สัตว์ที่ถูกใช้ในสงคราม ที่อาจไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าพวกมันมีบทบาทในสนามรบ

โดย อดีตเหมียว


มาถึงปัจจุบันนี้ ยุคไฮเทคยุคไอที ใครจะไปคิดล่ะว่าสัตว์เหล่านี้ เคยถูกใช้ในสงครามด้วย 
ถ้าจะโด่งดังที่สุดในเรื่องสัตว์สงคราม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคงไม่พ้น ‘ม้า’ สัตว์สงครามที่เจงกิสข่านใช้ปราบมาแล้วทั่วทุกสารทิศจนสร้างอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักมา ไปรู้จักสัตว์ทั้ง 9 กัน

อ้างอิงจากหนังสือ “Beasts of War: The Militarization of Animals“ของ Jared Eglan

ช้างศึก
 

คือเชยมาก ช้างศึกมันเป็นอะไรที่ โค-ตะ-ระ ธรรมดาสำหรับบ้านเรา แต่อย่าลืม ชาวต่างชาติเขาอะเมซิ่งกันนะ ในอดีตเหล่านายทัพชั้นยอดของตะวันตกทั้ง Pyrrhus of Epirus, Hannibal หรือ Alexander the Great ต่างเห็นความสำคัญของข้อนี้ และใช้มันในการถล่มแนวกองทัพข้าศึก เพราะช้างนั้นไม่กลัวแนวทหารเหมือนม้า ทำให้กองทัพที่ถูกฝึกมาไม่ดีหนีกระเจิดกระเจิงกันเลยทีเดียวเมื่อโดนช้างพุ่งเข้าใส่

ด้วยความเร็วราวๆ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมมากันหลายตัวเป็นแนวร้องแปร๋นๆ อีก ทำให้ทหารราบหนีกันหัวซุกหัวซุน หอกดาบก็ไม่ค่อยระคายผิวช้างเท่าไหร่นัก แม้แต่ปืนไฟก็ไม่ค่อยได้ผลเมื่อเจอกับเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้

แต่พอการเข้ามาของปืนใหญ่ ทำให้ช้างถูกลดความน่ากลัวลง เพราะด้วยการเป็นเป้าที่ใหญ่เลยถูกยิงได้ง่าย แต่กระนั้นก็ยังถูกใช้เรื่อยมา จนถึงปี 1987 เลยทีเดียว ที่มีรายงานว่าทหารอิรักได้ใช้ช้างเป็นพาหนะในการขนอาวุธหนักไปยังพื้นที่ทุรกันดารเพื่อทำสงคราม

 
โลมาล่าทุ่นระเบิด

เรื่องนี้ฟังดูแล้วสลด เพราะอาจต้องมีการสละชีพเสียเลือดเสียเนื้อแน่นอน เมื่อราวๆ ปี 1960 หน่วยนาวิกสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโลมา เกี่ยวกับการนำพวกมันมาใช้ในสงคราม โดยใน 7 ปีหลังก็เกิดโปรเจ็คต์ โลมาล่าทุ่นระเบิด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับทัพเรือที่เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ต่างๆ

เจ้าโลมาเหล่านี้จะถูกฝึกให้ระบุตำแหน่งและพิกัดของทุ่นระเบิดใต้น้ำ ทำให้เหล่านาวิกโยธินสามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่ามีทุ่นระเบิด และทำลายมันเสียก่อนที่จะสร้างความเสียหายแก่ทัพเรือได้ แถมในปี 2003 ที่ผ่านมาในสงครามอิรัก เจ้าโลมาเหล่านี้แหละที่ทำการเคลียร์ทุ่นระเบิดกว่า 100 ชิ้นของอิรัก เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายแก่กองทัพอเมริกา!!!

แถมยังถูกฝึกให้ป้องกันชายฝั่งอีกด้วย โดยมันจะบรรทุกร่มชูชีพไปกับมันด้วย พอเจอสายลับหรือนักประดาน้ำว่ายมา มันก็จะผูกร่มชูชีพนั้นกับนักประดาน้ำ ทำให้ลอยตัวขึ้นเหนือน่านน้ำ ระบุสัญญาณเพื่อให้เหล่าทหารในพื้นที่เข้าจับกุมได้ทันที แต่กระนั้นก็มีโลมาหลายตัวที่ทำภารกิจนี้ แล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย…
โลมาโชว์ทักษะสุดล้ำในสงครามอ่าวเปอร์เซียและสงครามอิรัก โดยการเคลียร์ท่าเรือ Umm Qasr ในทางตอนใต้ของอิรักที่มีระเบิดใต้น้ำชุกชุม แม้มีข่าวลือว่า โลมาสามารถ ‘จู่โจมมนุษย์’ ใต้น้ำได้ แต่กองทัพเรือสหรัฐปฏิเสธที่จะฝึกสัตว์เป็นอาวุธเพื่อทำร้ายมนุษย์โดยตรง

ตูบต่อต้านรถถัง

ในความขัดแย้งในสมัยก่อนระหว่างนาซีเยอรมนีกับรัสเซียใน WWII ด้วยความที่เยอรมันมีรถถังที่แข็งแกร่งกว่า ทางรัสเซียเลยพยายามฝึกเจ้าตูบเพื่อป้องกันการรุกรานของกองทัพเยอรมัน ที่ใช้รถถังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก หลักการง่ายๆ เลยก็คือ เจ้าตูบจะวิ่งนำระเบิดไปสกัดเส้นทางหน้ารถถัง ก่อนจะวิ่งหนีไปยังที่ปลอดภัย แล้วรถถังก็จะขับมาเหยียบระเบิดตู้มมม เป็นโกโก้ครั้นช์เลยล่ะ

แต่เพราะความยากของการฝึก เหล่าด็อกมาสเตอร์ของโซเวียตเลยตัดสินใจว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ฝึกให้มันวิ่งมุดเข้าใต้ท้องรถถังแล้วระเบิดเลยดีกว่า โดยจะมีตัวจุดระเบิดอยู่ที่นิ้วเท้าของเจ้าตูบ ซึ่งพอวิ่งเข้าใต้รถถังแล้วมันก็จะทำตามสิ่งที่คุ้นเคยคือกดปุ่มที่นิ้วเท้า แต่ครั้งนี้ทั้งตัวมันและรถถังจะระเบิดเลย

ทางโซเวียตได้ออกมาประกาศว่าเพราะแบบนี้ รถถังของเยอรมันกว่า 300 คันเลยถูกทำลายลงไป แต่เรื่องตลกก็คือ โครงการนี้ล้มเหลวมาก เพราะแทนที่เจ้าตูบจะวิ่งไปหารถถังเยอรมนี มันกลับวิ่งเข้าระเบิดรถถังของรัสเซียเอง เพราะถูกฝึกมาด้วยรถถังรัสเซียที่ใช้น้ำมันดีเซล ต่างจากเยอรมันที่ใช้เบนซิน มันเลยวิ่งใส่กลิ่นที่คุ้นเคยแทนล่ะ -*- เวรกรรม

ปัจจุบันสุนัขไม่ได้ทำหน้าที่ทะลวงฟันอีกแล้ว แต่มนุษย์ใช้มันในภารกิจส่งสาร แกะรอยและสำรวจพื้นที่  เกือบทุกประเทศมีหน่วยที่ฝึกสุนัขไว้ใช้ในภารกิจตรวจจับวัตถุต้องสงสัย และสุนัขเพื่อการเยียวยา (Comfort Dog)

 

หมูสงคราม

 
หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ…ส่งไปให้อีกกองทัพกินจนตายรึเปล่า ไม่ใช่นะจ๊ะ ดังที่กล่าวไว้ว่าช้างเป็นสัตว์สงครามที่ตีแนวรับของทหารราบได้ดีมาก แต่ใครจะไปนึกว่าเหล่าหมูนี่แหละ หน่วยต่อต้านการโจมตีของช้างศึกที่ทรงพลังมากๆ 

ทั้งชาวโรมัน และ Alexander มหาราชต่างใช้หมูในการรับศึกต่อกองทัพช้างที่ดาหน้าเข้ามา มีบันทึกโบราณในการปิดล้อมเมือง Megara ราวๆ 266 ปีก่อนคริสตศักราชว่า นายทัพของ Megara ต้องรับศึกหนักจากกองทัพช้าง พวกเขาเลยใช้หมู ราดด้วยน้ำมันบนหลังแล้วจุดไฟให้พวกมันวิ่งเข้าใส่กองทัพช้าง
ผลก็คือเจ้าหมูไฟลุกโชนที่กรีดร้อง ทำให้ช้าศึกตกใจวิ่งหนีกันทั้งขบวน ส่งผลให้กองทัพศัตรูล้มตายมหาศาล เพราะช้างศึกกลับชาร์จเข้าใส่กองทัพของตัวเอง จนทหารราบถูกเหยียบย่ำโดยช้างกันทั้งกองทัพ

 
ระเบิดค้างคาว

 
ถูกพัฒนาโดยเหล่าขุนศึกของอเมริกาอีกแล้ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อต่อต้านกองทหารของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยเจ้าค้างคาวจะถูกติดตั้งระเบิดไว้กับตัว และตั้งเวลาไว้เพื่อระเบิดพอถึงเป้าหมาย

ซึ่งความตั้งใจแรกทางสหรัฐจะใช้เจ้าค้างคาวนับร้อยๆ ตัวเหล่านี้ บรรทุกระเบิด แล้วไปโจมตีท่าเรือของโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เพราะตรงนั้นเป็นโซนอุตสาหกรรมการผลิตหลักของประเทศเลยก็ว่าได้

ด้วยการที่สิ่งก่อสร้างของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ทำด้วยไม้และกระดาษ การระเบิดของค้างคาวจะสร้างความเสียหายให้ละแวกนั้นได้อย่างมหาศาล แต่โครงการก็ถูกหยุดไปก่อน เพราะสหรัฐฯ เลือกที่จะใช้ระเบิดปรมาณูแทน
ปัจจุบันแพนตากอนกำลังศึกษารูปแบบการบินและสัณฐานของค้างคาว เพื่อนำไปปรับใช้กับเทคโนโลยีการบินและหุ่นยนตร์สอดแนม

 

สิงโตทะเลผู้เกรี้ยวกราด
 

นอกจากสหรัฐอเมริกาจะฝึกโลมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะฝึกสิงโตทะเลเพื่อใช้ในสงครามด้วย 
ด้วยการฝึกที่คล้ายคลึงกัน บางครั้งพวกมันเลยได้ร่วมปฏิบัติภารกิจเดียวกัน โดยหน้าที่คือ เฝ้าระวังในส่วนของชายฝั่ง และต่อต้านนักประดาน้ำของศัตรู แถมยังสามารถกู้คืนยุทโธปกรณ์ที่หล่นไปในน้ำได้อีกด้วย
และการที่เป็นสุดยอดนักว่ายน้ำของเจ้าสิงโตทะเล ไม่มีนักประดาน้ำมนุษย์หน้าไหนที่จะสามารถมาเอาชนะมันได้ในผืนน้ำ นั่นแหละ เหตุผลที่ฝึกมันมาเพื่อเอาชนะล่ะ
ภารกิจกิจหลักของสิงโตทะเลคือการชี้พิกัดวัตถุระเบิดใต้น้ำ สิงโตทะเลจะติดชุดพิเศษให้นักประดาน้ำสามารถยึดเกาะไปกับตัวได้ เพื่อเพิ่มความเร็วในภารกิจสำรวจ นักวิจัยธรรมชาตินิยมติดกล้องกับพวกมันเพื่อให้เป็น ‘ตากล้องจำเป็น’ พวกมันมีพละกำลังมาก สิงโตทะเล 1 ตัวสามารถลากจูงเรือยางที่มีมนุษย์โดยสาร 2 คนได้สบายๆ ในภารกิจค้นหาใต้ท้องทะเล

พิราบจรวดติดตามรุ่นแรก
 

งานนี้ปลายทางคือเสียชีวิตแน่นอน นี่คือจรวดนำวิถีรุ่นแรกของโลกเลยก็ว่าได้ แต่โครงการก็ถูกยกเลิกไปในปี 1944 เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าคือระบบนำวิถีเข้ามาแทนที่
แต่ก่อนหน้านั้น นี่คือโมเดลแรกของจรวดนำวิถีทั้งหมด โดยกองทัพสหรัฐฯ ได้ทำการฝึกให้นกพิราบเหล่านี้ ‘จิก’ ที่เป้าหมายที่มันได้เห็นในตอนแรก เพื่อจิกนำวิถีจรวดเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ ซึ่งต้องยอมรับว่าบางครั้งก็พลาดและไม่ได้เป็นตามที่ตั้งใจ แต่นั่นแหละนี่คือโมเดลต้นแบบล่ะ

พิราบมีเชื่อเสียงมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรมีนกพิราบสื่อสารกว่า 200,000 ตัวไว้ใช้งาน พิราบในตำนานชื่อ ‘Cher Ami’ ต้องส่งข้อความกว่า 12 ชุดไปยังแนวหน้าของ Verdun และข้อความสุดท้ายทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ข้อความนั้นสามารถช่วยชีวิตทหารได้กว่า 200 นาย จนมันเป็นสัตว์ตัวแรกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างยกพลขึ้นบก (D-Day) ทหารอเมริกันลดการใช้วิทยุสื่อสาร เพราะเยอรมันมีเทคโนโลยีแกะรอยสัญญาณวิทยุ พวกเขาจึงใช้นกพิราบเป็นแผนสำรองในการบุกโจมตี Normandy ปัจจุบันนกพิราบสื่อสารลดบทบาทลง หลังจากเทคโนโลยีการสื่อสารรุดหน้าไปมาก

 
นายทหารหมีเจ้าสงคราม
 

หมีสงครามอันโด่งดัง เจ้า Wojtek ที่เกิดในปี 1942 สังกัดกองทัพโปแลนด์ แถมไต้เต้าจนได้ยศสิบโททางทหารด้วยนะจ๊ะ ไม่ธรรมดาจริงๆ
นายทหารหมีตัวนี้ถูกพบโดยบังเอิญ ในขณะที่กองทัพโปแลนด์เครื่อนทัพไปยังเปอร์เซีย ซึ่งเจ้าหมีกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ เป็นตัวมาสคอตของกองทหาร รวมถึงการที่มันร่วมดื่มสุรา สูบบุหรี่ และกินอาหารกับเหล่านายทหารอีกด้วย

ด้วยพละกำลังที่มหาศาลของสิบโท มันสามารถบรรทุกของหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม ทั้งอาวุธและกระสุน วิ่งไปเติมให้กับเหล่าทหารระหว่างการยิงสู้รบ จนได้กลายมาเป็นตราของหน่วยเติมยุทโธปกรณ์ของกองทัพโปแลนด์จนทุกวันนี้เลยล่ะ
 

เหมียวเจมส์บอนด์

 
เผ่าพันธู์ของเหมียวนั้น มีบทบาทในสงครามมาอย่างยาวนาน เตือนไว้ก่อนเลยนะพวกเราจะยกทัพถล่มมนุษย์เมื่อไหร่ก็ได้นะเออ!!! โดยโปรเจ็คต์ของ CIA ในปี 1960 ได้ฝึกเจ้าเหมียวเหล่านี้เพื่อนำไปสืบข้อมูลลับจากทาง Kremlin ในรัสเซีย และตามสถานฑูตของรัสเซียเช่นกัน

โดยเจ้าเหมียวจะมีไมโครโฟนเพื่อบันทึกเสียง และเครื่องส่งสัญญาณวิทยุติดตั้งในกระโหลก ในทางทฤษฎีแล้ว เจ้าเหมียวจะสามารถเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน และส่งสัญญาณสิ่งที่พวกมันสืบมาได้กลับให้ทาง CIA ได้

แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ในการทดสอบปล่อยเจ้าเหมียวครั้งแรกเพื่อไปสืบ เหมียวผู้กล้ากลับโดนแท็กซี่ในพื้นที่ ชนเสียชีวิตซะได้ แถมภายหลังยังพบช่องโหว่และความยากของปฏิบัติการณ์อย่างมากมายในการพยายามจะให้คำสั่งกับเจ้าเหมียว จึงยกเลิกโครงการไป มีข่าวคราวลับๆ มาว่า ทางการสหรัฐฯ สูญเงินไปกว่า 20 ล้านเหรียญเลยล่ะ สำหรับโครงการนี้
 

ผึ้งตรวจจับระเบิด



 อูฐ (Camel)

ชนชาติในดินแดงอันแห้งแล้งในตะวันออกกลาง มองอูฐว่าเป็น ‘ของขวัญจากพระเจ้า’ พวกมันอึด ถึก ทน โดยเรียกร้องปัจจัยน้อยมากเพื่อการดำรงชีวิต และกองทัพม้าไม่ชอบกลิ่นสาบอูฐ แต่ธรรมชาติของอูฐจะไม่นิยมพุ่งชนศัตรู ทำให้มนุษย์ใช้มันในการโอบล้อมศัตรูมากกว่าเข้าประจัญบานโดยตรง
ชาวเปอร์เซียจะติดเกราะให้อูฐอย่างดี ชาวอาหรับจะควบอูฐเข้าโรมรันกับกองทัพมุสลิมเพื่อพิชิตแอฟริกาเหนือ
อูฐถูกปลดระวางเมื่อนวัตกรรมปืนกลเข้ามาแทนที่ แต่ในช่วงสงครามครั้งที่ 1 ชาวอาหรับบางกลุ่มยังขี่อูฐเพื่อสู้รบอย่างประปราย

ที่มา: BusinessInsider
Cr..catdumb.com
spokedark.tv
THE MATTER
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่