[SR] รีวิว SONY WF-1000XM3 หูฟัง True wireless พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน !


หูฟังตัดเสียง Sony นั้นถือว่าทำออกมาได้ดีเรื่อยๆครับและอีกจุดเด่นของค่ายนี้คือเรื่องระบบตัดเสียงที่ทำได้ดีมากๆและในครั้งนี้มันมาอยู่ใน True Wireless ที่ทำได้ดีมากๆในเรื่องของตัดเสียงรบกวนภายนอกนั้นทำได้ดีเลยแหละ หูฟังรุ่นนี้คือตัว WF-1000XM3 เป็นตระกูลไร้สายที่ต่อยอดจาก WF-1000X ก่อนหน้าที่เราก็เคยรีวิวกันไปแน่นอนว่าได้ข้ามรุ่น 2 ไปเลยครับ โดยในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาอะไรหลายๆอย่างเยอะมากทั้งคุณภาพเสียง การตัดเสียง แบต ดีไซน์และการสวมใส่ที่สบายขึ้นและทำได้ดีขึ้นเยอะ รวมถึงการยัดเทคโนโลยีอะไรหลายๆอย่างเข้ามาได้เยอะขึ้นครับ


Sony WF-1000XM3 นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างที่เปิดตัวใส่เข้ามา ทั้งเรื่องของ Adaptive Sound Control ที่จะปรับตามสภาพแวดล้อมในการตัดเสียง ดีไซน์เพรียวบางขึ้น และ แบตเตอรี่ ที่อายุการใช้งานมากขึ้นและรองรับการใช้งานทั้งวันได้สบายๆ 24 ชั่วโมงผ่านเคสชาร์จไฟ 1.5 ชั่วโมงสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่เปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้นานถึง 8 ชั่วโมง แต่ถ้าเปิด ได้ 6 ชั่วโมง และใช้งาน Bluetooth 5.0 และมีน้ำหนักข้างละ 9 กรัม และใช้งาน ไดร์เวอร์ ข้างละ 6มม. พร้อมกับ ชิพ QNe1 ทำงานร่วมกับ ตัวระบบ DSEE-HX



ในด้านราคา SONY WF-1000XM3 นั้นเปิดตัวในประเทศไทยแล้วด้วย ราคา 8,990 บาท มาพร้อม สีดำ และ สีเงินออกครีมๆ ครับ หาซื้อกันได้แล้วตามร้าน SONY และตัวแทนจำหน่ายทั่วไปครับผม



UNBOX

- 1x มีหูฟัง Sony WF-1000XM3
- 1x กล่องเก็บหูฟังพร้อมชาร์จแบบตเตอรี่ไปด้วยในตัว
- 1x คู่มือการใช้งาน
- 7x จุกยางหลากหลายไซส์ พร้อม จุกแบบโฟม
- 1x สายชาร์จ USB-C



DESIGN

ในด้านการออกแบบภาพรวมของทั้งตัวกล่องและหูฟัง มาในส่วนของดีไซน์หูฟังไร้สายรุ่นนี้กันบ้าง Sony WF-1000XM3 เป็นหูฟังดีไซน์สวยหรู พรีเมียมสุดๆ พร้อมได้รับการออกแบบ Tri-hold ตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้การสวมใส่มีความสบาย กระชับในทุกๆสรีรศาสตร์ของแต่ละคน อีกทั้งจุกอุดหูผลิตด้วยยางนิ่มอย่างดีช่วยลดแรงเสียดทานสูง แนบสนิทพอดีกับหูของคุณทำให้ไม่ลื่นหลุดง่าย แถมน้ำหนักก็เบาสุดๆเพียงข้างละ 8.5 กรัมเท่านั้นวัสดุโดยรวมทำออกมาได้ดีดูสวยเนียนตาใช้โทนสีเข้ากันแต่เรื่องของการรักษาอาจจะต้องดูแลกันนิดนึงสำหรับตัวเคสเพราะมันไม่สามารถวางตั้งได้และตัวสีโทนอ่อนนั้นอาจจะเลอะได้ง่ายครับรวมถึงเวลาวางก็อาจจะทำให้มีรอยได้ง่าย



ทรงของหูฟังด้านหน้าที่เวลาใส่แล้วคนทั่วไปจะเห็นนั้นออกแบบมาได้สวยกว่าเดิมเยอะมากๆครับเป็นทรงที่สมมาตรและคล้ายกัยตัวเคสค่อนข้างไปในแนวทางเดียวกันและใส่ได้สบาย วัสดุสีโทนเดียวกันเป็นแบบด้านทั้งหมด จะมีเขียนแบรนด์และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงที่มีสีทองล้อมรอบกลมๆเล็กๆนั้นเอง และส่วนที่วงกลมใหญ่ๆวัสดุแบบเงานั้นจะเป็นส่วนที่เราใช้แตะสัมผัสเวลาสั่งงานต่างๆการใช้วัสดุแตกต่างกันทำให้เวลาใช้งานแตะได้ถูกโดยไม่ต้องไปหาที่สัมผัสเวลใช้งานหรือหาจุดสั่งงานให้ยุ่งยากครับ และในด้านในนั้นจะเห็นแถบเซนเซอร์สีดำขนาดใหญ่ที่จะคอยจับเวลาเราใส่หรือถอดมันจะหยุดเพลงให้เองครับ และ ตัวแถบทองแดง 3 จุดนั้นจะเป็นที่สำหรับชาร์จไฟเข้าเวลาใส่เคสนั้นเองส่วนตัวจุกนั้นจะทำมุมที่ค่อนข้างเอียงขึ้นไปเล็กน้อยเวลาใส่ใช้งานนั้นจะทำให้ล็อคเข้าพอดีกับรูหูและส่งเสียงได้เต็มที่



ในเรื่องของดีไซน์ในส่วนด้านหน้าและด้านหลังกันบ้าง เมื่อมองจากด้านหน้าฝั่งนี้จะเห็นว่าตัวท่อเสียงนั้นจะทำมุมเข้าไปทำให้เวลาเสียบใส่ใช้งานนั้นเสียงจะเข้าไปในรูหูพอดีรวมถึงเกาะได้แน่นครับและมีการรองรับกับรูปทรงของใบหูตามการออกแบบที่ทางแบรนด์ได้คิดขึ้นมาทำให้เข้าล็อคกับใบหูและไม่หล่นง่ายๆ ส่วนด้านท้ายนั้นจะเป็นบอกรุ่นต่างๆรายละเอียดเลขรวมถึงบอกข้างซ้ายข้างขวาของตัวหูฟังครับว่าใส่อยู่ข้างไหนและบอกได้ชัดเจนเลยทีเดียวครับ


ตัวจุกสามารถเปลี่ยนได้ตามที่ให้มาหรือใช้งานจุกเสริมแบบพวกแบรนด์ spinfit รุ่น CP100, CP145 และ CP360 และข้อดีคือมันสามารถใส่กลับลงไปในเคสได้ด้วยครับอันนี้ถือว่าดีงามเลยเพราะบางตัวเมื่อใช้จุกต่างยี่ห้อจะไม่สามารถใส่เก็บเข้าไปได้นั้นเอง ส่วนเรื่องท่อเสียงต่างๆก็ลึกและเข้าทรงได้พอดีครับและมีการออกแบบที่ค่อนข้างดี และตัวจุกก็รองรับได้ดีล็อคได้แน่นถอดยากพอสมควรครับเวลาเปลี่ยนก็ต้องให้มันเข้าล็อคของมันก็จะแน่นๆเลย



ตัวเคสของหูฟังนั้นออกแบบมาดูสวยงาม ด้านหน้าเป็นสีทองวัสดุเงาๆ คล้ายการใช้อลูมิเนียมครับและมาในทรงโค้งๆสวยงาม รวมๆดีไซน์โค้งมนไปทั้งหมด แต่ที่ไม่ค่อยชอบคือมันตั้งไม่ได้ครับทำให้ต้องวางนอนหรือวางคว่ำตลอด และมันทำให้เลอะได้ง่ายมากๆรวมถึง โลโก้จะลอกได้ง่ายมากๆถ้าเราวางคว่ำไว้อันนี้คือว่าออกแบบมาไม่ดีเท่าไร จริงๆอยากให้มันวางได้แบบรุ่นที่แล้วก็ยังดีกว่าครับ อันนี้ถือพกพาได้ง่ายแต่วางตั้งไม่ได้เลยครับและวัสดุตัวเคสนั้นเป็นแบบด้านอาจจะทำให้ยิ่งรักษาได้ยากขึ้นไปอีกครับในโทนสีครีมแบบนี้ ส่วนช่องชาร์จนั้นจะซ่อนอยู่ด้านหลังครับเป็นแบบ USB-C และสามารถใช้สายทั่วไปเสียบได้เลย และไม่รองรับชาร์จไร้สายนะครับในเคสตัวนี้



การชาร์จไฟสำหรับตัวหูฟังนั้นก็ง่ายๆครับเมื่อเราใช้งานเสร็จก็สามารถเสียบกลับเข้าไปได้เลยโดยตัวเคสมันจะมีแม่เหล็กดูดค่อนข้างแรงและแม่นมากๆคือใส่สลับข้างกันไม่ได้แน่ๆและเข้าล็อคพอดีครับ เมื่อเราใส่กลับเข้าไปและไฟกำลังชาร์จนั้นจะเป็นสีแดงขึ้นบนตัวเคสและตัวหูฟังครับว่าข้างไหนชาร์จ และเมื่อไฟเต็มแล้วนั้นจะไม่มีไฟสถานะขึ้นมา


SPEC

- น้ำหนักหูฟังข้างละ 8.5 กรัม – ตัวเคสสำหรับชาร์จมีน้ำหนัก 77 กรัม
- ไดร์เวอร์ยูนิตทรงโดม ขนาด 6 มม. ใช้คอยล์เสียง CCAW แม่เหล็กนีโอดิเมียม
- ตอบสนองความถี่ 20Hz – 20,000Hz (การสุ่มตัวอย่าง 44.1kHz)
- รองรับ DSEE HX
- ระบบชิพตัดเสียง HD Noise Cancelling Processor QN1e
- มีไมโครโฟนสนทนาภายในตัว ทั้ง 2 ข้าง
- ฟังเพลงได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง (ปิด NC) และ 6 ชั่วโมง เปิด NC
- อยู่ในโหมดสแตนด์บายได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง (ปิด NC) และ 9 ชั่วโมง เปิด NC
- ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ 1.5 ชั่วโมงต่อครั้ง
- มีฟังค์ชั่น Quick Attention เปิดรับเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับ ระบบเสียง SBC, AAC
- ตัวเคสสามารถชาร์จไฟให้หูฟังได้ 3 รอบ ชาร์จไฟเข้า เคสใช้เวลาทั้งหมด 3.5 ชั่วโมง
- มาพร้อมระบบชาร์จไวเพียง 10 นาที ก็ฟังเพลงได้นานถึง 90 นาที
- ใช้งาน USB-C ในการชาร์จไฟเข้าตัวเคส
- ไม่รองรับ Wireless Charging และ ไม่มี IP กันน้ำ


SOFTWARE

ตัวระบบนั้นจะใช้งานของแอพ Headphone Connect ครับ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดได้ทั้งของ iOS และ Android และในตัวการเชื่อมต่อนั้นรองรับการเชื่อมง่ายๆผ่าน NFC-Bluetooth ได้โดยไม่ต้องมีแอพครับ แต่ถ้ามีแอพแล้วนั้นจะช่วยในการปรับตั้งค่า ระบบเสียง ระบบตัดเสียง Adaptive ดูสภานะการใช้งานแบตต่างๆได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงรองรับคำสั่งเสียงสั่งงานผ่าน Google Assistant ได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิมไปอีกครับ หน้าตาก็ใช้งานได้ค่อนข้างง่ายอยู่ครับ


ตัวระบบหน้าตานั้นใช้งานไม่ยากครับ หน้าแรกนั้นจะเป็นการบอกสีและรุ่นของเรารวมถึงสถานะแบตของทั้ง 2 ข้างว่าเท่าไรและเชื่อมต่ออยู่ไหมผ่านระบบ AAC-DSEE HX เป็นต้นและรวมถึงด้านล่างจะเป็นการเปิดปิดโหมด ตัดเสียงตามสภาพแวดล้อม ถัดมาเป็นปรับแต่งเสียง และ เมนูเปลี่ยนเพลงครับ เมื่อเลื่อนลงมาอีกก็จะเป็นการปรับฟังก์ชั่น แต่ละข้างรวมถึง การตั้งค่าเวลาถอดและให้เพลงหยุดเอง และ แตะ มุมขวาบนเป็นตั้งค่าเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ


เมื่อเข้ามาในแต่ละส่วน เช่นภาพแรกจะเป็นการปรับแต่งเสียงว่าแต่ละโหมดนั้นจะให้ตัดเสียงเยอะแค่ไหนเวลามันปรับให้เอง ให้ได้ยินเสียงอะไรบ้าง สามารถลากแถบปรับได้แล้วแต่เราเลยครับ ส่วนปรับมาซ้ายสุดจะเงียบสุดเลยนั้นเอง และสามารถปรับได้ว่าเอาเสียงคนพูดชัดไหม จะให้ปรับ 4 สภาพแวดล้อมหลักๆ นั่งในบ้าน เดิน ออกกำลัง และ โดยสารบนรถครับ ส่วนต่อไปเป็นการปรับแต่ง EQ เล็กน้อยในการใช้งาน และ สามารถเลือกได้ว่าเชื่อมต่อแบบ เน้นเสียงดี หรือ เน้นสัญญาณ นิ่งครับสามารถเลือกปรับได้ตรง Sound Quality Mode นั้นเองครับจริงๆเน้นเสียงก็ไม่เจอหลุดเท่าไรเลยนะครับถือว่าระบบเสียงนั้นทำออกมาได้ดีเลยแหละ ไปเดินตามห้างก็ไม่เจออาการหลุดหรือสะดุด


ส่วนการตั้งค่าในส่วนอื่นๆนั้นเช่นการปรับว่าข้างซ้ายข้างขวานั้นเมื่อเราแตะจะให้อะไรบ้างสามารถเปลี่ยนได้ 4 แบบ ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียงรบกวน ควบคุมเพลง หยุดเล่นต่างๆ หรือเข้า Google นั้นเอง แต่เสียดายไม่สามารถปรับระดับเสียงได้ครับ ส่วนหูฟังตัวนี้รองรับ Google Assistant และ Siri ได้สบายๆในการใช้งานรวมถึงสามารถอ่านข้อความการแจ้งเตือนให้เราฟังได้ เมื่อเราแตะหูฟัง 2 ครั้งเวลามีข้อความแจ้งเตือนมาก็จะอ่านให้เลย

ชื่อสินค้า:   SONY WF-1000XM3
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่