5x,xxx ตามรายการที่สำนักที่ดินแจ้งไว้ให้กับโครงการเพื่อดำเนินการ รอประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ (ในส่วนนี้โครงการดำเนินการให้เราทั้งหมด เราไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของสำนักที่ดินเลย)
(3) 1 ชั่วโมงผ่านไป จนท. ของโครงการก็โทรแจ้งให้เราขึ้นมาเซ็นเอกสารเพิ่มเติม รับใบเสร็จจากที่จ่ายเงินไป ตรวจสอบข้อมูลชื่อนามสกุลโฉนดตัวจริงโดยเฉพาะด้านที่สลักหลังให้เรียบร้อย เมื่อได้โฉนดมาแล้วชื่นชมให้เต็มที่นะคะ เพราะอีกไม่กี่นาทีมันจะไปอยู่กับธนาคารแล้ว ส่วนเราก็นำสำเนากลับบ้านไปนอนกอดแทนค่ะ 55555+
(4) พอมาถึงตรงนี้ 11.30 น. ก็จะสิ้นสุดกระบวนการกับสำนักงานที่ดินแล้ว แต่ยังไม่จบในส่วนของตัวเอง เพราะเราจะไปโอนชื่อมิเตอร์น้ำไฟต่อค่ะ ลางาน 1 วันคือต้องเอาให้คุ้ม โดยเราจะเข้าไปที่โครงการอีกรอบ นำสัญญาซื้อขายไปแจ้งที่โครงการ รับกุญแจ รับเอกสารที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ ได้แก่ ใบประกันฉีดปลวก สติ๊กเกอร์ติดรถยนต์ เอกสารและใบประกันมิเตอร์น้ำไฟที่เราต้องไปยื่นขอเปลี่ยนชื่อเอง ถ้าโครงการไหนจัดการให้ก็สบายไปค่ะ แต่ของเราระบุไว้ชัดเจนในสัญญาจะซื้อจะขายเลยว่าเราต้องเป็นคนจัดการ (ในส่วนของมิเตอร์น้ำไฟ ทางโครงการขอไว้เรียบร้อยเราแค่ทำเรื่องโอนชื่ออย่างเดียวซึ่งเค้าเตรียมเอกสารส่วนหนึ่งไว้ให้เราเรียบร้อย รอแค่เอกสารสัญญาซื้อขายจากเราเพิ่มเติมแล้วจัดชุดแนบให้เราไว้ไปยื่น)
ป่ะ โอนมิเตอร์ไฟกันค่ะ ประมาณชั่วโมงนึงรวมรอคิว
1 กดบัตรคิว
2 ยื่นเอกสาร เซ็นเอกสารการโอนชื่อและสัญญาการใช้ไฟฟ้า
3 นำเอกสารไปยื่นในส่วนของหลักประกันและจ่ายค่าอากร
4 เซ็นเอกสารและลงชื่อในสมุดทะเบียนของเจ้าหน้าที่
5 รับเอกสารคืน เก็บใบเสร็จการประกันมิเตอร์ให้ดีอย่าให้หาย เพราะถ้าเปลี่ยนชื่อเจ้าของเมื่อไหร่ต้องนำใบนี้มาด้วย หากหายจะวุ่นวายมาก (เจ้าหน้าที่แจ้งไว้)
ต่อด้วยโอนมิเตอร์น้ำ ไม่เกินชั่วโมงนึงรวมรอคิว
1 กดบัตรคิวช่องการบริการลูกค้า
2 ยื่นเอกสาร เซ็นเอกสารการโอนชื่อและสัญญาการใช้น้ำประปา
3 รับเอกสารคืน จ่ายค่าอากร 10 บาท และนำบิลไปจ่ายค่าน้ำคงค้าง
4 กดบัตรคิวการจ่ายค่าน้ำ และจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ขอจบ Part 2 นี้ ด้วยการดำเนินการยื่นกู้ ตรวจรับบ้าน โอนบ้าน โอนมิเตอร์น้ำไฟ ไว้เท่านี้นะคะ แบบว่ากว่าจะเรียบร้อยนี่ร้อง เห้ออออออออออ ได้ชื่นชมเป็นเจ้าของโฉนดได้ไม่กี่นาทีต้องเอาไปฝากกับธนาคารไว้ซะละ 555+ อีก ไม่เกิน 30 ปี เจอกันนะโฉนดตัวจริงของชั้น ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับหลายๆ คนค่ะ หากใครมีประสบการณ์แลกเปลี่ยนก็มาแชร์ๆ กันได้นะคะ อันนี้เป็นแค่ส่วนที่เราสัมผัส จัดการเท่านั้น ส่วนที่คนอื่นๆ พบอาจจะแตกต่างกันไป
ต่อจากนี้ก็ต้องดูเรื่องต่อเติม ตกแต่งแล้วค่ะ บ๊ายบายย
แชร์ประสบการณ์ทาวน์โฮมหลังน้อยๆ หลังแรกของชีวิต (Part 2 ใกล้ความจริง)
จากกระทู้ที่แล้ว Part1 เป็นการเริ่มต้นเก็บเงิน การตัดสินใจและเริ่มผ่อนดาวน์ มาถึงตอนนี้เราได้ผ่อนดาวน์กับทางโครงการครบแล้วค่ะ เพิ่งไปจัดการเรื่องโอนที่สำนักที่ดินมาสดๆร้อนๆ เลย ทีนี้ก่อนจะโอนก็ต้องดูว่าเรามีเงินก้อนจ่ายค่าบ้านไหม ถ้ามีก็จัดโลดๆ ค่ะไม่ต้องยุ่งยาก แต่สำหรับเรามนุษย์เงินเดือนไร้มรดก ก็ต้องอาศัยธนาคารนี่ล่ะค่ะเป็นตัวช่วย เราจะมาแชร์ประสบการณ์ในส่วนนี้นะคะ (ยังยึดหลักเดิมในการประเมินตนเองก่อนซื้อบ้านนะคะว่าไหวไหม ควรมีเงินสำรองเผื่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยค่ะ สำคัญมากๆๆๆ)
ระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่ Part1
- กรกฎาคม 61 ดูบ้าน ตัดสินใจ สอบถามรายละเอียดกับโครงการ
- สิงหาคม 61 เลือกแปลง จอง ต่อรองของแถม เซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย
- กันยายน 61 ถึง มิถุนายน 62 ผ่อนดาวน์กับโครงการ
ช่วงที่ดำเนินการต่างๆ ใน Part2
พฤษภาคม 62 เริ่มหาข้อมูลโปรฯ ดอกเบี้ย ธนาคารต่างๆ
มิถุนายน 62 เริ่มคุยกับธนาคารที่น่าสนใจ ยื่น pre approve
กรกฎาคม 62 เลือกธนาคาร แจ้งโครงการเพื่อประสานกับธนาคาร เข้าตรวจบ้านพร้อมส่งรายการแก้ไข
สิงหาคม 62 ตรวจบ้าน ส่งรายการแก้ไขบ้านและตรวจบ้านอีกครั้งจนเรียบร้อย นัดวัดโอน ยื่นเอกสารเพิ่มเติมกับธนาคาร นัดเซ็นสัญญาสินเชื่อและโอนบ้าน
กันยายน 62 เริ่มผ่อนงวดแรก
ต่อไปจะเป็นขั้นตอนที่เราดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่ยื่นกู้ไปจนถึงโอนบ้านนะคะ
1. เริ่มหาข้อมูลการยื่นกู้ ตรงนี้ให้ดูเรื่องเวลาให้ดีค่ะ ของเราตาม "สัญญาจะซื้อ" เขียนไว้ว่าหากให้โครงการยื่นให้จะต้องเดินเรื่องช่วงประมาณงวดที่ 8 โดยทางโครงการแค่ประสานงานยื่นธนาคารให้ ส่วนค่าดำเนินการเราต้องจ่ายเอง หรือหากเราสะดวกยื่นกับธนาคารเองก็ได้ค่ะ (อันนี้ก็แล้วแต่โครงการด้วยนะคะบางโครงการก็ดำเนินเรื่องให้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย) แต่เราเลือกที่จะยื่นเอง ค่าประเมินแล้วแต่โปรของแต่ละธนาคาร อันนี้เรายื่นช้าไปหน่อยเพราะตัวโครงการยังเก็บงานไม่เรียบร้อยเราเลยยังไม่ยื่น
2. เริ่มหาข้อมูลของธนาคาร โปรโมชั่นต่างๆ เช่น ฟรีประเมิน ฟรีค่าทำสัญญา ฟรีค่าดำเนินการ อะไรก็แล้วแต่จะฟรี เลือกๆ มาซักสามธนาคาร ที่คิดว่าดีที่สุด ที่สำคัญคือดูอัตราดอกเบี้ยของปีที่จะยื่นกู้ จำนวนปี รวมต้น+ดอก แล้ว ต้องจ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ อย่างบางธนาคารให้โปรดอกถูกจริงแต่ต้องดูระยะเวลาว่าถูกนานกี่เดือน หลังจากนั้นแล้วดอกเบี้ยจะเฉลี่ยเท่าไหร่ ทั่วๆไปก็จะดอกคงที่ไม่เกิน 4% นานสามปีแล้วรีไฟแนนซ์ อย่าลืมถามเรื่องการรีไฟแนนซ์เผื่อไว้ด้วยนะคะ ของเราจะให้ธนาคารแจ้งดอกเบี้ยพร้อมจำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือนแบบประมาณคร่าวๆ
3. ยื่น pre approve ยื่นเอกสารเช็คเครดิตบูโร พวกสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน สลิปเงินเดือนย้อนหลังหกเดือน สเตจเม้นย้อนหลัง 6 เดือน หากมี บช เงินเก็บ หุ้น หรือ สลากออมสิน ให้สำเนาเผื่อไว้ด้วย เพราะ สเตจเม้น บช หลักเราไม่ค่อยสวย ทุกสิ้นเดือนจะเหลือแค่หลักสิบหลักร้อย แต่มีเงินเก็บแยกส่วนไว้ เป็นเหมือนรายการแสดงสินทรัพย์ไป อันนี้ธนาคารขอเราเพิ่ม ถ้ามีการใช้บัตรเครดิตให้เตรียมใบแจ้งยอดไว้ด้วยเพราะเค้าจะดูว่าเรามีการจ่ายของงวดก่อนหน้าหรือไม่ (ส่วนของการเช็คเครดิตสำคัญมาก ธ. แจ้งว่ามีการแบ่งเกรดลูกค้าจากเรื่องนี้ด้วย)
4. คุยกับธนาคารเรื่องการประเมินบ้าน ของเราฟรีประเมิน ฟรีดำเนินการ (แล้วแต่โปรธนาคาร ส่วนใหญ่ทาวน์โฮมจะอยู่ที่ 1-3 พัน) ยื่นเอกสารพวกสำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย แปลนบ้าน แล้วแต่ธนาคารจะขอเพิ่ม เราให้ธนาคารประสานกับโครงการเรื่องประเมินบ้าน ไม่ได้เข้าไปเอง หลังจากประเมินแล้วเค้าจะแจ้งมาว่าเราได้ราคาประเมินเท่าไหร่ เวลาที่ยื่นกู้จะได้ราคาที่ต่ำสุด เช่น บ้าน 2.6 ล้าน แต่ประเมินแล้วได้ 2.5 ล้าน จำนวนที่เรายื่นกู้เฉพาะบ้านจะได้ 2.5 ล้านนะคะ (ไม่รวมพวกกู้เพิ่มต่อเติมหรือประกันต่างๆ ถ้าจะกู้เพิ่มต้องถามโปรธนาคารดูว่าแยกส่วนกู้แล้วคิดดอกเบี้ยยังไง)
5. ยื่นกู้ขอสินเชื่อกับธนาคารที่เลือก แล้วเตรียมเอกสารยื่นเพิ่มเติม คุยเรื่องวงเงินที่จะกู้ ของเราประเมินได้ตามราคาหน้าสัญญาซื้อขาย (100%) ส่วนนี้ให้คุยกับทั้งสามธนาคารเลยแล้วสุดท้ายมาตัดสินใจเลือกเอาที่ๆดีที่สุดเพียง 1 เดียว ช่วงนี้จะเป็นช่วงของการฟาดฟันต่อจากที่เราหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ อาจจะมีการบัฟเรื่องโปรเรื่องดอกเบี้ยกันบ้างกับธนาคารอื่นๆ พอประมาณ ของเราดูเรื่องดอกเบี้ยและการดูแลลูกค้าพอใจที่ไหนก็เลือกที่นั่นค่ะ(ที่ๆ ดีที่สุดของเราอาจจะไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนอื่น ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น เซลล์ที่คุย การต่อรอง และอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลานั้นๆ)
4. เริ่มตรวจบ้าน ระหว่างการยื่นเอกสาร ยื่นกู้ เราก็เริ่มตรวจบ้าน ควรประสานกับโครงการก่อนว่าตรวจเองหรือจ้างบริษัทมาตรวจ แจ้งวันเวลาที่จะเข้าตรวจบ้านล่วงหน้าก่อนซัก 5-7 วัน เพื่อที่จะให้โครงการอำนวยความสะดวกเรื่องระบบน้ำ-ไฟ ด้วย ของเราทางโครงการจะติดตั้งปั๊มให้ก่อนชั่วคราววันที่จะเข้าตรวจ สำหรับการตรวจบ้าน เราให้น้องที่รู้จักซึ่งรับงานตรวจบ้านอยู่แล้วมาช่วยดูให้ โดยหลักๆ จะดูเรื่องของพื้นกระเบื้อง สี รอยร้าว บานกระจก ขอบกระจก บานประตู รอยรั่ว ห้องน้ำ สวิตซ์ไฟ ระบบน้ำในห้องน้ำ ท่อน้ำทิ้ง เป็นต้น ตรงไหนที่ไม่เรียบร้อยน้องเค้าจะติดสติ๊กเกอร์มาร์กจุดและออก Report ไว้เพื่อให้โครงการซ่อมแซมก่อน แล้วค่อยเข้ามาดูอีกทีหลังจากแก้ไขแล้วจนเราโอเค ค่อยรับบ้าน ส่วนนี้ต้องคุยเรื่องเวลากับธนาคารให้ดีด้วยนะคะ ว่าเค้าถือเรื่องเอกสารกับดอกเบี้ยที่คุยกับเราได้ไม่เกินกี่วันกี่เดือน ก่อนโอนบ้าน
6. นัดวันโอนกับโครงการและธนาคาร หลังจากตรวจรับบ้านเรียบร้อยจะนัดวันโอนกับโครงการและธนาคาร โดยทางโครงการจะแจ้งจำนวนเงินคร่าวๆ ที่เราต้องจ่ายในวันโอน ของเราจะมีรายการอื่นๆที่ต้องจ่ายเพิ่มที่หักล้างได้จากยอดที่เราจ่ายผ่อนดาวน์ไป โดยธนาคารต้องออกเช็คให้กับโครงการ แล้วคืนส่วนต่างให้ จากนั้นธนาคารจะนัดคุยกับเราเรื่องทำสัญญาขอสินเชื่อ จำนวนเงินที่กู้ การผ่อน เงื่อนไขต่างๆ อ่านก่อนเซ็นดีๆ ของเราจะมีจ่ายค่าประกันอัคคีภัยและค่าอากรเป็นเงินสดก่อนวันไปโอนที่สำนักงานที่ดิน
7. ณ สำนักที่ดินกับการโอนกรรมสิทธิ์ วันนี้อาจจะมีบางคนดูฤกษ์งามยามดีกันนะคะ ส่วนเราก็ใช้ฤกษ์สะดวก เลือกวันที่ไม่ติดงาน เคลียร์งานให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับโทรศัพท์คุยงานให้วุ่นวายในวันนี้ก็พอแล้วค่ะ ควรเตรียมเงินและเอกสารไว้ให้พร้อม เราเตรียมเป็นเงินสดไปค่ะ เพราะถ้ารูดบัตรที่สำนักที่ดินจะมีชาร์จค่าทำเนียมเพิ่ม เอกสารสำคัญที่ต้องนำไปคือทะเบียนบ้านที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบันตัวจริงและบัตรประชาชนตัวจริง ส่วนสำเนาเราเตรียมไป 2-3 ชุด แต่ไม่ได้ใช้เลย เพราะโครงการจัดการให้ ส่วนขั้นตอนมีดังนี้ค่ะ
(1) โครงการนัดเราให้เจอที่สำนักงานที่ดินเวลา 9.30 น. แต่เราไปถึงก่อน 9 โมงซะอีก พอ 9 โมงเป๊ะธนาคารโทรก็โทรหาเราเลย จึงขึ้นไปเซ็นเอกสารรอ จะเป็นเอกสารการขอจำนองที่ดิน เอกสารรับเช็ค
(2) พอ 9.30 ก็เซ็นเอกสารสัญญาซื้อขายกับโครงการรับทะบียนบ้านที่เราซื้อ ธนาคารจะมอบเช็คให้เราและโครงการตามที่แจ้งไว้ ตรวจสอบ ข้อมูล จำนวนเงินให้ถูกต้อง แล้วเราก็นำเงินสดประมาณ 5x,xxx ตามรายการที่สำนักที่ดินแจ้งไว้ให้กับโครงการเพื่อดำเนินการ รอประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ (ในส่วนนี้โครงการดำเนินการให้เราทั้งหมด เราไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของสำนักที่ดินเลย)
(3) 1 ชั่วโมงผ่านไป จนท. ของโครงการก็โทรแจ้งให้เราขึ้นมาเซ็นเอกสารเพิ่มเติม รับใบเสร็จจากที่จ่ายเงินไป ตรวจสอบข้อมูลชื่อนามสกุลโฉนดตัวจริงโดยเฉพาะด้านที่สลักหลังให้เรียบร้อย เมื่อได้โฉนดมาแล้วชื่นชมให้เต็มที่นะคะ เพราะอีกไม่กี่นาทีมันจะไปอยู่กับธนาคารแล้ว ส่วนเราก็นำสำเนากลับบ้านไปนอนกอดแทนค่ะ 55555+
(4) พอมาถึงตรงนี้ 11.30 น. ก็จะสิ้นสุดกระบวนการกับสำนักงานที่ดินแล้ว แต่ยังไม่จบในส่วนของตัวเอง เพราะเราจะไปโอนชื่อมิเตอร์น้ำไฟต่อค่ะ ลางาน 1 วันคือต้องเอาให้คุ้ม โดยเราจะเข้าไปที่โครงการอีกรอบ นำสัญญาซื้อขายไปแจ้งที่โครงการ รับกุญแจ รับเอกสารที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ ได้แก่ ใบประกันฉีดปลวก สติ๊กเกอร์ติดรถยนต์ เอกสารและใบประกันมิเตอร์น้ำไฟที่เราต้องไปยื่นขอเปลี่ยนชื่อเอง ถ้าโครงการไหนจัดการให้ก็สบายไปค่ะ แต่ของเราระบุไว้ชัดเจนในสัญญาจะซื้อจะขายเลยว่าเราต้องเป็นคนจัดการ (ในส่วนของมิเตอร์น้ำไฟ ทางโครงการขอไว้เรียบร้อยเราแค่ทำเรื่องโอนชื่ออย่างเดียวซึ่งเค้าเตรียมเอกสารส่วนหนึ่งไว้ให้เราเรียบร้อย รอแค่เอกสารสัญญาซื้อขายจากเราเพิ่มเติมแล้วจัดชุดแนบให้เราไว้ไปยื่น)
ป่ะ โอนมิเตอร์ไฟกันค่ะ ประมาณชั่วโมงนึงรวมรอคิว
1 กดบัตรคิว
2 ยื่นเอกสาร เซ็นเอกสารการโอนชื่อและสัญญาการใช้ไฟฟ้า
3 นำเอกสารไปยื่นในส่วนของหลักประกันและจ่ายค่าอากร
4 เซ็นเอกสารและลงชื่อในสมุดทะเบียนของเจ้าหน้าที่
5 รับเอกสารคืน เก็บใบเสร็จการประกันมิเตอร์ให้ดีอย่าให้หาย เพราะถ้าเปลี่ยนชื่อเจ้าของเมื่อไหร่ต้องนำใบนี้มาด้วย หากหายจะวุ่นวายมาก (เจ้าหน้าที่แจ้งไว้)
ต่อด้วยโอนมิเตอร์น้ำ ไม่เกินชั่วโมงนึงรวมรอคิว
1 กดบัตรคิวช่องการบริการลูกค้า
2 ยื่นเอกสาร เซ็นเอกสารการโอนชื่อและสัญญาการใช้น้ำประปา
3 รับเอกสารคืน จ่ายค่าอากร 10 บาท และนำบิลไปจ่ายค่าน้ำคงค้าง
4 กดบัตรคิวการจ่ายค่าน้ำ และจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ขอจบ Part 2 นี้ ด้วยการดำเนินการยื่นกู้ ตรวจรับบ้าน โอนบ้าน โอนมิเตอร์น้ำไฟ ไว้เท่านี้นะคะ แบบว่ากว่าจะเรียบร้อยนี่ร้อง เห้ออออออออออ ได้ชื่นชมเป็นเจ้าของโฉนดได้ไม่กี่นาทีต้องเอาไปฝากกับธนาคารไว้ซะละ 555+ อีก ไม่เกิน 30 ปี เจอกันนะโฉนดตัวจริงของชั้น ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับหลายๆ คนค่ะ หากใครมีประสบการณ์แลกเปลี่ยนก็มาแชร์ๆ กันได้นะคะ อันนี้เป็นแค่ส่วนที่เราสัมผัส จัดการเท่านั้น ส่วนที่คนอื่นๆ พบอาจจะแตกต่างกันไป
ต่อจากนี้ก็ต้องดูเรื่องต่อเติม ตกแต่งแล้วค่ะ บ๊ายบายย