วันนี้เป็นวันหยุดยาวสุดชิลล์~ เลยนัดวางแผนกับครอบครัวกันว่า จะไปเดินเล่นงานเมืองทองธานี เพื่อซื้อของเข้าบ้านสักหน่อย แต่ก่อนไปต้องหาอะไรทานก่อน เพราะวันนี้ในงานคนน่าจะเยอะสุดๆ เปิดมือถือหาร้านอาหารอร่อยๆแถวนี้ ก็พบกับชื่อร้านแปลกๆ "จางวางอิ่ม" ร้านอาหารจีนหรอ ? แต่รูปประกอบไม่ใช่นะ ดูเป็นร้านอาหารไทยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งวันนี้แม่แฟนผมก็มาด้วย จะพาเข้าร้านอาหารแปลกๆ เดี๋ยวกลัวทานไม่เป็นอีก ตัดสินใจทานร้านนี้แหละ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับปากเกร็ด ตรงไปอีกนิดเดียวก็แจ้งวัฒนะเมืองทองละ เดินทางง่ายดีครับ
เอาจริงป่ะ ? แค่เจอป้ายหน้าร้านครั้งแรกนึกว่าโรงงานอะไรสักอย่าง สวยมาก แต่ไม่ใช่นะจ๊ะโรงเรือนหลังป้ายที่เห็นนี่คือครัวขนาดใหญ่พิเศษ ทำอาหารกันเสียงดัง มีกลิ่นหอมตลอดที่เดินผ่าน เดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นในส่วนของโถงทางเดิน ที่บอกเลยว่าดูร่มรื่น เหมาะสำหรับนั่งเล่นหรือรอเพื่อนที่ยังไม่มา แต่ตัวร้านอาหารจริงๆคือตัวบ้านที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเองครับ นอกจากตัวบ้านจะเป็นบ้านไม้ทาสีฟ้าอ่อนรูปทรงโบราณแล้ว การตกแต่งด้านในก็ดูโบราณแต่ไม่ใช่เหมือนร้านอื่นๆที่เอาของเก่ามาถมในร้านให้ดูเก่า ร้านนี้ดูเก่าแบบผู้ดีมาก แค่โต๊ะ/เก้าอี้/บาร์เครื่องดื่ม และการวางของประดับตกแต่งในชั้น รู้สึกได้ถึงความเก่าแต่ดูหรูหราอยู่ เรียกได้ว่ามีระดับ ไม่ธรรมดาจริงๆครับ
มากันแค่ 3 คน แต่ได้โต๊ะกลมใหญ่ ถามว่าทำไม ? คนเขาจองโต๊ะกันมาเกือบหมดแล้ว เราไม่ได้จอง แต่ยังดีที่มีว่างอยู่ที่นึง แต่สำหรับนั่ง 7 คน เอาครับดีกว่ามาไม่ได้ทาน แต่ก็มีบางคนมาหลังเราแล้วไม่ได้ทานเหมือนกันเพราะตอนนี้โต๊ะเต็มทั้งหมด โต๊ะที่เราได้นั่งเป็นริมหน้าต่าง รับลมเย็นๆ ที่จริงมีโต๊ะด้านนอกตรงใต้หลังค่าให้นั่งด้วย แต่เราไม่ได้นั่งเพราะมีคนจองแล้ว ระหว่างนี้เดี๋ยวเราสั่งอาหารกัน และไปเก็บบรรยากาศ ให้ท่านเจ้าภาพรอที่โต๊ะก่อนครับ
เมนูอาหารที่ร้านราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท (แต่ราคาอาหารส่วนใหญ่ยืนพื้นที่ 220 - 280 บาท) โดยเฉลี่ยแล้วราคาอาหารค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศริมแม่น้ำ จานชามที่ใช้ และการตกแต่งร้านแล้วก็สมควรอยู่ อีกอย่างคำว่าจางวาง (มีหน้าที่อธิบายความหมายของคำนี้ด้วยแต่ลืมถ่ายมา) “จางวาง” คือ ชื่อตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงในกรมมหาดเล็ก ในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ถูกยกเลิกใช้ไปแล้ว เหมือนว่าอิ่มระดับขุนนาง ดูจากการตกแต่งร้านและราคาอาหารแล้วก็สมควรอยู่ แต่คนแน่นร้านพนักงานเดินไปมาไม่มีหยุด แสดงว่าต้องอร่อยแน่ๆ เดี๋ยวลองชิมดูครับ
เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อดูบรรยากาศรอบร้าน แค่บันไดทางขึ้นก็มีรูปสถาปัตย์ไทยแบบโบราณให้ชม ชั้น 2 มีเฟอร์นิเจอร์เป็นโซฟาเก่าๆ และของโบราณตกแต่งเหมือนด้านล่าง แต่ที่พิเศษคือชั้น 2 เป็นห้องแอร์ แบบแยกเป็นห้องส่วนตัว แต่ต้องมากันหลายๆคนถึงจะใช้บริการได้ นอกจากนี้ยังมีโต๊ะพิเศษอยู่ตรงริมระเบียง ทานอาหารกับครอบครัว ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ร่างกายปะทะลมเย็นๆ ใครอยากมาทานที่ร้านนี้กับครอบครัว แนะนำโต๊ะนี้เลยครับ รับรองประทับใจอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายวันที่ผมไป มีคนโทรจองล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ต้องลงกลับไปนั่งที่เดิม
มองจากระเบียงลงไป เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นเจดีย์เกาะเกร็ด มีโต๊ะให้นั่งทานริมแม่น้ำด้วย แต่ถ้าไปนั่งตอนนี้มีสิทธิ์หนังไหม้แน่ๆ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ กำลังจะเดินลงไปข้างล่าง เหลือบไปมองเห็นห้องน้ำชั้น 2 สวยมาก ดูเป็นแบบห้องน้ำโบราณหรูหรา ต่างจากห้องน้ำชั้นล่างอย่างสิ้นเชิง (แต่รีวิวนี้ไม่ได้ถ่ายมานะ) เดินลงมาด้านล่าง ตอนนี้คนแน่นเต็มร้านถ้ายเก็บบรรยากาศของตกแต่งต่างๆมาไม่ได้ เลยถ่ายแบบรวมๆมาให้ชมครับ
ถ่ายรูปทุกโซนในร้านแล้ว เดี๋ยวเดินออกไปเก็บด้านนอกบ้าง มองกลับมา"นี่มันไม่ใช่ร้านอาหาร" มันคือบ้านริมน้ำโบราณ ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นร้านอาหารจ้า มิน่าล่ะบรรยากาศร้านมันได้ ที่สำคัญทานเสร็จยังสามารถมาถ่ายรูปที่โซนศาลาริมริมน้ำและตัวบ้านโบราณ ได้รูปชิคๆเก๋ๆกลับบ้านไปอีก เดี๋ยวทานอาหารแล้วค่อยมาถ่ายรูปกันครับ
อาหารมาเร็วมากแม่ !!! ก็อย่างว่าครัวใหญ่พิเศษขนาดนั้น รอแปปเดียวมาเสิร์ฟแล้ว วันนี้สั่งอาหารไปทั้งหมด 8 อย่าง ดูจากหน้าตา การจัดจาน และวัตถุดิบที่ใช้เสิร์ฟแล้วค่อนข้างดีทีเดียว เดี๋ยวมาไล่ชิมกันทีละเมนูดีกว่าครับ
เริ่มเมนูแรกด้วย "เมี่ยงปลากระพงทอด ราคา 450 บาท" ถือว่าเป็นราคาปลากระพงยกตัวปกติ นำไปหั่นเป็นชิ้นเต๋าเล็กๆ ชุบแป้งทอดกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเมี่ยง (ขิง/หอมแดง/ถั่วลิสง/มะนาว/พริกขี้หนูแดง/น้ำจิ้มเมี่ยงรสหวานเค็ม) เวลาจะทานก็นำใบชะพลูมาห่อ แล้วค่อยทาน บอกเลยว่าดีมาก !!! ปลาทอดมากรอบ เนื้อในฉ่ำ ทานกับเครื่องเมี่ยงครบรส หวาน เปรี้ยว เผ็ด หอมกลิ่นใบชะพลู ครบทุกรสในคำเดียว เมนูนี้คุณแม่ถูกใจมากครับ
ตามมาด้วย "ของว่างจางวาง ราคา 220 บาท" เป็นผักเทมปุระชุบแป้งทอด หลักๆเป็นใบชะพลู ใบอะไรสักอย่างเรียวๆไม่ค่อยมีรสชาติ และชะอม นำมาชุบแป้งทอดจนกรอบกร๊วบ ราดด้วยน้ำจิ้มสะเต๊ะถั่วรสชาติหวาน หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร ผสมถั่วลิสงบดจนเข้มข้น ผักกรอบกับน้ำจิ้มรสหวานมัน อร่อยเพลินสมเป็นของว่างดีครับ
มาถึงจานเด็ดที่เห็นทุกโต๊ะสั่งมาอย่างน้อย 1 ตัวคือ "กุ้งแม่น้ำเผา ขนาด 4 ขีด ราคา 850 บาท" (อันที่จริงมีหลายขนาด เลือกได้ตามงบที่มี) ตัวใหญ่เนื้อเยอะ มันหัวกุ้งอย่างแน่น ขูดเอาแต่มันราดลงบนข้าวสวย ตามด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเผ็ดแซ่บ อร่อยมันนวลเนียนในปากสะใจมาก ส่วนเนื้อนั้นบอกเลยว่า ฉ่ำ แน่น เต็มปากเต็มคำสุดๆสมกับเป็นเมนูขึ้นชื่อที่ใครมาต้องสั่งครับ ถ้าเทียบกับร้านที่เคยทานมาก่อนก็คุณภาพพอกันครับ (ก็กุ้งแม่น้ำเดียวกันเนอะ)
เมนูนี้เห็นมีสะตอหน้าตาแปลกๆเลยสั่งมาลองทานดู "น้ำพริกคู่ตุนาหงัน ราคา 280 บาท" ในเมนูว่าเป็นน้ำพริกปลาฉิ้งฉ้างตำสด มาพร้อมกับสะตอทอด พอยกมาก็คือน้ำพริกกะปิรสชาติอ่อนๆผสมปลาฉิ้งฉ้างบด มีความเปรี้ยวเค็ม หอมกะปิเบาๆ ทานกับสะตอทอดทั้งฝัก ถามว่าทำไมต้องเอาไปทอด ? เพราะการทอดทำให้กลิ่นของสะตอลดลง และเนื้อแน่นทานอร่อยมากขึ้น เข้ากับน้ำพริกได้เป็นอย่างดี ใครไม่ชอบสะตอกลิ่นแรงจานนี้แนะนำครับ
จานนี้เป็นอีกเมนูนึงที่ราคาสูงแต่เสิร์ฟมาอลังการมาก "ปูจางวางอิ่ม ราคา 850 บาท" เป็นปูม้าตัวยักษ์ 1 ตัว ใหญ่เกือบเต็มจาน ผัดกับใบกระวาน หอมใหญ่ มะเขือเทศ และออริกาโน่ กลิ่นคล้ายๆกับอาหารฝรั่ง ทานง่ายไม่เผ็ด เนื้อปูสดแน่นหวาน กรรเชียงปูชิ้นใหญ่เต็มคำ ใครที่ชอบปูม้าจานนี้แนะนำให้สั่งครับ แพงหน่อยแต่แปลกใหม่อร่อยดี
เมนูต่อมา "ปูไข่ดองลิ้นเต้นแบบไทย ราคา 750 บาท" เป็นปูไข่ดองนำไปดองน้ำปลา 2 ตัว แต่ถ้าให้เทียบกับร้านแม่กลองแล้วร้านนี้สู้ไม่ไหวจริงๆครับ รสชาติน้ำยำและความสดอาจจะพอสู้ได้ แต่ปริมาณไข่ปูสีแดงในเนื้อและกระดอง สู้ไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าใครอยากทาน บ้านอยู่แถวนี้และขี้เกียจไป ก็สั่งทานได้ เนื้อหวานแซ่บ ไข่อร่อยมันอยู่