ช่วงขาลงของชีวิต ทุกคนใช้ชีวิตยังไงคะ

ตอนนี้เหนื่อยและท้อมากค่ะ ลาออกจากงานที่เก่าไปสมัครงานใหม่ ที่ใหม่รับก่อนจะไปเริ่มงาน 3 วัน ที่ใหม่โทรมาแคนเซิล เดินหางานใหม่อีกรอบ เห้อ มาตกงานตอนอายุเยอะ เงินเก็บที่มีก็ร่อยหลอ พ่อก็ป่วย จะผ่านชีวิตเน่าหนอนนี้ได้ยังไงคะ  ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 55
ขาลงแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันมาตามช่วงเวลาใครเวลามันทุกคนต้องเจอครับ แต่มีความเหมือนกันของขาลงทุกคนคือ

- เราอยากให้มันสุด แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าดวงเรามันจะสุดเมื่อไหร่ จะโดนจัดหนักแค่ไหน
- บางทีตกมาเยอะแล้วเหมือนจะสุดแต่ยังไปต่อ เหมือนๆจะสุดแต่ยังมีอีก คล้ายคนท้องร่วงประมาณนั้น เราจะสโลสเล ไร้เรี่ยวแรง ต้องการเกลือแร่ การนอนพักช่วยได้ เพราะร่างกายเราล้ามาก
- เราจะรู้ว่ามันสุดแน่ๆ เมื่อเราเลิกสนใจมัน ชีวิตก็มีขึ้นก็มีลง จะหนักหนาตามภูมิต้านทานชีวิต บุญกรรมที่มี กรรมดีที่ทำไม่เท่ากับกรรมเก่าที่ก่อ อย่าเอาบุญที่เพิ่งทำ ไปจ่ายให้กรรมเก่าที่มาถึง มันต่างกรรมต่างวาระ (ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ซื้อบุญกันหมด)
- ยามเพิ่งผ่านขาลงเราจะเข้มแข็ง เราจะแข็งแรงขึ้นและมีภูมิต้านทานขาลงในระดับนึง
- จงอย่าประมาท พึงระลึกว่า สักวันเราอาจจะเจอขาลงบทใหม่ที่ต่างและหนักไปกว่าเดิม

หัวข้อกระทู้คุณ ขาลงตอนนี้คุณเจอ 2 แกนที่กำลังจะหักพร้อมกันครับ

จากประสบการณ์ตัวเอง แกนที่มีพลังและส่งผลกับชีวิต น่าจะมี 5 แกน มั้งครับ

แกน 1. ครอบครัว : แกนนี้กระทบชีวิตส่วนใหญ่จะ 40 up เพราะพ่อแม่เริ่มแก่ เริ่มเจ็บป่วยต้องดูแลรักษา ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่า การดูแลท่านได้เพียงแค่กำลังของเรา  ยิ่งเวลาของท่านใกล้หมดลงชีวิตจะเหมือนแสงไฟในชีวิตที่ค่อยๆดับลง ดังนั้นจงทำหน้าที่ลูกดูแลท่านให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนคือแค่นั้น (เพราะทุกชีวิตเป็นแบบนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใช้ชีวิตอย่าให้มีอะไรค้างคาใจ )

แกน 2. คนรักคู่ครอง : แกนนี้จะมาตั้งแต่วันที่เรารู้จักความรัก การเปิดใจ มอบใจและยามที่เริ่มฝากชีวิตลงหลักปักฐานกับใครสักคน แต่เมื่อคุณโดดเดี่ยว อกหัก รักคุด รึยามลำบากต้องการใครสักคนแต่เขายิ่งทิ้งคุณไปตอนคุณลำบาก ร่วมสุขไม่ร่วมทุกข์ก็แย่แล้ว บางคนมีซ้ำเติมอันนี้น่าจะเจ็บปวดสุด

แกน 3. เพื่อนฝูง สังคม : มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ชีวิตทุกคนมีทั้งมิตรแท้และมิตรที่ปอกลอก (มิตรที่ปอกลอกหน้าตาคล้ายมิตรแท้มาก) ยามลำบาก มิตรที่ปอกลอกจะหนี เผลอๆมีเอาเรานินทา แต่คำว่ามิตรแท้ เท่านั้นจึงจะปรากฏ อย่างน้อยเราก็ได้เห็นหน้าตามิตรแท้ แต่....มิตรแท้ก็มีระดับที่รับฟังและช่วยเหลือเท่าที่ได้ อย่าไปคาดหวังอะไรจากเขามาก เพราะสิ่งทีเกิดเป็นทุกข์ของเรา กรรมของเรา เราจะเจ็บมากหากเราให้ราคากับความรู้สึก และไปความคาดหวังมากเกินกว่าที่เพื่อนจะรับไหว

แกน 4. รายได้และหน้าที่การงาน : มีงานก็มีเงิน แต่โลกหมุนไป งานเปลี่ยนไป อาชีพที่เคยมีกลับไม่มี หลายอาชีพทำมาทั้งชีวิต กำลังกลายเป็นสิ่งที่โลกไม่ต้องการ (ยุค Disruption บางอาชีพกำลังเรียนอยู่แต่จบมาเตรียมตกงานอันนี้หนักกว่า)  ปรับตัวให้ทันและหาทางแต่ละคนให้เจอ เริ่มจากสิ่งที่เราทำได้ดี แต่ก็อย่าปิดกั้นสิ่งเราไม่เคยทำ ใช่ว่าทำไม่ได้แค่มันต้องพยายามมากกกกกกกขึ้น  

มองในแง่ดี
- หลายๆ อาชีพเพิ่งเริ่มมี แปลว่าทุกคนเริ่มจาก 0  ทุกคนก็มีเวลาเท่ากัน
- ความพยายามไม่ได้แปลว่าความสำเร็จ (คำว่า " ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น " คำนี้อันตรายหากใน พ.ศ.นี้ ) สำเร็จก็ดีไปแต่ถ้าไม่ จงพยายามใหม่อย่างมีสติ ตรึกตรองและใช้ปัญญา ซึ่งปัญญามักจะมาตอน เรามีสติและไม่ดราม่า ถ้าอยากดราม่าจงรีบ

แกนที่ 5. ตัวเอง : ความภาคภูมิใจ ความเข้มแข็ง ทัศนคติ แกนนี้ เกิดจากประสบการณ์ชีวิตสั่งสมเป็นแกนสุดท้ายที่รั้งชีวิตเรา ยามที่ทั้ง 4 แกน พังทลายและไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว ต้องระวังเพราะหากแกนนี้หักรึพังลง (คนเราจะไม่เหลืออะไรและคิดสั้น ฆ่าตัวตายเอาง่ายๆ เพราะเคยเกือบจะทำมาแล้วเช่นกัน ) ซึ่งความจริงแล้ว การคิดสั้นก็เป็นเส้นบางๆ ที่แก้ปัญหาได้ถ้าใช้ให้ถูกคือ........

สาเหตุ ...ที่เราทุกข์เพราะทุกแกนสำคัญมันทยอยพังลง
เราทุกข์เพราะเราไม่รู้ว่าเจอกับอะไร.... เรามองไม่เห็นอนาคต...เรามองไม่เห็นความหวัง (สิ้นหวังของสิ้นหวังก็มี) เหลือแต่ความฝันแทบจะลมๆ แล้งๆ ร่างกายไม่เหลือเรี่ยวแรง ขับเคลื่อนได้แต่พลังวิญญาณ

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำและสามารถแปลงให้เป็นพลัง + ได้ คือ "การคิดสั้น....อย่าคิดยาว" หมายถึง เวลาทำอะไรลองคาดหวังเพียงสั้นๆ เอาช่วงเวลาสั้นๆ เปลี่ยนเป็นพลังด้าน + ทีละน้อย ให้ตัวตนเราคงอยู่ได้ และเราจะค่อยๆ ผ่านมันไป เช่น

1. มองหาเรื่องดีๆ 1 เรื่องในแต่ละวันเป็นพลังด้าน + ครับ ถ้าไม่มีด้าน + เอาแค่แต่ละวันไม่ไม่มีด้าน - ก็พอแล้ว

2. ถ้าแต่ละวันของขาลง มีแต่ด้าน - เราเอาแค่ผ่านไปได้อีกวันก็พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ด้าน - วันนี้ซัดเราได้แค่นี้เองเห็นไหม

3. ถ้าแต่ละวันมันยังผ่านไปยากเหลือเกิน เราเอาแค่ว่า ตอนนี้เห็นไหม เรายังหายใจได้นิ ก็ยังไม่ตายนิ ยังมีมือ มีเท้า ครบ 32 มีความรู้ มีการศึกษาแค่ยังแก้ปัญหาไม่ได้วันนี้เท่านั้นเอง แต่แก้ได้วันไหนไม่รู้ เราแก้มันทุกวันต้องมีสักวันที่ได้ อย่างน้อยที่ผ่านมาก็ได้รู้ว่าทั้งหมดที่ลองแบบนั้นมันไม่ได้

4 .แก้มาหลายวันยังไม่ดีขึ้นเลย จงมองว่าที่ผ่านมาก็ผ่านมาได้อีกตั้งหลายวัน

5. หันไปมองคนที่ชีวิตทั้งชีวิตติดลบกว่าเรา ต้นทุนชีวิตแย่กว่าเราแต่เขายังยิ้มได้ ซึ่งมีมากมายมหาศาล

สุดท้าย อย่างน้อยคนที่มาพิมพ์ข้อความนี้ ก็เคยเกิดเหตุการณ์ล้มพร้อมกันมา 5 แกนแล้ว ก็ยังอยู่รอดมาได้

หวังว่าคุณจะผ่านมันไปได้
ขอให้โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ความคิดเห็นที่ 32
ตอนนี้เสียทุกอย่างค่ะ จากมีรายได้เดือนละหลักแสน มีบ้านในกทม.ให้เช่าหลายที่
มีที่ดิน มีเงิน มีทองเก็บสะสม หลายปีมานี่ฝ่าฟันสารพัดอุปสรรค ตอนที่มีม๊อบ
ดันของเข้าเชนไม่ได้ ที่ส่งเข้าไปได้ลอตก่อน ห้างไม่วาง เพราะคนไม่เข้าห้าง
คนบางตา ม๊อบสารพัดทั้งเดินขบวน มันยืดเยื้อเรื้อรังๆ ติดๆ ดับอยู่เป็ฯปีๆ
ของที่ส่งได้ แต่ไม่ได้วาง กับของที่รอส่ง เสียหาย สะเทือนมาถึงการผลิตลอตต่อๆ ไป
เงินทุน เงินอะไรละลายหายไปกับสายลม ต่อมาน้ำท่วม กระดาษของซับที่จ้างเราผลิต
จมน้ำเป็นตันๆ เสียหาย เงินเก็บทรัพย์สินเราทั้งชีวิต ละลายหายไปกับทุกสิ่ง

ต่อมาระบบออนไลน์ที่เคยขายได้ กลายเป็นแข่งขันสูงมาก เงินงบแอดคุมไม่อยู่
รายได้แทบไม่เข้า มีแต่เงินออกๆๆๆๆ เราก็อายุเยอะแล้วค่ะ เรียนจบปริญญาโทสาขาขาดแคลน
โปรไฟล์การทำงานเราระดับเกรดเอๆๆๆๆๆ แต่อายุเยอะ พยายายามหางานทำ
เรียกสัมภาษณ์เยอะมาก แต่อายุเกินมาตรฐานงานบุคคล เราขายทรัพย์สิน
ใช้หนี้สินจนเกือบหมด บ้านหลังสุดท้ายเป็นคอนโดเล็กๆ ราคาไม่ถึงล้าน ตั้งใจ
จะเก็บไว้ซุกหัวนอน ยังไม่มีปัญญาเก็บเลยค่ะ สุดท้ายขายกินอีก
ตอนนี้ลงทุนอะไร ขายอะไรมีแต่ทุนหายกำไรหด เราเองดีตรงไม่มีลูก
ไม่มีครอบครัว แต่ที่หนักก็มีพ่อแม่ที่ป่วยทั้งคู่ ต้องหาหมอต้องมีค่ายาค่าไรสารพัด
แถมธุรกิจที่บ้าน งานกงสี ที่เราไม่เคยยุ่ง ก็สร้างปัญหาให้เรากลับไปสะสางอีก
เรพาะคนในบ้านป่วยกันหมด ชีวิตหันไปทางไหนก็ไร้แสงสว่าง มันสิ้นหวัง
แต่เราไม่คิดอยากตายนะ เราคิดว่าจะก้มหน้าใช้กรรมให้จบในชาตินี้แหละ

สุดท้ายสัจจุธรรมของชีวิตมันสอนว่า เกิดจากดิน โตจากดิน คืนสู่เถ้าธุลีเหมือนกันหมด
ทรัพย์สินเงินทองใดที่เราหามา สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ของเรา มันจะมาแล้วไป ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน
เชื่อมั้ยว่า เราออกจากบ้านมา ด้วยกระเป๋าเป้ใบเดียว เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แบกเป้ออกมาจากบ้าน
มาเรียนกรุงเทพ เริ่มจากไม่มีอะไรเลย จนมีทุกอย่าง มีกจิการของตัวเอง มีชื่อเสียง
มีคนนับหน้าถือตา คุณเชื่อมั้ยว่า วันที่เราขายทุกอย่างใช้หนี้ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด
เราก็มีเพียงเป้หนึ่งใบ เหมือนตอนที่เราเข้ามา กทม.ให้ทุกสิ่ง และเอาทุกสิ่งกลับคืนไปหมด
สิ่งเดียวที่ได้เกินมานึดนึงคือ ได้แมวแก่อายุ 16 ปีกลับบ้านไปอีกหนึ่งตัว
มันเป็นฟีลเหมือนหอบลูกกลับบ้านตัวเปล่า โดนไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร
เราก็คิดขำๆ ไป แต่จริงๆ แล้วเจ็บปวดมาก ถามว่าผ่านมาได้อย่างไร
สัจจะธรรมและความจริงของพระพุทธเจ้าค่ะ สิ่งใดๆ ล้วนไม่ใช่ของเรา
ยามจนก็อยู่ไปอย่างจน ตอนพ่อแม่ป่วย ไม่มีเงินติดบ้าน ก็ปลงรักษาไปตามที่มีค่ะ
ใช้สามสิบบาทรักษาไป ยอมรับชะตากรรมในทุกสิ่ง เริ่มต้นใหม่แบบไม่คิดมาก
เพราะเราก็แก่แล้ว เรี่ยวแรง กำลัง ต้นทุน มันลุกขึ้นไปสู้เต็มที่แบบสมัยหนุ่มสาวไม่ไหวแล้ว
สำหรับเรา อยู่กับสิ่งที่มี ยอมรับในความจริงที่เป็นค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
จขกท.อายุเท่าไหร่คะ  ตอนเราตกงาน อายุ43  เนื่องจากบริษัทปิดตัว
ได้เงินมา 10 เดือน +กองทุนเลี้ยงชีพอีกนิด
    ช่วงหางาน ก็เอาโต๊ะไปตั้งปากซอย ปิ้งขนมปังทาเนยขาย ช่วงเช้าๆ มีรายได้
วันละประมาณ 200-300 บาท  สายๆเข้าบ้านนั่งคอมหางาน  ส่งเมลไปทุกที
ถูกเรียกสัมภาษณ์หลายที่  ไม่รับ เพราะ ฐานเงินเดือนที่เก่าสูง  อายุเยอะ
แต่ก็ไม่ยอมแพ้  จนได้งานทำ เงินเดือนอาจไม่สูงเท่าที่เดิม แต่ก็อยู่ได้
คงอยู่จนเกษียณอายุ  กว่าจะได้งานก็ เกือบปีค่ะ  ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง
อย่ายอมแพ้นะคะ  เดี๋ยวมันก็มีเรื่องดีๆผ่านเข้ามา
ความคิดเห็นที่ 38
ขอระบายเป็นเพื่อนครับ ผมอายุมากกว่า จขกท.นิดหน่อย เคยทำงานบ.ค้าปลีกแห่งนึง  เงินเดือนพอเลี้ยงดูครอบครัวได้  ผลงานดี เจ้านายรัก ส่งเสริมให้ได้ไปสอบเลื่อนตำแหน่งก็สอบผ่านอีก  ฟังดูเหมือนจะดี  แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจ มีอีก บ.หนึ่งเสนองานใหม่ให้ เงินเดือนพอๆกันกับตำแหน่งใหม่ที่ได้เลื่อนที่บ.เดิม  แต่เพิ่มเติมคือได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์-นักขัติฤกษ์ แถทได้ไปประจำที่จังหวัดบ้านตัวเองอีก  สุดท้ายตัดสินใจย้ายบริษัท ทั้งๆที่รักงานที่เก่ามาก  แต่อยากมีเวลาให้ครอบครัวเพิ่ม   พอย้ายมาที่ใหม่ก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ เพราะอยากอยู่ประจำที่นี่ไปตลอด  ผลคือทำให้จังหวัดที่ดูแลเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นพลิกมาได้กำไร  KPI ก็ดีกว่าคนในตำแหน่งเดียวกันในฟอร์แมต  เจ้านายที่ใหม่ก็รัก  ครอบครัวก็อยู่พร้อมหน้า กินข้าวด้วยกันทุกวัน มีความสุขมากๆๆๆ  เป็นสองปีที่ผม Happy ที่สุด

แต่.....  วันนึงเจ้านายก็บอกว่า Format เราต้องปิด เพราะมันมีกำไรอยู่แค่ จว.เดียว(ที่เราอยู่) เพื่อนๆที่ดูแลจว.อื่น ค่อยๆทยอยโดนเรียกไปคุยทีละคน  และรับแพ็คเกจจ้างออก จนถึงวันที่ตัวเองโดนเรียกไปคุย  เจ้านายก็บอกว่า บ.จะไม่จ้างเราออก เพราะเสียดายศักยภาพ ไม่อยากจะให้ไปอยู่กับที่อื่น  แต่เจ้านายจะช่วยให้เราโยกไปทำงานที่ Format อื่นแทน ซึ่งตำแหน่งใหม่นี้ ต้องย้ายไปอยู่จว.ที่ไกลจากบ้านมากๆ  เมื่อมาอยู่กับเจ้านายใหม่  งานที่ทำก็เป็นแบบใหม่ ไม่ใช่งานที่ถนัด ซ้ำร้าย เคมีไม่เข้ากันกับเจ้านายใหม่อีก  ทั้งกดดัน ทั้งเหนื่อย  หนักที่สุดคือคิดถึงบ้าน   คุยไลน์กับครอบครัว  ลูกก็ถามทุกครั้งว่าเมื่อไหร่จะกลับบ้าน  ไม่มีคนช่วยสอนการบ้าน  ไม่มีคนอ่านนิทานให้ฟัง(คุณแม่เขาอยู่ แต่ก็ดูแลได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนอยู่ด้วยกัน) แถมวันหยุดก็ไม่ตรงเสาร์-อาทิตย์ จะกลับบ้านทีก็ลำบาก  กับเจ้านายใหม่นับวันก็ผิดใจกันขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จิตตก จากคนที่ตื่นเช้าออกไปทำงานแบบมีความสุขทุกวัน กลายเป็นไม่อยากออกไปทำงาน  จากคนที่มีความมั่นใจเต็มที่ ว่าเราทำงานได้ดี เป็นเบอร์หนึ่งเสมอ  เริ่มกลายเป็นซังกะตาย อยากให้งานจบไปวันๆนึง  ลองไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่มา 3-4 ที่ก็ไม่มีที่ไหนกล้าสู้ค่าตัว  เพราะเขาจ้างคนหนุ่มสาวมาทำในค่าตัวที่ถูกกว่าเรามากๆ  จะรับเงินเดือนน้อยลงก็ไม่ไหว  เพราะสร้างหนี้ไว้เยอะ ทั้งหนี้บ้าน หนี้คอนโดอีก 5 ห้อง(ซึ่งคนก็เช่าไม่เต็มด้วยTT) ตอนนี้ก็อดทนทำงานที่เดิมไป ทั้งๆที่บรรยากาศในที่ทำงานมันไม่โอเคเลย  ทุกวันนี้เจ้านายใหม่ก็ไม่คุยด้วยแล้ว เสนออะไรไปก็ไม่เซ็นอนุมัติให้ เชิงจะบีบให้เราออก  เลิกงานกลับห้องก็ไม่มีใคร  แต่ก็ไม่เคยระบายให้ครอบครัวฟัง กลัวพวกเขาไม่สบายใจ

ต้องขอโทษที่ไม่ได้ช่วยอะไร จขกท.เลย แต่จะบอกว่าผมจะสู้ต่อครับ ทุกวันนี้ก็พยายามหางานใหม่ที่มันใกล้บ้านขึ้นให้ได้  ถ้ารายได้มันขาดจากที่ต้องการไม่มากก็จะหารายได้เสริมวันหยุดเพิ่ม  จอให้ จขกท.ได้งานเร็วๆ และได้งานที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข  ผมเองก็พยายามจะออกจากช่วงขาลงของตัวเองให้เร็วที่สุดเหมือนกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่