เกริ่นก่อนนะค่ะ เราอายุ 36 ปี การศึกษาดี การงานดี หน้าตาคงจะดี(หรือเปล่า ไม่แน่ใจ) เอาเป็นใครเห็นก็เอ็นดูละกัน ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต จนใกล้จะแก่เราจำความได้ ชีวิตเรามีแต่ความสุข ความสดชื่น ความสนุก ความสุขสบาย เพราะเรามักคิด+++ เราไม่ได้ถูกสอนมาว่าต้องเป็นแบบนี้ เราคิดว่าถ้าเราปล่อยวาง สะกดคำว่า ช่างแม....ถี่ๆ ทุกอย่างมันก็จะผ่านไป ด้วยการงานของเรา ทำให้เรา พบเจอคนหลากหลาย ทั้งนิสัย วัยวุฒิ คุณวุฒิ สัญชาติ เชื้อชาติ เป็นคนคอย แก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ทุกคน ทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย ในชีวิตเรามีแฟน 2 คน
ผู้ชายคนที่1 ของเรา เราคบมา 8 ปี (เราเจอกันในโลกของโซเชียล) วิศวกรโยธาหนุ่มไฟแรง เราเคยคิดว่า คนนี้เราจะคบจะอยู่ด้วยจนนาทีสุดท้ายของชีวิต เค้าทำงานโซนประเทศเพื่อนบ้าน นานทีจะเจอกัน ครอบครัวเรารักเค้า รับรู้ทุกอย่าง เค้าเป็นคนเจ้าชู้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ในความเจ้าชู้นั้น มันมีอะไรซ่อนอยู่ คือ เค้าไม่เคยให้ ผญ.คนไหนมาบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเรา ทุกครั้งที่มี ผญ.อยากแสดงตัว เราจะบอกเค้า และ ผญ.คนนั้นก็จะหายไปเราไม่เคยโวยวาย ไม่ราวีใคร เพราะคิดว่าเราคือสิ่งมีชีวิตที่มีค่าและคู่ควร 555....2 ปีหลังของการคบหา เค้าอยากทำงานที่ไทย ด้วยแรงผลักดันของเราที่มีต่อเจ้านายของเรา เค้าได้มาทำงาน บริษัทในเครือ และจากการมาของเค้าครั้งนี้ ความไว้ใจ เชื่อใจ เพื่อนสาวดี้ของเราที่ทำงานเครือเดียวกับเค้ามีอะไรกันจนท้อง เราคงเอาแต่ทำงานอย่างหนัก ฝากปลาย่างไว้กับแมว เราไม่โวยวาย ไม่พูด ไม่ร้องไห้ เราลาออกจากงาน ณ จุดนั้น เพราะสงสารเพื่อน แฟนเราบอกเราว่าจะรับผิดชอบลูกแต่ ไม่รับผิดชอบเพื่อนเรา เค้าเลือกเรา แต่เราคือเยอะไง เราคิดว่า เค้ากับเพื่อนเรา หักหลังอย่างเปิดเผยเราไม่หวนกลับไปแน่นอน เค้ายังพยายามตามตื้อ ขอคืนดี พร่ำพรรณาผ่านคนอื่นว่า รักเรามาก สุดท้าย 1 เดือนให้หลัง เราได้ข่าวว่าเด็กแท้ง เพื่อนเราคอยโทรมาร่ำร้องว่า เค้าไม่สนใจ เจ้าชู้ ชอบพูดถึงแต่เรา เพื่อนจะทำยังไงดี เราบอกเพื่อนว่า "ทำใจ" เธอเลือกและอยากได้เค้าไปเอง หลังจากนั้นไม่นานเราได้งานที่ใหม่ในเมืองหลวง และทำให้เราได้เจอ ผู้ชายคนที่ 2 และคบหากันในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปี
ผู้ชายคนที่ 2 ของเรา ผู้ชายคนเดียวที่ให้บทเรียนในชีวิตของเรามากมาย ทำให้เราได้สัมผัส คำว่า "ไม่มีความสุข"ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน
ผช.คนนี้ทำงานที่เดียวกับเรา สำหรับเค้า การศึกษา ฐานะ หน้าตา ครอบครัว ด้อยกว่าเราทุกด้าน แต่ ณ ตอนนั้น เค้าคอยดูแล ห่วงใย สม่ำเสมอ มี
ผู้ใหญ่ระดับบริหารในบริษัท บอกเราซ้ำๆว่า ให้เราเลือก ผช.ที่รักเรามากกว่าเรารักเค้า ได้คนนี้มันดี มันอยู่ที่นี่มาก่อนเธอ มันเป็นคนดี เราเปิดใจคบหา
เกือบ 1 ปี จนแน่ใจ และบอกกับครอบครัวและพ่อของเราว่า เราเลือก ผช.คนนี้ ทุกคนไม่ติดขัดที่เค้ามีแต่ตัว กับหน้าที่การงานระดับพนักงาน
ครอบครัวเค้า ทำสวน ทำไร่ ทำนา เราจัดพิธีการเล็กๆแค่ผูกข้อไม้ข้อมือง่ายๆ ไม่มีสินสอด ไม่มีแหวน ไม่มีการจัดเลี้ยง เราคิดว่ามันเพียงพอ เราสะดวก
สำหรับเรา หลายคนที่รู้จัก บอกเราว่า เรานี่คือสุด ง่าย สบาย ทั้งที่ครอบครัวเรา มีหน้าตาทางสังคม มีฐานะที่มั่นคง เราบอกทุกคนว่า เราสุขแบบนี้
ครอบครัวเราไม่เคยสอนเราว่าจะต้องเลือกคนที่ฐานะ ทุกคนยินดีกับเราที่เรากำลังจะสร้างครอบครัว ต่อมา ผู้ชายคนที่ 2 คือ "สามีเรา" สามีเราเป็นที่รัก
ของครอบครัว เพื่อนฝูง ทุกคนในที่ทำงาน เค้าจัดว่าเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ดูแล ใส่ใจเราอย่างดี เราไม่เคยห่างกัน กลับบ้านด้วยกัน ไปไหนไปกัน ไม่เคย
ที่จะทิ้งกัน ผ่านมา 6 เดือน เราท้อง ครอบครัวเรา ครอบครัวเค้าดีใจมาก เราดูแลประคบประหงมตัวเองอย่างดี แต่เข้าเดือนที่ 5 เหมือนฟ้าทะลาย
ลูกเรามีความผิดปกติหลายอย่าง หาสาเหตุไม่ได้ เราต้องตัดสินใจ ว่าจะไปต่อหรือพอกับการเจริญเติบโตของเด็ก เราลากเวลามาเดือนที่ 6 เราเห็น
ลูกเราทางจออัตราซาวน์ เราตัดสินใจเก็บเค้าไว้ 6 ปี ผ่านมา เราคิดว่าชีวิตครอบครัวเราสมบูรณ์แบบมาก มีคนมากมายชื่นชมในความสุขของเรา ชื่นชม
ในการดูแลเด็กที่ไม่ปกติเหมือนคนอื่น ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ถึงลูกเราจะป่วย เข้าออกโรงพยาบาล เราต้องอดหลับอดนอนไปเฝ้า เช้าตื่นจากโรงพยาบาล
ไปทำงาน ซ้ำๆวนๆทุกปี แต่เรามีความสุข สุขที่มีสามีดี คอยดูแลเราและลูกเป็นอย่างดี อาจจะไม่ใช่ด้วยกำลังทรัพย์ แต่เป็นกำลังใจ และการกระทำ
เรา 3 คน พ่อแม่ลูก จับมือกันแน่น ไม่เคยปล่อยมือกัน ผ่านในทุกช่วงเวลาของชีวิตมาด้วยกัน แต่ทุกอย่างเกิดจากการสนับสนุน กำลังใจ จากพ่อเราอีกที
ปีที่ 7 เรากับเค้าวางแผนกันมีลูกอีก 1 คน เพื่อที่จะได้มีคนช่วยดูแลลูกคนแรกของเรา เราลาออกจากงาน เพื่อมีลูกด้วยความตั้งใจ และเป็นประจวบเหมาะกับลูกคนที่ 1 ป่วยต้องเข้า รพ.อีก เราเลย เป็นแม่บ้านยาวๆ แต่ ณ ด้วยความตั้งใจของเรา เราก็ยังไม่มี ปลายปี 2561 เราเองที่ป่วย มีปัญหาทางด้านมดลูก ต้องรักษาตัว และสามีก็ได้ปรับตำแหน่งงาน ต้องทำงานคู่กับบัดดี้ ผญ. มีออกข้างนอกบ้างปะปลาย สามีเราเสมอต้นเสมอปลาย กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน วันหยุดพาไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้านปกติ เราลืมบอกไป ตลอดชีวิตคู่ เราเองเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าเที่ยว หรือแม้กระทั่งค่าคลอดลูกคนที่ 1 ของเรา เพราะสามีเงินเดือนน้อย เราไม่ซีเรียส ณ ตรงนี้เลย เรามักหาเมล็ด พืชผล ของกินของใช้ ส่งไปให้ครอบครัวสามีอย่างสม่ำเสมอในฐานะสะใภ้ เวลาญาติพี่น้องสามีมาจาก ตจว.มาพักกับเราได้
ต้นปี 2562 ความผิดปกติเกิดขึ้นกับสามี วันเสาร์บอกว่ามีงาน ต้องไปดูงาน เราเองก็นิสัยแบบเดิม คือไว้ใจ ไม่อะไร มันคืองาน เรา
คิดแบบเดิม เราไม่เคยทำอะไรบกพร่อง ทำหน้าที่เมีย และแม่ของลูกอย่างดี มีคนหวังดีบอกเราว่า ให้ระวัง ผญ.ที่ทำงานคู่กับสามี แต่บอกให้แล้วนะว่า
สามีเรามีเมียมีลูกละ ลูกก็ป่วยบ่อย บลาๆๆเล่าให้นางฟัง นางบอกว่าไม่มีอะไรแค่เพื่อนร่วมงาน ต้น ก.พ.62 เราแกล้งบอกสามีเรา บอกเค้าว่า
เรารู้เรื่องที่เค้ามี ผญ.อื่นหมดแล้ว เล่าเรื่องแต่งไปเรื่อยๆ สามีร้องไห้กอดเรา พร่ำขอโทษเรา และบอกเราว่าจะเลิก เราให้อภัยเพราะคิดว่าเค้ายังเป็นคนดี ยังมีความดีเราคงไม่ค่อยสบาย เค้าคงกินไม่อิ่ม เราเล่าเรื่องต่างๆให้พี่ที่สนิทฟัง พี่สนิทไปเล่าต่อให้แฟนคนแรก ผช.คนที่1ในชีวิตฟัง เรามารู้เดือน
มี.ค 62 ว่าสามีเรา เอาเวลางานที่ต้องออกไปข้างนอกคู่กับผู้หญิง ไปต่างจังหวัดกัน ก่อนจะกลับเข้าบริษัท ต้องแวะที่คอนโดผู้หญิงทุกวัน
คือเค้าไม่เคยเลิกเลย ที่เรารู้ มี Mail ส่งมาหาเรา มีรูปถ่ายสามีเรากับผู้หญิงในหลายสถานที่ เส้นทางการเดินทางจาก GPS ที่ติดทั้งรถยนต์
มอเตอร์ไซค์ของสามีเราส่งมาแบบเยอะมาก มีส่ง FB ผญ.มา เทียบโพสต์ไปที่ต่างๆ กับเส้นทาง GPS สามีเรา และเรามารู้ที่หลังว่าคนที่ส่งมาคือ
ผู้ชายคนที่ 1 ในชีวิตเรา จ้างนักสืบตามสามีเรา 1 เดือน เพราะอยากให้เรารู้ความจริง และแอบหวังว่าเราจะกลับไปคบเค้าอีก เค้าบอกพี่คนสนิทว่า
เค้าเสียใจกับสิ่งที่เค้าเคยทำกับเรา รู้สึกผิดมาตลอด คอยถามข่าวเรากับพี่คนสนิทตลอด คือถ้าตอนนั้นเราไม่บอกเค้าว่า เราจะผูกข้อไม้ข้อมือกับสามี
เค้าก็จะตื้อเราจนกว่าเราจะใจอ่อน เราบอกสามีว่าเรารู้ว่าไม่เลิกกัน เราพยายามถึงที่สุดแล้วที่จะรักษาครอบครัวของเรา แม้กระทั่งเราได้ที่อยู่ เบอร์โทร
ของแม่ ผญ.คนนั้นมาจาก ผู้ชายคนที่ 1 เราโทรไปบอกว่าเราเป็นภรรยาของ คนชื่อนี้ คุณเคยรู้จักไหม แม่นางถามเราด้วยนะว่าจดทะเบียนสมรสกันไหม
แม่นางบอกเราว่าลูกนางไม่เคยแย่งของใคร ถึงจะเคยเจอสามีเรา แต่แม่นางคิดว่าสามีเราแค่ผ่านมาแถวบ้าน มาช่วยซื้อของเข้าบ้าน (ตลก) สองคนนี้
ไม่มีอะไรกัน เราบอกสามีทุกการกระทำของเรา เค้านิ่งและบอกคำเดิมว่าขอเลิกกับนางแต่นางไม่ยอมเลิก (ผญ.แบบนี้มีอยู่ในโลกจริงหรือ) เรื่องทุกเรื่อง
ที่เกิดขึ้น ทุกคนในที่ทำงานของสามีรับรู้ และคอยเตือนคอยปรามนาง แต่นางทำใสซื่อไม่ยอมรับ ยกเว้นเจ้าของกิจการที่หูตาบอดเห็นดีเห็นงาม
ว่านางกับสามีไม่มีอะไร 2 คนทำงานดีเลิศ กลาง เม.ย 62-ปลาย เม.ย 62 เวลาที่ต้องพาลูกไปหาหมอ หรือมีกิจกรรมอะไรสามีจะพยายามบ่ายเบี่ยง
ไม่พาไป ชอบดุลูก โมโหใส่ลูก ไม่ช่วยการงานอะไรทั้งสิ้น วันหยุดอยู่บ้าน แต่เหมือนเราอยู่กับซากคน นิ่งเฉย ทำให้เราไม่มีความสุข แต่เรายังทำตัวปกติ
ไม่พูด ไม่ด่า 1 พ.ค 62 วันคนใช้แรงงาน เรารู้สึกอึดอัด พ่อเราก็อึดอัด ไม่เห็นด้วยกับการให้อภัยที่ซ้ำซากของเรา สามีเองคงอึดอัดอยู่ดีดีก็
หายออกไปจากบ้านเรา โทรมาหาบอกเราว่าเค้าทะเลาะกับพ่อเรา เค้าคงไม่กล้ากลับไปแล้ว เราทำใจมาสักพัก สามีบอกเราว่าถ้าเราเฉย
ไม่มีใครมายุ่ง ให้เค้าคบกับ ผญ.อีกคน ชีวิตครอบครัวเราก็เหมือนเดิม (เหมือนเดิมตรงไหน) เค้าบอกเราว่าเค้าจะลาออกจากงาน เค้าอาย
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เค้าจะกลับไปอยู่ ตจว. เค้าไม่มีอะไร เค้าไม่สามารถช่วยเหลือค่าดูแลลูกได้ เพราะเค้าไม่มีงานทำ (เราไม่ติดอะไร เพราะปกติภาระ
อยู่ที่เรา) เราบอกเค้าว่า แค่ลูกไปหาหมอ ไปฝึกพัฒนาการช่วยสลับกันพาไป เพราะบางทีเราลางานไม่ได้ เค้าสัญญาว่าจะยังทำหน้าที่พ่อ ถ้ามีธุระ
ให้โทรบอกเค้าจะมาจาก ตจว.เอง เราเหนื่อย เราเบื่อ เรารำคาญ ผญ.คงต้องการสามีเราจริงๆ เราถึงปล่อย ไม่รั้ง ไม่ยื้อ ไม่ดึง แค่หวังว่า ถึงเราจะแยกกัน
แต่ความเป็น พ่อ ลูก ยังคงอยู่ แต่เปล่าเลย มิ.ย. 62 เราไลน์บอกเค้าว่าลูกมีนัดกับหมอ เค้าบอกว่าเค้าไม่ว่าง ไม่เป็นไร พ่อเรากับพี่เลี้ยงพาไปได้ อาจจะ
บอกอะไรหมอไม่ได้มาก แต่ต้องไป สามีเรากลับ ตจว.จริง ไปทำเกษตร ส่วน ผญ.ก็เทียวไปหาสามีเราที่ ตจว. และยังทำใสๆเหมือนเดิมว่า นางไม่เกี่ยว
กับทุกเรื่องของครอบครัวเรา แค่ไม่โพส อะไรที่จะส่อให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวนาง (อันนี้คนอื่นบอก) เรารู้สามีเราไม่ทำงานประจำกับ บ.เดิม แต่ด้วยความ
ปริ้นปล้อน เค้ายังรับงาน JOB กับ บริษัทฯ ไม่ใช่ไม่มีรายได้เลย
ตั้งแต่ กลาง พ.ค 62 - ปัจจุบัน เราเป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว โดยมีการสนับสนุนจากพ่อของเรา เราอยู่บ้านในปริมณฑล
กับลูกสาวพัฒนาการช้าช่างป่วยกัน 2 คน มีพี่เลี้ยงแบบไป-กลับ ช่วยดูแลลูก 1 คน (พี่เลี้ยงของเราสูงวัย และ ฮามาก) พ่อของเราบอกให้เราขายบ้าน
กลับกรุงเทพ เพราะกลัวว่าเราจะอยู่ไม่ได้ กลัวว่าเราจะคิดมาก กลัวเราจะลำบาก เราเลือกที่จะไม่ขาย เรายังมีความสุข เราไม่ได้ใส่ใจ ไม่สนใจว่าใครจะว่าไง เพราะเรารู้สึกว่า สังคมแถวบ้าน มีแต่ความอุ่นใจ ปลอดภัย ย้อนไปปลายปี 2661 เราร้องไห้ครั้งเดียวตอนสามีสารภาพ เราตกใจ ไม่คิดว่า
ผู้ชายแสนดีของเราจะเป็นซาตาน มอบความไม่มีสุขให้เราได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ชายที่พร่ำบอกเราตลอดว่ารักเรารักลูกมากมาย เค้าคือ ทาสเทวี ครอบครัว
หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาเราขอสรุปว่า
1. การเลือกผู้ชายที่ ไม่หล่อ ไม่รวย ฐานะไม่ดี ไม่มีสังคม พื้นฐานครอบครัวไม่ได้สวยหรู ก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่า
เค้าจะซื่อสัตย์กับเราเสมอไป และจะไม่มีใครมาแย่งไป
2. ผญ.บางคน ต่อให้มีการศึกษาสูงส่ง Profile สูงส่งขนาดไหน ทำตัวต่อหน้าใสซื่อขนาดไหน บางครั้งมันก็เป็นแค่เปลือกนอก
ที่ห่อหุ้มจิตใจที่สกปรกไว้ ความอยากได้ ความเอาชนะ ความต้องการ ยังมีอยู่
3.ทุกอย่างอยู่ที่เรากำหนด ที่เราเลือก แค่เรายอมรับมันให้ได้มันจะจบในเวลาที่เหมาะสม
คนรู้จักหลายคนบอกเราว่าทำไม ผญ.คนนี้ยังมีการงานดี เจ้านายรัก มีชีวิตดี ทั้งที่ทำบาปทำกรรมกับเด็กที่น่าสงสารไว้ เวรกรรมมันไม่มีจริง เราได้แต่บอกกับทุกคนว่า ตอนนี้เค้ายังมีบุญเก่าทำให้เรามองว่าชีวิตเค้าดี เมื่อไหร่บุญหมดเดี๋ยวเค้าก็จะได้รับกรรม เราเชื่อในเรื่องเวรกรรม แล้วคุณหละ
เชื่อว่าเวรกรรมยุติธรรมเสมอ จริงไหม?????????????
เวรกรรมยุติธรรมเสมอจริงไหม?? ฉันเลือกผู้ชายที่ด้อยกว่าด้วยหัวใจ เพราะเชื่อว่าเค้าจะมั่นคง คงทน และถาวร
ผู้ชายคนที่1 ของเรา เราคบมา 8 ปี (เราเจอกันในโลกของโซเชียล) วิศวกรโยธาหนุ่มไฟแรง เราเคยคิดว่า คนนี้เราจะคบจะอยู่ด้วยจนนาทีสุดท้ายของชีวิต เค้าทำงานโซนประเทศเพื่อนบ้าน นานทีจะเจอกัน ครอบครัวเรารักเค้า รับรู้ทุกอย่าง เค้าเป็นคนเจ้าชู้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ในความเจ้าชู้นั้น มันมีอะไรซ่อนอยู่ คือ เค้าไม่เคยให้ ผญ.คนไหนมาบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเรา ทุกครั้งที่มี ผญ.อยากแสดงตัว เราจะบอกเค้า และ ผญ.คนนั้นก็จะหายไปเราไม่เคยโวยวาย ไม่ราวีใคร เพราะคิดว่าเราคือสิ่งมีชีวิตที่มีค่าและคู่ควร 555....2 ปีหลังของการคบหา เค้าอยากทำงานที่ไทย ด้วยแรงผลักดันของเราที่มีต่อเจ้านายของเรา เค้าได้มาทำงาน บริษัทในเครือ และจากการมาของเค้าครั้งนี้ ความไว้ใจ เชื่อใจ เพื่อนสาวดี้ของเราที่ทำงานเครือเดียวกับเค้ามีอะไรกันจนท้อง เราคงเอาแต่ทำงานอย่างหนัก ฝากปลาย่างไว้กับแมว เราไม่โวยวาย ไม่พูด ไม่ร้องไห้ เราลาออกจากงาน ณ จุดนั้น เพราะสงสารเพื่อน แฟนเราบอกเราว่าจะรับผิดชอบลูกแต่ ไม่รับผิดชอบเพื่อนเรา เค้าเลือกเรา แต่เราคือเยอะไง เราคิดว่า เค้ากับเพื่อนเรา หักหลังอย่างเปิดเผยเราไม่หวนกลับไปแน่นอน เค้ายังพยายามตามตื้อ ขอคืนดี พร่ำพรรณาผ่านคนอื่นว่า รักเรามาก สุดท้าย 1 เดือนให้หลัง เราได้ข่าวว่าเด็กแท้ง เพื่อนเราคอยโทรมาร่ำร้องว่า เค้าไม่สนใจ เจ้าชู้ ชอบพูดถึงแต่เรา เพื่อนจะทำยังไงดี เราบอกเพื่อนว่า "ทำใจ" เธอเลือกและอยากได้เค้าไปเอง หลังจากนั้นไม่นานเราได้งานที่ใหม่ในเมืองหลวง และทำให้เราได้เจอ ผู้ชายคนที่ 2 และคบหากันในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปี
ผู้ชายคนที่ 2 ของเรา ผู้ชายคนเดียวที่ให้บทเรียนในชีวิตของเรามากมาย ทำให้เราได้สัมผัส คำว่า "ไม่มีความสุข"ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน
ผช.คนนี้ทำงานที่เดียวกับเรา สำหรับเค้า การศึกษา ฐานะ หน้าตา ครอบครัว ด้อยกว่าเราทุกด้าน แต่ ณ ตอนนั้น เค้าคอยดูแล ห่วงใย สม่ำเสมอ มี
ผู้ใหญ่ระดับบริหารในบริษัท บอกเราซ้ำๆว่า ให้เราเลือก ผช.ที่รักเรามากกว่าเรารักเค้า ได้คนนี้มันดี มันอยู่ที่นี่มาก่อนเธอ มันเป็นคนดี เราเปิดใจคบหา
เกือบ 1 ปี จนแน่ใจ และบอกกับครอบครัวและพ่อของเราว่า เราเลือก ผช.คนนี้ ทุกคนไม่ติดขัดที่เค้ามีแต่ตัว กับหน้าที่การงานระดับพนักงาน
ครอบครัวเค้า ทำสวน ทำไร่ ทำนา เราจัดพิธีการเล็กๆแค่ผูกข้อไม้ข้อมือง่ายๆ ไม่มีสินสอด ไม่มีแหวน ไม่มีการจัดเลี้ยง เราคิดว่ามันเพียงพอ เราสะดวก
สำหรับเรา หลายคนที่รู้จัก บอกเราว่า เรานี่คือสุด ง่าย สบาย ทั้งที่ครอบครัวเรา มีหน้าตาทางสังคม มีฐานะที่มั่นคง เราบอกทุกคนว่า เราสุขแบบนี้
ครอบครัวเราไม่เคยสอนเราว่าจะต้องเลือกคนที่ฐานะ ทุกคนยินดีกับเราที่เรากำลังจะสร้างครอบครัว ต่อมา ผู้ชายคนที่ 2 คือ "สามีเรา" สามีเราเป็นที่รัก
ของครอบครัว เพื่อนฝูง ทุกคนในที่ทำงาน เค้าจัดว่าเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ดูแล ใส่ใจเราอย่างดี เราไม่เคยห่างกัน กลับบ้านด้วยกัน ไปไหนไปกัน ไม่เคย
ที่จะทิ้งกัน ผ่านมา 6 เดือน เราท้อง ครอบครัวเรา ครอบครัวเค้าดีใจมาก เราดูแลประคบประหงมตัวเองอย่างดี แต่เข้าเดือนที่ 5 เหมือนฟ้าทะลาย
ลูกเรามีความผิดปกติหลายอย่าง หาสาเหตุไม่ได้ เราต้องตัดสินใจ ว่าจะไปต่อหรือพอกับการเจริญเติบโตของเด็ก เราลากเวลามาเดือนที่ 6 เราเห็น
ลูกเราทางจออัตราซาวน์ เราตัดสินใจเก็บเค้าไว้ 6 ปี ผ่านมา เราคิดว่าชีวิตครอบครัวเราสมบูรณ์แบบมาก มีคนมากมายชื่นชมในความสุขของเรา ชื่นชม
ในการดูแลเด็กที่ไม่ปกติเหมือนคนอื่น ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ถึงลูกเราจะป่วย เข้าออกโรงพยาบาล เราต้องอดหลับอดนอนไปเฝ้า เช้าตื่นจากโรงพยาบาล
ไปทำงาน ซ้ำๆวนๆทุกปี แต่เรามีความสุข สุขที่มีสามีดี คอยดูแลเราและลูกเป็นอย่างดี อาจจะไม่ใช่ด้วยกำลังทรัพย์ แต่เป็นกำลังใจ และการกระทำ
เรา 3 คน พ่อแม่ลูก จับมือกันแน่น ไม่เคยปล่อยมือกัน ผ่านในทุกช่วงเวลาของชีวิตมาด้วยกัน แต่ทุกอย่างเกิดจากการสนับสนุน กำลังใจ จากพ่อเราอีกที
ปีที่ 7 เรากับเค้าวางแผนกันมีลูกอีก 1 คน เพื่อที่จะได้มีคนช่วยดูแลลูกคนแรกของเรา เราลาออกจากงาน เพื่อมีลูกด้วยความตั้งใจ และเป็นประจวบเหมาะกับลูกคนที่ 1 ป่วยต้องเข้า รพ.อีก เราเลย เป็นแม่บ้านยาวๆ แต่ ณ ด้วยความตั้งใจของเรา เราก็ยังไม่มี ปลายปี 2561 เราเองที่ป่วย มีปัญหาทางด้านมดลูก ต้องรักษาตัว และสามีก็ได้ปรับตำแหน่งงาน ต้องทำงานคู่กับบัดดี้ ผญ. มีออกข้างนอกบ้างปะปลาย สามีเราเสมอต้นเสมอปลาย กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน วันหยุดพาไปเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้านปกติ เราลืมบอกไป ตลอดชีวิตคู่ เราเองเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าเที่ยว หรือแม้กระทั่งค่าคลอดลูกคนที่ 1 ของเรา เพราะสามีเงินเดือนน้อย เราไม่ซีเรียส ณ ตรงนี้เลย เรามักหาเมล็ด พืชผล ของกินของใช้ ส่งไปให้ครอบครัวสามีอย่างสม่ำเสมอในฐานะสะใภ้ เวลาญาติพี่น้องสามีมาจาก ตจว.มาพักกับเราได้
ต้นปี 2562 ความผิดปกติเกิดขึ้นกับสามี วันเสาร์บอกว่ามีงาน ต้องไปดูงาน เราเองก็นิสัยแบบเดิม คือไว้ใจ ไม่อะไร มันคืองาน เรา
คิดแบบเดิม เราไม่เคยทำอะไรบกพร่อง ทำหน้าที่เมีย และแม่ของลูกอย่างดี มีคนหวังดีบอกเราว่า ให้ระวัง ผญ.ที่ทำงานคู่กับสามี แต่บอกให้แล้วนะว่า
สามีเรามีเมียมีลูกละ ลูกก็ป่วยบ่อย บลาๆๆเล่าให้นางฟัง นางบอกว่าไม่มีอะไรแค่เพื่อนร่วมงาน ต้น ก.พ.62 เราแกล้งบอกสามีเรา บอกเค้าว่า
เรารู้เรื่องที่เค้ามี ผญ.อื่นหมดแล้ว เล่าเรื่องแต่งไปเรื่อยๆ สามีร้องไห้กอดเรา พร่ำขอโทษเรา และบอกเราว่าจะเลิก เราให้อภัยเพราะคิดว่าเค้ายังเป็นคนดี ยังมีความดีเราคงไม่ค่อยสบาย เค้าคงกินไม่อิ่ม เราเล่าเรื่องต่างๆให้พี่ที่สนิทฟัง พี่สนิทไปเล่าต่อให้แฟนคนแรก ผช.คนที่1ในชีวิตฟัง เรามารู้เดือน
มี.ค 62 ว่าสามีเรา เอาเวลางานที่ต้องออกไปข้างนอกคู่กับผู้หญิง ไปต่างจังหวัดกัน ก่อนจะกลับเข้าบริษัท ต้องแวะที่คอนโดผู้หญิงทุกวัน
คือเค้าไม่เคยเลิกเลย ที่เรารู้ มี Mail ส่งมาหาเรา มีรูปถ่ายสามีเรากับผู้หญิงในหลายสถานที่ เส้นทางการเดินทางจาก GPS ที่ติดทั้งรถยนต์
มอเตอร์ไซค์ของสามีเราส่งมาแบบเยอะมาก มีส่ง FB ผญ.มา เทียบโพสต์ไปที่ต่างๆ กับเส้นทาง GPS สามีเรา และเรามารู้ที่หลังว่าคนที่ส่งมาคือ
ผู้ชายคนที่ 1 ในชีวิตเรา จ้างนักสืบตามสามีเรา 1 เดือน เพราะอยากให้เรารู้ความจริง และแอบหวังว่าเราจะกลับไปคบเค้าอีก เค้าบอกพี่คนสนิทว่า
เค้าเสียใจกับสิ่งที่เค้าเคยทำกับเรา รู้สึกผิดมาตลอด คอยถามข่าวเรากับพี่คนสนิทตลอด คือถ้าตอนนั้นเราไม่บอกเค้าว่า เราจะผูกข้อไม้ข้อมือกับสามี
เค้าก็จะตื้อเราจนกว่าเราจะใจอ่อน เราบอกสามีว่าเรารู้ว่าไม่เลิกกัน เราพยายามถึงที่สุดแล้วที่จะรักษาครอบครัวของเรา แม้กระทั่งเราได้ที่อยู่ เบอร์โทร
ของแม่ ผญ.คนนั้นมาจาก ผู้ชายคนที่ 1 เราโทรไปบอกว่าเราเป็นภรรยาของ คนชื่อนี้ คุณเคยรู้จักไหม แม่นางถามเราด้วยนะว่าจดทะเบียนสมรสกันไหม
แม่นางบอกเราว่าลูกนางไม่เคยแย่งของใคร ถึงจะเคยเจอสามีเรา แต่แม่นางคิดว่าสามีเราแค่ผ่านมาแถวบ้าน มาช่วยซื้อของเข้าบ้าน (ตลก) สองคนนี้
ไม่มีอะไรกัน เราบอกสามีทุกการกระทำของเรา เค้านิ่งและบอกคำเดิมว่าขอเลิกกับนางแต่นางไม่ยอมเลิก (ผญ.แบบนี้มีอยู่ในโลกจริงหรือ) เรื่องทุกเรื่อง
ที่เกิดขึ้น ทุกคนในที่ทำงานของสามีรับรู้ และคอยเตือนคอยปรามนาง แต่นางทำใสซื่อไม่ยอมรับ ยกเว้นเจ้าของกิจการที่หูตาบอดเห็นดีเห็นงาม
ว่านางกับสามีไม่มีอะไร 2 คนทำงานดีเลิศ กลาง เม.ย 62-ปลาย เม.ย 62 เวลาที่ต้องพาลูกไปหาหมอ หรือมีกิจกรรมอะไรสามีจะพยายามบ่ายเบี่ยง
ไม่พาไป ชอบดุลูก โมโหใส่ลูก ไม่ช่วยการงานอะไรทั้งสิ้น วันหยุดอยู่บ้าน แต่เหมือนเราอยู่กับซากคน นิ่งเฉย ทำให้เราไม่มีความสุข แต่เรายังทำตัวปกติ
ไม่พูด ไม่ด่า 1 พ.ค 62 วันคนใช้แรงงาน เรารู้สึกอึดอัด พ่อเราก็อึดอัด ไม่เห็นด้วยกับการให้อภัยที่ซ้ำซากของเรา สามีเองคงอึดอัดอยู่ดีดีก็
หายออกไปจากบ้านเรา โทรมาหาบอกเราว่าเค้าทะเลาะกับพ่อเรา เค้าคงไม่กล้ากลับไปแล้ว เราทำใจมาสักพัก สามีบอกเราว่าถ้าเราเฉย
ไม่มีใครมายุ่ง ให้เค้าคบกับ ผญ.อีกคน ชีวิตครอบครัวเราก็เหมือนเดิม (เหมือนเดิมตรงไหน) เค้าบอกเราว่าเค้าจะลาออกจากงาน เค้าอาย
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เค้าจะกลับไปอยู่ ตจว. เค้าไม่มีอะไร เค้าไม่สามารถช่วยเหลือค่าดูแลลูกได้ เพราะเค้าไม่มีงานทำ (เราไม่ติดอะไร เพราะปกติภาระ
อยู่ที่เรา) เราบอกเค้าว่า แค่ลูกไปหาหมอ ไปฝึกพัฒนาการช่วยสลับกันพาไป เพราะบางทีเราลางานไม่ได้ เค้าสัญญาว่าจะยังทำหน้าที่พ่อ ถ้ามีธุระ
ให้โทรบอกเค้าจะมาจาก ตจว.เอง เราเหนื่อย เราเบื่อ เรารำคาญ ผญ.คงต้องการสามีเราจริงๆ เราถึงปล่อย ไม่รั้ง ไม่ยื้อ ไม่ดึง แค่หวังว่า ถึงเราจะแยกกัน
แต่ความเป็น พ่อ ลูก ยังคงอยู่ แต่เปล่าเลย มิ.ย. 62 เราไลน์บอกเค้าว่าลูกมีนัดกับหมอ เค้าบอกว่าเค้าไม่ว่าง ไม่เป็นไร พ่อเรากับพี่เลี้ยงพาไปได้ อาจจะ
บอกอะไรหมอไม่ได้มาก แต่ต้องไป สามีเรากลับ ตจว.จริง ไปทำเกษตร ส่วน ผญ.ก็เทียวไปหาสามีเราที่ ตจว. และยังทำใสๆเหมือนเดิมว่า นางไม่เกี่ยว
กับทุกเรื่องของครอบครัวเรา แค่ไม่โพส อะไรที่จะส่อให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวนาง (อันนี้คนอื่นบอก) เรารู้สามีเราไม่ทำงานประจำกับ บ.เดิม แต่ด้วยความ
ปริ้นปล้อน เค้ายังรับงาน JOB กับ บริษัทฯ ไม่ใช่ไม่มีรายได้เลย
ตั้งแต่ กลาง พ.ค 62 - ปัจจุบัน เราเป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว โดยมีการสนับสนุนจากพ่อของเรา เราอยู่บ้านในปริมณฑล
กับลูกสาวพัฒนาการช้าช่างป่วยกัน 2 คน มีพี่เลี้ยงแบบไป-กลับ ช่วยดูแลลูก 1 คน (พี่เลี้ยงของเราสูงวัย และ ฮามาก) พ่อของเราบอกให้เราขายบ้าน
กลับกรุงเทพ เพราะกลัวว่าเราจะอยู่ไม่ได้ กลัวว่าเราจะคิดมาก กลัวเราจะลำบาก เราเลือกที่จะไม่ขาย เรายังมีความสุข เราไม่ได้ใส่ใจ ไม่สนใจว่าใครจะว่าไง เพราะเรารู้สึกว่า สังคมแถวบ้าน มีแต่ความอุ่นใจ ปลอดภัย ย้อนไปปลายปี 2661 เราร้องไห้ครั้งเดียวตอนสามีสารภาพ เราตกใจ ไม่คิดว่า
ผู้ชายแสนดีของเราจะเป็นซาตาน มอบความไม่มีสุขให้เราได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ชายที่พร่ำบอกเราตลอดว่ารักเรารักลูกมากมาย เค้าคือ ทาสเทวี ครอบครัว
หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาเราขอสรุปว่า
1. การเลือกผู้ชายที่ ไม่หล่อ ไม่รวย ฐานะไม่ดี ไม่มีสังคม พื้นฐานครอบครัวไม่ได้สวยหรู ก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่า
เค้าจะซื่อสัตย์กับเราเสมอไป และจะไม่มีใครมาแย่งไป
2. ผญ.บางคน ต่อให้มีการศึกษาสูงส่ง Profile สูงส่งขนาดไหน ทำตัวต่อหน้าใสซื่อขนาดไหน บางครั้งมันก็เป็นแค่เปลือกนอก
ที่ห่อหุ้มจิตใจที่สกปรกไว้ ความอยากได้ ความเอาชนะ ความต้องการ ยังมีอยู่
3.ทุกอย่างอยู่ที่เรากำหนด ที่เราเลือก แค่เรายอมรับมันให้ได้มันจะจบในเวลาที่เหมาะสม
คนรู้จักหลายคนบอกเราว่าทำไม ผญ.คนนี้ยังมีการงานดี เจ้านายรัก มีชีวิตดี ทั้งที่ทำบาปทำกรรมกับเด็กที่น่าสงสารไว้ เวรกรรมมันไม่มีจริง เราได้แต่บอกกับทุกคนว่า ตอนนี้เค้ายังมีบุญเก่าทำให้เรามองว่าชีวิตเค้าดี เมื่อไหร่บุญหมดเดี๋ยวเค้าก็จะได้รับกรรม เราเชื่อในเรื่องเวรกรรม แล้วคุณหละ
เชื่อว่าเวรกรรมยุติธรรมเสมอ จริงไหม?????????????