โพสท์โดย ทาสแมว
ในอดีตกาลมี ความรู้เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์และกรรมวิธีการผลิตของสมัยโบราณมากมายหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเพราะอะไร ทำไมถึงได้หาย และสิ่งที่สร้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยความพิศวง แปลกประหลาด ลึกลับจนกลายเป็นตำนาน ที่แม้แต่ปัจจุบันยากที่จะทำความเข้าใจและลอกเลียนแบบมัน และทั้งหมดนี้คือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับดังกล่าว
10. Stradivarius Violins
เริ่มต้นที่ “ไวโอลีนสตาดิวาเรียส” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หายไปในช่วงปี 1700 โดยชื่อไวโอลีนนี้มาจากผู้สร้าง
คือ อันโตนิโอ สตาดิวารี ช่างไวโอลีนในเมืองเครโมน่า ประเทศอิตาลี โดยเขามีชื่อเสียงจากดนตรีเครื่องสายชนิดอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็น วีโอล่า, เชลโล่ และกีตาร์ ด้วยความสวยงาม เสียงและคุณภาพทำให้เครื่องดนตรีของเขาทุกชิ้นล้วนมีคุณค่าระดับโลกชนิดไร้ คู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้มีเครื่องดนตรีของเขาหลงเหลือเพียง 600 ชนิดเท่านั้น และส่วนใหญ่ล้วนมีมูลค่าหลายแสนดอลลาร์
แต่น่าเสียดายที่เทคนิคกระบวนการผลิตไวโอลีนสตาดิวาเรียสนั้นได้หายสาบสูญไป เนื่องจากเทคนิคนี้มีเพียงแต่ครอบครัว
ของเขาเท่านั้นที่รู้ความลับอันนี้ โดยมีพระสังฆราช,ลูกหลานของเขา คือ ฟรานซิสโก้ (1671-1743) ,
อโมโบโน (1679-1742) และตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตายกระบวนการผลิตนี้ก็ยุติไปด้วย
แต่กระนั้นปัจจุบันก็ยังมีหลายฝ่ายที่พยายามจะไขความลับไวโอลีนสตาดิวาเรียส ว่าเหตุใดมันถึงได้กลายเป็นเครื่องดนตรี
ที่ยังคงมีคุณภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่าไม้เมเปิ้ลที่ใช้สร้างเครื่องดนตรีนี้มีการปรับ สภาพโดยเชื้อรา
ทำให้เนื้อไม้มีเอกลักษณ์และทำให้เกิดเสียงสะท้อน หากแต่กระนั้นในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่เห็นความแตกต่างกัน
ของคุณภาพ เสียงของไวโอลีนสตาดิวาเรียสและไวโอลีนธรรมดาสักเท่าไหร่
9. Nepenthe
ที่มาภาพ chuanjai.wordpress.com
สิ่งที่เราได้รู้สึกทึ่งทุกครั้งที่พูดถึงความซับซ้อมภูมิปัญญา ของชาวกรีกโบราณและโรมันก็คือ Nepenthe คือยาตามตำนานวรรณคดีมหากาพย์โอดิสซีของโฮเมอร์ และในตำนานเทพเจ้ากรีก เล่าว่าชาวกรีกสามารถทำยาเสพติดได้โดยใช้ส่วนผสมอย่างหนึ่งทำให้เป็นยาที่ สามารถไล่ความเศร้าโศกหรือหลายคนเรียกว่า "ยาแห่งการความหลงลืม" และชื่อตัวยาดังกล่าวได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของหม้อข้าวหม้อแดงลิง(ตามภาษา กรีกที่ Nepenthes แปลว่า เหยือกเหล้าที่ใช้เพื่อลืมความเศร้าเสียใจ)
นอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์พอๆ กับฝิ่นและมีมากกว่าด้วยซ้ำ โดยกล่าวแต่อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันไม่รู้ว่ายาเสพย์ติดที่ว่ามีอยู่จริง
หรือไม่ และส่วนผสมของมันยังคงลึกลับ รู้แต่ว่าตัวยาดังกล่าวถูกใช้แพร่หลายในกรีกโบราณ โดยผ่านทางอียิปต์ สันนิษฐานว่า
น่าจะมีส่วนผสมของไม้วอร์ทวูดซึ่งเป็นยารักษาทุกโรคในเวลาสั้น และจากการดูตามอาการที่ปรากฏในวรรณคดีหลังทานยานี้เข้าไป น่าจะเป็นพวกพืชจำพวกมะเขือพวงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ความทรงจำเสื่อมและอดีตนั้น มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าฝิ่นถูกนำมาใช้แพร่หลายทางการแพทย์และทันตกรรม
8. The Antikythera Mechanism
หนึ่งในที่สุดของความลึกลับของสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณทั้งหมดที่เป็นรู้จักกันดี “เครื่องจักรแอนติไกเธอร่า" วัตถุประหลาดเครื่องทองเหลืองที่ค้นพบโดยนักดำน้ำนอกชายฝั่งของประเทศกรีกใน เกาะแอนติไกเธอร่า ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 กลไกของมันซับซ้อนจนไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนโบราณ ประกอบไปด้วยชุดฟันเฟืองมากกว่า 30 ชิ้น มีข้อหมุนเหวี่ยง และการหมุนที่สามารถคำนวณหาตำแหน่งทางดาราศาสตร์ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆได้
โดยอุปกรณ์ดังกล่าวพบอยู่ในซากเรือแตกโดยวิทยาศาสตร์คำนวณแล้วพบว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้มีอายุถึง 1 หรือ 2 พันปี
ก่อนคริสตกาล จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันยังคงเป็นความลับและเบื้องหลังเทคนิคการสร้างและ การใช้งาน และที่น่าสนใจ
คือเครื่องจักรนี้ไม่ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์จนถึง ศตวรรษที่ 14 แสดงให้ว่าเทคโนโลยีนี้หายสาปสูญ
ไปถึง 1,400 ปี ทำให้ปริศนาดังกล่าวได้สร้างความงงงวยแก่นักวิทยาศาสตร์มานานหลายศตวรรษ
แต่กระนั้นข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือเครื่องจักรแอนติไกเธอร่า น่าจะเป็นกลไกของนาฬิกาโบราณที่สามารถ
คำนวนระยะทางจันทรคติและปีแสงอาทิตย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ “คอมพิวเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก”
7. The Telharmonium
เป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแรกของโลก โดยเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดย Thaddeus Cahill ในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเครื่องดนตรีเครื่องนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยใช้สัญญาไฟฟ้าส่งมายังสายแล้วสังเคราะห์เสียงจนเป็นเสียงดนตรีผ่านยัง ลำโพง มันถูกสร้างมาสามรุ่น หนึ่งในนั้นมีน้ำหนักกว่า 200 ตันและใช้พื้นที่มากประมาณหนึ่งห้องถึงจะเก็บมันอยู่
โดยส่วนประกอบคือแป้มพิมพ์และแป้นเหยียบซึ่งผู้ใช้สามารถกดเพื่อให้เกิด เสียง เครื่องดนตรีนี้ถูกนำแสดงในที่
สาธารณะครั้งแรกแล้วพบว่ามีหลายคนชอบมันเพราะ ได้ยินชัดเจนและแปลกใหม่ในเวลานั้นเพราะเครื่องดนตรี
สามารถทำเสียงได้ หลายอย่าง ใช่เครื่องดนตรีประเภทเป่าอย่าง ขลุ่ย บาสซูน คลาริเน็ต และยังมีเชลโล่
หากแต่เครื่องดนตรีนี้ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาหรือสารต่อจนถึงการแก่อนิจกรรมในที่สุด
สาเหตุเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้ามากและน้ำหนักมหาศาล อีกทั้งมันยังรบกวนสัญญาโทรศัพท์ ทำให้เครื่องดังกล่าว
ยุติลงในปี 1914 และผู้สร้างก็ตาย(ในปี 1934) เครื่องดนตรีที่เหลือถูกเก็บนานกว่าหลายทศวรรษและปัจจุบัน
มันยังคงอยู่เพียง แต่ไม่สามารถนำมาเล่นได้เหมือนก่อน
6. The Library of Alexandria
ที่มาภาพ scholarship.in.th
หอสมุดอเล็กซานเดรีย เป็นหอสมุดที่ขนานนามว่า เป็นหอสมุดที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกโบราณ สร้างเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงค์พโทเลมี และอนุญาตให้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เจ้านาย ขุนนาง และชนชั้นที่ร่ำรวยมาใช้บริการเท่านั้น
โดยหอสมุดดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก(จนไม่สามารถคาดคะเนได้) และยังเป็นสถานที่รวบรวมศูนย์กลางสำคัญของ
การศึกษาในยุคนั้น เพราะภายในได้รวบรวมความรู้จากภายนอกจากที่ต่างๆ ทั่วทั้งกรีซ อียิปต์ เอเชียไมเนอร์
และยุโรปมาไว้ในที่เดียวกัน
ในตำนานกล่าวว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าอเล็กซานเดรียทุกคนจะถูกริบหนังสือ โดยหนังสือนั้นจะถูกนำไปคัดลอกด้วยมือ
และต้นฉบับจะถูกเก็บไว้ที่หอสมุด หอสมุดอเล็กซานเดรียและหนังสือจำนวนมากถูกเผาทำลายหลายครั้งตั้งแต่ 47 ปี
ก่อนคริสตกาล โดยจากเอกสารประวัติศาสตร์ระบุว่า หอสมุดดั่งกล่าวถูกทำลายโดย จูเลียส ซีซาร์ จักรพรรดิโรมัน
โดยได้เผาทำลายบางส่วนของหอสมุดเพื่อปิดกั้นเส้นทางของกองทัพเรือศัตรูเมื่อ ครั้งเข้ายึดเมืองในยุคของพระนางคลีโอพัตรา
ในขณะที่ทฤษฏีอื่นๆ ก็ระบุว่า หอสมุดและหนังสือเกือบทั้งหมดถูกทำลายโดยจักรพรรดิธีออโดเชียส ผู้ปกครองชาวคริสต์ที่สั่งให้ทำลายเอกสารทุกอย่างที่ถือว่าเป็นของพวกนอกรีต หรือไม่ก็มาร์ก แอนโทนี่ได้ขนหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งนี้
ไปอียิปต์ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ความรู้อดีตกาลที่มีค่ามากมายหาย สาบสูญพร้อมกับหอสมุดไปด้วย
5. Damascus Steel
เหล็กดามัสคัส เป็นวัตถุที่แข็งแรงจนเป็นไปไม่ได้ว่า มันจะทำขึ้นจากโลหะที่ถูกใช้กันอย่าง แพร่หลายในสมัยกลาง
ทางตะวันออกกลาง ประมาณ 1100-1700 ปีก่อนคริสตกาล โดยเหล็กเหล่านี้มีลักษณะเด่นคือมันมีความคม ความเหนียว ทนทาน แต่ใบมีดกลับคมและยืดหยุ่น นอกจากนี้ตัวมีดยังมีลวดลายพิศวงมีทั้งลายน้ำไหลหรือลายตัวอักษร
นอกจากนี้มันยังเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วเหล็กที่มีคาร์บอนสูงจะเปราะง่าย
แต่เหล็กดามัสคัสกลับยืดหยุ่น ทำให้กระบวนการผลิตนั้นยากที่จะรู้ว่ามันได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือวัตถุดิบที่ใช้ทำเหล็กนั่น
เอามาจากอินเดียและศรีลังกาในชื่อ “Wootz Steel” รวมไปถึงแม่พิมพ์และส่วนผสมต่างๆ เพื่อสร้างใบมีดมีลวดลาย
สวยงามมีเอกลักษณ์ แต่กระนั้นกระบวนการผลิตเหล็กดามัสกัสนั้นก็ได้หายไปประมาณ 750 ปีก่อนคริสตกาลอย่างลึกลับ
แต่มีหลายทฤษฏี และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เส้นทางการค้าถูกตัดขาดทำให้แร่พิเศษที่ใช้ผลิตเหล็กดังกล่าวนั้นมีน้อย
อีกทั้งการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการทำเหล็กนั้นค่อนข้างยากทำให้ช่วงหลังๆ ลวดลายใบมีดเริ่มลดลง ปัจจุบันมีหลายเจ้าที่อ้างว่ามีดของตนคือเหล็กดามัสกัสซึ่งความจริงแล้วสิ่ง เหล่านั้นเป็นเพียงการประมาณวิธีการทำเหล็กดามัสกัสส่วนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนของแท้ของจริงนั้นยังไม่มีใครทำได้แต่อย่างใด
4. Apollo/Gemini Space Program Technology
ที่มาภาพ chuanjai.wordpress.com
ไม่เพียงแค่เทคโนโลยีจากสมัยโบราณเท่านี้ที่หายไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เช่นกัน โครงการอพอลโล่และการส่งคนไปดวงจันทร์เองก็กำลังถูกยกเลิกเพราะการเข้ามาแทนที่ของหุ่นยนต์ โดยโครงการอพอลโล่เป็นโครงการต่อเนื่องเมอร์คิวรี่ และ เจมิไน มีเป้าหมายสำคัญคือ จะนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 3 คน ตัวยานอวกาศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ ยานบังคับการ ยานบริการ ยานลงดวงจันทร์
โดยโครงการอพอลโล่ เริ่มส่งมนุษย์ขึ้นโคจรในอพอลโล่ โดยขึ้นไปโคจรรอบโลก 163 รอบ ในปี 1968 โดยมนุษย์อวกาศชุดแรกลงไปเหยียบดวงจันทร์คือนักบินของยานอพอลโล่ 11 จำนวน 3 คน คือ นีล อาร์มสตรอง , เอ็ดวิน อี-แอลดริน และไมเคิล คอลลินส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาซ่าทำให้มนุษย์เหยียบดวง จันทร์ครั้งแรกของโลก แม้โครงการเหล่านี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไป แต่กระนั้นโครงการนั้นก็ถูกยกเลิกหลังจากส่งยานอพอลโล่ 17 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1972 ส่วนสาเหตุที่ถูกยกเลิกก็คือโครงการนี้ใช้เงินเกินงบประมาณและล่าช้า ทำให้โครงการเจมิไนเข้ามาแทนที่ โดยวัตถุประสงค์โครงการคือการส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการดำรงชีวิตขึ้นไปโคจรในอวกาศให้นานที่สุด แต่โครงการเจมิไนก็กำลังถูกยกเลิกโดยเหตุผลเดียวกัน และปัจจุบันพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นใช้หุ่นยนตร์ขึ้นไปสำรวจแทน
สิ่งประดิษฐ์ลึกลับโบราณที่หายสาบสูญ
ในอดีตกาลมี ความรู้เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์และกรรมวิธีการผลิตของสมัยโบราณมากมายหลายอย่างได้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเพราะอะไร ทำไมถึงได้หาย และสิ่งที่สร้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยความพิศวง แปลกประหลาด ลึกลับจนกลายเป็นตำนาน ที่แม้แต่ปัจจุบันยากที่จะทำความเข้าใจและลอกเลียนแบบมัน และทั้งหมดนี้คือสิ่งประดิษฐ์ลึกลับดังกล่าว
10. Stradivarius Violins
เริ่มต้นที่ “ไวโอลีนสตาดิวาเรียส” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่หายไปในช่วงปี 1700 โดยชื่อไวโอลีนนี้มาจากผู้สร้าง
คือ อันโตนิโอ สตาดิวารี ช่างไวโอลีนในเมืองเครโมน่า ประเทศอิตาลี โดยเขามีชื่อเสียงจากดนตรีเครื่องสายชนิดอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็น วีโอล่า, เชลโล่ และกีตาร์ ด้วยความสวยงาม เสียงและคุณภาพทำให้เครื่องดนตรีของเขาทุกชิ้นล้วนมีคุณค่าระดับโลกชนิดไร้ คู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้มีเครื่องดนตรีของเขาหลงเหลือเพียง 600 ชนิดเท่านั้น และส่วนใหญ่ล้วนมีมูลค่าหลายแสนดอลลาร์
แต่น่าเสียดายที่เทคนิคกระบวนการผลิตไวโอลีนสตาดิวาเรียสนั้นได้หายสาบสูญไป เนื่องจากเทคนิคนี้มีเพียงแต่ครอบครัว
ของเขาเท่านั้นที่รู้ความลับอันนี้ โดยมีพระสังฆราช,ลูกหลานของเขา คือ ฟรานซิสโก้ (1671-1743) ,
อโมโบโน (1679-1742) และตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตายกระบวนการผลิตนี้ก็ยุติไปด้วย
แต่กระนั้นปัจจุบันก็ยังมีหลายฝ่ายที่พยายามจะไขความลับไวโอลีนสตาดิวาเรียส ว่าเหตุใดมันถึงได้กลายเป็นเครื่องดนตรี
ที่ยังคงมีคุณภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่าไม้เมเปิ้ลที่ใช้สร้างเครื่องดนตรีนี้มีการปรับ สภาพโดยเชื้อรา
ทำให้เนื้อไม้มีเอกลักษณ์และทำให้เกิดเสียงสะท้อน หากแต่กระนั้นในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่เห็นความแตกต่างกัน
ของคุณภาพ เสียงของไวโอลีนสตาดิวาเรียสและไวโอลีนธรรมดาสักเท่าไหร่
ที่มาภาพ chuanjai.wordpress.com
นอกจากนี้มันยังมีฤทธิ์พอๆ กับฝิ่นและมีมากกว่าด้วยซ้ำ โดยกล่าวแต่อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันไม่รู้ว่ายาเสพย์ติดที่ว่ามีอยู่จริง
หรือไม่ และส่วนผสมของมันยังคงลึกลับ รู้แต่ว่าตัวยาดังกล่าวถูกใช้แพร่หลายในกรีกโบราณ โดยผ่านทางอียิปต์ สันนิษฐานว่า
น่าจะมีส่วนผสมของไม้วอร์ทวูดซึ่งเป็นยารักษาทุกโรคในเวลาสั้น และจากการดูตามอาการที่ปรากฏในวรรณคดีหลังทานยานี้เข้าไป น่าจะเป็นพวกพืชจำพวกมะเขือพวงซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ความทรงจำเสื่อมและอดีตนั้น มีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าฝิ่นถูกนำมาใช้แพร่หลายทางการแพทย์และทันตกรรม
โดยอุปกรณ์ดังกล่าวพบอยู่ในซากเรือแตกโดยวิทยาศาสตร์คำนวณแล้วพบว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้มีอายุถึง 1 หรือ 2 พันปี
ก่อนคริสตกาล จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันยังคงเป็นความลับและเบื้องหลังเทคนิคการสร้างและ การใช้งาน และที่น่าสนใจ
คือเครื่องจักรนี้ไม่ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์จนถึง ศตวรรษที่ 14 แสดงให้ว่าเทคโนโลยีนี้หายสาปสูญ
ไปถึง 1,400 ปี ทำให้ปริศนาดังกล่าวได้สร้างความงงงวยแก่นักวิทยาศาสตร์มานานหลายศตวรรษ
แต่กระนั้นข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือเครื่องจักรแอนติไกเธอร่า น่าจะเป็นกลไกของนาฬิกาโบราณที่สามารถ
คำนวนระยะทางจันทรคติและปีแสงอาทิตย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ “คอมพิวเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก”
โดยส่วนประกอบคือแป้มพิมพ์และแป้นเหยียบซึ่งผู้ใช้สามารถกดเพื่อให้เกิด เสียง เครื่องดนตรีนี้ถูกนำแสดงในที่
สาธารณะครั้งแรกแล้วพบว่ามีหลายคนชอบมันเพราะ ได้ยินชัดเจนและแปลกใหม่ในเวลานั้นเพราะเครื่องดนตรี
สามารถทำเสียงได้ หลายอย่าง ใช่เครื่องดนตรีประเภทเป่าอย่าง ขลุ่ย บาสซูน คลาริเน็ต และยังมีเชลโล่
หากแต่เครื่องดนตรีนี้ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาหรือสารต่อจนถึงการแก่อนิจกรรมในที่สุด
สาเหตุเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้ามากและน้ำหนักมหาศาล อีกทั้งมันยังรบกวนสัญญาโทรศัพท์ ทำให้เครื่องดังกล่าว
ยุติลงในปี 1914 และผู้สร้างก็ตาย(ในปี 1934) เครื่องดนตรีที่เหลือถูกเก็บนานกว่าหลายทศวรรษและปัจจุบัน
มันยังคงอยู่เพียง แต่ไม่สามารถนำมาเล่นได้เหมือนก่อน
6. The Library of Alexandria
ที่มาภาพ scholarship.in.th
หอสมุดอเล็กซานเดรีย เป็นหอสมุดที่ขนานนามว่า เป็นหอสมุดที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลกโบราณ สร้างเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงค์พโทเลมี และอนุญาตให้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดิน เจ้านาย ขุนนาง และชนชั้นที่ร่ำรวยมาใช้บริการเท่านั้น
โดยหอสมุดดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก(จนไม่สามารถคาดคะเนได้) และยังเป็นสถานที่รวบรวมศูนย์กลางสำคัญของ
การศึกษาในยุคนั้น เพราะภายในได้รวบรวมความรู้จากภายนอกจากที่ต่างๆ ทั่วทั้งกรีซ อียิปต์ เอเชียไมเนอร์
และยุโรปมาไว้ในที่เดียวกัน
ในตำนานกล่าวว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าอเล็กซานเดรียทุกคนจะถูกริบหนังสือ โดยหนังสือนั้นจะถูกนำไปคัดลอกด้วยมือ
และต้นฉบับจะถูกเก็บไว้ที่หอสมุด หอสมุดอเล็กซานเดรียและหนังสือจำนวนมากถูกเผาทำลายหลายครั้งตั้งแต่ 47 ปี
ก่อนคริสตกาล โดยจากเอกสารประวัติศาสตร์ระบุว่า หอสมุดดั่งกล่าวถูกทำลายโดย จูเลียส ซีซาร์ จักรพรรดิโรมัน
โดยได้เผาทำลายบางส่วนของหอสมุดเพื่อปิดกั้นเส้นทางของกองทัพเรือศัตรูเมื่อ ครั้งเข้ายึดเมืองในยุคของพระนางคลีโอพัตรา
ในขณะที่ทฤษฏีอื่นๆ ก็ระบุว่า หอสมุดและหนังสือเกือบทั้งหมดถูกทำลายโดยจักรพรรดิธีออโดเชียส ผู้ปกครองชาวคริสต์ที่สั่งให้ทำลายเอกสารทุกอย่างที่ถือว่าเป็นของพวกนอกรีต หรือไม่ก็มาร์ก แอนโทนี่ได้ขนหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งนี้
ไปอียิปต์ ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวได้ส่งผลทำให้ความรู้อดีตกาลที่มีค่ามากมายหาย สาบสูญพร้อมกับหอสมุดไปด้วย
5. Damascus Steel
ทางตะวันออกกลาง ประมาณ 1100-1700 ปีก่อนคริสตกาล โดยเหล็กเหล่านี้มีลักษณะเด่นคือมันมีความคม ความเหนียว ทนทาน แต่ใบมีดกลับคมและยืดหยุ่น นอกจากนี้ตัวมีดยังมีลวดลายพิศวงมีทั้งลายน้ำไหลหรือลายตัวอักษร
นอกจากนี้มันยังเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วเหล็กที่มีคาร์บอนสูงจะเปราะง่าย
แต่เหล็กดามัสคัสกลับยืดหยุ่น ทำให้กระบวนการผลิตนั้นยากที่จะรู้ว่ามันได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือวัตถุดิบที่ใช้ทำเหล็กนั่น
เอามาจากอินเดียและศรีลังกาในชื่อ “Wootz Steel” รวมไปถึงแม่พิมพ์และส่วนผสมต่างๆ เพื่อสร้างใบมีดมีลวดลาย
สวยงามมีเอกลักษณ์ แต่กระนั้นกระบวนการผลิตเหล็กดามัสกัสนั้นก็ได้หายไปประมาณ 750 ปีก่อนคริสตกาลอย่างลึกลับ
แต่มีหลายทฤษฏี และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เส้นทางการค้าถูกตัดขาดทำให้แร่พิเศษที่ใช้ผลิตเหล็กดังกล่าวนั้นมีน้อย
อีกทั้งการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการทำเหล็กนั้นค่อนข้างยากทำให้ช่วงหลังๆ ลวดลายใบมีดเริ่มลดลง ปัจจุบันมีหลายเจ้าที่อ้างว่ามีดของตนคือเหล็กดามัสกัสซึ่งความจริงแล้วสิ่ง เหล่านั้นเป็นเพียงการประมาณวิธีการทำเหล็กดามัสกัสส่วนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนของแท้ของจริงนั้นยังไม่มีใครทำได้แต่อย่างใด
4. Apollo/Gemini Space Program Technology
ที่มาภาพ chuanjai.wordpress.com
ไม่เพียงแค่เทคโนโลยีจากสมัยโบราณเท่านี้ที่หายไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เช่นกัน โครงการอพอลโล่และการส่งคนไปดวงจันทร์เองก็กำลังถูกยกเลิกเพราะการเข้ามาแทนที่ของหุ่นยนต์ โดยโครงการอพอลโล่เป็นโครงการต่อเนื่องเมอร์คิวรี่ และ เจมิไน มีเป้าหมายสำคัญคือ จะนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 3 คน ตัวยานอวกาศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ ยานบังคับการ ยานบริการ ยานลงดวงจันทร์
โดยโครงการอพอลโล่ เริ่มส่งมนุษย์ขึ้นโคจรในอพอลโล่ โดยขึ้นไปโคจรรอบโลก 163 รอบ ในปี 1968 โดยมนุษย์อวกาศชุดแรกลงไปเหยียบดวงจันทร์คือนักบินของยานอพอลโล่ 11 จำนวน 3 คน คือ นีล อาร์มสตรอง , เอ็ดวิน อี-แอลดริน และไมเคิล คอลลินส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาซ่าทำให้มนุษย์เหยียบดวง จันทร์ครั้งแรกของโลก แม้โครงการเหล่านี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไป แต่กระนั้นโครงการนั้นก็ถูกยกเลิกหลังจากส่งยานอพอลโล่ 17 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1972 ส่วนสาเหตุที่ถูกยกเลิกก็คือโครงการนี้ใช้เงินเกินงบประมาณและล่าช้า ทำให้โครงการเจมิไนเข้ามาแทนที่ โดยวัตถุประสงค์โครงการคือการส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการดำรงชีวิตขึ้นไปโคจรในอวกาศให้นานที่สุด แต่โครงการเจมิไนก็กำลังถูกยกเลิกโดยเหตุผลเดียวกัน และปัจจุบันพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นใช้หุ่นยนตร์ขึ้นไปสำรวจแทน