สวัสดีค่าา วันนี้เราจะมารีวิวการสอบ IELTS แบบ UKVI ซึ่งจัดสอบโดย IDP นะคะ
โดยเจ้าของกระทู้เพิ่งจะสอบไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2019 นี้เองค่ะ
และเนื่องจากได้สัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าได้คะแนนออกมาเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะเขียนรีวิวการสอบสนามนี้ในพันทิปเพื่อให้คนที่กำลังจะสอบตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ^^ และเพราะว่ามีคนเขียนกระทู้บอกเคล็ดลับวิธีการเตรียมตัวสอบมาเยอะแล้ว เราเลยจะเน้นเป็นการรีวิวสถานที่สอบที่นี่เป็นหลัก เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่านตัดสินใจเลือกสอบได้ง่ายขึ้นว่าจะสอบเจ้าไหนที่ถูกกับจริตตัวเองมากกว่านะคะ
โดยสำหรับการสอบ IELTS ในไทยจะมีเจ้าหลักๆอยู่ 2 เจ้า คือ British Council และ IDP
ความแตกต่างหลักๆระหว่าง 2 เจ้านี้ก็จะมีดังนี้
1. ตัวแทนการจัดสอบจากประเทศ
-BC: เป็นตัวแทนการจัดสอบจาก UK
-IDP: เป็นตัวแทนการจัดสอบจาก Australia
แต่ข้อสอบระดับความยาก-ง่ายเหมือนกันนะคะ ไม่ต่าง เพราะเป็นข้อสอบจาก Cambridgeเหมือนกัน
2. สถานที่สอบ
-BC: สอบที่ โรงแรม Landmark แถว BTS นานา
-IDP: สำหรับแบบ UKVI จะสอบที่โรงแรม Pullman แถว BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท โดยสอบที่เดียวกันทั้งวัน ทั้ง 4 part ซึ่งจะแตกต่างจากการ
สอบแบบธรรมดาของ IDP ซึ่งอาจจะต้องย้ายสถานที่สอบ speaking ตอนช่วงบ่ายค่ะ
3. หูฟัง listening
-BC: เท่าที่เราทราบมาจะเป็นหูฟังแบบมีสายนะคะ
-IDP: หูฟังไร้สาย
4. โต๊ะสอบ ทั้ง 2 ที่เป็นแบบโต๊ะยาวนั่ง 2 คนเหมือนกัน
-BC: จากการอ่านกระทู้รีวิวจากคนอื่นแล้วนั้นน ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า มีผ้าปูโต๊ะที่ค่อนข้างจะเกะกะเวลาเขียน และเวลาลบก็สะเทือนไปทั้งโต๊ะเลยเหมือนกัน 555 แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปหรือยังนะคะ
-IDP: โต๊ะแบบไม้ๆ แบบขาโต๊ะแข็งแรง ไม่มีผ้าปูโต๊ะ
5. เอกสารที่ต้องเตรียม
-BC: ให้เตรียมสำเนา passport หรือบัตรประชาชนไปด้วย
-IDP: ไม่ต้องเตรียม เอาไปแค่ตัวจริง
โอเคค่ะ ต่อมาจะเป็นการรีวิวสถานที่สอบที่โรงแรม Pullman อโศกแบบจัดเต็มกันค่ะ
ก่อนเข้าห้องสอบ
-ที่นั่งรอสอบสบายมากกก มีโซฟาหลายๆตัวให้นั่งเตรียมตัวเตรียมใจ555 มีห้องน้ำที่สะอาดและหลายห้องอยู่ชั้นเดียวกับห้องสอบ และใกล้ห้องสอบเลย
-สำหรับสิ่งของที่เอาเข้าห้องสอบ
ได้จะมีแค่ น้ำที่แกะฉลากออกและต้องเป็นสีใสเท่านั้น (ตอนรอบเราสอบมีคนจะเอาน้ำแอ๊ปเปิ้ลเข้า ก็คืออดไป5555), เสื้อกันหนาว, บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตัวจริงตามที่เราได้ลงทะเบียนสอบไว้ค่ะ
-และสิ่งที่เอาเข้าห้องสอบ
ไม่ได้ คือ ผ้าเช็ดหน้า, กระดาษทิชชู่, ผ้าปิดปาก, นาฬิกา, เครื่องเขียนทุกชนิด และอื่นๆ
processการเข้าห้องสอบ
-ตอนแรกจะเป็นการฝากกระเป๋าก่อนค่ะ และเค้าจะเอาแท็กให้เราไว้สำหรับมารับกระเป๋าเมื่อสอบช่วงเช้าเสร็จ
-ต่อมาจะเป็นการเข้าแถวเพื่อลงทะเบียน ตอนรอบเราสอบมี 2 แถว เรียงไปตามตัวอักษรแรกของนามสกุล
-เค้าน์เตอร์แรกที่เจอคือเค้าจะถามชื่อและตรวจ passport หรือบัตรประชาชนเรา ดูว่าหน้าใช่มั้ย อะไรแบบนี้ค่ะ
-เค้าน์เตอร์ที่สอง จะเป็นการถ่ายรูปและสแกนนิ้วค่ะ
-และสุดท้ายก่อนเข้าห้องจะเป็นการตรวจเสื้อผ้าเรา เช่น เอาเสื้อกันหนาวไปเช็คว่าไม่ได้ใส่อะไรเข้ามานะ
เข้าห้องสอบแล้ว!
-เข้าไปแล้วเค้าก็จะพาเราไปนั่งที่โต๊ะซึ่งนั่งโต๊ะละ 2 คน เป็นโต๊ะแบบไม้ๆ ไม่มีผ้าปูโต๊ะ ใหญ่อยู่และค่อนข้างแข็งแรงเลยทีเดียว เวลาลบไม่รบกวนคนข้างๆ
-สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ คือ ดินสอแบบเปลี่ยนไส้(ข้างนอกเรียบๆเหมือนปากกา ก็จับได้ถนัดดีไม่มีปัญหาค่ะ), ยางลบสีดำที่ก้อนแอบเล็กนิสส size ใหญ่กว่าเล็บนิ้วโป้งหน่อยนึง5555, หูฟังไร้สายอย่างดี(อันนี้ชอบมาก) เป็นแบบ Headphone ที่ไม่มีสายอะค่ะ, และกระดาษใบเล็กๆบอกข้อมูลเรา เช่น ชื่อ, candidate no. รวมถึง เวลาสอบ speaking ตอนบ่ายค่ะ ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ต้องไปลุ้นเอาในนั้นค่ะ55555
-ห้องสอบแอร์หนาวนิดหน่อย แต่ไม่ได้หนาวมากกเพนกวิ้นขั้วโลกขนาดนั้น ใส่เสื้อกันหนาวแบบบาง เช่น คาร์ดิแกน ยังเอาอยู่ค่ะ
-ไฟจะเป็นออกแนวโทนส้มๆไม่ได้สว่างจัด แต่สามารถทำข้อสอบได้ไม่มีปัญหาค่ะ
-ไม่มีนาฬิกาที่บอกเวลาปัจจุบันให้ดู
-การบอกเวลาตอนสอบจะเป็นจอโปรเจคเตอร์ใหญ่ๆข้างหน้าให้ดู ซึ่งจะบอกเวลา
นับถอยหลังว่าเราเหลือเวลาทำข้อสอบ part นั้นอยู่เท่าไหร่
-ระหว่างการสอบแต่ละ part เค้าจะมีเวลาก่อนให้เราเขียนชื่อ-นามสกุล และข้อมูลต่างๆลงบนกระดาษคำตอบนะคะ ซึ่งเวลานี้ไม่รวมอยู่ในเวลาทำข้อสอบที่เค้าให้มานะคะ เย้ๆๆ
-และอย่างหนึ่งที่เราอยากจะบอกคือ Part Listening ตอนต้นที่เค้าจะเปิดเทปบรรยายพูดก่อนนิดนึงอ่ะค่ะ เค้าจะยังไม่ให้เราเปิดข้อสอบจนกว่าเค้าจะบอกให้เราเปิดได้นะคะ( ถ้าจำไม่ผิด น่าจะประมาณว่า now turn to section1 อะไรประมาณนี้5555) คือตอนซ้อมเราเปิดตั้งแต่เทปเริ่มพูดตลอดเลย ทำให้ตอนสอบก็แอบช็อคนิด เพราะเวลาอ่านโจทย์หายไปหน่อยนึง555
แล้วพอเสร็จจากช่วงเช้า ตอนบ่ายก็จะเป็นการสอบ speaking ค่ะ
เค้าจะให้เราไปก่อนเวลาสอบจริงประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำนะคะ
-มีห้องน้ำในชั้นเดียวกัน
-มีห้องสอบ4ห้อง อาจารย์4คนแยกกันไปในแต่ละห้อง มีกระดานบอกอยู่ข้างหน้าว่าชื่อเราได้สอบห้องไหน
-มีการฝากกระเป๋าก่อนเข้าห้องสอบ แต่คราวนี้แบบชิวๆ ฝากไว้กับพี่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หน้าห้องค่ะ
-อาจารย์ที่สอบ speaking ที่เราเจอคือใจดีมากก และชิวมาก มีการเดินออกมาชงกาแฟ และเดินมารับเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนเข้าห้องเชือด55555
นี่ละค่ะ ประมาณนี้ จากประสบการณ์สอบของเรา
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังจะสอบทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะ
และถ้าเราเขียนข้อมูลอะไรไปผิดพลาดประการใดสามารถแก้ไขเราได้เลยนะคะ
ขอบคุณมากค่าาาา
[CR] Review การสอบ IELTS UKVI ของ IDP (รอบ July 2019)
โดยเจ้าของกระทู้เพิ่งจะสอบไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2019 นี้เองค่ะ
และเนื่องจากได้สัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าได้คะแนนออกมาเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จะเขียนรีวิวการสอบสนามนี้ในพันทิปเพื่อให้คนที่กำลังจะสอบตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ^^ และเพราะว่ามีคนเขียนกระทู้บอกเคล็ดลับวิธีการเตรียมตัวสอบมาเยอะแล้ว เราเลยจะเน้นเป็นการรีวิวสถานที่สอบที่นี่เป็นหลัก เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่านตัดสินใจเลือกสอบได้ง่ายขึ้นว่าจะสอบเจ้าไหนที่ถูกกับจริตตัวเองมากกว่านะคะ
โดยสำหรับการสอบ IELTS ในไทยจะมีเจ้าหลักๆอยู่ 2 เจ้า คือ British Council และ IDP
ความแตกต่างหลักๆระหว่าง 2 เจ้านี้ก็จะมีดังนี้
1. ตัวแทนการจัดสอบจากประเทศ
-BC: เป็นตัวแทนการจัดสอบจาก UK
-IDP: เป็นตัวแทนการจัดสอบจาก Australia
แต่ข้อสอบระดับความยาก-ง่ายเหมือนกันนะคะ ไม่ต่าง เพราะเป็นข้อสอบจาก Cambridgeเหมือนกัน
2. สถานที่สอบ
-BC: สอบที่ โรงแรม Landmark แถว BTS นานา
-IDP: สำหรับแบบ UKVI จะสอบที่โรงแรม Pullman แถว BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท โดยสอบที่เดียวกันทั้งวัน ทั้ง 4 part ซึ่งจะแตกต่างจากการ
สอบแบบธรรมดาของ IDP ซึ่งอาจจะต้องย้ายสถานที่สอบ speaking ตอนช่วงบ่ายค่ะ
3. หูฟัง listening
-BC: เท่าที่เราทราบมาจะเป็นหูฟังแบบมีสายนะคะ
-IDP: หูฟังไร้สาย
4. โต๊ะสอบ ทั้ง 2 ที่เป็นแบบโต๊ะยาวนั่ง 2 คนเหมือนกัน
-BC: จากการอ่านกระทู้รีวิวจากคนอื่นแล้วนั้นน ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า มีผ้าปูโต๊ะที่ค่อนข้างจะเกะกะเวลาเขียน และเวลาลบก็สะเทือนไปทั้งโต๊ะเลยเหมือนกัน 555 แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปหรือยังนะคะ
-IDP: โต๊ะแบบไม้ๆ แบบขาโต๊ะแข็งแรง ไม่มีผ้าปูโต๊ะ
5. เอกสารที่ต้องเตรียม
-BC: ให้เตรียมสำเนา passport หรือบัตรประชาชนไปด้วย
-IDP: ไม่ต้องเตรียม เอาไปแค่ตัวจริง
โอเคค่ะ ต่อมาจะเป็นการรีวิวสถานที่สอบที่โรงแรม Pullman อโศกแบบจัดเต็มกันค่ะ
ก่อนเข้าห้องสอบ
-ที่นั่งรอสอบสบายมากกก มีโซฟาหลายๆตัวให้นั่งเตรียมตัวเตรียมใจ555 มีห้องน้ำที่สะอาดและหลายห้องอยู่ชั้นเดียวกับห้องสอบ และใกล้ห้องสอบเลย
-สำหรับสิ่งของที่เอาเข้าห้องสอบได้จะมีแค่ น้ำที่แกะฉลากออกและต้องเป็นสีใสเท่านั้น (ตอนรอบเราสอบมีคนจะเอาน้ำแอ๊ปเปิ้ลเข้า ก็คืออดไป5555), เสื้อกันหนาว, บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตัวจริงตามที่เราได้ลงทะเบียนสอบไว้ค่ะ
-และสิ่งที่เอาเข้าห้องสอบไม่ได้ คือ ผ้าเช็ดหน้า, กระดาษทิชชู่, ผ้าปิดปาก, นาฬิกา, เครื่องเขียนทุกชนิด และอื่นๆ
processการเข้าห้องสอบ
-ตอนแรกจะเป็นการฝากกระเป๋าก่อนค่ะ และเค้าจะเอาแท็กให้เราไว้สำหรับมารับกระเป๋าเมื่อสอบช่วงเช้าเสร็จ
-ต่อมาจะเป็นการเข้าแถวเพื่อลงทะเบียน ตอนรอบเราสอบมี 2 แถว เรียงไปตามตัวอักษรแรกของนามสกุล
-เค้าน์เตอร์แรกที่เจอคือเค้าจะถามชื่อและตรวจ passport หรือบัตรประชาชนเรา ดูว่าหน้าใช่มั้ย อะไรแบบนี้ค่ะ
-เค้าน์เตอร์ที่สอง จะเป็นการถ่ายรูปและสแกนนิ้วค่ะ
-และสุดท้ายก่อนเข้าห้องจะเป็นการตรวจเสื้อผ้าเรา เช่น เอาเสื้อกันหนาวไปเช็คว่าไม่ได้ใส่อะไรเข้ามานะ
เข้าห้องสอบแล้ว!
-เข้าไปแล้วเค้าก็จะพาเราไปนั่งที่โต๊ะซึ่งนั่งโต๊ะละ 2 คน เป็นโต๊ะแบบไม้ๆ ไม่มีผ้าปูโต๊ะ ใหญ่อยู่และค่อนข้างแข็งแรงเลยทีเดียว เวลาลบไม่รบกวนคนข้างๆ
-สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ คือ ดินสอแบบเปลี่ยนไส้(ข้างนอกเรียบๆเหมือนปากกา ก็จับได้ถนัดดีไม่มีปัญหาค่ะ), ยางลบสีดำที่ก้อนแอบเล็กนิสส size ใหญ่กว่าเล็บนิ้วโป้งหน่อยนึง5555, หูฟังไร้สายอย่างดี(อันนี้ชอบมาก) เป็นแบบ Headphone ที่ไม่มีสายอะค่ะ, และกระดาษใบเล็กๆบอกข้อมูลเรา เช่น ชื่อ, candidate no. รวมถึง เวลาสอบ speaking ตอนบ่ายค่ะ ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ต้องไปลุ้นเอาในนั้นค่ะ55555
-ห้องสอบแอร์หนาวนิดหน่อย แต่ไม่ได้หนาวมากกเพนกวิ้นขั้วโลกขนาดนั้น ใส่เสื้อกันหนาวแบบบาง เช่น คาร์ดิแกน ยังเอาอยู่ค่ะ
-ไฟจะเป็นออกแนวโทนส้มๆไม่ได้สว่างจัด แต่สามารถทำข้อสอบได้ไม่มีปัญหาค่ะ
-ไม่มีนาฬิกาที่บอกเวลาปัจจุบันให้ดู
-การบอกเวลาตอนสอบจะเป็นจอโปรเจคเตอร์ใหญ่ๆข้างหน้าให้ดู ซึ่งจะบอกเวลานับถอยหลังว่าเราเหลือเวลาทำข้อสอบ part นั้นอยู่เท่าไหร่
-ระหว่างการสอบแต่ละ part เค้าจะมีเวลาก่อนให้เราเขียนชื่อ-นามสกุล และข้อมูลต่างๆลงบนกระดาษคำตอบนะคะ ซึ่งเวลานี้ไม่รวมอยู่ในเวลาทำข้อสอบที่เค้าให้มานะคะ เย้ๆๆ
-และอย่างหนึ่งที่เราอยากจะบอกคือ Part Listening ตอนต้นที่เค้าจะเปิดเทปบรรยายพูดก่อนนิดนึงอ่ะค่ะ เค้าจะยังไม่ให้เราเปิดข้อสอบจนกว่าเค้าจะบอกให้เราเปิดได้นะคะ( ถ้าจำไม่ผิด น่าจะประมาณว่า now turn to section1 อะไรประมาณนี้5555) คือตอนซ้อมเราเปิดตั้งแต่เทปเริ่มพูดตลอดเลย ทำให้ตอนสอบก็แอบช็อคนิด เพราะเวลาอ่านโจทย์หายไปหน่อยนึง555
แล้วพอเสร็จจากช่วงเช้า ตอนบ่ายก็จะเป็นการสอบ speaking ค่ะ
เค้าจะให้เราไปก่อนเวลาสอบจริงประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำนะคะ
-มีห้องน้ำในชั้นเดียวกัน
-มีห้องสอบ4ห้อง อาจารย์4คนแยกกันไปในแต่ละห้อง มีกระดานบอกอยู่ข้างหน้าว่าชื่อเราได้สอบห้องไหน
-มีการฝากกระเป๋าก่อนเข้าห้องสอบ แต่คราวนี้แบบชิวๆ ฝากไว้กับพี่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หน้าห้องค่ะ
-อาจารย์ที่สอบ speaking ที่เราเจอคือใจดีมากก และชิวมาก มีการเดินออกมาชงกาแฟ และเดินมารับเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนเข้าห้องเชือด55555
นี่ละค่ะ ประมาณนี้ จากประสบการณ์สอบของเรา
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังจะสอบทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะ
และถ้าเราเขียนข้อมูลอะไรไปผิดพลาดประการใดสามารถแก้ไขเราได้เลยนะคะ
ขอบคุณมากค่าาาา
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้