บทความตามใจฉัน “เล่า World war Z เทียบกับฉบับภาพยนตร์” Part 3

การศึกที่ยอนเกอร์ (Battle of Yonkers) 2

แนวรับที่ 3 ซึ่งเป็นแนวรับสุดท้ายจะเป็นการยิงด้วยอาวุธเบาจากทหารราบ

ตามแผนคือแนวรับนี้มีเพียงเพื่อเก็บตกซอมบี้จำนวนเล็กน้อยที่รอดจากแนวรับที่ 1 และ 2 มาเท่านั้น

ปัญหาคือซอมบี้ที่ผ่านเข้ามานั้นมีหลักหลายพันตัว

ทหารทุกนายได้รับคำแนะนำว่าให้ยิงหัวและเตรียมยิง เมื่อซอมบี้เข้าระยะหวังผลก็มีคำสั่งให้ยิงได้

เวเนียเล่าถึงซอมบี้ตัวแรกที่ยิงว่าเค้าเล็งหัวแล้วแต่พลาดกระสุนเลยเข้าเป้าที่หน้าอก

ซอมบี้ตัวนั้นล้มลงแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เค้าพยายามความคุมตัวเองให้เล็งที่หัวแล้วแต่มักยิงพลาดบ่อย ๆ ซึ่งสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัจจัย

ไม่ว่าจะเป็นชุดที่ร้อน อับและอึดอัด,น้ำหนักยุทธปกรณ์ที่ต้องแบก, ความอ่อนเพลี่ยจากการใช้แรงงานก่อนรบ,

อากาศที่ร้อนจัด, ระยะเวลาการรบที่ยาวนาน,ชุดที่ใส่ทำให้เปลี่ยนแม็กกาซีนกระสุนและแก้ปืนขัดลำไม่ถนัด,

การฝึกที่เน้นให้ยิงลำตัวมาตลอดแต่จู่ ๆ ก็ให้เล็งยิงแต่ที่หัวถึงจะยิงแม่นแค่ไหนแต่ด้วยความเคยชินมักทำให้พลาดเป้า

แต่ถึงกระนั้นผลกลับกลายเป็นว่าแนวรับนี้เป็นแนวรับที่มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดในการรับมือกับกองทัพซอมบี้

สาเหตุหลัก ๆ คือไม่มีการสาดกระสุนมั่วซั้วเพราะเล็งยิงแต่หัว

ทำให้จำนวนกระสุนที่ใช้ต่อการสังหารซอมบี้ 1 ตัวลดลงมาก เวลาที่ใช้ในการสังหารซอมบี้ต่อตัวก็ลดลงเช่นกัน

“ถ้าเรามีคนมากกว่านี้ กระสุนมากกว่านี้ ถ้าพวกนายพลปล่อยให้เราทำงานอย่างเหมาะสมกว่านี้”
เวเนียตัดพ้อ


ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฝ่ายมนุษย์แพ้คือระบบสื่อสาร Land Warrior ของมนุษย์เอง

“high-tech, high-priced, high-profile netro-f**king-centric Land Warrior” เวเนียเล่าถึงสิ่งที่ Land Warrior

ทำในวันนั้นอย่างเจ็บแค้น

ในพิชัยยุทธซุนวูบทหนึ่งมีเนื้อหานำนองว่าแม่ทัพจะต้องทำให้ทหารในบังคับบัญชามืดบอด

อย่าให้รู้เรื่องสถานะการณ์การรบในตอนนั้นผู้เขียนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่พออ่าน

wwz ในตอนนี้ก็เข้าใจ

เพราะสถานการณ์การรบในบางครั้งรู้ไปก็บั่นทอนกำลังใจเปล่า ๆ

การรับมือกับฝูงซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นพัน ๆ ตัวนั้นก็แย่พอแล้ว

สิ่งที่ Land Warrior ทำคือการแสดงข้อมูลบอกเหล่าทหารว่ายังมีซอมบี้อีก “เป็นล้าน ๆ ตัว” กำลังตามมา

เวเนียเล่าว่าระบบแสดงข้อมูลบอกว่าขบวนซอมบี้ที่เจอนั้นหางยาวไปจนถึงไทม์สแควร์ที่แมนฮัตตั้น

ผู้เขียนลองเอาข้อมูลไปใส่ใน google map ดูพบว่าระยะทางจากไทม์สแควร์จนถึง A&P

นั้นยาวถึง 18.5 ไมล์หรือ 29.77 กิโลเมตร

ข้อมูลนี้ทำให้เหล่าทหารยิ่งกลัวและขวัญเสียหนักเข้าไปอีก

แต่นี่แค่ดอกแรกเท่านั้น


ดอกที่สองคือเหล่าทหารที่เสียขวัญเริ่มสถบกับตัวเองด้วยความกลัว

“Oh shit, OH SHIT!”

“พวกมันเยอะเกินไป เราต้องเผ่นแล้ว”

และ Land Warrior ก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีเยี่ยม กระจายทุกคำสถบนั้นให้ทหารทุกคนในกองทัพได้ยิน

บั่นทอนขวัญทหารทุกคนเข้าไปอีก

จนกระทั้งมีเสียงทหารคนหนึ่งดังผ่าน Land Warrior ขึ้นมาว่า

 “ทำไมยิงหัวแล้วมันไม่ตายว่ะ ยิงหัวแล้วยิ้มไม่ตาย”

การสังหารซอมบี้นั้นต้องทำลายสมอง

แต่การยิงหัวนั้นบางครั้งก็มีกรณีสมองเสียหายไม่มากพอเพราะกระสุนแฉลบส่วนโค้งเว้าของกะโหลก,

โดนหัวแต่ไม่โดนสมองหรือสาเหตุอื่น ๆ เวเนียว่าเรื่องนี้นั้นถ้าใจเย็นและคิดสักนิดก็รู้ได้

แต่ตอนนั้นคนส่วนใหญ่กำลังกลัว ขวัญเสีย ไม่มีใครที่ใจเย็นพอที่จะชุกคิด

ยิงหัว คือความหวังเดียวที่พวกเค้ามีในการฆ่าซอมบี้และตอนนี้มีคนบอกว่าไม่ได้ผล

“อะไรน่ะ”
“พวกมันไม่ตายรึ”
“ใครพูดว่ะ”
“ยิงหัวแล้วแน่น่ะ”
ยิ้มแล้ว ยิ้มเป็นอมตะ”

เวเนียเล่าถึงเสียงทหารคนอื่น ๆ ที่ได้ยินตอนนั้น

ทหารยิ่งแตกตื่นและขวัญเสียหนักเข้าไปอีก


ถึงจุดนี้พวกนายทหารเริ่มรู้ตัวแล้วว่า Land Warrior ทำพิษจึงออกคำสั่งให้รักษาแนวรบและให้ออกจาก Network แต่ช้าไปเก้าเดียว

มันเป็นภาพจากกล้องติดปืนของเพื่อนทหารหลังแนวรบ

ชาวบ้านที่อพยพออกไปนั้นมีคนที่ซ่อนคนในครอบครัวที่กลายเป็นซอมบี้ไว้ในบ้าน

คาดว่าแรงระเบิดทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนประตูที่ล๊อกไว้พังซอมบี้จึงหลุดออกมา

แล้วจุดที่หลุดออกมามีทหารคนหนึ่งอยู่ตรงนั้นพอดี

ภาพที่ทหารทุกคนเห็นคือ ซอมบี้ 5 ตัว ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง เด็ก 3

ทั้ง 5 ตัวจับทหารเคราะห์ร้ายกดจากด้านหลัง

ผู้ชายทับช่วงลำตัวไว้ เด็ก ๆ จับแขน พยายามกัดให้ทะลุชุด ผู้หญิงดึงหน้ากากออกแสดงให้เห็นใบหน้าที่หวาดกลัวสุดขีด

“มันอยู่ข้างหลัง”
“มันออกมาจากบ้าน”
“แนวรับแตกแล้ว มันล้อมเราไว้หมดแล้ว”


แล้วภาพก็ถูกตัด มีเสียงจากนายทหารดังเข้ามาฟังแล้วรู้ได้ว่าพยายามข่มความกลัว

สั่งให้รักษาแนวรบต่อไปและให้ออกจาก Network จากนั้นการเชื่อมต่อ Network ก็ถูกตัด

ไม่นานนักก็มี JSF บินเข้ามา close air support (การทิ้งระเบิดสนับสนุนทหารภาคพื้นดินในจุดที่ใกล้กับทหารฝั่งเดียวกัน)

แต่เป้าหมายมันใกล้มากไป

เวเนียเล่าว่าเค้าหลบระเบิดในที่กำบัง แรงระเบิดซัดให้ร่างของซอมบี้ตัวหนึ่งที่ดำเป็นตอตะโกเหลือแต่ตัวและหัวกระเด็นมาทับ

ซอมบี้ตัวนั้นพยายามกัดเวเนีย ดีว่าเค้าเตะออกไปได้ทัน


 
หลังการระเบิดภาพที่เห็นเหมือนฝันร้าย

ซอมบี้ค่อย ๆ เดินฝ่าความมืดและกลุ่มควันออกมา

บางตัวไฟลุกท่วม บางตัวเดิน บางตัวคลาน บางตัวก็ลากร่างที่ยับเยินไส้ไหลค่อย ๆ เดินเข้ามา

ฝ่ายมนุษย์แตกทัพกันตอนนี้เอง

ในช่วงนี้มีแต่ความอลม่านและโกลาหลไปทั่วจนเวเนียบอกว่าจำอะไรไม่ค่อยได้ในช่วงนี้ เท่าที่จำได้คือ

นักข่าวคนหนึ่งโดนซอมบี้ที่ไฟลุกท่วมสามตัวรุมกัด

ทหารที่พยายามจะแย่งรถนักข่าวเพื่อหนีก่อนจะโดนรถถังทับทั้งคู่

นักบิน ฮ.จู่โจมคนหนึ่งขับ ฮ.เอาใบพัดฟันฝูงซอมบี้ก่อนที่ใบพัดจะโดนซากรถทำให้ ฮ. กระเด็นเข้าไปใน A&P
(ตรงนี้คือการคารวะ 28 Day later อย่างแน่นอน)

ส่วนตัวเวเนียเองนั้นเค้าโดน Flash Bang ที่ใครไม่รู้ขว้างมา คู่หูของเวเนียลากเค้าเข้ารถหุ้มเกราะ

สิ่งสุดท้ายที่เค้าจำได้ในวันนั้นคือรถหุ้มเกราะที่เข้าไปโดนแรงอะไรบางอย่างซัดกระเด็น

เวเนียเล่าอ้อม ๆ ว่าน่าจะเป็น thermobaric bomb

ในมุมของผู้เขียน คิดว่าบางทีอาจจะเป็น GBU-43/B MOAB ที่รู้จักกันในชื่อ Mother of All Bombs

ระเบิดที่แรงเป็นอันดับสองของโลกรองจาก Father of All Bombs ของรัสเซีย

ในฉบับภาพยนตร์ก็มีฉากคล้าย ๆ กันนี้ในตอนท้ายของเรื่องคือฉากที่ล่อซอมบี้เข้ามาในสนามกีฬาแล้วยิงโทมาฮอว์กหัวระเบิดแรงสูงใส่

ซึ่งน่าจะกำจัดซอมบี้ทั้งฝูงนั้นไปได้ทั้งหมด

แต่ถ้าเป็นฉบับนิยายวิธีนี้คาดว่าจะกำจัดไม่ได้ถึงครึ่ง


โดยสรุปแล้วการศึกที่ยอร์นเกอร์ที่ควรจะเรียกศรัทธาและช่วยให้ประชาชนสงบลงนั้น

จบลงโดยให้ผลตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เวเนียได้ให้ความเห็นต่อการรบในวันนั้นว่าเป็นเพราะอาวุธของมนุษย์ใช้ไม่ได้ผล

เค้าไม่ได้หมายถึงปืน, ระเบิดหรือรถถัง แต่หมายถึงอาวุธที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์

เก่าแก่พอ ๆ กับคำว่าสงครามในภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและยังคงใช้มันมาจนถึงปัจจุบัน

มันคือ “ความกลัว”

การรบนั้นประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่การฆ่าหรือการทำให้เจ็บปวดแต่อยู่ที่การทำให้กลัว ทำให้ยอมแพ้ไป

ในอดีตก็เช่นการทาสีอาวุธ, ทาสีตัว, ส่งเสียงคำราม, เสียบประจาน, ในยุคใหม่หน่อยก็เช่นบลิทซ์ครีค(สงครามสายฟ้าแลบ)

ในยุคปัจจุบันก็เป็น “Shock and Awe” (ช็อค แอนด์ ออร์)

สิ่งที่มนุษย์เจอในวันนั้นคือข้าศึกที่ ช็อค แอนด์ ออร์ ไม่ได้ผล

การที่เรา ช็อคแอนด์ ออร์ ซอมบี้ไม่ได้นั้นมันก็เหมือนมูมเมอแรงค์ที่ปาไปแล้วย้อนกลับมาโดนกบาลตัวเอง

จนทำให้ซอมบี้ ช็อค แอนด์ ออร์ มนุษย์กลับแทน

ไม่ว่าเราจะทำอะไร ฆ่ามากแค่ไหน พวกมันก็ไม่กลัว ไม่เคยและไม่มีวันที่จะกลัวและมันจะไล่ล่าเราจนถึงตัวสุดท้าย


to be continued in Part 4 “แผนของพอล รีดีเกอร์”

“คุณเห็นไหม นี่ล่ะความอัจฉริยะ นี่ล่ะความบ้าคลั่ง”


ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด

Facebook Page “บทความตามใจฉัน”

โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น

ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ https://www.facebook.com/uptomejournal/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่