ต้องกล่าวตอนเริ่มก่อนเลยว่าผมเป็นแค่ฆราวาสธรรมดาที่ชอบนั่งสมาธิจนเข้าฌาน 4 ได้เท่านั้นไม่ใช่พระสงฆ์แต่อย่างใด
หมายเหตุ: กระทู้นี่ไม่ใช่กระทู้คำถามแต่ผมไม่สามารถยืนยันบัตรประชาชนให้ผ่านได้จึงมาตั้งที่กระทู้คำถามและยังเป็นกระทู้แรกของผมอีกด้วย
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะว่าสมัยนี้นั้นมีคนเข้าใจลักษณะฌาน 4 ผิดกันอยู่มากบางคนคิดว่าตนเข้าถึงแต่จริงๆไม่ จะทำให้หลงผิดได้จึงเกิดความเป็นห่วงขึ้นมา
เริ่มจากลักษณะของฌาน 4 นั้นจะเป็นอย่างไร : พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่าผู้เข้าถึงฌาน 4 นั้นไม่รู้สึกถึงลมหายใจ (นี่เป็นหลักใหญ่)
รู้ได้อย่างไรว่าบรรลุฌาน 4 แล้ว : ทดสอบด้วยการหายใจเข้าสุดแรง หายใจออกสุดแรง เอาที่สุดเท่าที่จะแรงได้ จะไม่รู้สึกถึงลมเลย
นั่นคือเข้าถึงฌาน 4 แล้ว
หลักการปฏิบัติเพื่อให้ได้ฌาน 4
1. อาบน้ำ กินข้าว ให้เสร็จเอาให้ร่างกายพร้อมที่สุด
2. สวดมนต์ ของผมนั้นสวดมนต์ บูชาเจ้าแม่กวนอิม (นำโมไต่ซื้อไต่ปุย) และไต่ปุยจิ่ว (บูชาพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์) 9 จบ
คุณจะสวดมนต์อย่างอื่นไปด้วยก็ได้ยิ่งเยอะยิ่งดีแต่อย่าให้เหนื่อยเกินไป
3. ละความอยากให้หมดก่อนนั่ง คิดแต่เพียงจะนั่งสมาธิให้นานที่สุดเท่านั้น ตัดออกให้หมดความอยากบรรลุอรหันต์ นิพพาน อยากมีฤทธิ์
4. อยากขยับตัวให้รีบขยับตอนนี้ พอถึงฌาน 3 ห้ามขยับเด็ดขาด ฌาน 1-2 ขยับตัวได้
5. เริ่มนั่งสมาธิต้องนั่งให้นิ่งที่สุดนั่งตัวตรง เท้าขวาทับเท้าซ้ายดีที่สุด
6. เมื่อเริ่มนั่งสมาธิจะแล้วแต่สำนักบ้างก็เพ่งลมหายใจ บ้างก็เพ่งกสิณทั้ง 40 กอง บ้างก็เพ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม ตรงนี้ไม่บังคับเอาที่ถนัดที่สุด
7. เมื่อเริ่มนั่งสมาธิสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกจากสิ่งที่เพ่งไว้นั้นต้องตัดออกให้หมดและให้ไวจะฟุ้งซ่านไม่ได้
8. เมื่อไม่ฟุ้งซ่านและนิ่งมากจะเข้า ฌาน ที่ 1 ลักษณะของฌานนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เช่น ขากระดิก ขาสั่น เห็นแสง เสียงเบาลง เป็นต้น
ผู้เข้าถึงฌานที่ 1 นี้ได้นั้นจะไม่ทราบว่าตัวเองคิดไปเองหรือเข้าฌานได้ถูกต้องแล้ว ตรงนี้สำคัญ คือ ไม่ต้องกังวลปล่อยไปตามธรรมชาติ
9. เมื่อเข้าฌาน 1 ไปได้สักพักจะเริ่มเข้าฌาน 2 คือเกิดปิติ และ ความสุขขึ้นมา เช่น รู้สึกนั่งสมาธิ สบายใจจัง ไม่ได้นั่งมาตั้งนานแล้ว อยากนั่งอีก เป็นต้น
เมื่อรู้สึกอย่างนี้แล้วคำภาวนา เช่น พุทโธ และอื่นๆ ให้เลิกทั้งหมดเหลือ เพียงแต่ลมหายใจหรือรูปที่เพ่งเท่านั้น
อุปสรรค คืออย่าไปติดสุขมากต้องคิดว่าสุขไม่เที่ยงเดี๋ยวก็หมดไป
10. เมื่อเข้าฌาน 3 จะเกิดความทุกข์ เช่น อาการชา เริ่มจากน้อยๆก่อน จนถึงฌาน 3 ขั้นลึกจะชาไปทั้งตัวจนถึงลิ้น
เทคนิคเข้าฌาน 3 นี้นั้นห้ามขยับตัวเด็ดขาด (พยายามขยับน้อยที่สุด กลืนน้ำลายให้น้อยที่สุด) หากขยับตัวสมาธิจะลดลง
เทคนิค ต้องอดทน ทนให้ได้ เมื่อทนได้จะเกิดอุเบกขา คือปล่อยวางอาการปวดหรือชาได้ ไม่สนใจมัน อาการลมหายใจจะเบาลง อาการปวด ยุงกัดจะเบาลงทุกอย่าง ความรู้สัมผัสทางร่างกายจะลดลง แต่ยังมีอยู่
ผู้สำเร็จฌาน 3 นั้นจะไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าคิดไปเองหรือสำเร็จจริง
11. ฌาน 4 นั้นยากกว่าฌาน 3 มาก นอกจากต้องนั่งนิ่งไม่ขยับแล้วนั้น
หลักที่สำคัญคือ ต้องเลิกเพ่งลมหายใจ คุณอาจเลือกเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุณชอบแทนได้ เช่น หน้าผาก แสงที่อยู่ตรงหน้า หรือเสียงหรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ลมหายใจ แต่ห้ามฟุ้งซ่านเหมือนเดิม
สำคัญอีกคือคุณจะเพ่งสิ่งอื่นต่อเมื่อตัวชาไปทั้งร่าง หรือ เหมือนถูกรัด ไว้ทั้งร่าง แล้วเท่านั้น ไม่อย่างนั้นยังไม่ใช่ฌาน 3 ไม่ควรเปลี่ยนสิ่งที่เพ่ง
*อย่าพยายามสนใจลมหายใจเด็ดขาด
เมื่อนั่งต่อไปอีกสักพักคุณจะเข้าฌาน 4 เอง คุณจะรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองหายไป นอกจากนี้สัมผัสทางร่างกายทั้งหมดยังหายไปอีกด้วย แต่ให้สังเกตุลมหายใจใหม่อีกครั้งเป็นสำคัญ หายใจเข้าให้สุดแรง ออกให้สุดแรง ถ้าไม่รู้สึกถึงลมหายใจคือ เข้าฌาน 4 ได้สำเร็จแล้ว ถ้าไม่ได้คือยังอยู่ใน ฌาน 3 ให้นั่งสมาธิต่อไป
เมื่อคุณเข้าฌาน 4 ได้แล้วคุณจะรู้ว่ามันมีจริงเป็นแบบนั้นจริง ลมหายใจหายไปมีจริง ความสงสัยในฌานจะหายไป 100%
Tip เมื่อเข้าฌาน 4 ได้จะเกิดความตกใจกลัวในความประหลาดของมัน คุณไม่ต้องสนใจคุณยังหายใจอยู่คุณไม่ตายแน่ๆ แต่คุณแค่ไม่รู้สึกเท่านั้น หากคุณตกใจกลัวคุณจะตกจากฌาน 4 ไม่ทันทีแต่ประมาณ 10 วินาที เพราะฉะนั้นไม่ควรกลัวแล้วคุณจะทรงฌาน 4 ไว้ได้
*อานิสงค์ของฌาน 4 ที่สำคัญคือ หากเข้าได้ควรพิจารณาวิปัสนาญาณ ( คิดถึงความไม่เที่ยง กลัวการเกิด หนทางไปนิพพานและ การปล่อยวาง)
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ ว่าจะได้อานิสงค์ คือ สำเร็จเป็นพระอรหันต์อย่างช้าใน 7 ปี
*ข้อเสียของฌาน 4 ในความคิดเห็นของจขกท คือ ถ้าทำสมาธิตอนที่ตายเข้าฌานอยู่จะเกิดเป็นพรหม ซึ่งพรหมมีอายุยืนยาวอย่างน้อยที่สุด 1/3 กัป จะทำให้พลาดโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ในช่วงที่มีศาสนาพุทธ หรือช่วงของพระศรีอริยเมตไตรย ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าฌานขณะที่ใกล้ตาย
จบเท่านี้ เรื่องนี้มาจากประสบการณ์ผู้เขียนเท่านั้นกระทบสำนักใดสำนักหนึ่งหรือใครคนใดคนหนึ่งต้อง ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย
หากปฏิบัติตามนี้ได้สำเร็จแล้วผมขออนุโมทนาบุญด้วยให้ชาตินี้ผมและคุณได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ขอให้โชคดีครับ
หลักการฝึกฌาน 4 ที่แท้จริงให้ได้แบบไม่มโน
หมายเหตุ: กระทู้นี่ไม่ใช่กระทู้คำถามแต่ผมไม่สามารถยืนยันบัตรประชาชนให้ผ่านได้จึงมาตั้งที่กระทู้คำถามและยังเป็นกระทู้แรกของผมอีกด้วย
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะว่าสมัยนี้นั้นมีคนเข้าใจลักษณะฌาน 4 ผิดกันอยู่มากบางคนคิดว่าตนเข้าถึงแต่จริงๆไม่ จะทำให้หลงผิดได้จึงเกิดความเป็นห่วงขึ้นมา
เริ่มจากลักษณะของฌาน 4 นั้นจะเป็นอย่างไร : พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่าผู้เข้าถึงฌาน 4 นั้นไม่รู้สึกถึงลมหายใจ (นี่เป็นหลักใหญ่)
รู้ได้อย่างไรว่าบรรลุฌาน 4 แล้ว : ทดสอบด้วยการหายใจเข้าสุดแรง หายใจออกสุดแรง เอาที่สุดเท่าที่จะแรงได้ จะไม่รู้สึกถึงลมเลย
นั่นคือเข้าถึงฌาน 4 แล้ว
หลักการปฏิบัติเพื่อให้ได้ฌาน 4
1. อาบน้ำ กินข้าว ให้เสร็จเอาให้ร่างกายพร้อมที่สุด
2. สวดมนต์ ของผมนั้นสวดมนต์ บูชาเจ้าแม่กวนอิม (นำโมไต่ซื้อไต่ปุย) และไต่ปุยจิ่ว (บูชาพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์) 9 จบ
คุณจะสวดมนต์อย่างอื่นไปด้วยก็ได้ยิ่งเยอะยิ่งดีแต่อย่าให้เหนื่อยเกินไป
3. ละความอยากให้หมดก่อนนั่ง คิดแต่เพียงจะนั่งสมาธิให้นานที่สุดเท่านั้น ตัดออกให้หมดความอยากบรรลุอรหันต์ นิพพาน อยากมีฤทธิ์
4. อยากขยับตัวให้รีบขยับตอนนี้ พอถึงฌาน 3 ห้ามขยับเด็ดขาด ฌาน 1-2 ขยับตัวได้
5. เริ่มนั่งสมาธิต้องนั่งให้นิ่งที่สุดนั่งตัวตรง เท้าขวาทับเท้าซ้ายดีที่สุด
6. เมื่อเริ่มนั่งสมาธิจะแล้วแต่สำนักบ้างก็เพ่งลมหายใจ บ้างก็เพ่งกสิณทั้ง 40 กอง บ้างก็เพ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม ตรงนี้ไม่บังคับเอาที่ถนัดที่สุด
7. เมื่อเริ่มนั่งสมาธิสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกจากสิ่งที่เพ่งไว้นั้นต้องตัดออกให้หมดและให้ไวจะฟุ้งซ่านไม่ได้
8. เมื่อไม่ฟุ้งซ่านและนิ่งมากจะเข้า ฌาน ที่ 1 ลักษณะของฌานนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เช่น ขากระดิก ขาสั่น เห็นแสง เสียงเบาลง เป็นต้น
ผู้เข้าถึงฌานที่ 1 นี้ได้นั้นจะไม่ทราบว่าตัวเองคิดไปเองหรือเข้าฌานได้ถูกต้องแล้ว ตรงนี้สำคัญ คือ ไม่ต้องกังวลปล่อยไปตามธรรมชาติ
9. เมื่อเข้าฌาน 1 ไปได้สักพักจะเริ่มเข้าฌาน 2 คือเกิดปิติ และ ความสุขขึ้นมา เช่น รู้สึกนั่งสมาธิ สบายใจจัง ไม่ได้นั่งมาตั้งนานแล้ว อยากนั่งอีก เป็นต้น
เมื่อรู้สึกอย่างนี้แล้วคำภาวนา เช่น พุทโธ และอื่นๆ ให้เลิกทั้งหมดเหลือ เพียงแต่ลมหายใจหรือรูปที่เพ่งเท่านั้น
อุปสรรค คืออย่าไปติดสุขมากต้องคิดว่าสุขไม่เที่ยงเดี๋ยวก็หมดไป
10. เมื่อเข้าฌาน 3 จะเกิดความทุกข์ เช่น อาการชา เริ่มจากน้อยๆก่อน จนถึงฌาน 3 ขั้นลึกจะชาไปทั้งตัวจนถึงลิ้น
เทคนิคเข้าฌาน 3 นี้นั้นห้ามขยับตัวเด็ดขาด (พยายามขยับน้อยที่สุด กลืนน้ำลายให้น้อยที่สุด) หากขยับตัวสมาธิจะลดลง
เทคนิค ต้องอดทน ทนให้ได้ เมื่อทนได้จะเกิดอุเบกขา คือปล่อยวางอาการปวดหรือชาได้ ไม่สนใจมัน อาการลมหายใจจะเบาลง อาการปวด ยุงกัดจะเบาลงทุกอย่าง ความรู้สัมผัสทางร่างกายจะลดลง แต่ยังมีอยู่
ผู้สำเร็จฌาน 3 นั้นจะไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าคิดไปเองหรือสำเร็จจริง
11. ฌาน 4 นั้นยากกว่าฌาน 3 มาก นอกจากต้องนั่งนิ่งไม่ขยับแล้วนั้น
หลักที่สำคัญคือ ต้องเลิกเพ่งลมหายใจ คุณอาจเลือกเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คุณชอบแทนได้ เช่น หน้าผาก แสงที่อยู่ตรงหน้า หรือเสียงหรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ลมหายใจ แต่ห้ามฟุ้งซ่านเหมือนเดิม
สำคัญอีกคือคุณจะเพ่งสิ่งอื่นต่อเมื่อตัวชาไปทั้งร่าง หรือ เหมือนถูกรัด ไว้ทั้งร่าง แล้วเท่านั้น ไม่อย่างนั้นยังไม่ใช่ฌาน 3 ไม่ควรเปลี่ยนสิ่งที่เพ่ง
*อย่าพยายามสนใจลมหายใจเด็ดขาด
เมื่อนั่งต่อไปอีกสักพักคุณจะเข้าฌาน 4 เอง คุณจะรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองหายไป นอกจากนี้สัมผัสทางร่างกายทั้งหมดยังหายไปอีกด้วย แต่ให้สังเกตุลมหายใจใหม่อีกครั้งเป็นสำคัญ หายใจเข้าให้สุดแรง ออกให้สุดแรง ถ้าไม่รู้สึกถึงลมหายใจคือ เข้าฌาน 4 ได้สำเร็จแล้ว ถ้าไม่ได้คือยังอยู่ใน ฌาน 3 ให้นั่งสมาธิต่อไป
เมื่อคุณเข้าฌาน 4 ได้แล้วคุณจะรู้ว่ามันมีจริงเป็นแบบนั้นจริง ลมหายใจหายไปมีจริง ความสงสัยในฌานจะหายไป 100%
Tip เมื่อเข้าฌาน 4 ได้จะเกิดความตกใจกลัวในความประหลาดของมัน คุณไม่ต้องสนใจคุณยังหายใจอยู่คุณไม่ตายแน่ๆ แต่คุณแค่ไม่รู้สึกเท่านั้น หากคุณตกใจกลัวคุณจะตกจากฌาน 4 ไม่ทันทีแต่ประมาณ 10 วินาที เพราะฉะนั้นไม่ควรกลัวแล้วคุณจะทรงฌาน 4 ไว้ได้
*อานิสงค์ของฌาน 4 ที่สำคัญคือ หากเข้าได้ควรพิจารณาวิปัสนาญาณ ( คิดถึงความไม่เที่ยง กลัวการเกิด หนทางไปนิพพานและ การปล่อยวาง)
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ ว่าจะได้อานิสงค์ คือ สำเร็จเป็นพระอรหันต์อย่างช้าใน 7 ปี
*ข้อเสียของฌาน 4 ในความคิดเห็นของจขกท คือ ถ้าทำสมาธิตอนที่ตายเข้าฌานอยู่จะเกิดเป็นพรหม ซึ่งพรหมมีอายุยืนยาวอย่างน้อยที่สุด 1/3 กัป จะทำให้พลาดโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ในช่วงที่มีศาสนาพุทธ หรือช่วงของพระศรีอริยเมตไตรย ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าฌานขณะที่ใกล้ตาย
จบเท่านี้ เรื่องนี้มาจากประสบการณ์ผู้เขียนเท่านั้นกระทบสำนักใดสำนักหนึ่งหรือใครคนใดคนหนึ่งต้อง ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย
หากปฏิบัติตามนี้ได้สำเร็จแล้วผมขออนุโมทนาบุญด้วยให้ชาตินี้ผมและคุณได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ขอให้โชคดีครับ