ผมเป็นสมาชิกใหม่ อายุ 23 ปี ฝากตัวด้วยน้าาา 😊 เรื่องมันยาวเบื๋อยเลยนะครับ รบกวนเพื่อนๆฟังผมบ่นหน่อยเด้อออ~
...เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมคบกับแฟนมา 2 ปีกว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 60 ผมอยู่สระบุรีส่วนเขาอยู่สมุทรปราการ 2-3 เดือนเจอกันครั้งนึง ก่อนที่จะมาเลิกกันเมื่อราวๆพฤษภาคม 62 ที่ผ่านมา เรื่องราวที่ทำให้เลิกกันคือ 1 ปีแรกที่เราคบกัน แฟนผมเขาก็ค่อนข้างโอเคนะ นิสัยของเขาก็จะเปิ่นๆ โก๊ะๆ ไม่ประสีประสาเท่าไหร่ รักเราแคร์เราดี แต่ข้อเสียคือ เขาไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย (ทั้งๆที่อายุก็เท่าๆกับเราก็น่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่บ้าง) เราพูดอีกอย่าง เข้าใจอีกอย่าง ทำให้ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่บ่อยๆ หูเบาเชื่อคนง่าย หึงหวงไร้เหตุผล (ทั้งๆที่ผมนั้นซื่อสัตย์กับเขามาก) ด้วยความที่ผมทำงานเป็นนักร้อง + ขายของ ผมต้องเจอกับคนมากมาย(รวมถึง ผญ.ด้วย) แต่ผมหักห้ามใจตัวเองมาได้ตลอด เวลามีใครมาชอบมาจีบผม ก็นึกถึงเขาอยู่เสมอว่าถ้าเขารู้เขาต้องเสียใจแน่ๆ ผมจึงปฏิเสธหมด (ทั้งๆที่อยู่ไกลกันแถมทะเลาะกันบ่อย ถ้าเป็น ผช.ทั่วๆไปคงเลิกไปแล้ว) ข้อเสียของเขาผมรับได้หมดในปีแรกๆแบบไม่มีปัญหา เวลาเขางี่เง่าเราก็เคลียร์ พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น(รหัสเฟสนี่ให้ไว้เลย) ตกงานมาเราก็ให้เงินใช้
พยายามคุยกับเขาทุกครั้งที่เราว่าง และเป็นงี้มาตลอดจนกระทั่งเราคบกันมาได้ 1 ปี 6 เดือน ทุกข้อเสียของเขาแทนที่จะเบาลง ทุกอย่างกลับหนักขึ้น หึงเราหนักขึ้น หาเรื่องทะเลาะบ่อยขึ้น จนเราต้องตวาดหรือพูดแรงๆ ถึงจะยอมเรา ขอโทษเรา บางทีผมก็ใช้ไม้ตายว่าทำตัวแบบนี้ต่อไปจะเลิกนะ เห็นใจกันบ้าง นี่เหนื่อยกับงานยังต้องมาเหนื่อยกะเธออีกหรอ
เขาก็ขอโทษเรา ร้องไห้ สัญญากับเราว่าจะทำตัวดีขึ้น แต่สุดท้ายก็อีหรอบเดิม บางครั้งเรากลับมาจากร้องเพลงถึงบ้านเที่ยงคืน ต้องลุกอาบน้ำเพื่อไปร้องเพลงอีกงานนึงตอนตี 4 แต่ตี 1 ยังไม่ได้นอนเลยเพราะต้องมาคอยทะเลาะอธิบายนู่นนี่นั่นให้เขาเข้าใจ บางครั้งทนไม่ไหวตบะแตกผมก็บอกเลิก เขาก็ร้องไห้ ขอโทษเรา เราก็อภัยเหมือนเดิม...ทุกที เป็นอย่างงี้เรื่อยมาไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ผมเหนื่อยมากทั้งกายใจแต่ก็ไม่ทิ้งเขา สาเหตุว่าทำไมเป็นหนักขนาดนี้ผมยังทนน่ะหรอ คือ
1.ผมชิงสุกก่อนห่ามกับเขาไปแล้ว(หลายครั้ง) เขาเป็นผญ.เขาเสียหาย ผมต้องรับผิดชอบ ญาติพี่น้องฝ่ายเขาก็ดูถูกว่าผมรักเขาไม่จริง หลอกฟัน ผมเลยไม่ทิ้ง ทนคบไปเพื่อจะพิสูจน์รักแท้โดยตั้งใจว่าไม่เกินปี 64 ผมจะไปแต่งเขา เอาสินสอดฟาดหน้าแม่ม 555
2.ผมคิดว่า การที่เขาหึงหวงเราหนักก็เพราะเขารักเรามาก ถ้าเลิกกับเขาไปจะเจอใครที่รักเราได้เท่านี้อีกมั้ย ...
...จนกระทั่ง เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เขามีโอกาสได้มาเที่ยวบ้านผมเป็นเวลา 2 อาทิตย์(ซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นผมที่ไปหาที่สมุทรปราการตลอด) ในช่วงปีใหม่นั้นผมมีงานร้องเพลงแทบจะตลอดทั้ง 2 อาทิตย์ เลยเอาเขาไปด้วยเลย ให้เขาไปเห็นเลยว่าเราทำงานแบบไหน เป็นยังไง รับได้มั้ย บางวันพอว่างเราก็ให้ความสุขกะเขาเต็มที่ พากินพาเที่ยวพาช็อป อยากให้เขาเห็นว่าเรารักเขาขนาดไหน (ทั้งๆที่ในใจตอนนั้นก็รู้สึกเบื่อหน่ายเต็มประดาแล้ว แต่ยังรักอยู่) คิดว่าหลังจากที่เขากลับไปสมุทรปราการแล้วเขาต้องคิดได้ เขาต้องเห็นความจริงใจของเรา และคาดหวังว่าเขาต้องเบางี่เง่ากับเราบ้างแน่ๆแต่ไม่เลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม 3 วันดี 4 วันบ้าคือเก่า แถมเริ่มมีคำหยาบๆคายๆเข้ามามากขึ้น ไม่ฟังเหตุฟังผลมากขึ้น พอถึงช่วงเดือนมีนา ผมบอกเลิกจริงๆตั้งใจจะเลิกจริงๆ แต่พอเห็นน้ำตาเขา ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ผมก็ใจอ่อน ให้อภัย และยังทนคบมาเรื่อยๆจนกลางเดือนเมษา ผมได้พบกับสาวแด๊นเซ่อร์คนนึง ก็เกิดปิ๊งปั๊งกัน ผมก็ขอเฟสไว้ แด๊นเซ่อร์คนนี้เธอเป็นรุ่นพี่ผม แก่กว่าผม 1 ปี พี่เขาสวยน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ น่านับถือ ความสามารถหลากหลาย ขยันทำงาน (ซึ่งเป็นอะไรที่ผมแพ้มากกก ผญ.สวยแถมเก่ง+ขยันเนี่ย 555) ก็เลยคุยๆกันไปได้สัก 1 อาทิตย์ ผมก็ตัดสินใจบอกแฟนว่า ผมเจอคนใหม่นะ ชอบมาก สเป็คเลย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะคบมั้ย แค่คุยกันเล่นๆ อยากให้โอกาสแฟนได้แก้ตัวเป็นครั้งสุดท้าย
กลับตัวเป็นคนที่ดีขึ้น แต่ก็อยู่ได้อีกไม่กี่วันครับ ผีบ้าก็เข้าสิงเหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจเลิกขาดครับ เขาอ้อนวอนยังไงผมก็ไม่ใจอ่อน สรุปคือเลิกกันจริง แล้วผมก็เริ่มรุกจีบพี่แด๊นเซอร์หนักขึ้นๆ พี่แกก็เหมือนมีใจ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย...
...จุดพีคมันอยู่นี่ครับ ไม่กี่วันหลังจากที่เลิกกับแฟน เขาได้โทรมาหาผม เขาบอกขอคุยด้วย แบบเพื่อนก็ได้ เขายังทำใจไม่ได้ที่จะอยู่โดยไม่ได้ยินเสียงผม ผมสงสารผมก็เลยให้คุย โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมจะคุยกะพี่แด๊นเซ่อร์คนนั้น ผมจะวางทันที เขาก็โอเค แล้วก็คุยกันหลายเรื่อง ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องไรบ้าง จนถึงบทสนทนานึงที่ผมคงจำไปจนตาย...
ผม : ถึงตัวจะไม่เป็นไปอย่างที่เค้าตั้งใจ แต่อย่างน้อยตัวก็ดีอย่างนึงนะ
เขา : ดีตรงไหน เค้างี่เง่าเอาแต่อารมย์ตัวเองอย่างงี้จนตัวทิ้งจนได้
ผม : อย่างน้อยๆตัวก็รักเค้าจริง ไม่เคยนอกใจไปมีคนอื่น ตามแจเค้าตลอด นี่แหละที่ทำให้เค้าทนตัวมาได้ถึง 2 ปีกว่า ยังไงก็... ขอบคุณนะ
เขา : (อึ้งไปแปบ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นๆว่า) ตัวคิดว่าเค้าเป็นคนดีขนาดนั้นจริงหรอ เค้าไม่ดีขนาดนั้นหรอก..
ผม : อื๊อ.. ก็ดีนี่ อย่างที่บอกแหละ ทำไม? หรือมีไรปิดบังล่ะ?
เขา : ถ้าเค้าบอกตัวแล้วจะเกลียดเค้ามั้ย จะยังคุยกันแบบนี้ได้รึป่าว
ผม : ได้ดิ ก็เลิกกันไปแล้วจะไปโกรธให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าเรื่องมันไม่ถึงกะว่าตัวแอบไปมีชู้ระหว่างที่คบเค้าอยู่ คงไม่โกรธหรอก
เขา : ...... ใช่ เค้าเคยแอบมีชู้ (พร้อมร้องไห้)
....จังหวะนั้นผมเหมือนโดนกระบองฟาดแรงๆที่หัวเลยครับ ช็อตไปเลย ใจสั่นรัว ตาลาย เหมือนคนจะเป็นลม แต่เก็บอาการไว้ แกล้งทำใจเย็น แล้วซักไซ้เรื่องราวต่อไป ปรากฏว่าได้ความอย่างนี้ครับ
... เมื่อช่วงมิถุนายนปีที่แล้ว เธอได้เข้าฝึกงานในโรงงานแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ไม่รู้จักใคร เข้าสังคมไม่เก่ง จึงทำให้เธอต้องโดดเดี่ยวในชีวิตการทำงาน (ในช่วงเดือนนั้นผมก็ไปหาเธอแค่ 2 ครั้ง) ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มใหญ่วัย 30 ปลายๆ ซึ่งเป็นคนงานในแผนกเดียวกันเข้ามาตีสนิท สอนงานต่างๆนาๆ จนกระทั่งไว้ใจกัน เขาชวนไปไหนก็ไป จนวันหนึ่งก็ไปลงเอยกันในม่านรูด ก่อนจะมีไรกัน เธอก็บอกกับชายคนนั้นว่า "หนูมีแฟนแล้วนะพี่" ผช.คนนั้นตอบเธอแค่ว่า "ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไม่ได้แต่งกันซักหน่อย อย่าให้แฟนรู้ดิ อยู่ไกลกันขนาดนี้เขาไม่รู้หรอก" แล้วก็เรียบร้อย... แล้วก็มีไรกันอยู่อย่างนั้นอีก 3-4 ครั้งก่อนที่เธอจะไม่ผ่านโปรแล้วถูกปลดออก เธอออกมาจากโรงงานนั้นแล้วเลิกติดต่อกะชายคนนั้น เพราะเธอสำนึกผิด+กลัวว่าวันหนึ่งผมจะจับได้ และที่สำคัญคือ การที่เธอหึงหวงผมหนักโดยไม่ฟังอะไรเลย ผญ.มาใกล้ผมนิดนึง(ตอนไปร้องเพลง)ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟเป็นเพราะว่า เธอกลัวว่าผมจะแอบเล่นชู้บ้างอย่างที่เธอเคยทำ เธอกลัวเวรกรรมตามทัน เลยระแวงผมเป็นบ้าเป็นหลัง พอผมฟังเรื่องราวจบ ผมร้องไห้แล้ววางสายทันที ผมเสียใจมากที่หลงไว้ใจเธอมาตลอด อุตส่าห์ภูมิใจว่าเขาไม่เคยนอกใจเรา รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนแบบนี้ เธอให้เหตุผลแค่ว่าเธอเหงา เธอเครียด รอผมไปหาไม่ไหว บวกกับความหูเบาเชื่อคนง่าย เธอคิดว่าคงไม่มีปัญหา คงปิดความลับนี้อยู่
สุดท้ายเธอก็มาหลุดปากสารภาพเอง ผมช็อคไปหลายวัน แถมไม่นานต่อมาพี่แด๊นเซ่อร์ที่ผมจีบอยู่ แฟนเก่าเขาก็มาขอคืนดี ผมหลีกทางให้ ผมก็ช้ำใจสองเด้งเลยสิทีนี้ บ้าบอมาก 555
ทุกวันนี้เขาก็พยายามกลับมา พยายามปรับปรุงตัว พยายามติดต่อพูดคุยกับผมอยู่ทุกวัน ซึ่งผมก็เลี่ยงๆ บางวันนึกจะใจดำก็ไม่คุยเลย บางวันนึกสงสารก็ให้คุย ซึ่งมันส่งผลกระทบกับจิตใจผมมากๆในการที่อยากจะเริ่มใหม่กับใครสักคน ผมจีบใครก็คุยได้แปบๆก็หายไป มีแต่แฟนเก่านี่แหละที่พยายามตามง้อตลอด จนปัจจุบัน ตอนนี้ผมก็ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง คุยๆกันอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกแล้ว เอาไว้เล่าในกระทู้หน้าดีกว่า พิมพ์จนมึนหัวไปหมดละ 5555 ไม่ทราบว่าเพื่อนๆรู้สึกยังไงกับนิทานของผมกันบ้างน้ออออ~ 😁😁 ขอคอมเม้นต์เยอะๆนะคร้าบบบ
ใครเคยเจอเรื่องราวความรักแบบนี้บ้าง...
...เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมคบกับแฟนมา 2 ปีกว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 60 ผมอยู่สระบุรีส่วนเขาอยู่สมุทรปราการ 2-3 เดือนเจอกันครั้งนึง ก่อนที่จะมาเลิกกันเมื่อราวๆพฤษภาคม 62 ที่ผ่านมา เรื่องราวที่ทำให้เลิกกันคือ 1 ปีแรกที่เราคบกัน แฟนผมเขาก็ค่อนข้างโอเคนะ นิสัยของเขาก็จะเปิ่นๆ โก๊ะๆ ไม่ประสีประสาเท่าไหร่ รักเราแคร์เราดี แต่ข้อเสียคือ เขาไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย (ทั้งๆที่อายุก็เท่าๆกับเราก็น่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่บ้าง) เราพูดอีกอย่าง เข้าใจอีกอย่าง ทำให้ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่บ่อยๆ หูเบาเชื่อคนง่าย หึงหวงไร้เหตุผล (ทั้งๆที่ผมนั้นซื่อสัตย์กับเขามาก) ด้วยความที่ผมทำงานเป็นนักร้อง + ขายของ ผมต้องเจอกับคนมากมาย(รวมถึง ผญ.ด้วย) แต่ผมหักห้ามใจตัวเองมาได้ตลอด เวลามีใครมาชอบมาจีบผม ก็นึกถึงเขาอยู่เสมอว่าถ้าเขารู้เขาต้องเสียใจแน่ๆ ผมจึงปฏิเสธหมด (ทั้งๆที่อยู่ไกลกันแถมทะเลาะกันบ่อย ถ้าเป็น ผช.ทั่วๆไปคงเลิกไปแล้ว) ข้อเสียของเขาผมรับได้หมดในปีแรกๆแบบไม่มีปัญหา เวลาเขางี่เง่าเราก็เคลียร์ พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น(รหัสเฟสนี่ให้ไว้เลย) ตกงานมาเราก็ให้เงินใช้
พยายามคุยกับเขาทุกครั้งที่เราว่าง และเป็นงี้มาตลอดจนกระทั่งเราคบกันมาได้ 1 ปี 6 เดือน ทุกข้อเสียของเขาแทนที่จะเบาลง ทุกอย่างกลับหนักขึ้น หึงเราหนักขึ้น หาเรื่องทะเลาะบ่อยขึ้น จนเราต้องตวาดหรือพูดแรงๆ ถึงจะยอมเรา ขอโทษเรา บางทีผมก็ใช้ไม้ตายว่าทำตัวแบบนี้ต่อไปจะเลิกนะ เห็นใจกันบ้าง นี่เหนื่อยกับงานยังต้องมาเหนื่อยกะเธออีกหรอ
เขาก็ขอโทษเรา ร้องไห้ สัญญากับเราว่าจะทำตัวดีขึ้น แต่สุดท้ายก็อีหรอบเดิม บางครั้งเรากลับมาจากร้องเพลงถึงบ้านเที่ยงคืน ต้องลุกอาบน้ำเพื่อไปร้องเพลงอีกงานนึงตอนตี 4 แต่ตี 1 ยังไม่ได้นอนเลยเพราะต้องมาคอยทะเลาะอธิบายนู่นนี่นั่นให้เขาเข้าใจ บางครั้งทนไม่ไหวตบะแตกผมก็บอกเลิก เขาก็ร้องไห้ ขอโทษเรา เราก็อภัยเหมือนเดิม...ทุกที เป็นอย่างงี้เรื่อยมาไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ผมเหนื่อยมากทั้งกายใจแต่ก็ไม่ทิ้งเขา สาเหตุว่าทำไมเป็นหนักขนาดนี้ผมยังทนน่ะหรอ คือ
1.ผมชิงสุกก่อนห่ามกับเขาไปแล้ว(หลายครั้ง) เขาเป็นผญ.เขาเสียหาย ผมต้องรับผิดชอบ ญาติพี่น้องฝ่ายเขาก็ดูถูกว่าผมรักเขาไม่จริง หลอกฟัน ผมเลยไม่ทิ้ง ทนคบไปเพื่อจะพิสูจน์รักแท้โดยตั้งใจว่าไม่เกินปี 64 ผมจะไปแต่งเขา เอาสินสอดฟาดหน้าแม่ม 555
2.ผมคิดว่า การที่เขาหึงหวงเราหนักก็เพราะเขารักเรามาก ถ้าเลิกกับเขาไปจะเจอใครที่รักเราได้เท่านี้อีกมั้ย ...
...จนกระทั่ง เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เขามีโอกาสได้มาเที่ยวบ้านผมเป็นเวลา 2 อาทิตย์(ซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นผมที่ไปหาที่สมุทรปราการตลอด) ในช่วงปีใหม่นั้นผมมีงานร้องเพลงแทบจะตลอดทั้ง 2 อาทิตย์ เลยเอาเขาไปด้วยเลย ให้เขาไปเห็นเลยว่าเราทำงานแบบไหน เป็นยังไง รับได้มั้ย บางวันพอว่างเราก็ให้ความสุขกะเขาเต็มที่ พากินพาเที่ยวพาช็อป อยากให้เขาเห็นว่าเรารักเขาขนาดไหน (ทั้งๆที่ในใจตอนนั้นก็รู้สึกเบื่อหน่ายเต็มประดาแล้ว แต่ยังรักอยู่) คิดว่าหลังจากที่เขากลับไปสมุทรปราการแล้วเขาต้องคิดได้ เขาต้องเห็นความจริงใจของเรา และคาดหวังว่าเขาต้องเบางี่เง่ากับเราบ้างแน่ๆแต่ไม่เลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม 3 วันดี 4 วันบ้าคือเก่า แถมเริ่มมีคำหยาบๆคายๆเข้ามามากขึ้น ไม่ฟังเหตุฟังผลมากขึ้น พอถึงช่วงเดือนมีนา ผมบอกเลิกจริงๆตั้งใจจะเลิกจริงๆ แต่พอเห็นน้ำตาเขา ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ผมก็ใจอ่อน ให้อภัย และยังทนคบมาเรื่อยๆจนกลางเดือนเมษา ผมได้พบกับสาวแด๊นเซ่อร์คนนึง ก็เกิดปิ๊งปั๊งกัน ผมก็ขอเฟสไว้ แด๊นเซ่อร์คนนี้เธอเป็นรุ่นพี่ผม แก่กว่าผม 1 ปี พี่เขาสวยน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ น่านับถือ ความสามารถหลากหลาย ขยันทำงาน (ซึ่งเป็นอะไรที่ผมแพ้มากกก ผญ.สวยแถมเก่ง+ขยันเนี่ย 555) ก็เลยคุยๆกันไปได้สัก 1 อาทิตย์ ผมก็ตัดสินใจบอกแฟนว่า ผมเจอคนใหม่นะ ชอบมาก สเป็คเลย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะคบมั้ย แค่คุยกันเล่นๆ อยากให้โอกาสแฟนได้แก้ตัวเป็นครั้งสุดท้าย
กลับตัวเป็นคนที่ดีขึ้น แต่ก็อยู่ได้อีกไม่กี่วันครับ ผีบ้าก็เข้าสิงเหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจเลิกขาดครับ เขาอ้อนวอนยังไงผมก็ไม่ใจอ่อน สรุปคือเลิกกันจริง แล้วผมก็เริ่มรุกจีบพี่แด๊นเซอร์หนักขึ้นๆ พี่แกก็เหมือนมีใจ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย...
...จุดพีคมันอยู่นี่ครับ ไม่กี่วันหลังจากที่เลิกกับแฟน เขาได้โทรมาหาผม เขาบอกขอคุยด้วย แบบเพื่อนก็ได้ เขายังทำใจไม่ได้ที่จะอยู่โดยไม่ได้ยินเสียงผม ผมสงสารผมก็เลยให้คุย โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมจะคุยกะพี่แด๊นเซ่อร์คนนั้น ผมจะวางทันที เขาก็โอเค แล้วก็คุยกันหลายเรื่อง ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องไรบ้าง จนถึงบทสนทนานึงที่ผมคงจำไปจนตาย...
ผม : ถึงตัวจะไม่เป็นไปอย่างที่เค้าตั้งใจ แต่อย่างน้อยตัวก็ดีอย่างนึงนะ
เขา : ดีตรงไหน เค้างี่เง่าเอาแต่อารมย์ตัวเองอย่างงี้จนตัวทิ้งจนได้
ผม : อย่างน้อยๆตัวก็รักเค้าจริง ไม่เคยนอกใจไปมีคนอื่น ตามแจเค้าตลอด นี่แหละที่ทำให้เค้าทนตัวมาได้ถึง 2 ปีกว่า ยังไงก็... ขอบคุณนะ
เขา : (อึ้งไปแปบ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นๆว่า) ตัวคิดว่าเค้าเป็นคนดีขนาดนั้นจริงหรอ เค้าไม่ดีขนาดนั้นหรอก..
ผม : อื๊อ.. ก็ดีนี่ อย่างที่บอกแหละ ทำไม? หรือมีไรปิดบังล่ะ?
เขา : ถ้าเค้าบอกตัวแล้วจะเกลียดเค้ามั้ย จะยังคุยกันแบบนี้ได้รึป่าว
ผม : ได้ดิ ก็เลิกกันไปแล้วจะไปโกรธให้มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าเรื่องมันไม่ถึงกะว่าตัวแอบไปมีชู้ระหว่างที่คบเค้าอยู่ คงไม่โกรธหรอก
เขา : ...... ใช่ เค้าเคยแอบมีชู้ (พร้อมร้องไห้)
....จังหวะนั้นผมเหมือนโดนกระบองฟาดแรงๆที่หัวเลยครับ ช็อตไปเลย ใจสั่นรัว ตาลาย เหมือนคนจะเป็นลม แต่เก็บอาการไว้ แกล้งทำใจเย็น แล้วซักไซ้เรื่องราวต่อไป ปรากฏว่าได้ความอย่างนี้ครับ
... เมื่อช่วงมิถุนายนปีที่แล้ว เธอได้เข้าฝึกงานในโรงงานแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ไม่รู้จักใคร เข้าสังคมไม่เก่ง จึงทำให้เธอต้องโดดเดี่ยวในชีวิตการทำงาน (ในช่วงเดือนนั้นผมก็ไปหาเธอแค่ 2 ครั้ง) ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มใหญ่วัย 30 ปลายๆ ซึ่งเป็นคนงานในแผนกเดียวกันเข้ามาตีสนิท สอนงานต่างๆนาๆ จนกระทั่งไว้ใจกัน เขาชวนไปไหนก็ไป จนวันหนึ่งก็ไปลงเอยกันในม่านรูด ก่อนจะมีไรกัน เธอก็บอกกับชายคนนั้นว่า "หนูมีแฟนแล้วนะพี่" ผช.คนนั้นตอบเธอแค่ว่า "ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไม่ได้แต่งกันซักหน่อย อย่าให้แฟนรู้ดิ อยู่ไกลกันขนาดนี้เขาไม่รู้หรอก" แล้วก็เรียบร้อย... แล้วก็มีไรกันอยู่อย่างนั้นอีก 3-4 ครั้งก่อนที่เธอจะไม่ผ่านโปรแล้วถูกปลดออก เธอออกมาจากโรงงานนั้นแล้วเลิกติดต่อกะชายคนนั้น เพราะเธอสำนึกผิด+กลัวว่าวันหนึ่งผมจะจับได้ และที่สำคัญคือ การที่เธอหึงหวงผมหนักโดยไม่ฟังอะไรเลย ผญ.มาใกล้ผมนิดนึง(ตอนไปร้องเพลง)ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟเป็นเพราะว่า เธอกลัวว่าผมจะแอบเล่นชู้บ้างอย่างที่เธอเคยทำ เธอกลัวเวรกรรมตามทัน เลยระแวงผมเป็นบ้าเป็นหลัง พอผมฟังเรื่องราวจบ ผมร้องไห้แล้ววางสายทันที ผมเสียใจมากที่หลงไว้ใจเธอมาตลอด อุตส่าห์ภูมิใจว่าเขาไม่เคยนอกใจเรา รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนแบบนี้ เธอให้เหตุผลแค่ว่าเธอเหงา เธอเครียด รอผมไปหาไม่ไหว บวกกับความหูเบาเชื่อคนง่าย เธอคิดว่าคงไม่มีปัญหา คงปิดความลับนี้อยู่
สุดท้ายเธอก็มาหลุดปากสารภาพเอง ผมช็อคไปหลายวัน แถมไม่นานต่อมาพี่แด๊นเซ่อร์ที่ผมจีบอยู่ แฟนเก่าเขาก็มาขอคืนดี ผมหลีกทางให้ ผมก็ช้ำใจสองเด้งเลยสิทีนี้ บ้าบอมาก 555
ทุกวันนี้เขาก็พยายามกลับมา พยายามปรับปรุงตัว พยายามติดต่อพูดคุยกับผมอยู่ทุกวัน ซึ่งผมก็เลี่ยงๆ บางวันนึกจะใจดำก็ไม่คุยเลย บางวันนึกสงสารก็ให้คุย ซึ่งมันส่งผลกระทบกับจิตใจผมมากๆในการที่อยากจะเริ่มใหม่กับใครสักคน ผมจีบใครก็คุยได้แปบๆก็หายไป มีแต่แฟนเก่านี่แหละที่พยายามตามง้อตลอด จนปัจจุบัน ตอนนี้ผมก็ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง คุยๆกันอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกแล้ว เอาไว้เล่าในกระทู้หน้าดีกว่า พิมพ์จนมึนหัวไปหมดละ 5555 ไม่ทราบว่าเพื่อนๆรู้สึกยังไงกับนิทานของผมกันบ้างน้ออออ~ 😁😁 ขอคอมเม้นต์เยอะๆนะคร้าบบบ