SONY ในเรื่องของหูฟัง TWS ต้องบอกว่าค่ายนี้มีความโดดเด่นมากๆในการเปิดตัวและพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องและเรื่องของระบบตัดเสียงค่ายนี้ถือว่าที่สุดค่ายนึงเลยก็ว่าได้ครับ รวมถึงในตระกูล WF-1000X3 ก่อนหน้านี้ก็ถือว่า ได้รับความนิยมอย่างมากและหลาย ๆ คนชื่นชมกันทั้งในเรื่องของเสียง การตัดเสียงที่ขึ้นชื่ออย่างมากเลยทีเดียวรวมถึงในรุ่น Overear ต่าง ๆ ก็ทำได้ดี จนในปีนี้ SONY WF1000XM4 ก็ได้เปิดตัวในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญดีไซน์ถือว่าแปลกตา แต่ยังคงยกฟีเจอร์มาจัดเต็ม พัฒนาระบบตัดเสียงใหม่ รวมถึง การใช้งานแบบใหม่เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่สาวกหลาย ๆ คนนั้นรอคอยและติดตามกันเยอะ บอกเลยว่าน่าสนใจอย่างมากครับ
SONY WF-1000XM4 มาพร้อมกับ หน่วยประมวผล V1 TWS ตัวแรกในโลกที่รองรับเสียงความละเอียดสูงผ่านตัวแปลงสัญญาณ LDAC รองรับปริมาณข้อมูลสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับเสียง Bluetooth ทั่วไป พร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 6 มม. พร้อม ฟีเจอร์ DSEE Extreme ใช้ AI เพื่อสร้างเสียงที่บีบอัดขึ้นมาใหม่ให้มี “คุณภาพใกล้เคียงกับ Hi-Res” รองรับ 360 Reality Audio WF-1000XM4 ป้องกันน้ำระดับการกันน้ำและเหงื่อด้วยมาตรฐาน IPX4, สามารถใช้งานได้ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ชาร์จสูงสุด 16 ชั่วโมงในกล่องชาร์จ และชาร์จไวเพียง 5 นาที ฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง และตัวเคสก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายเทคโนโลยี Qi อีกทั้ง มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆทั้ง Speak To Chat ฟีเจอร์นี้จะจับว่าเราพูดอยู่กับใครหรือไม่ ถ้าเราพูดออกปุ๊บ เพลงจะหยุดเพื่อให้เราสื่อสารกับบุคคลภายนอก โดยระบบจัดปิดเพลงในเวลา 30 วินาที หลังจากสิ้นสุดเวลาดังกล่าว เพลงจะกลับมาเล่นเองโดยอัตโนมัติ และเรื่องไมค์ใช้งาน Dual Noise Sensor ซึ่งเป็นการทำงานของการออกแบบ Beam-focus microphones ทำงานกับ Bone Conduction sensor ให้เสียงคมชัด และโฟกัสที่เสียงพูดเรา SONY WF-1000XM4 เปิดราคา 8,990 บาท ทั้งสีดำ และ สีเงิน
UNBOX
แกะกล่องต้องบอกว่าเป็นรุ่นทำวัสดุการแกะกล่องออกมาได้ดีมากๆ ทั้งการใช้งานกระดาษรีไซเคิล และในตัวกล่องนั้นไม่มีการใช้งานพลาสติกแม้แต่ชิ้นเดียว ถือว่ารักษ์โลกมาก ๆ และ ตัวกล่องขนาดเล็กลง ออกแบบได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงอุปกรณ์ในกล่องมาพร้อมกับ ตัวหูฟัง , เคส Sony WF-1000XM4 , จุกหูฟัง 2 ขนาด เพิ่มเติม , สายชาร์จ USB-C , คู่มือการใช้งาน เรียกได้ว่าครบพร้อมใช้งาน และ จุกโฟมที่ให้มานั้นคุณภาพดีมากเลยทีเดียว
DESIGN
งานออกแบบนั้นต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เห็น จะเป็นการออกแบบที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเยอะมาก ๆ รวมทั้งตัวเคสหูฟังเองก็ตาม หรือว่าจะเป็นตัวหูฟังมีขนาดเล็กลงชัดเจนครับ และวัสดุนั้นดูทนทานมากขึ้น ปกป้องรอยนิ้วมือต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังคงมีความทนทานต่อเหงื่อต่าง ๆ IPX4 ได้เช่นกัน รวมถึงโทนสียังคงมีความหรูหรา สีทอง-ดำ จะเป็นออกแนวทองอ่อนๆ กำลังสวยและลงตัว ไม่ได้เด่นมากนัก รูปทรงหูฟังนั้นออกแบบใหม่ทั้งหมดในตัวนี้เช่นกัน
ตัวหูฟังเองนั้นรูปทรงยังคงไม่ได้มีก้านอะไรชัดเจนมากนัก แต่ที่ค่อนข้างชอบคือเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ หรือแม้แต่คู่แข่งก็ตาม ค่ายนี้ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องของวัสดุต่าง ๆ นั้นมีความเนียน และ แน่นตามสไตล์ Sony รวมถึงในเรื่องของการสั่งงาน ใช้งานทั้งหลายเช่นกันในตัว WF1000XM4 ที่รองรับการสัมผัสสั่งงาน เมื่อดูหูฟังเราจะเห็นว่าทรงเล็กลงและกระชับมากขึ้น มีท่อไมค์ตัดเสียง รับเสียงต่าง ๆ เข้ามาตำแหน่งใหม่ และ มีจุกโฟสมาแทนแบบเดิม และเซนเซอร์ตรวจจับการใส่ใช้งานยังคงใส่เข้ามา
จะเห็นว่าวัสดุงานออกแบบจุกโฟมของตัวหูฟังนั้นเปลี่ยนแปลงจากตัวแรก การใช้งานจุกโฟมเป็นวัสดุที่หลายๆคนนั้นชอบมากๆเพราะว่าหลายๆคนนั้นอัพไปจุกโฟมกันเพื่อการเก็บเสียง และคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเช่นกัน ครั้งนี้ทาง SONY เลยให้มาเลยนั้นเองพร้อมใช้งาน และให้มา 3 ขนาดต่างๆรองรับการใช้งาน ใส่สบายนุ่ม และไม่อึดอัด สามารถเข้ากับรูหูของแต่ละคนได้ดีขึ้น ดีกว่าจุกยาง ซิลิโคนเยอะมากๆ อย่างแรกคือเบาและใส่สบาย จุดนี้ทำได้ดีเลยทีเดียวครับ
ทางด้านเคสต้องบอกเลยว่าเล็กกว่าเดิมเท่าตัว และพกพาได้ง่ายมากขึ้นอีกทั้งสามารถชาร์จไร้สายได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งวางได้แล้วจากที่รุ่นก่อนนั้นจะเป็นโค้งมนทั้งหมด และไม่สามารถวางตั้งได้ทำให้รุ่นนี้วางตั้งเปิดฝาและชาร์จได้ง่ายสะดวกมากขึ้น พร้อมกับพอร์ต USB-C ในด้านหลัง และ ไม่มีปุ่มกดใดๆทั้งนั้นบนตัวเคสชาร์จตัวนี้ และตัวเคสนั้นรองรับการชาร์จไร้สายได้ด้วย ในการวางแนวตั้งมาตรฐานดีกว่ารุ่นก่อนอันนี้ส่วนตัวชอบมากๆในตัวนี้ครับ
SPEC
- คุณภาพเสียงระดับสูงที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล V1 รุ่นใหม่และรองรับ LDAC codec เสียงการโทรชัดเจน
ไดรเวอร์ ขนาด 6 มม. สูงสุด 32 บิต/96kHz ผ่าน Bluetooth ที่ความเร็วสูงสุด 990kbps
- ใช้ไมโครโฟน และเซนเซอร์ส่งเสียงผ่านกระดูกเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก
- ระบบพิมพ์แชทด้วยเสียงที่ลดระดับเสียงโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในการสนทนา
- กันน้ำ IPX4
- แอป “Sony | Headphones Connect” สำหรับ Android /iOS
- ดีไซน์ออกแบบสำหรับสวมใส่สบายยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เสถียร
- แตะเพื่อควบคุม และระบบตรวจจับการสวมใส่
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง (24 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- เมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน, ใช้งานได้ 13 ชั่วโมงไม่เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน (39 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- การชาร์จ 5 นาทีสามารถใช้งานได้ 60 นาที, รองรับชาร์จไร้สาย Qi
SOFTWARE
ทางด้าน Software เองนั้นต้องบอกว่าทาง Sony เองก็พัฒนามาเรื่อยๆในเรื่องของฟีเจอร์การรองรับ และ การใช้งานที่ดีขึ้น ปรับแต่งอะไรได้หลากหลายเช่นเดิมรวมถึงสามารถใช้งานได้ทั้ง iOS Android ค่ายอื่นๆเช่นกัน ในการใช้งานเองนั้นต้องโหลดตัว Sony Headphone Connect เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเจอกับหน้าตาเรียบๆตามสไตล์ SONY แน่นอนว่าใช้งานได้ค่อนข้างง่าย แม้หน้าตาจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่จะเน้นใช้งานได้สำหรับหลายๆคน รวมถึงคนใช้งานรุ่นก่อนๆก็ปรับตัวไม่เยอะเช่นกัน แต่ถ้าความสวยอาจจะไม่ได้ล้ำอะไรมากนักครับ
3 หน้าหลักจะเป็นการควบคุมแยกกันชัดเจน เรื่องของ สถานะ / ระบบเสียง / ระบบหูฟัง จะแยกควบคุมกันทั้งหมดโดยจะมี สถานะแบตอยู่ด้านบนครับ และ แต่ละโหมดหน้านั้นจะจัดการแตกต่างกันไปแล้วแต่หัวข้อนั้นๆเลยนั้นเอง ถือว่าเป็นหน้าตาที่อาจจะเรียบๆ แต่ใช้งานปรับแต่งได้เยอะและเข้าใจได้ง่ายครับ รวมถึงมีปุ่มปิดหูฟังให้มาด้วยนะ
ในหน้าของ ระบบเสียงจะสามารถปรับ EQ ได้แบบละเอียด รมถึง ปรับ ระบบเสียง 360 องศา และ วิเคราะห์หูของแต่ละคนได้ด้วย รวมถึงสามารถปรับระดับการตัดเสียงว่าเท่าไหนยังไง และ ตัดเสียงลมด้วยหรือไม่ หรือจะเปิด/ปิดระบบ Speak-To-Chat ก็ตั้งค่าได้ครับ รวมถึงการเชื่อมต่อว่าจะเน้น สัญญาณนิ่ง หรือ จะเน้นคุณภาพเสียงก็ปรับได้
ส่วนการจัดการเสียงแบบอัตโนมัติจะคอยตรวจจับว่าเราเดิน หรือ วิ่ง หรือ โดยสารรถต่างๆอยู่ จะทำการปรับให้เองโดยที่ไม่ต้องไปนั้งเปลี่ยนโหมด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับที่เราตั้งค่าได้ 4 สถานะ ว่าจะตัดเสียงแค่ไหนอย่างไรนั้นเองยังคงฉลาดและใช้งานได้จริง และ ฟีเจอร์ Speak-To-Chat จะเปิดเสียงรอบข้างเมื่อเราพูด ฉลาดและทำงานได้ไวมาก บอกเลยว่า เป็นฟีเจอร์ที่ชอบที่สุดแล้ว รวมถึงตั้งค่าได้ว่าจะโฟกัสเสียงพูด และ เป็นระยะเวลาเท่าไรยังไงนั้นเองครับ
ส่วนการควบคุม สัมผัสเองนั้นรองรับการทำงานได้หลากหลายคำสั่ง แบบสัมผัสทั้งหมด แตะ หรือ แตะค้าง ของแต่ละข้าง สั่งงานยังไงบ้าง รองรับคำสั่งเสียงได้ด้วย รวมถึงตั้งค่าแยกซ้ายขวา ถือว่าอิสระมากๆ และรองรับการตั้งค่า ว่าเมื่อถอดจะเงียบ และจะปิดภายในเวลากี่วินาทีอะไรทั้งหมดได้เลย ถือว่ายังคงโดดเด่นในเรื่องของระบบสั่งงานที่หลากหลาย
[SR] รีวิว SONY WF-1000XM4 หูฟัง TWS ANC ตัวเทพ ตัดเสียงโหดกว่าเดิม คุณภาพแน่น !
SONY ในเรื่องของหูฟัง TWS ต้องบอกว่าค่ายนี้มีความโดดเด่นมากๆในการเปิดตัวและพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องและเรื่องของระบบตัดเสียงค่ายนี้ถือว่าที่สุดค่ายนึงเลยก็ว่าได้ครับ รวมถึงในตระกูล WF-1000X3 ก่อนหน้านี้ก็ถือว่า ได้รับความนิยมอย่างมากและหลาย ๆ คนชื่นชมกันทั้งในเรื่องของเสียง การตัดเสียงที่ขึ้นชื่ออย่างมากเลยทีเดียวรวมถึงในรุ่น Overear ต่าง ๆ ก็ทำได้ดี จนในปีนี้ SONY WF1000XM4 ก็ได้เปิดตัวในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญดีไซน์ถือว่าแปลกตา แต่ยังคงยกฟีเจอร์มาจัดเต็ม พัฒนาระบบตัดเสียงใหม่ รวมถึง การใช้งานแบบใหม่เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ บอกเลยว่าเป็นรุ่นที่สาวกหลาย ๆ คนนั้นรอคอยและติดตามกันเยอะ บอกเลยว่าน่าสนใจอย่างมากครับ
SONY WF-1000XM4 มาพร้อมกับ หน่วยประมวผล V1 TWS ตัวแรกในโลกที่รองรับเสียงความละเอียดสูงผ่านตัวแปลงสัญญาณ LDAC รองรับปริมาณข้อมูลสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับเสียง Bluetooth ทั่วไป พร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 6 มม. พร้อม ฟีเจอร์ DSEE Extreme ใช้ AI เพื่อสร้างเสียงที่บีบอัดขึ้นมาใหม่ให้มี “คุณภาพใกล้เคียงกับ Hi-Res” รองรับ 360 Reality Audio WF-1000XM4 ป้องกันน้ำระดับการกันน้ำและเหงื่อด้วยมาตรฐาน IPX4, สามารถใช้งานได้ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ชาร์จสูงสุด 16 ชั่วโมงในกล่องชาร์จ และชาร์จไวเพียง 5 นาที ฟังเพลงได้ต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง และตัวเคสก็รองรับการชาร์จแบบไร้สายเทคโนโลยี Qi อีกทั้ง มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆทั้ง Speak To Chat ฟีเจอร์นี้จะจับว่าเราพูดอยู่กับใครหรือไม่ ถ้าเราพูดออกปุ๊บ เพลงจะหยุดเพื่อให้เราสื่อสารกับบุคคลภายนอก โดยระบบจัดปิดเพลงในเวลา 30 วินาที หลังจากสิ้นสุดเวลาดังกล่าว เพลงจะกลับมาเล่นเองโดยอัตโนมัติ และเรื่องไมค์ใช้งาน Dual Noise Sensor ซึ่งเป็นการทำงานของการออกแบบ Beam-focus microphones ทำงานกับ Bone Conduction sensor ให้เสียงคมชัด และโฟกัสที่เสียงพูดเรา SONY WF-1000XM4 เปิดราคา 8,990 บาท ทั้งสีดำ และ สีเงิน
UNBOX
แกะกล่องต้องบอกว่าเป็นรุ่นทำวัสดุการแกะกล่องออกมาได้ดีมากๆ ทั้งการใช้งานกระดาษรีไซเคิล และในตัวกล่องนั้นไม่มีการใช้งานพลาสติกแม้แต่ชิ้นเดียว ถือว่ารักษ์โลกมาก ๆ และ ตัวกล่องขนาดเล็กลง ออกแบบได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงอุปกรณ์ในกล่องมาพร้อมกับ ตัวหูฟัง , เคส Sony WF-1000XM4 , จุกหูฟัง 2 ขนาด เพิ่มเติม , สายชาร์จ USB-C , คู่มือการใช้งาน เรียกได้ว่าครบพร้อมใช้งาน และ จุกโฟมที่ให้มานั้นคุณภาพดีมากเลยทีเดียว
DESIGN
งานออกแบบนั้นต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เห็น จะเป็นการออกแบบที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเยอะมาก ๆ รวมทั้งตัวเคสหูฟังเองก็ตาม หรือว่าจะเป็นตัวหูฟังมีขนาดเล็กลงชัดเจนครับ และวัสดุนั้นดูทนทานมากขึ้น ปกป้องรอยนิ้วมือต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังคงมีความทนทานต่อเหงื่อต่าง ๆ IPX4 ได้เช่นกัน รวมถึงโทนสียังคงมีความหรูหรา สีทอง-ดำ จะเป็นออกแนวทองอ่อนๆ กำลังสวยและลงตัว ไม่ได้เด่นมากนัก รูปทรงหูฟังนั้นออกแบบใหม่ทั้งหมดในตัวนี้เช่นกัน
ตัวหูฟังเองนั้นรูปทรงยังคงไม่ได้มีก้านอะไรชัดเจนมากนัก แต่ที่ค่อนข้างชอบคือเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นกว่าตัวอื่น ๆ หรือแม้แต่คู่แข่งก็ตาม ค่ายนี้ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องของวัสดุต่าง ๆ นั้นมีความเนียน และ แน่นตามสไตล์ Sony รวมถึงในเรื่องของการสั่งงาน ใช้งานทั้งหลายเช่นกันในตัว WF1000XM4 ที่รองรับการสัมผัสสั่งงาน เมื่อดูหูฟังเราจะเห็นว่าทรงเล็กลงและกระชับมากขึ้น มีท่อไมค์ตัดเสียง รับเสียงต่าง ๆ เข้ามาตำแหน่งใหม่ และ มีจุกโฟสมาแทนแบบเดิม และเซนเซอร์ตรวจจับการใส่ใช้งานยังคงใส่เข้ามา
จะเห็นว่าวัสดุงานออกแบบจุกโฟมของตัวหูฟังนั้นเปลี่ยนแปลงจากตัวแรก การใช้งานจุกโฟมเป็นวัสดุที่หลายๆคนนั้นชอบมากๆเพราะว่าหลายๆคนนั้นอัพไปจุกโฟมกันเพื่อการเก็บเสียง และคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเช่นกัน ครั้งนี้ทาง SONY เลยให้มาเลยนั้นเองพร้อมใช้งาน และให้มา 3 ขนาดต่างๆรองรับการใช้งาน ใส่สบายนุ่ม และไม่อึดอัด สามารถเข้ากับรูหูของแต่ละคนได้ดีขึ้น ดีกว่าจุกยาง ซิลิโคนเยอะมากๆ อย่างแรกคือเบาและใส่สบาย จุดนี้ทำได้ดีเลยทีเดียวครับ
ทางด้านเคสต้องบอกเลยว่าเล็กกว่าเดิมเท่าตัว และพกพาได้ง่ายมากขึ้นอีกทั้งสามารถชาร์จไร้สายได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งวางได้แล้วจากที่รุ่นก่อนนั้นจะเป็นโค้งมนทั้งหมด และไม่สามารถวางตั้งได้ทำให้รุ่นนี้วางตั้งเปิดฝาและชาร์จได้ง่ายสะดวกมากขึ้น พร้อมกับพอร์ต USB-C ในด้านหลัง และ ไม่มีปุ่มกดใดๆทั้งนั้นบนตัวเคสชาร์จตัวนี้ และตัวเคสนั้นรองรับการชาร์จไร้สายได้ด้วย ในการวางแนวตั้งมาตรฐานดีกว่ารุ่นก่อนอันนี้ส่วนตัวชอบมากๆในตัวนี้ครับ
SPEC
- คุณภาพเสียงระดับสูงที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล V1 รุ่นใหม่และรองรับ LDAC codec เสียงการโทรชัดเจน
ไดรเวอร์ ขนาด 6 มม. สูงสุด 32 บิต/96kHz ผ่าน Bluetooth ที่ความเร็วสูงสุด 990kbps
- ใช้ไมโครโฟน และเซนเซอร์ส่งเสียงผ่านกระดูกเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก
- ระบบพิมพ์แชทด้วยเสียงที่ลดระดับเสียงโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในการสนทนา
- กันน้ำ IPX4
- แอป “Sony | Headphones Connect” สำหรับ Android /iOS
- ดีไซน์ออกแบบสำหรับสวมใส่สบายยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เสถียร
- แตะเพื่อควบคุม และระบบตรวจจับการสวมใส่
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 8 ชั่วโมง (24 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- เมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน, ใช้งานได้ 13 ชั่วโมงไม่เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน (39 ชั่วโมงเมื่อรวมเคส)
- การชาร์จ 5 นาทีสามารถใช้งานได้ 60 นาที, รองรับชาร์จไร้สาย Qi
SOFTWARE
ทางด้าน Software เองนั้นต้องบอกว่าทาง Sony เองก็พัฒนามาเรื่อยๆในเรื่องของฟีเจอร์การรองรับ และ การใช้งานที่ดีขึ้น ปรับแต่งอะไรได้หลากหลายเช่นเดิมรวมถึงสามารถใช้งานได้ทั้ง iOS Android ค่ายอื่นๆเช่นกัน ในการใช้งานเองนั้นต้องโหลดตัว Sony Headphone Connect เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก็จะเจอกับหน้าตาเรียบๆตามสไตล์ SONY แน่นอนว่าใช้งานได้ค่อนข้างง่าย แม้หน้าตาจะไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่จะเน้นใช้งานได้สำหรับหลายๆคน รวมถึงคนใช้งานรุ่นก่อนๆก็ปรับตัวไม่เยอะเช่นกัน แต่ถ้าความสวยอาจจะไม่ได้ล้ำอะไรมากนักครับ
3 หน้าหลักจะเป็นการควบคุมแยกกันชัดเจน เรื่องของ สถานะ / ระบบเสียง / ระบบหูฟัง จะแยกควบคุมกันทั้งหมดโดยจะมี สถานะแบตอยู่ด้านบนครับ และ แต่ละโหมดหน้านั้นจะจัดการแตกต่างกันไปแล้วแต่หัวข้อนั้นๆเลยนั้นเอง ถือว่าเป็นหน้าตาที่อาจจะเรียบๆ แต่ใช้งานปรับแต่งได้เยอะและเข้าใจได้ง่ายครับ รวมถึงมีปุ่มปิดหูฟังให้มาด้วยนะ
ในหน้าของ ระบบเสียงจะสามารถปรับ EQ ได้แบบละเอียด รมถึง ปรับ ระบบเสียง 360 องศา และ วิเคราะห์หูของแต่ละคนได้ด้วย รวมถึงสามารถปรับระดับการตัดเสียงว่าเท่าไหนยังไง และ ตัดเสียงลมด้วยหรือไม่ หรือจะเปิด/ปิดระบบ Speak-To-Chat ก็ตั้งค่าได้ครับ รวมถึงการเชื่อมต่อว่าจะเน้น สัญญาณนิ่ง หรือ จะเน้นคุณภาพเสียงก็ปรับได้
ส่วนการจัดการเสียงแบบอัตโนมัติจะคอยตรวจจับว่าเราเดิน หรือ วิ่ง หรือ โดยสารรถต่างๆอยู่ จะทำการปรับให้เองโดยที่ไม่ต้องไปนั้งเปลี่ยนโหมด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับที่เราตั้งค่าได้ 4 สถานะ ว่าจะตัดเสียงแค่ไหนอย่างไรนั้นเองยังคงฉลาดและใช้งานได้จริง และ ฟีเจอร์ Speak-To-Chat จะเปิดเสียงรอบข้างเมื่อเราพูด ฉลาดและทำงานได้ไวมาก บอกเลยว่า เป็นฟีเจอร์ที่ชอบที่สุดแล้ว รวมถึงตั้งค่าได้ว่าจะโฟกัสเสียงพูด และ เป็นระยะเวลาเท่าไรยังไงนั้นเองครับ
ส่วนการควบคุม สัมผัสเองนั้นรองรับการทำงานได้หลากหลายคำสั่ง แบบสัมผัสทั้งหมด แตะ หรือ แตะค้าง ของแต่ละข้าง สั่งงานยังไงบ้าง รองรับคำสั่งเสียงได้ด้วย รวมถึงตั้งค่าแยกซ้ายขวา ถือว่าอิสระมากๆ และรองรับการตั้งค่า ว่าเมื่อถอดจะเงียบ และจะปิดภายในเวลากี่วินาทีอะไรทั้งหมดได้เลย ถือว่ายังคงโดดเด่นในเรื่องของระบบสั่งงานที่หลากหลาย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้