พล่งมือทำร้ายเมียครั้งแรกในชีวิต เมียโกธรมากจนขนของหนีออกจากบ้าน ครบดูใจกันมา4ปี(แต่งงานได้1ปี6เดือน)

   ตามหัวข้อ คือ พล่งมือทำร้ายเมียครั้งแรกในชีวิต
ผมกับเมียก็เคยรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วเป็นแฟน แล้วก็มาเป็นเมียรวมจนถึงวันนี้ก็10กว่าปีที่รู้จักนิสัยใจคอกันดี
ตลอดที่อยู่กิน นอน ด้วยกันมา5ปีกว่า ก็มีปากเสียงทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือ 
ครั้งก่อนเมียผมก็ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆก็ชอบขนของหนีกลับบ้าน แต่ผมก็จะง้อตามกลับมาทุกครั้ง
จนเมื่อไม่นานมานี้ผมได้ทะเลาะกัน ต่างคนก็ไม่มีใครยอมใครไม่มีใครยอมถอย จนมีคำนึ่งที่ทำให้สติของผมหลุดผมได้ยินคำว่า"ชีวิตของไม่เคยมีความหมายกับกูอยู่แล้ว"เท่านั้นล่ะครับ พูดแบบนี้เลิกกับกูและออกจากบ้านกูไปเลย ผมได้บรรจงหมัดใส่หน้าเมียเต็มๆพร้อมกับปาจานข้าวใส่เธอ(เพราะตอนนั้นนั่งกินข้าวกันอยู่ด้วย) เธอก็สู้ผมก็เลยเดินออกจากห้องแล้วไปนั่งอยู่หน้าบ้าน สักพักเธอก็เดินตามมาพร้อมกะทะอันใหญ่ฟัดเข้าที่หัวผมจนกะทะแตก แล้วผมก็พูดว่าตีเสร็จแล้วก็ไปซะ เมียผมก็โทรให้น้องชายมารับกลับบ้านไป...
   -ก็ยังโมโหกับคำที่เมียพูดอยู่2วัน คิดว่าถ้ามีเมียแบบนี้สู้หาคนใหม่ดีกว่า พอผ่านวันที่3เริ่มมีความสำนึกได้ว่าทำอะไรไปถึงขั้นลงมือ รู้สึกเป็นยิ้ม
ทั้งรู้สึกผิดมากจนแม้แต่ตัวผมเองยังไม่ให้อภัยที่กล้าทำแบบนั้นไปได้ไง (เพราะอดีตตอนเด็กผมเห็นพ่อ แม่ตีกันผมสงสารแม่ผมเลยบอกกับตัวเองว่า
ชาตินี้จะไม่มีวันทำร้ายผู้หญิง)ผมจะเป็นคนที่เกรียดการทำร้ายผู้หญิงมากๆ แต่สุดท้ายกลับมาทำเองรู้สึกเกียดตัวเองสุดๆ 
   -ผมก็เลยโทรไปขอโทษเมียทั้งน้ำตา (ที่ผ่านมาไม่ว่าเจอเรื่องอะไรในชีวิตไม่เคยมีน้ำตาให้กับเรื่องอะไรก็ตามแม้จะใหญ่แค่ไหน) แต่ครั้งนี้รู้สึกผิดจริงๆ
จนน้ำตาไหลก็มาเองโทรไปก็เมียก็ตัดสายครั้งแรก ผมเลยโทรไปอีกครั้งที่2เมียก็รับสายผมก็บอกไปว่า"ตัวเองไม่ต้องพูดอะไรนะฟังอย่างเดียวพอ เค้ารู้สึกผิดและขอโทษเธอจริงๆที่ทำแบบนั้นลงไป" เมียผมก็ตอบกลับว่า"สายไปไหมที่จะมาขอโทษตอนนี้" ผมก็บอกว่า"เค้ารู้สึกผิดมากที่เค้าทำทุกอย่างพัง เค้าไม่ได้ขอร้องให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนเดิมเค้าก็รับไม่ได้แต่เป็นแบบนี้เค้าก็รับไม่ได้ ผลลัพธ์เท่ากันอยู่ไม่อยู่แต่ไม่อยู่หนักกว่า เค้าแค่อยากโทรมาขอโทษกับสิ่งที่ทำไปแค่นั้น" จากนั้นผมก็กดว่างสาย สักพักเมียก็ส่งรูปมาให้ผมดูทางโทรศัพท์หน้าเมียนี่ม่วงไปครึ่งหน้า พร้อมกับพิมมาว่า"นี่เป็นสิ่งที่เธอคงสะใจ ครั้งนี้เธอชนะแล้วยินดีด้วย ทุกอย่างที่เธอต้องการชนะเค้า แต่ผลคือมันพังไปหมดแล้ว มันไม่สามารถเป็นเหมือนได้จริงๆ" 
   -ที่มาตั้งกระทู้คำถามวันนี้ เพื่ออยากจะถามทุกคนว่า /ผมควรจะทำอย่างไงดี/ผมจะมีโอกาศได้เธอกลับคือมาไหมหรือผมควรตัดใจ ถ้าถามตัวผม ผมก็คงรักเธอมากเหมือนเดิม ไม่ได้เคยคิดเผิ่อใจไว้ให้ใคร ยังคงรอเมียโดยมีความหวังเล็กๆว่าเธอจะกลับมาให้โอกาศได้แก้ตัวครั้งสุดท้ายที่ได้ทำเกินไปมาก ทางครอบครัวเค้าก็คงเกรียดผมด้วย แต่ผมก็เข้าใจที่ไปทำลูกสาวเค้าแบบนั้น เข้าไปดูรูปในเฟสเธอก็ไม่ได้บล๊อคผม แต่ลบรูปคู่ออกทั้งหมดและตั้งสถานะโสด.
   
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
อ่านแล้วก็เห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายนะ จริงอยู่ว่าวัฒนธรรมบ้านเราปลูกฝังว่าผู้ชายไม่มีสิทธิ์ทำร้ายผู้หญิง ผู้หญิงไทยส่วนมากเข้าใจว่าความรุนแรงและการใช้กำลังในครอบครัวมีแค่การทำร้ายร่างกายกันโดยตรงให้บาดเจ็บเลือดตกยางออก แต่บางครั้งคำพูดบางคำก็รุนแรงกว่าต่อยด้วยหมัด แทงด้วยมีด หรือยิงด้วยปืน นี่ก็เป็นการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวด้วยเหมือนกัน การที่ จขกท ทำแบบนั้นไปคุณทำผิดจริงๆ แต่ฝ่ายหญิงเองก็ผิดไม่ต่างกัน การจะเอาผลที่ฝ่ายชายลงไม้ลงมือมาตัดสินโยนให้เป็นคนผิดฝ่ายเดียวผมว่ามันไม่แฟร์ ต้องพิจารณาเหตุด้วยว่าเพราะอะไรจึงทะเลาะกันใหญ่โตถึงขั้นลงไม้ลงมือ

ถ้าคุณง้อเธอให้กลับมาได้เธอจะยังคงพูดแบบเดิมใส่คุณอีกไหม คุณเองจะอดทนรับความเจ็บปวดจากคำพูดเหล่านั้นไปได้อีกนานเท่าไหร่ ถ้าทั้งสองฝ่ายยังไม่รับรู้และเข้าใจในจุดนี้ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หรือถ้า จขกท รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำแต่เมียคุณไม่ได้รู้สึกผิดที่ใช้คำพูดแย่ๆกับคุณ คุณจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขได้เหรอ ผมว่าถ้ามีโอกาสก็ลองคุยกันดู ถ้ามันไปต่อไม่ได้ก็ต้องจบไป คุณทำดีที่สุดได้แค่นั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 79
เห็นผู้ชายหลายคนเม้นว่าก็ผู้หญิงด่าก่อนเอง ถ้าด่ามาจะให้ทนอยู่เฉยๆหรอไง โห สยองมากความคิดนี้มากเลยค่ะ ถ้าคุณไม่พอใจขนาดนั้นก็เลิกตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ ไม่ใช่ไปตบตีแล้วบอกสมควรแล้ว สำหรับเราถ้าคุยกันดีๆไม่รู้เรื่องจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันก็อย่าอยู่ด้วยกันเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 148
ตกใจกับความเห็นว่าผู้หญิงด่า ผู้ชายทำร้ายร่างกายได้  ผู้หญิงด่า ผู้ชายก็ด่ากลับสิ ไม่ใช่ใช้กำลังต่อยเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่