[CR] Low Season 11 วัน...แบกเป้ถึง ย่าติง [ ตอนจบ ]

ความเดิมจากตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/39061032
____________________________________
Low Season 11 วัน...แบกเป้ถึง ย่าติง [ ตอนจบ ]
DAY 8 : แตะขอบน้ำแข็ง ที่ทะเลสาบน้ำนม 
https://www.youtube.com/watch?v=lQx9DDRKZxA
_______________________________
นับเวลาการเดินทาง จนกระทั่งถึงวันที่ 8 ซึ่งตามแผนไต่ระดับความสูงกับการเดินทางมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกถึงร่างกายที่ปรับตัวได้พอสมควร แต่ความหนาวนี่สุดจริง แม้กระทั่งผ้าที่เช็ดน้ำในห้องพักตากไว้คืนเดียวก็กลายเป็นน้ำแข็งกันเลยทีเดียว 

เป้าหมายที่สุดของทริปนี้ คือการได้เดินเท้า ไปแตะขอบทะเลสาบน้ำนม ซึ่งแน่นอนรอบนี้ น่าจะต้องสู่กับความหนาวและลุ้นว่าจะมีพายุหิมะหรือไม่  เริ่มต้นกับการเตรียมตัวก่อนการเท้คกิ้ง ซึ่งประกอบด้วย เครื่องแต่งกายรัดกุมป้องกันความหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ,แว่นกันแดดกันการมองหิมะนานๆ ,ผ้าบัฟ หรือหน้ากากผ้ากันความเย็นกัดโพรงจมูก ,ไม้เท้คช่วยผ่อนแรง ,ข้าวกล่องแดง ,ขนมหวานๆ ,เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล(กระทิงแดง) ,น้ำดื่มไม่ต่ำกว่า 1 ลิตร/คน ,อ๊อกซิเจนกระป๋อง เป็นต้น
รอรถบัสกันเกือบ 2 ชม. ในช่วง Low season รถบัสจะน้อยแล้ว หากรถเต็มก็ไม่รับเพิ่ม ต้องรอ !!!
ตู้กดน้ำระบบสแกน ...ต้องฝากเจ้าหน้าที่สแกนให้ แล้วให้เงินสดแทน 
วันนี้  เป็นวันที่อากาศแจ่มใส ณ ทุ่งหญ้าชงกู่ ที่มองเห็นวัดเด่นสวยสง่าตั้งอยู่
ต่อรถบัสจากทุ่งหญ้าชงกู่ ไปทุ่งหญ้าลั่วหรง ระยะทาง 6.7 กม. ในราคา 80 หยวน/คน 
ห้องน้ำดีมาก ...แต่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เตรียมทิชชูเปียกไปด้วยนะ
ทุ่งหญ้าลั่วหรง ในช่วงเวลาที่ติดลบ จนเป็นน้ำแข็ง
ระยะแรกของการเดินทาง มีสะพานไม้ให้ตายใจ กว่า 1 กม.
 
วิวระหว่างเส้นทาง ช่วยรักษาความเหนื่อย ที่เล่นเอา สามก้าวดี สี่ก้าวหยุดพัก  โดยเฉพาะจังหวะที่ขึ้นเนินต้องเปลี่ยนเกียร์เข้าโหมดกัดฟันกันเลยทีเดียว อ๊อกซิเจนกระป๋อง ช๊อคโกแล๊ต และจิบกระทิงแดง พอช่วยได้ ...ทางเดินสะดวกมาก แต่ความสูงกับความหนาวไม่ใช่ย่อย เมื่อเดินจะรู้สึกร้อนข้างใน เมื่อหยุดจะรู้สึกหนาวข้างนอก และเมื่อมีลมและละอองหิมะลงมา อย่าได้หยุดชื่นชม รีบเดินให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เป็นดี
เมื่อมองไปทางไหน ทุกอย่างดูคล้ายภาพวาด  นักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา แต่เมื่อเดินผ่านกันไปมา ก็ให้กำลังใจกันเป็นระยะ 
เส้นทางบางช่วงมีน้ำแข็งปกคลุม ซึ่งก็มีความลื่นจนต้องแหวกเส้นทางลัดเลาะเพื่อเดินเลี่ยงกันเป็นระยะ ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มหลงขึ้นไปไกลหน่อย ต้องเดินกลับลงมา
ไต่ความชันขึ้นไปเรื่อย ๆ  ระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร จากทุ่งหญ้าลั่วหรง 
แนวป้องกันน้ำแข็งถล่ม 
ระยะทางอีกกว่ากิโลเมตร ก่อนถึงทะเลสาบน้ำนม
ถึงที่หมายทะเลสาบน้ำนม ซึ่ง ณ ตอนนี้ พื้นผิวน้ำกว่า 70% กลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง  แต่ถึงอย่างไรก็ดูสวยงามอลังการ ที่เกินกว่าจะอธิบายได้เท่าตาเห็น ด้วยทะเลสาบที่มีใส จนเป็นสีเขียวตัดกับผิวน้ำแข็งและแนวภูเขาหิมะ มันทำให้หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว ทะเลสาบน้ำนมเป็นทะเลสาบที่มีระยะทางไกลที่สุด พื้นที่โล่ง ๆ รับลมที่พัดตลอดเวลา 
เมื่อดูเวลาอีกที ก็ไม่เพียงพอจะเดินขึ้นไปยังทะเลสาบห้าสี ซึ่งเราเสียเวลากับการรอรถบัส จนทำให้กว่าจะออกเดินเท้าจากทุ่งหย้าลั่วหรงก็เที่ยงกว่า ดังนั้น หากเวลาเริ่มเดินก่อน 10 โมงเช้า น่าจะเป็นเวลาที่พอเหมาะยิ่งกว่านี้ เป็นแน่ (ทางเดินขึ้นไปทะเลสาบนห้าสี แม้ไม่ไกล แต่ถือว่าชันพอสมควร) 
ระหว่างขากลับ เจอกับน้องหมา ที่เป็นมิตร ซึงไม่แน่ใจว่ามาจากไหน ซึ่งแถบ ๆ นี้ เห็นอยู่ 2 ตัว เล่นด้วยแบ่งขนมให้นิดหน่อย แล้วไปต่อ
เราใช้เวลาในการเดินเท้ากลับมายังทุ่งหญ้าลั่วหรงไปพอสมควร ซึ่งเลยเวลาที่รถรางเที่ยวสุดท้ายหมดไป แต่พวกเราใช่กลุ่มสุดท้าย ยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ช้ากว่าเราอีก 4-5 คน 

และวิวาทะในทริปนี้ก็เกิดขึ้น  เมื่อรถรางพร้อมคนขับ 2 คน จะเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคนละ 80 หยวน ซึ่งเราไม่ยอม โดยเราก็เริ่มหาพวกชาวจีนที่ช้าเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งยังไปตามเจ้าที่อุทยานฯ มาช่วยเจรจา ถกเถียงกันอยู่นานแม้จะคุยกันคนละภาษาแต่ท่าทางเราชัดเจน  และเรายืนยันว่าถ้าเก็บเพิ่ม ขอนอนค้างที่สำนักงาน สุดท้ายฝ่ายที่ชนะคือพวกเรา  ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม รถรางก็กลับไปส่งที่ทุ่งหญ้าชงกู่  ก่อนที่ทางนักท่องเที่ยวชาวจีน จะโทรติดต่อรถบัสมารับ อีกที (ซึ่งหมดเวลารถบัสแล้วเหมือนกัน) ในระหว่างรอก็เริ่มมืด พวกเราแบ่งปันขนมที่เหลืออยู่กับทางนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้  พร้อมทั้ง ให้ช่วยสแกนน้ำดื่ม(ที่กลายเป็นน้ำแข็ง) รอกันท่ามกลางความมืดและความหนาว เกือบ 2 ทุ่ม จึงมีรถตู้มารับกลับ พวกเราลงที่พักระหว่าง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับไปหน้าด่านอุทยาน ฯ

จากกรณีนี้ จึงเห็นได้ว่า ระบบการท่องเที่ยวที่จีนเป็นแบบสัมประทาน โดยบริษัท เมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ความรับผิดชอบสำคัญมาก เพราะกฏหมายค่อนข้างจะเข้มงวดพอสมควร ซึ่งนอกเหนือจากเหตุการณ์นี้ ในวันถัดมาที่จะกลับไปยังยังเต้าเฉิง ยังมีเรื่องที่แท็กซี่หน้าอุทยาน ฯ พยายามจะให้พวกเราเหมาไปยังเต้าเฉิง ในราคา 1,000 หยวน ซึ่งเราไม่ยอม และเดินขึ้นรถบัส (ราคา 50หยวน/คน) จนกลุ่มคนขับ Taxi ขึ้นมาทะเลาะกับคนขับรถบัส ก่อนเจ้าหน้าที่รถบัสจะมาสมทบ และเคลียร์ให้รถบัสขับออกไป ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ลงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในเมือง Riwa *** ขออนุญาตไม่ลงภาพช่วงนี้ 

DAY 9-11 การเดินทางกลับ
_______________________________
ภายหลังจากนั้น เมื่อเป้าหมายเราสำเร็จ แม้จะขาดทะเลสาบห้าสีไป แต่เอาเผื่อไว้โอกาสหน้าไปเก็บตกอีกครั้ง  เราก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่เป็นการเดินทางกลับ ดังนี้
1. จาก Riwa - เต้าเฉิง  ด้วยรถบัส คนละ 50 หยวน พักค้างโรงแรมใกล้สถานีรถบัสเต้าเฉิง ราคา 200 หยวน/ห้อง 
2. รถจากทางโรงแรมไปส่งตั้งแต่ตี 5 ที่สถานีรถบัส เดินทางกลับไปแชงกรีล่า ราคา 109 หยวน/คน
3. นั่ง Taxi ไปสนามบิน 20 หยวน  บินตรงจากสนามบินแชงกรีล่า ไปคุนหมิง ราคาตั๋วเครื่องบิน คนละ 1,900 บาท จองก่อนไปจีน 
4. พักค้างที่คุนหมิงอีกคืน โดยจองโรงแรมผ่าน agoda และรถทางโรงแรมมารับที่สนามบิน ราคาประมาณ 600 บาท/คน (มีอาหารเช้า)
5. รถโรงแรมมาส่งที่สนามบินคุนหมิง เดินทางกลับไทย ...ถึงไทยประมาณบ่าย 3 โมง ( ถอดเสื้อกันหนาวให้ไว ) 

จบการเดินทาง ที่แม้จะยาวไกล แต่ได้อะไรมากมาย ...โดยเฉพาะความมั่นใจในต่างแดน 

ปล. หากมีคำถาม และต้องการคำแนะนำ เผื่อเป็นประโยชน์ในการเดินทาง สามารถสอบถามมาได้ และฝากติดตาม 
https://www.youtube.com/channel/UCnHZwoGN_IpT7vNCTyuBYXw?view_as=subscriber
และ 
https://www.facebook.com/enac.club/ 
ด้วยนะครับ ....ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ 
ชื่อสินค้า:   ย่าติง-รือวา-เต้าเฉิง-แชงกรีล่า-ลี่เจียง-คุนหมิง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่