“Goodbye”
Part นี้จะเป็น Part เพื่อเก็บตกโดยเน้นไปที่การเอาตัวรอดของแต่ละประเทศและสถานะปัจจุบัน,
สภาพหลังสงครามและปิดท้าย โดยมาเริ่มที่ประเทศที่รับมือกับซอมบี้ได้ด้วยวิธีที่ตรงข้ามกับอเมริกาอย่างสิ้นเชิงกัน
นั้นคือประเทศญี่ปุ่น
ในตอนที่เชื้อซอมบี้เริ่มระบาดที่ญี่ปุ่น โทโมนากะ อิจิโร่ อดีตทหารตาบอดยุค ww2 ซึ่งเป็นคนทำสวนของโรงแรมหรูที่ซัปโปโรได้หนีไปภูเขา
Hidaka เพราะเค้าไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อรึไม่ ถ้าติดเชื้อก็จะไปฝังตัวเองในถ้ำให้ทำร้ายใครไม่ได้
ที่นั้นเค้าได้บังเอิญเจอกับซอมบี้และเป็นครั้งแรกที่เค้าฆ่าซอมบี้ด้วย Ikupasuy แท่งไม้เล็ก ๆ ไว้สำหรับเคาะนำทางที่ติดตัวมา
เค้าอาศัยอยู่ที่นั้นเกือบ 2 ปีเจอและสังหารซอมบี้เป็นจำนวนมาก ภูมิความรู้ในการรับมือซอมบี้เพิ่มพูนสูงสุด
วันหนึ่งตอนที่เค้านอนอยู่บนต้นไม้เค้าได้ยินเสียงคนเป็นก้าวเดินมา
นั้นคือ กอนโด ทาสุมิ โอตาคุที่หนีภัยซอมบี้จากในเมืองกำลังเดินทางไปยังท่าเรือเพื่ออพยพ
อิจิโร่ได้พบกอนโดและได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นทั้งหมด เค้าจึงชวน ทาสุมิ กลับไปกำจัดซอมบี้ กอบกู้ประเทศชาติ
ต่อมาทั้งสองได้ก่อตั้ง Tatenokai แปลว่า Shield Society เป็นกองกำลังนักรบไม่ติดอาวุธปืนเพื่อกวาดล้างซอมบี้ในญี่ปุ่น
กองกำลังนี้ได้ถูกรับเข้าเป็นสาขาหนึ่งของกองกำลังป้องกันตนเองและมีผู้คนมากมายมาสมัครเข้า
และได้มีการแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้ซอมบี้กับประเทศอื่น ๆ ด้วย
ทาสุมิในตอนนี้หัวโกนเกลี้ยง,ผิวคร่ำแดด, ร่างกายกำยำ, พระนักรบเต็มตัว เป็นที่นับถือจากชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก
ต่อมาคือรัสเซีย
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ได้ใช้ข้อมูลการศึกที่โฮปเลยในการต่อต้านซอมบี้เพราะการใช้อาวุธยุคสงครามเย็นที่มีอยู่มหาศาลในคลังนั้น
สะดวกกว่าการผลิตอาวุธตามแบบที่ใช้ในโฮป อีกทั้งพวกเค้ามีสหายที่คอยช่วยเหลือพวกเค้าเสมอยามมีภัย
สหายคนนั้นชื่อ “นายพลฤดูหนาว” ที่ช่วยแช่แข็งซอมบี้จนเป็นเป้านึ่ง
แม้กระนั้นรัสเซียก็มีทหารจำนวนมากที่ถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายเพราะโดนกัดซึ่งบั่นทอนขวัญกำลังใจของทหารอย่างร้ายแรง
เพราะความเชื่อทางศาสนาที่ว่าฆ่าตัวตายคือบาปหนักและไม่มีเพื่อนทหารหรือนายทหารคนไหนกล้าฆ่าเพื่อนร่วมรบของตนเพราะเป็นบาปเช่นกัน
ต่อมามีนักบวชคนหนึ่งที่ทนเห็นเหล่าทหารต้องทำบาปอย่างไม่มีทางเหลือไม่ได้จึงยอมแบกรับบาปยิงสังหารทหารที่ถูกกัดเอง
วิธีนี้แพร่หลายไปทั่วรัสเซียและมีส่วนทำให้รัสเซียต่อมากลายเป็นรัฐศาสนา
อังกฤษ
เนื่องจากมีปราสาทจำนวนมากอยู่ในประเทศทำให้ปราสาทและกำแพงของปราสาทถูกใช้เป็น Isolation Zone ควบแนวหน้าในการรบกับซอมบี้
ส่วนอาวุธมีการเอาอาวุธยุคกลางที่ถูกเก็บตามพิพิธภัณฑ์มาใช้ซึ่งได้ผลดีมาก
โดยในช่วงอาการอบอุ่นจะหลบอยู่ในปราสาทและช่วงอาการหนาวจนซอมบี้ขยับไม่ได้จะออกมารวบรวม
ปัจจัยต่าง ๆ , ขยายพื้นที่ยึดครองรวมถึงกวาดล้างซอมบี้
ในฉบับภาพยนตร์มีฉากหนึ่งที่ผู้คนเอาอาวุธยุคกลางมาสู้ซอมบี้ ฉากนั้นอ้างอิงจากเนื้อหาส่วนนี้เอง
Isolation Zone ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่พระราชวังวินซอโดยมีราชินีอลิซาเบธที่2 ประทับอยู่เพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนด้วยพระองค์เอง
และเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นขวัญทหารในการขยายพื้นที่ยึดครองจึงมีการประกาศว่าใครหรือกลุ่มใด
ที่สามารถบุกเบิกและยึดครองพื้นที่หรือปราสาทที่เป็นทรัพย์สินของราชวงศ์ได้ พระองค์จะทรงยกพื้นที่และปราสาทนั้นให้
หลังสงครามระบอบการปกครองเดิมในประเทศต่าง ๆ ล่มสลายหรือเปลี่ยนแปลงไป
แต่อังกฤษเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังคงระบอบการปกครองเดิมไว้ได้
คิวบา เป็นหนึ่งในประเทศที่รู้ตัวล่วงหน้าและมีการเตรียมรับมือซอมบี้อย่างจริงจัง
และโชคดีว่าด้วยการเมืองในยุคก่อนสงครามที่ทำให้คนจากจีนและอเมริกาเข้าประเทศไม่ได้
อัตราของผู้ติดเชื้อที่เข้าประเทศมาได้จึงน้อยบวกกับการรับมืออย่างจริงจังจึงทำให้คิวบารอดจากการระบาดของซอมบี้มาได้
อีกทั้งด้วยภูมิประเทศแบบเกาะทำให้รับมือได้ง่ายทั้งการควบคุมการเข้าออกของประชาชนและการรับมือจากการบุกของซอมบี้ทั้งที่เดินใต้น้ำมา,
ลอยน้ำมา,มากับเรือที่ลอยมารวมถึงผู้ติดเชื้อที่พยายามจะหนีเข้าประเทศ
ในระหว่างสงคราม คิวบากลายเป็นประเทศปลอดภัยและมีความสำคัญมาก คิวบาเป็นทั้งสถานที่ฝึกกำลังพลโลก,
โรงงานโลก, Hub ในการเดินทางระหว่างอเมริกาเหนือกับใต้, อู่แห้งโลก บรา ๆ ๆ
ด้วยเหตุนี้หลังจบสงครามคิวบาจึงกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลกและมีการเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
ถ้าคิวบาเป็นตัวอย่างของประเทศเกาะที่ประสบความสำเร็จ
Iceland คือตัวอย่างของประเทศที่ล้มเหลวในการรับมือกับซอมบี้
สาเหตุหลักคือการที่ Iceland ไม่มีกองทัพประจำการถาวรโดย Iceland จะระดมคนตั้งกองทัพเมื่อจำเป็น
ในยามปกติกองทัพจะถูกยุบให้เล็กที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นแค่หน่วยเฝ้าระวังและอาศัยการคุ้มครองของอเมริกาที่มาตั้งฐานที่ Iceland
เมื่อกองทัพอเมริกาถอนตัวไป Iceland ก็ไม่สามารถต้านฝูงผู้อพยพจากยุโรปและรัสเซียตะวันตกได้
ทำให้มีผู้ติดเชื้อเข้าประเทศมาจำนวนมาก
หลังจบสงคราม Iceland อยู่ในสถานะสิ้นชาติและเป็นเขตพื้นที่ที่มีซอมบี้อาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
ฝรั่งเศสหลังจบสงครามแม้จะเคลียร์พื้นที่บนดินได้แล้วแต่ยังมีพื้นที่ได้ดินที่ต้องเคลียร์ต่อ
ในช่วงซอมบี้ระบาดมีผู้คนจำนวนมากหนีไปอยู่ในอุโมงและสุสานใต้ดินที่มีอยู่ทั่วเมืองทำให้มีซอมบี้อยู่ใต้เมืองด้วย
จะระเบิดทำลายก็ไม่ได้เพราะใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยโบราณสถานล้ำค่า,สายไฟฟ้า,ท่อแก๊ส ทำให้ต้องส่งทหารราบลงไป
ใช้ปืนก็ไม่ได้เพราะสะเกิดไฟอาจจะทำให้แก๊สระเบิด
พื้นที่แคบจนเหวี่ยงอาวุธไม่ได้ต้องใช้อาวุธแทงขนาดเล็กเช่นหอกสั้น
การสื่อสารแบบไร้สายใช้ไม่ได้ต้องลากสายโทรศัพท์เอา
แผนที่ใช้ไม่ได้เส้นทางถูกดัดแปลงจนกลายเป็นเขาวงกต
กล้องมองกลางคืนขาดแคลนหนักจนทำให้ทหารหนึ่งหมู่มีกล้องใช้แค่คนเดียว
อาวุธยิงที่ใช้ได้คือปืนอัดลมแรงสูงที่มีแรงพอยิงกระสุนลูกเหล็กได้เพียง 5 ถึง 7 นัด
“คนที่พูดว่ารบในเมืองน่ากลัวที่สุดน่ะ อ๋อหรือ มาลองรบใต้เมืองดูสิ”
เกาหลีเหนือ
ในภาพยนตร์จะเล่าว่าใช้วิธีถอนฟันคนทั้งประเทศทำให้คนที่เป็นซอมบี้กัดไม่ได้
แต่ในฉบับนิยายจะเล่าว่าประชาชนเกาหลีเหนือจู่ ๆ ก็หายไปหมดในคืนเดียว คาดว่าอาจจะมีการเตรียมเมืองใต้ดินไว้หลบภัยในกรณีฉุกเฉิน
ถ้าพวกเค้าปลอดภัยก็ดีไปแต่ในกรณีแย่ที่สุดคือจะมีซอมบี้ราว ๆ 25 ล้านตัวอยู่ใต้ดินรอวันที่จะออกมาบนโลก
ไม่พบว่ามีสัญญาณติดต่อหรือพบเห็นผู้คนชาวเกาหลีเหนืออีกเลยแม้หลังจบสงคราม
ประเทศที่เสียหายมากที่สุดในโลกจากสงครามนี้คือ จีน จากการบริหารและกลยุทธ์ที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
โดยเหล่าผู้นำจีนปฏิเสธที่จะใช้แผนของรีดีเกอร์และเลือกที่จะรบกับซอมบี้ด้วยกลยุทธ์คลื่นมนุษย์
ในการสู้กับซอมบี้ คนที่ถูกซอมบี้ฆ่าจะเป็นซอมบี้ ซอมบี้ที่ถูกคนฆ่าจะกลายเป็นศพ
กลยุทธ์คลื่นมนุษย์นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนซอมบี้แล้วยังทำให้จำนวนซอมบี้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำขณะที่ฝ่ายคนจำนวนลดลงไปเรื่อย ๆ
ประชาชนก็เริ่มไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ฟางเส้นสุดท้ายคือตอนที่เขื่อนซานเสียต้าป้าหรือเขื่อนสามหุบเขาแตก
จากการที่รัฐปล่อยให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปประจำเพื่อระบายน้ำที่กักไว้ทั้งที่เขื่อนนี้ยังปลอดภัยอยู่ในความคุ้มครองของกองทัพ
มวลน้ำขนาดมหึมาราวกับมังกรขาวกลืนกินอาคารบ้านเรือนที่อยู่ตามทางไปพร้อม ๆ
กับคนที่อยู่ในนั้น ไม่มีใครทราบจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่ชัดแต่รู้ได้ว่ามหาศาล
รัฐบาลจีนพยายามจะบอกประชาชนว่ามันเป็นอุบัติเหตุน่าเศร้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ประชาชนไม่เชื่อ
ผลคือการปฏิวัติและสงครามกลางเมือง
เรื่องที่เกิดขึ้นรู้ถึงกัปตันชานที่ขโมยเรือดำน้ำนิวเคลียร์บรรทุกขีปนาวุธนิวเคลียร์หนีออกมาพร้อมครอบครัวของตัวเองและของลูกเรือก่อนหน้านี้นานแล้ว
เค้ารู้ดีว่าเหล่าผู้นำจะไม่มีวันลงจากตำแหน่งและจะทำให้จีนต้องสิ้นชาติ
เค้าจึงตัดสินใจจบสงครามให้เร็วที่สุดโดยยิงหัวรบนิวเคลียร์ใส่บังเกอร์ของเหล่าผู้นำ ปิดฉากสงครามกลางเมือง
กัปตันชานตรอมใจตายในอีกไม่กี่วันต่อมา
หลังจากที่รัฐบาลใหม่ถูกตั้งอย่างเร่งด่วนก็ได้นำแผนของรีดีเกอร์มาใช้
สร้าง Safe Zone ที่ทางเหนือและซ่อมกำแพงเมืองจีนเพื่อใช้เป็นแนวป้องกัน เมื่อตั้งหลักได้ก็ค่อย ๆ โต้กลับซอมบี้จนได้ชัยชนะ
แต่ผลจากความผิดพลาดของรัฐบาลก่อนหน้าก็ทำให้หลังสงครามจีนกลายเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก
ขณะที่ทิเบตกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก (ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพจากอินเดีย)
สภาพของโลกหลังจบสงครามถือว่าเลวร้ายมาก ไม่ว่าจะเป็นมลพิษมหาศาลที่อยู่ในดิน,น้ำ,อากาศ
กัมมันตภาพรังสีที่ยังหลงเหลืออยู่จากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ที่น่าขันคืออาวุธนิวเคลียร์ไม่เคยถูกใช้กับซอมบี้เลย
สัตว์หลายชนิดสูญพันธ์ทั้งด้วยฝีมือซอมบี้และด้วยน้ำมือมนุษย์
และแม้ว่ามนุษย์จะชนะสงครามแต่ไม่ได้หมายความว่าซอมบี้ได้หมดไปจากโลกแล้ว
ยังคงมีซอมบี้หลงเหลืออยู่ตามที่ที่เข้าถึงยากอยู่ทั่วโลก เช่น ใต้ท้องทะเล,
หุบเหว, ป่าทึบ, ในอุโมงใต้ดิน,ใต้หิมะ ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครคาดได้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการค้นหาและทำลายซอมบี้ทุกตัว
สงครามอาจจบลงแล้วแต่การดิ้นร้นเพื่อเอาชีวิตรอดของมนุษย์ในโลกที่เละตุ้มเปะนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึง Part สุดท้ายของการเล่า World war Z นี้
โดยผู้เขียนจะขอปิดด้วยบทสัมภาษณ์สุดท้ายในหนังสือ
เป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายระหว่าง Max กับเวเนียก่อนจากกัน เป็นการพูดคุยที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยอารมณ์
(ย้ายไปอยู่ใน คห1 เพราะจำนวนอักษรเกิน)
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น
ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
บทความตามใจฉัน “เล่า World war Z เทียบกับฉบับภาพยนตร์” Part 7 End
Part นี้จะเป็น Part เพื่อเก็บตกโดยเน้นไปที่การเอาตัวรอดของแต่ละประเทศและสถานะปัจจุบัน,
สภาพหลังสงครามและปิดท้าย โดยมาเริ่มที่ประเทศที่รับมือกับซอมบี้ได้ด้วยวิธีที่ตรงข้ามกับอเมริกาอย่างสิ้นเชิงกัน
นั้นคือประเทศญี่ปุ่น
ในตอนที่เชื้อซอมบี้เริ่มระบาดที่ญี่ปุ่น โทโมนากะ อิจิโร่ อดีตทหารตาบอดยุค ww2 ซึ่งเป็นคนทำสวนของโรงแรมหรูที่ซัปโปโรได้หนีไปภูเขา
Hidaka เพราะเค้าไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อรึไม่ ถ้าติดเชื้อก็จะไปฝังตัวเองในถ้ำให้ทำร้ายใครไม่ได้
ที่นั้นเค้าได้บังเอิญเจอกับซอมบี้และเป็นครั้งแรกที่เค้าฆ่าซอมบี้ด้วย Ikupasuy แท่งไม้เล็ก ๆ ไว้สำหรับเคาะนำทางที่ติดตัวมา
เค้าอาศัยอยู่ที่นั้นเกือบ 2 ปีเจอและสังหารซอมบี้เป็นจำนวนมาก ภูมิความรู้ในการรับมือซอมบี้เพิ่มพูนสูงสุด
วันหนึ่งตอนที่เค้านอนอยู่บนต้นไม้เค้าได้ยินเสียงคนเป็นก้าวเดินมา
นั้นคือ กอนโด ทาสุมิ โอตาคุที่หนีภัยซอมบี้จากในเมืองกำลังเดินทางไปยังท่าเรือเพื่ออพยพ
อิจิโร่ได้พบกอนโดและได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นทั้งหมด เค้าจึงชวน ทาสุมิ กลับไปกำจัดซอมบี้ กอบกู้ประเทศชาติ
ต่อมาทั้งสองได้ก่อตั้ง Tatenokai แปลว่า Shield Society เป็นกองกำลังนักรบไม่ติดอาวุธปืนเพื่อกวาดล้างซอมบี้ในญี่ปุ่น
กองกำลังนี้ได้ถูกรับเข้าเป็นสาขาหนึ่งของกองกำลังป้องกันตนเองและมีผู้คนมากมายมาสมัครเข้า
และได้มีการแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้ซอมบี้กับประเทศอื่น ๆ ด้วย
ทาสุมิในตอนนี้หัวโกนเกลี้ยง,ผิวคร่ำแดด, ร่างกายกำยำ, พระนักรบเต็มตัว เป็นที่นับถือจากชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก
ต่อมาคือรัสเซีย
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ได้ใช้ข้อมูลการศึกที่โฮปเลยในการต่อต้านซอมบี้เพราะการใช้อาวุธยุคสงครามเย็นที่มีอยู่มหาศาลในคลังนั้น
สหายคนนั้นชื่อ “นายพลฤดูหนาว” ที่ช่วยแช่แข็งซอมบี้จนเป็นเป้านึ่ง
แม้กระนั้นรัสเซียก็มีทหารจำนวนมากที่ถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายเพราะโดนกัดซึ่งบั่นทอนขวัญกำลังใจของทหารอย่างร้ายแรง
ต่อมามีนักบวชคนหนึ่งที่ทนเห็นเหล่าทหารต้องทำบาปอย่างไม่มีทางเหลือไม่ได้จึงยอมแบกรับบาปยิงสังหารทหารที่ถูกกัดเอง
วิธีนี้แพร่หลายไปทั่วรัสเซียและมีส่วนทำให้รัสเซียต่อมากลายเป็นรัฐศาสนา
เนื่องจากมีปราสาทจำนวนมากอยู่ในประเทศทำให้ปราสาทและกำแพงของปราสาทถูกใช้เป็น Isolation Zone ควบแนวหน้าในการรบกับซอมบี้
ส่วนอาวุธมีการเอาอาวุธยุคกลางที่ถูกเก็บตามพิพิธภัณฑ์มาใช้ซึ่งได้ผลดีมาก
โดยในช่วงอาการอบอุ่นจะหลบอยู่ในปราสาทและช่วงอาการหนาวจนซอมบี้ขยับไม่ได้จะออกมารวบรวม
ในฉบับภาพยนตร์มีฉากหนึ่งที่ผู้คนเอาอาวุธยุคกลางมาสู้ซอมบี้ ฉากนั้นอ้างอิงจากเนื้อหาส่วนนี้เอง
Isolation Zone ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่พระราชวังวินซอโดยมีราชินีอลิซาเบธที่2 ประทับอยู่เพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนด้วยพระองค์เอง
หลังสงครามระบอบการปกครองเดิมในประเทศต่าง ๆ ล่มสลายหรือเปลี่ยนแปลงไป
คิวบา เป็นหนึ่งในประเทศที่รู้ตัวล่วงหน้าและมีการเตรียมรับมือซอมบี้อย่างจริงจัง
และโชคดีว่าด้วยการเมืองในยุคก่อนสงครามที่ทำให้คนจากจีนและอเมริกาเข้าประเทศไม่ได้
อัตราของผู้ติดเชื้อที่เข้าประเทศมาได้จึงน้อยบวกกับการรับมืออย่างจริงจังจึงทำให้คิวบารอดจากการระบาดของซอมบี้มาได้
อีกทั้งด้วยภูมิประเทศแบบเกาะทำให้รับมือได้ง่ายทั้งการควบคุมการเข้าออกของประชาชนและการรับมือจากการบุกของซอมบี้ทั้งที่เดินใต้น้ำมา,
ลอยน้ำมา,มากับเรือที่ลอยมารวมถึงผู้ติดเชื้อที่พยายามจะหนีเข้าประเทศ
ในระหว่างสงคราม คิวบากลายเป็นประเทศปลอดภัยและมีความสำคัญมาก คิวบาเป็นทั้งสถานที่ฝึกกำลังพลโลก,
โรงงานโลก, Hub ในการเดินทางระหว่างอเมริกาเหนือกับใต้, อู่แห้งโลก บรา ๆ ๆ
ด้วยเหตุนี้หลังจบสงครามคิวบาจึงกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลกและมีการเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
ถ้าคิวบาเป็นตัวอย่างของประเทศเกาะที่ประสบความสำเร็จ
Iceland คือตัวอย่างของประเทศที่ล้มเหลวในการรับมือกับซอมบี้
สาเหตุหลักคือการที่ Iceland ไม่มีกองทัพประจำการถาวรโดย Iceland จะระดมคนตั้งกองทัพเมื่อจำเป็น
เมื่อกองทัพอเมริกาถอนตัวไป Iceland ก็ไม่สามารถต้านฝูงผู้อพยพจากยุโรปและรัสเซียตะวันตกได้
ทำให้มีผู้ติดเชื้อเข้าประเทศมาจำนวนมาก
หลังจบสงคราม Iceland อยู่ในสถานะสิ้นชาติและเป็นเขตพื้นที่ที่มีซอมบี้อาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
ฝรั่งเศสหลังจบสงครามแม้จะเคลียร์พื้นที่บนดินได้แล้วแต่ยังมีพื้นที่ได้ดินที่ต้องเคลียร์ต่อ
ในช่วงซอมบี้ระบาดมีผู้คนจำนวนมากหนีไปอยู่ในอุโมงและสุสานใต้ดินที่มีอยู่ทั่วเมืองทำให้มีซอมบี้อยู่ใต้เมืองด้วย
จะระเบิดทำลายก็ไม่ได้เพราะใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยโบราณสถานล้ำค่า,สายไฟฟ้า,ท่อแก๊ส ทำให้ต้องส่งทหารราบลงไป
ใช้ปืนก็ไม่ได้เพราะสะเกิดไฟอาจจะทำให้แก๊สระเบิด
พื้นที่แคบจนเหวี่ยงอาวุธไม่ได้ต้องใช้อาวุธแทงขนาดเล็กเช่นหอกสั้น
การสื่อสารแบบไร้สายใช้ไม่ได้ต้องลากสายโทรศัพท์เอา
แผนที่ใช้ไม่ได้เส้นทางถูกดัดแปลงจนกลายเป็นเขาวงกต
กล้องมองกลางคืนขาดแคลนหนักจนทำให้ทหารหนึ่งหมู่มีกล้องใช้แค่คนเดียว
อาวุธยิงที่ใช้ได้คือปืนอัดลมแรงสูงที่มีแรงพอยิงกระสุนลูกเหล็กได้เพียง 5 ถึง 7 นัด
“คนที่พูดว่ารบในเมืองน่ากลัวที่สุดน่ะ อ๋อหรือ มาลองรบใต้เมืองดูสิ”
เกาหลีเหนือ
ในภาพยนตร์จะเล่าว่าใช้วิธีถอนฟันคนทั้งประเทศทำให้คนที่เป็นซอมบี้กัดไม่ได้
แต่ในฉบับนิยายจะเล่าว่าประชาชนเกาหลีเหนือจู่ ๆ ก็หายไปหมดในคืนเดียว คาดว่าอาจจะมีการเตรียมเมืองใต้ดินไว้หลบภัยในกรณีฉุกเฉิน
ถ้าพวกเค้าปลอดภัยก็ดีไปแต่ในกรณีแย่ที่สุดคือจะมีซอมบี้ราว ๆ 25 ล้านตัวอยู่ใต้ดินรอวันที่จะออกมาบนโลก
ไม่พบว่ามีสัญญาณติดต่อหรือพบเห็นผู้คนชาวเกาหลีเหนืออีกเลยแม้หลังจบสงคราม
ประเทศที่เสียหายมากที่สุดในโลกจากสงครามนี้คือ จีน จากการบริหารและกลยุทธ์ที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
โดยเหล่าผู้นำจีนปฏิเสธที่จะใช้แผนของรีดีเกอร์และเลือกที่จะรบกับซอมบี้ด้วยกลยุทธ์คลื่นมนุษย์
ในการสู้กับซอมบี้ คนที่ถูกซอมบี้ฆ่าจะเป็นซอมบี้ ซอมบี้ที่ถูกคนฆ่าจะกลายเป็นศพ
กลยุทธ์คลื่นมนุษย์นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนซอมบี้แล้วยังทำให้จำนวนซอมบี้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำขณะที่ฝ่ายคนจำนวนลดลงไปเรื่อย ๆ
ฟางเส้นสุดท้ายคือตอนที่เขื่อนซานเสียต้าป้าหรือเขื่อนสามหุบเขาแตก
จากการที่รัฐปล่อยให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปประจำเพื่อระบายน้ำที่กักไว้ทั้งที่เขื่อนนี้ยังปลอดภัยอยู่ในความคุ้มครองของกองทัพ
มวลน้ำขนาดมหึมาราวกับมังกรขาวกลืนกินอาคารบ้านเรือนที่อยู่ตามทางไปพร้อม ๆ
กับคนที่อยู่ในนั้น ไม่มีใครทราบจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่ชัดแต่รู้ได้ว่ามหาศาล
รัฐบาลจีนพยายามจะบอกประชาชนว่ามันเป็นอุบัติเหตุน่าเศร้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ประชาชนไม่เชื่อ
ผลคือการปฏิวัติและสงครามกลางเมือง
เรื่องที่เกิดขึ้นรู้ถึงกัปตันชานที่ขโมยเรือดำน้ำนิวเคลียร์บรรทุกขีปนาวุธนิวเคลียร์หนีออกมาพร้อมครอบครัวของตัวเองและของลูกเรือก่อนหน้านี้นานแล้ว
เค้ารู้ดีว่าเหล่าผู้นำจะไม่มีวันลงจากตำแหน่งและจะทำให้จีนต้องสิ้นชาติ
เค้าจึงตัดสินใจจบสงครามให้เร็วที่สุดโดยยิงหัวรบนิวเคลียร์ใส่บังเกอร์ของเหล่าผู้นำ ปิดฉากสงครามกลางเมือง
กัปตันชานตรอมใจตายในอีกไม่กี่วันต่อมา
หลังจากที่รัฐบาลใหม่ถูกตั้งอย่างเร่งด่วนก็ได้นำแผนของรีดีเกอร์มาใช้
สร้าง Safe Zone ที่ทางเหนือและซ่อมกำแพงเมืองจีนเพื่อใช้เป็นแนวป้องกัน เมื่อตั้งหลักได้ก็ค่อย ๆ โต้กลับซอมบี้จนได้ชัยชนะ
แต่ผลจากความผิดพลาดของรัฐบาลก่อนหน้าก็ทำให้หลังสงครามจีนกลายเป็นประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก
สภาพของโลกหลังจบสงครามถือว่าเลวร้ายมาก ไม่ว่าจะเป็นมลพิษมหาศาลที่อยู่ในดิน,น้ำ,อากาศ
สัตว์หลายชนิดสูญพันธ์ทั้งด้วยฝีมือซอมบี้และด้วยน้ำมือมนุษย์
และแม้ว่ามนุษย์จะชนะสงครามแต่ไม่ได้หมายความว่าซอมบี้ได้หมดไปจากโลกแล้ว
ยังคงมีซอมบี้หลงเหลืออยู่ตามที่ที่เข้าถึงยากอยู่ทั่วโลก เช่น ใต้ท้องทะเล,
หุบเหว, ป่าทึบ, ในอุโมงใต้ดิน,ใต้หิมะ ฯลฯ ซึ่งไม่มีใครคาดได้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการค้นหาและทำลายซอมบี้ทุกตัว
สงครามอาจจบลงแล้วแต่การดิ้นร้นเพื่อเอาชีวิตรอดของมนุษย์ในโลกที่เละตุ้มเปะนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึง Part สุดท้ายของการเล่า World war Z นี้
โดยผู้เขียนจะขอปิดด้วยบทสัมภาษณ์สุดท้ายในหนังสือ
เป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายระหว่าง Max กับเวเนียก่อนจากกัน เป็นการพูดคุยที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยอารมณ์
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น
ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ https://www.facebook.com/uptomejournal/